วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ศาลฎีกาสั่งจำคุก 3 ปี ม.112 กรณีเผาโลงศพติดรูป พล.อ.เปรม

ศาลฎีกาสั่งจำคุก 3 ปี ม.112 กรณีเผาโลงศพติดรูป พล.อ.เปรม

ศาลฎีกาสั่งจำคุก 3 ปี ม.112 กรณีเผาโลงศพติดรูป พล.อ.เปรม


ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนกรณี "ปภัสชนัญญ์ ฉิ่งอินทร์" เผาโลงประท้วง พล.อ.เปรม และอภิสิทธิ์ ที่โคราชเมื่อปี 52 ว่ามีความผิด ม.112 เนื่องจากข้อความที่เขียนหมายถึงพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ พล.อ.เปรม ด้านเจ้าตัวยืนยันจงรักภักดีไม่เสื่อมคลาย พร้อมฝากคนเสื้อแดงสานต่อนิรโทษกรรมผู้ถูกจองจำและนำทักษิณกลับประเทศไทยให้ได้
เว็บไซต์ข่าวสด รายงานเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ว่า ศาลจังหวัดนครราชสีมา อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ปภัสชนัญญ์ ฉิ่งอินทร์ หรือเจ๊แดง อายุ 64 ปี แกนนำกลุ่มคนของแผ่นดินลูกหลานย่าโม และเป็นเจ้าของสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงออกอากาศในเขต อ.เมือง จ.นครราชสีมา และอำเภอใกล้เคียง จำเลยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี 10 วัน
ผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เม.ย. เมื่อ น.ส.ปภัสชนัญญ์ ได้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี มีการประท้วงด้วยการเผาโลงศพจำลองติดรูปนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พร้อมเขียนข้อความประท้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และรัฐบาล
โดยการประท้วงดังกล่าวยังเป็นการล้อเลียนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรียก พล.อ.เปรมว่า "พระองค์ท่าน" โดยได้พูดออกอากาศในสถานีโทรทัศน์ ASTV เมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย. ว่า "เสื้อเหลืองออกมาปกป้อง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะที่พระองค์ท่านเป็นประธานองคมนตรี"(คลิปการพูดออกอากาศของนายสนธิ)
สำหรับคดีนี้ผู้ฟ้องจำเลยคือ ผู้สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.นครราชสีมา และ พ.อ.วีระภัทรพล บุญย์เชี่ยว นายทหารเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา ซึ่งเห็นว่าข้างโลงศพที่ใช้เผาประท้วงมีการเขียนข้อความเข้าข่ายความผิดมาตรา 112
สำหรับคดีนี้ในชั้นพิจารณาคดีจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 53 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าการที่จำเลยนำโลงศพจำลอง มีข้อความบนสุดว่า “พระองค์ท่าน ...” บรรทัดต่อมามีข้อความว่า “พลเอกเปรม ...” และ บรรทัดต่อมาคำว่า “มรณะ 8 เมษายน 2552” จำเลยอยู่ร่วมในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นผู้เทน้ำมันและจุดไฟเผาโลงศพจำลอง ซึ่งมีข้อความดังกล่าวปรากฏอยู่ในนั้น คำว่า “พระองค์ท่าน” นั้น หมายความถึงพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพสูงสุดของบุคคลทั่วไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันกับพวกหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ประกอบมาตรา 83 ลงโทษจำคุก 3 ปี (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) และต่อมาศาลอุทกรณ์ และศาลฎีกา ก็มีคำพิพากษายืนดังกล่าว
โดยหลังคำพิพากษา น.ส.ปภัสชนัญญ์ ให้สัมภาษณ์ ข่าวสดก่อนเข้าถูกส่งตัวไปคุมขังในเรือนจำว่า แม้กระบวนการยุติธรรมจะถึงที่สุด แต่ก็ยังยืนยันถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มิเคยเสื่อมคลาย ขอฝากถึงมวลชนคนเสื้อแดงต้องร่วมพลังสานต่อแนวทางประชาธิปไตยด้วยการต่อต้านเผด็จการ และนำ พาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับประเทศไทย ส่วนแกนนำเสื้อแดงส่วนกลางต้องช่วยเหลือมวลชนที่ถูกจองจำ พร้อมเร่งผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

http://narater2010.blogspot.com/

มติ 4 ใน 5 เลือก ‘ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ’ เป็นตุลาการศาล รธน.คนใหม่

