วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ผู้ต้องขังเผาศาลากลางมหาสารคามเสียชีวิต! ติดเชื้อในกระแสเลือด เดือนหน้าได้ออกคุก


24 พ.ย. 2558 รายงานข่าวจากพื้นที่จังหวัดมหาสารคามแจ้งว่า นาย อุทัย คงหา หนึ่งในผู้ต้องหาคดีเผาศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม เมื่อ 19 พ.ค.2553 เสียชีวิตขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม ผู้สื่อข่าวสอบถามจากเจ้าหน้าที่เรือนจำในช่วงเย็นวันนี้ได้รับการยืนยันว่านายอุทัยเสียชีวิตแล้วจริงและญาติได้รับศพไปบำเพ็ญกุศลแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุสาเหตุที่แน่ชัด
วิจิตร ดวงพรม ภรรยาของอุทัยผู้ต้องขังที่เสียชีวิตกล่าวว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าอุทัยเกิดอาการช็อคในเรือนจำ โดยก่อนหน้านี้ไม่นานมีอาการความดันต่ำ เหนื่อย หายใจไม่ทั่วท้อง เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวมารักษาที่รพ.มหาสารคาตั้งแต่เย็นวันที่ 23 พ.ย. และได้เรียกตนเองมาดูอาการเมื่อ 22.00 น.ในคืนนั้น ต่อมาแพทย์ผู้ทำการรักษาได้แจ้งกับตนเองว่าอุทัยมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ในคืนนั้นเขามีอาการดิ้นทุรนทุรายต้องมัดตัวไว้กับเตียง จนกระทั่งเช้าจึงอยู่ในสภาพไม่ได้สติ ร่างกายไม่ตอบสนอง จนกระทั่งเวลาประมาณเที่ยงของวันนี้ (24 พ.ย.) แพทย์จึงยุติการยื้อชีวิตโดยการเห็นชอบของญาติและภรรยา
ทั้งนี้ อุทัยอายุ 40 ปี เป็น 1 ใน 9   ผู้ต้องหาคดีเตรียมการเผาศาลากลางจังหวัด (ที่ว่าการอำเภอเมือง) มหาสารคาม ในเหตุการณ์วันที่ 19 พ.ย.2553 ซึ่งตัวอาคารของทางจังหวัดไม่ได้ถูกเผาแต่อย่างใด ปรากฏเพียงการเผายาง ตู้โทรศัพท์และต้นมะขาม 1 ต้น  เขาถูกจับกุมหลังเหตุการณ์ไม่นานและถูกจำคุกเรื่อยมาจนศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 5 ปี 8 เดือน จากนั้นในเดือนกรกฎาคม 2555 เขาได้รับการประกันตัวโดยความช่วยเหลือของกรมคุ้มครองสิทธิฯ ก่อนที่จะติดคุกอีกครั้งเมื่อศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก 5 ปี 8 เดือน เมื่อเดือนกันยายน 2557
ภรรยาของอุทัย กล่าวอีกว่า ประมาณต้นเดือนธันวาคม 2558 นี้ อุทัยก็ได้รับการพักโทษทำให้ได้รับอิสรภาพออกมาอยู่กับครอบครัว ทั้งนี้ ครอบครัวนี้มีลูก 3 คน ลูกสาวคนโตเรียนชั้น ม.6   ลูกชายคนกลางเรียนชั้น ป.6 และลูกสาวคนเล็กเรียนชั้น ป.4 ที่ผ่านมาอุทัยเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำอาชีพรับจ้างฆ่าและชำแหละหมูให้กับเขียงหมูในตลาดจังหวัดมหาสารคาม โดยระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอัยเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ไม่เคยมีโรคประจำตัวใดๆ  การสูญเสียอุทัยทำให้เธอต้องรับภาระเลี้ยงดูครอบครัวเพียงลำพัง และความหวังที่จะได้อยู่ร่วมกันในเดือนหน้าก็พังทลาย
ผู้ใกล้ชิดกับครอบครัวของอุทัยแจ้งว่า ครอบครัวนี้มีฐานะทางเศรษฐกิจค่อนข้างลำบาก ผู้สนใจสามารถบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่บัญชีของลูกสาวคนโต้ ชื่อ ปาริฉัตร คงหา (ลูกสาว) ธนาคารกรุงเทพ สาขามหาสารคาม เลขที่บัญชี 298 504 0688
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรณีการเสียชีวิตระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำของผู้ต้องขังจากกรณีเหตุการณ์ ปี 2553 นั้น อุทัยนับเป็นรายที่สอง ส่วนรายแรกคือ วันชัย รักสงวนศิลป์ ชาวอุดรธานีเสียชีวิตในเรือนจำพิเศษหลักสี่ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2555

