98 ศพ ..คำให้การเลอะเทอะ
โดย...สอาด จันทร์ดี
ไม่อยากเขียนก็ต้องเขียน
ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องวิจารณ์
ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด... ปิดไม่มิดดอกครับ
เรื่องนี้.. ช่างไม่น่าเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐทำการสลายการชุมนุม ทำให้มีคนตายเกือบร้อย บาดเจ็บอีกสองพันกว่า (98 ศพ บาดเจ็บ 2000 กว่า) ยังไม่รวมคนที่สูญเสียทรัพย์สินเงินทอง ของมีค่า เช่นรถยนต์ ของติดกาย อีกมากมาย ที่สูญหายไปในระหว่างถูกปราบปรามอย่างร้ายแรงคราวนั้น ยังกล้าที่จะให้การ “อัน เลอะเทอะ” ดูไม่จืดเลยครับ...พระคุณท่าน
นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะกล้าเอาความเท็จมาให้การหน้าเฉยตาเฉย
ก่อนจะเขียนให้อ่านต่อไป ขอย้อนดูคดีที่เกิดกับผู้ปกครองประเทศ ในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี นายสุเทพเทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ได้ทำให้ประชาชนล้มตายจำนวนมาก ต่อมาคนเสื้อแดงรวมตัวกันกล่าวหาว่าทั้งสองผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาลชุดก่อน เป็นผู้ออกคำสั่งให้ทหารเข้ามาสลายการชุมนุม เป็นเหตุทำให้ประชาชนคนเสื้อแดงล้มตายเกือบร้อย บาดเจ็บอีกมากมาย แถมมีคดีติดตัวในข้อหา ก่อการร้ายอีกด้วย
ประเทศไทยมันช่างโหดร้ายเหลือหลาย ?
เมื่อการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ผ่านไป พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งใหญ่ ส่งผลให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ในขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้กลายเป็นพรรคฝ่ายค้าน
คนเสื้อแดงที่สูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน พิการ (ทั้งหมด) จึงพากันเรียกร้องให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขอให้ดำเนินคดีกับ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” และคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับความตายของประชาชน 10 เมษายน - 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งมีทั้งนักข่าวต่างชาติ พยาบาลอาสาสมัคร ดังที่ทราบดีอยู่แล้ว แต่ทว่าจนแล้วจนรอด ก็ไม่ง่ายที่จะเอาตัวฆาตกรขึ้นศาลได้
ทำได้เพียงการไต่สวนและสอบถามหาความจริงเท่านั้น
ช่างไม่น่าเชื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวว่า เขาเป็นผู้รับผิดชอบออกคำสั่งแต่ผู้เดียว คนอื่นไม่เกี่ยว อันเป็นการ “ป้องกัน” ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ให้มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ไม่ว่ากรณีใด ๆ คำให้การของสุเทพ เทือกสุบรรณ อันแสดงออกถึงความเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกที่ว่าขอรับผิดแทนคนอื่นได้ทั้งหมดอย่างนี้ มันแสนจะเลอะเทอะ น่าสยดสยอง อันแสดงให้เห็นถึงความเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ ซ่อนอยู่ในหัวใจ ที่ไม่มีใครมองเห็น ... เขาไม่ได้รู้สึกสงสารคนที่ถูกฆ่าตายเลยแม้แต่น้อย
เขากลับให้ความเห็นใจสหายรักอดีตนายกรัฐมนตรีมากกว่า
ประการต่อมาคำให้การของบุคคลทั้งสอง ยังคงยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า “คนเสื้อแดงฆ่ากันเอง" แล้วกล่าวหาเลยไปถึง “ชายชุดดำ” ที่ไม่มีตัวคนว่าเป็นคนยิงประชาชน
พันเอกไก่อู กล่าวชี้ชัดด้วยการกล่าวถึง “ชายคนหนึ่ง” ว่าเป็นชายชุดดำตัวจริง ซึ่งผู้ชายคนนั้นมีอาชีพเก็บขยะขาย ที่ไม่สามารถทนดูความไม่เป็นธรรมต่อไปได้ จึงหยุดเก็บขยะ ออกไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง ไปเจอทหารประมาณ 30 คนตกอยู่ในวงล้อมของคนเสื้อแดงที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จึงเข้าไปปลดอาวุธจากทหาร แล้วแบกปืนหลายกระบอกเอาไปมอบให้เวทีใหญ่ สะพานผ่านฟ้า ถนนราชดำเนิน