มติ 4 ใน 5 เลือก ‘ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ’ เป็นตุลาการศาล รธน.คนใหม่
มติ 4 ใน 5 เลือก ‘ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ’ เป็นตุลาการศาล รธน.คนใหม่
คณะกรรมการสรรหาฯ มีมติ 4 ใน 5 เสียง เลือก ‘ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ’ แกนนำกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ เป็นตุลาการศาล รธน.ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ แทน ‘วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์’ หลังถกร่วม 4 ชั่วโมง ลงมติ 8 ครั้ง
 
 
วันที่ 29 ส.ค.56 เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องรับรองพิเศษ อาคารรัฐสภา ที่ประชุมกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมครั้งที่ 2 เพื่อพิจารณาสรรหาบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แทนนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ที่ลาออกไป โดยมีนายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน และมีกรรมการ 4 คน ประกอบด้วย นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
 
ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง ในที่สุดก็ได้ลงมติเลือก นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ มาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ ด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 1 ซึ่งไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ โดยขั้นตอนจากนี้ไปจะนำชื่อเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมต้องคัดเลือกถึง 8 รอบ โดยการคัดเลือกในรอบ 4 ขึ้นไปรายชื่อจึงเริ่มตรงกัน
 
สำหรับนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อายุ 60 ปี แกนนำกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์
 
วุฒิการศีกษา: ประถมศึกษาปีที่ 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย นิติศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) และนิติศาสตร์มหาบัณฑิต (สาขาอาญา) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, เนติบัณฑิตไทย, Master of Law (LL.M., University of Pennsylvania) ประกาศนียบัตรการศึกษาชั้นสูงทางกฎหมายอาญา (D.E.A. de sciences criminelles) และปริญญาเอกเกียรตินิยมทางกฎหมายอาญา (Doctorat en droit pe′nal mention tre′s honorable, I′Universite de Nancy II)
 
ทั้งนี้ การประชุมใช้วิธีการลงมติลับเพื่อเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ จากรายชื่อผู้สมัครรวมทั้งสิ้น 9 คน คือ นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด นายบรรเจิด สิงคะเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ที่เป็นอดีตกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นางศุภลักษณ์ พินิจภูวดล ศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
 
นางเปรมใจ กิตติคุณไพโรจน์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา นายไพรัช เกิดศิริ ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดภูเก็ต พล.อ.สถาพร เกียรติภิญโญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ อดีตหัวหน้าสำนักตุลาการทหารและตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารสูงสุด นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา หลังมีการเปิดรับสมัครกันไปเมื่อ 6-13 ส.ค.ที่ผ่านมา
 
อนึ่ง คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ เข้าดำรงเมื่อวันที่ 28 พ.ค.51 มีวาระการดำรงตำแหน่งรวม 9 ปี โดย นายชัช ชลวร เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ และเมื่อนายชัชลาออกจากการเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่ประชุมคณะตุลาการฯเมื่อวันที่ 24 ส.ค.54 มีมติเป็นเอกฉันท์ เลือกนายวสันต์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายวสันต์ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 26 ต.ค.2554
 