ตำรวจขอหมายจับคดี ม.112 อีกไม่ต่ำ 4 คน


'ศรีวราห์' ระบุตำรวจขอศาลทหารและศาลอาญาออกหมายจับทั้งทหาร,ตำรวจ และพลเรือน ร่วมกันหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอีกไม่ต่ำกว่า 4 คน แต่ไม่ถึง 10 คน กระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ
 
25 พ.ย. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่า พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ พนักงานสอบสวนได้ขอศาลอาญารัชดาฯ และศาลทหารกรุงเทพ ออกหมายจับ พ.ต.ท.ไพโรจน์ โรจนขจร อดีต ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม, พ.ต.ต.ธรรมวัฒน์ หิรัญเลขา อดีตรองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม และนายตำรวจที่มียศสูงกว่าพันตำรวจเอก รวมถึงข้าราชการทหารและพลเรือนไม่ต่ำกว่า 4 คน แต่ไม่ถึง 10 คน กระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีพยานเอกสาร วัตถุพยาน และพยานบุคคล จึงมั่นใจว่า ศาลจะอนุมัติหมายจับตามคำร้องของพนักงานสอบสวน โดยสั่งเจ้าหน้าที่ตามประกบและติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ที่ถูกเสนอศาลออกหมายจับแล้ว นอกจากนี้ เมื่อวานที่ผ่านมา (24 พ.ย.) ศาลทหารได้ออกหมายจับนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขาหมอหยอง ในความผิดฐษน หมิ่นสถาบันเบื้องสูงอีก 1 หมายจึงเป็นสำนวนที่ 17 ส่วนจะมีนายตำรวจยศพลตำรวจเอกที่ลาออกไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ขอพิจารณาพยานหลักฐานอีกครั้ง
 
พลตำรวจเอกศรีวราห์ กล่าวต่อว่า พยานหลักฐานในขณะนี้ยังไม่ถึงนายตำรวจยศพลตำรวจโทที่ถูกย้ายไปช่วยราชการที่ ศปก.ตร.(ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) รวมถึงพลตำรวจตรีอัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. (ผู้บังคับการปราบปราม) ก็ยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงถึง สำหรับ สำนวนคดี 112 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน 7สำนวน และอาจเสนอศาลออกหมายจับเพิ่มเติมได้อีก ยืนยันว่า ไม่มีการวิ่งเต้นให้ช่วยเหลือคดีจากเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ มีแต่คำสั่งให้สืบสวนสอบสวนให้สิ้นสุดขบวนการ กรณีมีผู้กล่าวโทษทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามนั้น เป็นเพียงการกล่าวโทษตามหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งต้องสอบสวนหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ๆ ว่าได้ข่าวมาอย่างไรหากไม่มีมูล จะถือว่าจะยุติการสอบสวน
 
คุม 'อาร์ท จิรวงศ์' เลขาหมอหยอง ฝากขังผัด 4
 
สำนักข่าวไทยยังรายงานว่าศาลทหารกรุงเทพ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ตำรวจ และทหาร คุมตัวนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาร์ท คนสนิทของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง หมอดูชื่อดัง จากเรือนจำชั่วคราว มณฑลทหารบกที่ 11 มายังศาลทหารกรุงเทพ เพื่อขออำนาจศาลทหารฝากขังผัดที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน-7 ธันวาคม 58 นายจิรวงศ์ถูกแจ้งข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แอบอ้างมีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง และเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชน รวม 13 คดี  โดยถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา

ศาลทหารอนุมัติหมายจับคนสนิท พล.อ.อุดมเดช ผิด ม.112 แล้ว



25 พ.ย. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่าศาลทหารกรุงเทพอนุมัติตามคำร้องของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามออกหมายจับอดีตนายทหารและตำรวจในข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ประกอบด้วย 
 
  • 1.พล.ต.สุชาติ พรมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกและอดีตผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ คนสนิทพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีตผู้บัญชาการทหารบก ตามหมายจับเลขที่ 46/2558 และหมายจับ 47/2558
  • 2.พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร อดีตผู้กำกับ 2 กองบังคับการป้องกันและปราบปราม (บก.ป.) หมายจับเลขที่ 48/2558 3.พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา รองผู้กำกับ 2 กองบังคับการป้องกันและปราบปราม หมายจับเลขที่ 49/2558