ในขณะนั้น ตนแต่งตัวชุดดำ (ที่ถูกยัดเยียด) กำลังแบกปืน (ปืนของทหาร) บุกขึ้นไปบนเวที แล้วมอบปืนให้แกนนำทันทีทันใด ไม่ได้เอาไปไล่ยิงใคร ตนเองยิงปืนไม่เป็นอีกด้วย
ไอ้บ้า...สุดท้ายถูกจับข้อหาก่อการร้าย ติดคุกตั้งหลายเดือน
พรรคเพื่อไทยเอาเงิน 600,000.00 บาท ไปประกันตัวเออกมา
พันเอกไก่อู บอกกับสังคมอย่างเชื่อมั่นว่า คนเสื้อแดงตายเพราะฝีมือของชายชุดดำ คนชุดดำที่ว่าได้แก่คนเก็บขยะดังกล่าว ที่ถูกหยิบเอามาใช้เป็นหลักฐานแบบแซงโค้ง แต่ผลของการแซงโค้งดังกล่าวนี้ ชาวบ้านถึงกับอึ้งไปเลย
ยังมีนายทหารใหญ่ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ออกมาพูดแหกโค้งอีกคน โดยการกล่าวว่าปืนที่คนเสื้อแดงสงสัยว่าทหารจะเอามายิงประชาชนนั้น ไม่มีดอกครับ มีแต่ “ปืนยิงนก” เท่านั้น
ท่านครับ...ทั้งหลายทั้งปวง ดังที่กล่าวมา ผมอยากแสดงความรู้สึกให้เข้าใจเอาไว้ว่า เห็นท่าจะไม่ได้การเสียแล้ว เพราะว่าคำให้การ “อันเลอะเทอะ” เหล่านี้ อาจจะทำให้คนพวกนั้นไม่ต้องรับผิดด้วยประการทั้งปวง ..ทั้งนี้เนื่องจากดูเหมือนจะมีคนเชื่อ ตามคำให้การประเภทนั้น
ผมอยาก “คอมเมนต์” เอาไว้ให้คนไทยได้ไตร่ตรองว่า บ้านเมืองในยุคนี้ ยังไม่สามารถเอาความจริงมาพูดได้ง่ายๆ ดังจะเห็นได้จากการเอาตัว “สุเทพ อภิสิทธิ์” มาสอบสวน มันเสนยาก
ถึงจะควานหาตัวจริง เอามาสอบสวนได้แล้วก็ตาม
แต่คำให้การ เต็มโปด้วยคำพูด โป้ปดมดเท็จ ตอแหล คล้ายกับว่าเป็นเรื่องสามัญธรรมดา
ไม่ได้มีอาการสะทกสะท้าน...ไม่หวั่นไหวแต่ประการใดทั้งสิ้น
คำให้การแสนจะเลอะเทอะ...ไม่ได้ตั้งอยู่บนเหตุและผลใดๆเลย
ในเวลาเดียวกัน สื่อกระแสหลักก็พากันเสนอข่าวคำให้การอันเลอะเลอะของคนเหล่านั้นด้วยมิตรภาพที่แสนดี ทำราวกับว่า คำให้การอันเลอะเทะทั้งหมด เป็นเรื่องจริงซะอย่างนั้น
พ่อแม่พี่น้องคนเสื้อแดงขอรับ...หนังสือพิมพ์ พีเพิ่ล แชนเนิ่ล ออน ไลน์ อยากนำเสนอความเห็นเอาไว้ว่า “โปรดอย่าชะล่าใจเป็นอันขาด” อยากให้ท่านทั้งหลายจับจ้องและตามดูอย่างกระชั้นชิดว่าพวกเขาจะใช้ความเลอะเลอะอย่างเป็นกระบวน แล้วจะพลิกกระบวนท่าในวินาทีสุดท้าย หรือไม่
มีคำถามว่า เหตุไร ผมจึงหวั่นไหววิตกกังวลว่าจะเกิดการ “พลิก” กระบวนท่า ?
เหตุที่ต้องวิตกก็เพราะว่าประเทศไทยภายใต้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ชนะขาดในการเลือกตั้ง “เต็มร้อย” (100 %) แต่ในการบริหารประเทศชาติในยามนี้
พรรคเพื่อไทยบริหารได้เพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
อีก 80 เปอร์เซ็นต์ ยังคงถูกพรรคประชาธิปัตย์และพวกพันธมิตร ราวีไม่หยุดหย่อน เห็นไหม...พวกนั้น พากัน เตะตัดขารัฐบาล แถมไล่ล่าหาเรื่องไม่หยุดหย่อน ดังจะเห็นได้จากการแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่อาจก้าวหน้าได้ แถมจะเสนอกฎหมายปรองดอง ก็ไม่ยอมให้ปรองดอง
ศาลอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทยกลายเป็นฝ่ายมีอำนาจบริหารรัฐบาลอีกทอดหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งประชาชนคงจะทราบดีว่า ศาลไทยเป็นฝ่ายไหน ?
ศาลไทยนี้เองที่เรียกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทเพ เทือกสุบรรณ พันเอกไก่อูไปสอบปากคำ ในทำนองเป็นการสอบถามเบื้องต้น (เท่านั้น) ยังไม่เป็นคดีอะไรเลยครับ
พวกนั้น พากันให้การไปส่งเดช เอาความเท็จมาพูดบนความเลอะเทอะเปรอะเปื้อน
โดยไม่มีใคร (ในประเทศไทย) จะทักท้วงว่าให้การแบบคนบ้าหรือเปล่า ?
หลังจากนั้นก็ได้ตกเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ในลักษณะ คล้อยตาม “ความเลอะเทอะ” อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำให้ประชาชนในประเทศชักจะคล้อยตามไปด้วย
รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” บริหารประเทศได้เพียง 20 เปอร์เซ็นต์
อีก 80 เปอร์เซ็นต์ เผด็จการยังคงครองเมือง
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงวิตกว่านายอภิสิทธิ์ กับ สุเทพ และคนอื่นๆอาจรอดตัวสบายเฉิบไปเลยก็ได้ ? “สอาด จันทร์ดี” 9 กันยายน 2555 |