เมื่อนายวสันต์ลาออกจากการเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.56 ทางประธานวุฒิสภาก็จะต้องจัดให้มีการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 206 ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง โดยจะต้องเป็นการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจากสายผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210(3) เนื่องจากนายวสันต์ได้รับการสรรหามาจากสายดังกล่าว

 
http://narater2010.blogspot.com/

"ณัฐวุฒิ" FB เผย ไทยต้นคิดถนนยางพารา ติงประชาธิปัตย์ลอกงานรัฐบาล


"ณัฐวุฒิ" FB เผย ไทยต้นคิดถนนยางพารา ติงประชาธิปัตย์ลอกงานรัฐบาล


          29 สิงหาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซท์ InsideThaiGOV ได้เผยแพร่ ข้อความของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลกระตุ้นการใช้ยางพาราภายในประเทศ โดยเฉพาะการนำยางพารามาทำถนนลาดยางว่า “ปชป.เรียกร้องขึงขังให้รัฐบาลเอายางพารามาทำถนน...ก็ผมนี่แหละเป็นคนผลักดันเรื่องนี้คนแรก ปชป.เป็นรัฐบาลมากี่รอบกี่ปีไม่เคยเห็นทำ ผมอนุมัติงบไว้ 85 ล้านบาท ไปดูพื้นที่แล้วที่ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีฯ หลังปรับครม.มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เลยยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง งบประมาณเดิมยังอยู่ล่าสุดนายกฯสั่งการให้เร่งเดินหน้าแล้ว ฮั่นแน่ะ! ลอกความคิดเขาแล้วยังมาขู่เขาอีก น่ากลัวเชียว"

        จากนั้นนายณัฐวุฒิ ยังโพสต์ข้อความโดยอ้างอิงสกู๊ปข่าวจากเว็บไซด์มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2555 เรื่อง “ถนนนี้-ไม่ธรรมดา ถนน"ยางพารา"แข็งแรงทนทานมากกว่าถนนลาดยางมะตอย” ดังนี้

         "ถนนยางพารา" สายแรกของประเทศไทย ที่กำลังพูดถึงกันในขณะนี้ เป็นไอเดีย ของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการยกระดับและกระตุ้นราคายางพาราในประเทศ

        วิธีการหนึ่ง คือการใช้ยางพาราแทนยางมะตอย หรือเป็นส่วนผสมหลักในการปูผิวถนน

        ณัฐวุฒิเผยว่า จะใช้ถนนหมู่ที่ 2 ต.เขาขาว อ.ทุ่งสง ตัดผ่านพื้นที่ขององค์การสวนยาง ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ ไปบรรจบถนนสายบ้านคอกช้าง ต.บางขัน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ระยะทาง 19 กิโลเมตร นำร่อง

         ใช้งบประมาณจากกรมวิชาการเกษตร 85.5 ล้านบาท และขอให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท มาร่วมในขั้นตอนการก่อสร้าง คาดว่าน่าจะก่อสร้างเสร็จภายใน 3-4 เดือน

        หลังสร้างถนนเสร็จณัฐวุฒิบอกว่าจะจัดงาน World Rubber Expo บนถนนสายนี้ เพื่อแสดงผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติที่มาจากงานวิจัย และจากผู้ประกอบการ พร้อมเชิญชวนผู้ประกอบการ และนักลงทุนจากทั่วโลกมาร่วมงาน  ตั้งเป้าให้เป็นเวทีเจรจาธุรกิจยางพาราที่มีกลุ่มผู้ประกอบการจากทั่วโลกในประเทศที่เกี่ยวข้องมาพบกัน คาดว่าจะเริ่มจัดงานได้ในปีหน้า

       พลันที่ไอเดียถนนยางพาราแพร่ออกไป ก็มีเสียงขานรับจากชาวนครศรีธรรมราช อาทิ สมเกียรติ ชนะศรี ชาว ต.เขาขาว อ.ทุ่งสง อาชีพรับจ้างกรีดยางพารา เล่าว่า ใช้ถนนสายนี้มานานกว่า 30 ปี รับจ้าง กรีดยางให้กับองค์การสวนยาง