ตำรวจยืนยันขอศาลออกหมายจับกลุ่มคนเตรียมป่วนงานปั่นเพื่อพ่อ จ.ขอนแก่น แล้ว


รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันยันเสนอศาลทหารออกหมายจับกลุ่มเตรียมก่อความวุ่นวายงานปั่นเพื่อพ่อในจังหวัดขอนแก่นแล้ว ด้าน 'ประวิตร' ระบุจะโยงกับขอนแก่นโมเดลหรือไม่ ต้องรอให้ตรวจสอบก่อน
 
25 พ.ย. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่า หลังจากเมื่อวานนี้ (24 พ.ย.) เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฏหมาย ของคสช.พันเอก บุรินทร์ ทองประไพ เข้าพบพลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเสนอให้ขออนุมัติหมายจับ 3 ผู้ต้องหาซึ่งมีพฤติกรรมจะสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายในงาน bike for dad ในจังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วย อดีตตำรวจยศจ่า สังกัด ตชด. และ พลเรือนอีกสองรายนั้น
 
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ยืนยันพนักงานสอบสวนได้ขอศาลทหารออกหมายจับ บุคคลที่เตรียมก่อเหตุความวุ่นวายงาน blike for dad ที่จังหวัดขอนแก่นจริง แม้ขณะนี้สำนวนการสอบสวนยังส่งมาไม่ถึงตน แต่เบื้องต้นเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวมีข้อมูลจริง จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานที่ต่างๆเป็นพิเศษ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดรวมถึงบุคคลสำคัญ พื้นที่เชิงสัญลักษณ์ต่างๆและสืบสวนหาข่าว ความเคลื่อนไหว ส่วนจะมีการออกหมายจับบุคคลใดจำนวนกี่คนนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้
 
รวบอดีต ตชด.เตรียมป่วนกรุง พบแผนประทุษร้าย 2 บุคคลสำคัญทางการเมือง
 
ด้าน ASTV ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เปิดเผยถึง กรณีพบความเคลื่อนไหวของมวลชนในพื้นที่ภาคอีสาน เตรียมจะสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงเทศกาล ทั้งงานลอยกระทงกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อและเทศกาลปีใหม่ว่า ขณะนี้ตำรวจออกหมายจับไปหลายคนแล้ว ส่วนจะโยงกับขอนแก่นโมเดลหรือไม่ ต้องรอให้ตรวจสอบก่อน แต่มีเขียนข้อความด้วยลายมือและมีการส่งข้อความผ่านไลน์ด้วย
       
ส่วนจะมีแผนจะมาสร้างสถานการณ์ที่ กทม.ด้วยหรือไม่นะเน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ใช่สิ” เมื่อถามว่ากลุ่มสร้างสถานการณ์เป็นกลุ่มการเมืองหรือกลุ่มไหน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็บอกว่าให้ช่วยหาข่าว เขากำลังทำกันอยู่ ใจเย็นๆผมทำได้อยู่แล้ว”
       
ทั้งนี้มีรายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ทหารได้เข้าควบคุมตัว อดีต ตชด.คนหนึ่งและพลเรือนอีก 2 คน นำตัวมาซักถามที่ค่ายทหารในกรุงเทพฯ พร้อมพยานหลักฐาน เช่นการสนทนาทางไลน์และสมุดบันทึก อดีต ตชด.ยอมรับว่า เตรียมการสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนในหลายพื้นที่ และเตรียมประทุษร้ายบุคคลสำคัญทางการเมือง 2 คน ทหารจึงส่งข้อมูลและพยานหลักฐานให้ตำรวจสอบสวนขยายผลต่อไป
       
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนนั้น คสช.ได้มอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ คสช. เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามให้ดำเนินคดี ในความผิดร้ายแรงในคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
       
ด้านพนักงานสอบสวน กองบังคับการกองปราบปราม ได้ยื่นคำร้องต่อศาลทหารกรุงเทพแล้วเมื่อวันที่ 24 พ.ย. เพื่อขอออกหมายจับ จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ, นายพิษณุ พรหมสร และนายณัฐพล ณวรรณ์เล โดยพบว่า จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อายุ 60 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ จ.ขอนแก่น ส่วนอีก 2 รายนั้นเป็นชายอายุ 58 ปี 1 คน มีภูมิลำเนาอยู่ จ.เชียงใหม่ และเป็นชายอายุ 26 ปี 1 คน มีภูมิลำเนาอยู่ จ.ขอนแก่น ในข้อหาตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์ โดยในวันที่ 26 พ.ย.จะมีการรับมอบตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนจากทางทหาร ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะมีการแถลงข่าวรายละเอียดในคดีที่เกิดขึ้น