        จากวันนั้นถึงวันนี้ถนนสายนี้ยังเหมือนเดิม ลำบากมากเวลาหน้าฝน ลูกๆ ไปโรงเรียนก็ลำบาก ได้ข่าวว่าจะสร้างถนนรู้สึกดีใจ เพราะเท่าที่ทราบ ทางองค์การสวนยางก็ขอรัฐบาลมาหลายสมัยแล้วแต่ไม่เคยได้

        ขณะที่ วิรัตน์ เพชรเกลี้ยง พนักงานองค์การสวนยางกรุงหยัน กล่าวว่า อยู่ในพื้นที่นี้มาหลายปี ตั้งแต่เกิด หลับตาเดินรู้เลยว่าเป็นแบบไหน รู้สึกดีใจหากมีการสร้างถนนสายนี้จริงๆ จะทำให้เส้นทางการคมนาคมสะดวกมากยิ่งขึ้น การขนส่งสินค้าทางการเกษตรจะดีขึ้น

       คนที่ใช้เส้นทางนี้มีหลากหลายอาชีพ พอฝนตกน้ำท่วมถนนก็จะพังต้องตั้งงบประมาณขึ้นมาซ่อมแซม เมื่อปีที่แล้วน้ำท่วมถนนตั้งงบซ่อมยังไม่แล้วเสร็จน้ำท่วมถนนพังหมดอีก
คือเสียงสะท้อนอยากได้ถนนดีๆ ไว้สัญจรและไม่ต้องซ่อมบ่อยๆ  ถนนยางพาราน่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้ เพราะ "ยุทธ" ผู้รับเหมาทำถนนในภาคใต้มีคำตอบให้ว่า ถนนสายนี้ อาจจะดำเนินการก่อสร้างโดยใช้ยางข้นอัตรา 5% กับยางมะตอยแบบผสมร้อนแล้วนำไปราด ถนนที่ราดด้วยยางมะตอยผสมยางพารา จะมีความแข็งแรงทนทานมากกว่าถนนราดยางมะตอยธรรมดาและยังทนต่อการเกิดร่องล้อได้ดีกว่าถนนที่ได้จากการใช้ยางมะตอยปกติ 2.9 เท่า ภาคใต้ดูเหมือนว่าจะมีการทดลองก่อสร้างแล้ว ในถนนสาย อ.หาดใหญ่-อ.เมืองสงขลา

        "การราดถนนแบบผสมร้อน ผมได้เข้ารับการอบรมและศึกษาข้อมูลจากสถาบันวิจัยยาง พบว่า ถนนตามมาตรฐานซึ่งมีความหนา 5 หรือ 8 เซนติเมตร ใช้ยางพารา อัตรา 5% ของยางมะตอย จะใช้ปริมาณเนื้อยางแห้ง (ยางพารา) 0.305 กิโลกรัม/ตารางเมตร หรือประมาณ 2,745 กิโลกรัมต่อถนนขนาดสองช่องทางในระยะทาง 1 กิโลเมตร"

       "แม้ค่าใช้จ่ายรวมจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 10-17% ตามราคาของยางพารา แต่ความแข็งแรงทนทานของถนนที่มีอายุการใช้งานนานขึ้น ถือว่าคุ้มค่าการลงทุน คาดว่าจะสามารถช่วยประหยัดงบประมาณภาครัฐในการซ่อมแซมถนนได้ปีละหลายพันล้านบาท" ยุทธอธิบายถึงความคงทนเชิงวิชาการของยางพาราผสมยางมะตอย

        ขณะที่ สุวิทย์ รัตนพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราช ยืนยันจากประสบการณ์จริงว่า ใช้ยางพาราราดถนนหน้าสำนักงาน เพราะแต่ละวันจะมีรถเข้าออกนำยางพาราแผ่นมาขาย พ่อค้ายางก็มารับซื้อ ทั้งยางแผ่น ยางสด  จึงต้องมีถนนที่ทำเป็นพิเศษ เพื่อรองรับน้ำหนักรถทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ได้ การลงทุนทำถนนแบบนี้คุ้มมากๆ เพราะมีความเหนียวแน่น และรองรับน้ำหนักเป็นอย่างดี "เพราะในน้ำยางสดจะมีน้ำผสมอยู่ด้วย 65% ยางธรรมชาติ มีคุณสมบัติที่ดี คือมีความคงตัวสูง ความยืดหยุ่นดี และทนความล้าดี ดังนั้น การใช้ยางพาราผสมกับยางมะตอยเพื่อใช้ราดถนน สามารถช่วยปรับปรุงคุณสมบัติยางมะตอยให้ดีขึ้นได้ สามารถยืดอายุการใช้งานของถนนได้นานขึ้น" สุวิทย์กล่าว
และยังระบุว่า ในต่างประเทศก็ใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อินเดีย มาเลเซีย และออสเตรเลีย

        ในอนาคตหากมีการใช้ยางพาราผสมยางมะตอยราดถนนเพิ่มมากขึ้น นอกจากทำให้ถนนมีความทนทานมากขึ้นและอายุการใช้งานยาวนานขึ้นแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาถนนได้ค่อนข้างมาก และเป็นแนวทางเพิ่มปริมาณการใช้ยางธรรมชาติภายในประเทศมากขึ้น นั่นคือความเห็นจากสุวิทย์ เป็นอีกเสียงที่สะท้อนถึงผลดีของการใช้ยางพาราทำถนน

       เทคนิคที่จะใช้กับถนนยางพาราสายแรก จะเป็นอย่างไร ต้องติดตาม นอกจากจะส่งผลต่อราคาและความต้องการใช้ยางแล้ว เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ใครๆ คงอยากนำรถไปซิ่งสัมผัสด้วยตนเองว่า จะนิ่มนวลแข็งแรงขนาดไหน

"แกนนำหน้ากากขาว" ใส่ปลอกแขนสื่อมวลชน ร่วมชุมนุมม็อบสวนยาง กร่างใส่ตำรวจได้อย่างไร?


        "สมาคมสื่อฯ" ต้องตอบ! "แกนนำหน้ากากขาว" ใส่ปลอกแขนสื่อมวลชน ร่วมชุมนุมม็อบสวนยาง กร่างใส่ตำรวจได้อย่างไร?


         วันที่ 29 สิงหาคม 2556 (go6TV) ตะลึงแกนนำหน้ากากขาวคนดังและเพื่อน ใส่ปลอกแขนผู้สื่อข่าวของ “สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ แห่งประเทศไทย” กร่างไปทั่วม็อบสวนยาง จนเอาไปเบ่งบนสถานีตำรวจภูธร อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช จากกรณีไปช่วยเหลือผู้ต้องหาหมายเรียกม็อบสวนยาง

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้ไอดีในเฟสบุ๊คว่า “ฟ้า พรทิพา” ได้เผยแพร่ภาพส่วนตัวหลายภาพ สำหรับแฟนคลับของเธอนั้นทราบดีว่า เธอเป็นนักเคลื่อนไหวมวลชนในนามกลุ่ม “ประชาชนทนไม่ไหว” ที่ไปประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐปีกลาย ตลอดจนพัฒนามาเป็นแกนนำหน้ากากขาวที่จัดชุมนุมที่ CTW มีสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองใหญ่ และเข้าร่วมชุมนุมกับม็อบสวนลุมในขณะนี้

           ปรากฏว่าล่าสุด เธอเดินทางไปร่วมชุมนุมกับชาวสวนยางที่แยกควนหนองหงส์ จังหวัดนครศรีธรรมราช และปรากฏภาพเธออยู่ในที่ชุมนุมร่วมกับทีมถ่ายทอดสด 13 สยามไท FMTV และใช้ปลอกแขนสื่อมวลชน ใส่อยู่ในที่ชุมนุม ล่าสุดเธอและเพื่อนๆ ได้ใส่ปลอกแขนสื่อมวลชนดังกล่าวไปใน สถานีตำรวจภูธร อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพื่อไปช่วยเหลือผู้ต้องหาคดีก่อม็อบปิดถนน
          ทั้งหมดนี้มีคำถามว่า “เธอเป็นสื่อมวลชน หรือไม่” หากใช่ เป็นสื่อมวลชนสำนักไหน”  เธอไปยืนถ่ายภาพกับทีมงาน 13 สยามไท ต้องถามว่าทีม 13 สยามไท เป็นสื่อมวลชนหรือไม่?

         และการที่เธอและเพื่อน ใส่ปลอกแขนไปยังที่ต่างๆ ทั้งขับรถเที่ยว อยู่ในม็อบ ไม่ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชน แต่ไปร่วมชุมนุม เธอใส่ปลอกแขนสื่อฯ เหมาะสมหรือไม่ และสมาคมนักข่าวฯ ได้ให้ปลอกแขนเธอไปได้อย่างไร ให้เพราะเหตุผลใด และสมาคมจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายนี้หรือไม่อย่างไร?

ม็อบยางป่วนหนัก หวิดกระทืบกันเองโชว์สื่อ


ม็อบยางป่วนหนัก หวิดกระทืบกันเองโชว์สื่อ



         29 สิงหาคม 2556 go6TV - เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ได้มีผู้ประสานจากฝ่ายม็อบชาวสวนยางว่าจะขอนัดสื่อแถลงข้อเรียกร้องโดยนัดหมายที่วัดควนเงิน ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จึงได้เดินทางไปยังวัดควนเงินเมื่อไปถึงพบนายศักดิ์สฤษฎ์ ศรีประสาท และ นายวัตร ขวัญใจ ผู้ประสานงานชาวสวนยางรายย่อยเป็นผู้แถลงถึงข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม

         นายศักดิ์สฤษฎ์ กล่าวว่า "ผมไม่อยากจะให้ใครมาพูดว่าม๊อบชาวสวนยางมีการเมืองอยู่เบื้องหลัง และที่มีนักการเมืองมาให้กำลังใจถือเป็นเรื่องปกติ"

        ทั้งนี้หากรัฐบาลมีความจริงใจก็แก้ได้ไม่ยาก และต้องขออภัยผู้ที่เดือดร้อนจากการกระทำของกลุ่มเกษตรกรที่ปิดถนนครั้งนี้ พอมาปิดถนนรัฐบาลก็หันมาสนใจจึงต้องทำอย่างนี้ นายศักดิ์สฤษฎ์ กล่าว

        อย่างไรก็ตามในขณะที่กำลังแถลงข่าวอยู่นั้นได้มีกลุ่มชาวบ้านขับรถจักรยานยนต์และรถยนต์เข้ามาในวัด พร้อมกับตรงดิ่งเข้าไปถามนายศักดิ์สฤษฏ์ ว่าเป็นใครถึงได้มาแถลงข่าว พวกเขาเป็นชาวสวนยางไม่รู้จัก และไม่ได้มอบหมายให้มาแถลงข่าว นายศักดิ์สฤษฏ์ ได้บอกว่าเป็นชาวสวนยางแถวนี้ และพูดในทางที่ดีแก่ชาวสวนยางทั้งนั้น แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้มีการโวยวายกันพักใหญ่หวิดปะทะกัน พร้อมกับเรียกร้องว่าหากจะแถลงต้องไปแถลงที่หน้าเวทีเท่านั้น แต่เมื่อไปยังเวทีของม็อบปรากฏว่ายังไม่สามารถพูดกันรู้เรื่องทำให้ต่างคนต่างหายหน้าไปหมด

ชาวเชียงใหม่แห่วางพวงหรีด สวดส่ง "ประชาธิปัตย์" เป็นอีแอบใน "ม็อบสวนยาง"


ชาวเชียงใหม่แห่วางพวงหรีด สวดส่ง "ประชาธิปัตย์" เป็นอีแอบใน "ม็อบสวนยาง"




           30 สิงหาคม 2556 go6TV - ที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 200 คน นำโดยนายกฤษณพงษ์ พรมบึงรำ ได้วางพวงหรีดให้ ส.ส.พรรคประชาธิปปัตย์ พร้อมทั้งปราศรัยโจมตีกรณีพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับม็อบชาวสวนยางพาราที่ทำการปิดถนนและปิดเส้นทางรถไฟสายใต้ประท้วง สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถเดินทางสัญจรได้ โดยได้ยื่นหนังสือขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งความร้องทุกข์เรียกร้องค่าเสียหายต่อกลุ่มบุคคลที่สร้างความเดือดร้อน พร้อมกันนั้นยังยื่นหนังสือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฏหมายต่อผู้ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้นายสมคิด ลีลอย นายสถานีรถไฟเชียงใหม่ เป็นตัวแทนมารับหนังสือ และระบุว่าจะส่งหนังสือดังกล่าวให้ผู้บริหาร รฟท. ต่อไป



         นายกฤษณพงษ์ พรมบึงรำ กล่าวว่าตามที่ได้มีบุคคลอ้างตัวเป็นเกษตรกรชาวสวนยางพารา ได้ทำการปิดถนนและเส้นทางรถไฟสายใต้ บริเวณแยกบ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช จนทำให้รถไฟทั้งขาขึ้นและขาล่องไม่สามารถวิ่งให้บริการประชาชนได้ สร้างความเสียหายทางด้านรายได้ของกิจการรถไฟ จึงอยากให้ รฟท. แจ้งความร้องทุกข์เรียกร้องค่าเสียหายและรายได้ที่สูญไปจากการกระทำของบุคคลเหล่านี้ และอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้เพราะการปิดถนน ปิดการรถไฟ เป็นการทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การประมง การขนส่งสินค้า การขนส่งน้ำมัน และอื่น ๆ อีกมากมาย และขอสนับสนุนให้รัฐประกาศใช้กฏหมายพิเศษ ดำเนินการกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เพื่อปกป้องการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มกำลัง

อ้างอิง
แดงเชียงใหม่ยื่นรฟท. แจ้งจับม็อบสวนยาง
http://www.dailynews.co.th/thailand/229671

DNN เผยรายงานพิเศษ : เปิดขุนพลเบื้องหลังม๊อบยางปิดถนน


DNN เผยรายงานพิเศษ : เปิดขุนพลเบื้องหลังม๊อบยางปิดถนน

          31 สิงหาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยูทูป DNN Thailand ของ "สำนักข่าวดีเอ็นเอ็น" ได้เผยแพร่ "รายงานพิเศษ : เปิดขุนพลเบื้องหลังม๊อบยางปิดถนน" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชียอัพเดท ความยาว 5.06นาที โดยมีเนื้อหาดังนี้




          มีความชัดเจนมากขึ้นแล้วว่า การชุมนุมปิดถนนและเส้นทางรถไฟสายใต้ เพื่อกดดันให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคายางของชาวสวนยางนอกพื้นที่กลุ่มหนึ่ง ไม่ได้แค่หวังให้รัฐบาลลงไปช่วยเหลือเท่านั้น แต่เป็นหนึ่งใน “ยุทธการล้มรัฐบาล” ของเครือข่ายนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่ ภายใต้ชื่อ “สมรภูมิควนหนองหงส์”

        ล่วงเข้าสู่วันที่ 7 แล้ว สำหรับยุทธการปิดถนนเพชรเกษม 41 แยกควนหนองหงส์ อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช จับเกษตรกรชาวสวนยางพารา สวนปาล์ม และพี่น้องชาวปักษ์ใต้ตอนล่างเป็นตัวประกัน แลกกับการกดดันรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เข้ามาช่วยดูแลแก้ปัญหาราคายางและปาล์มน้ำมันตกต่ำ

       สามวันแรกของการชุมนุมปิดถนนเพชรเกษม 41 ช่วงแยกควนหนองหงส์ อาจพออนุมานได้ว่า เป็นความเดือดร้อนจริงๆ ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง ที่ต้องรับผลกระทบจากราคาผลผลิตตกต่ำ

       มีการตั้งเวทีปราศรัย มีการรวมตัวชุมนุม ก่อนจะเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนมีผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่ายหลายสิบคน อันเนื่องมาจากมวลชนจัดตั้งกลุ่มหนึ่งที่เชื่อมโยงกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่แทรกซึมเข้ามาสร้างสถานการณ์กดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ

        จนกระทั่งมีตัวแทนจากรัฐบาล นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่รับมอบหมายจากรัฐบาล เป็นตัวแทนเจรจาหาทางออกร่วมกับแกนนำกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพารา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าจะรับประกันราคายางขั้นต่ำกิโลกรัมละ 80 บาท และจะนำไปสู่กระบวนการแก้ไขปัญหา ตามขั้นตอนบริหารทั่วไป


         เรื่องราวเสมือนหนึ่งดูว่าจะคลี่คลาย...หลังคณะก่อการชุมนุมชุดแรกเก็บฉากลาโรง …..  แต่การณ์กลับกลายเป็นหนังคนละม้วน เพราะจากวันถัดมา...จนถึงวันนี้ มีการยกระดับการชุมนุม ซ้ำเติมชะตากรรมพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง สวนปาล์มน้ำมัน ให้ต้องกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาสาธารณะชน

        เมื่อผู้ชุมนุมส่วนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นเกษตรกรสวนยางในอำเภอชะอวดและจังหวัดใกล้เคียง ได้เคลื่อนขบวนไปปิดถนนเส้นทางสายรอง ที่ใช้เป็นทางเลี่ยงถนนเพชรเกษม 41 ช่วงแยกควนหนองหงส์ พร้อมกับปิดเส้นทางรถไฟสายใต้ ณ บ้านควนเงิน ตำบลบ้านตูล อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช

         เป็นหนังอีกม้วนที่เกิดขึ้นมา พร้อมๆ กับการปรากฏเงาร่างของ... “สหายช่วง” หรือนายธงชัย สุวรรณวิหค แห่งสันนิบาติประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย คนสนิทของนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้บริหารสำนักข่าว T-News

        ประสานกับการปรากฏตัวของอดีตขุนโจรผู้เลื่องนาม “เจิม เส้งเอียด” แห่งเทือกเขาบรรทัด และความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักของอดีตนักรบประชาชนยุคสงครามความคิด เขตงาน 3 จังหวัด คือ พัทลุง นครศรีธรรมราช และตรัง

        ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็คือกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยตัวปลอม ที่เคยชุมนุมร่วมกับม๊อบนายไชยวัฒน์ สินธุ์สุวงศ์ ที่ท้องสนามหลวงในนาม “คอมมิวนิสต์ปกป้องสถาบัน”

        สอดประสานอย่างลงตัวกับปรากฏการณ์สื่อเลือกข้าง “สนธิญาณ ทีนิวส์” และ “สายล่อฟ้า ประชาธิปัตย์” ที่กลายเป็นสื่อเจ้าภาพ รับสัมปทานถ่ายทอดสดการชุมนุมเกือบ 24 ชั่วโมง พร้อมทำตัวเป็นสื่อเจ้าเข้าเจ้าของการชุมนุมในขยักที่สองนี้ โดยไม่เกรงใจสื่อท้องถิ่น หรือค่ายสื่ออื่นๆ ...คล้าย ๆ กับม๊อบสวนลุมพินี สาขาควนหนองหงส์ อย่างไร อย่างนั้น


          เมื่อภาพมันชัดเจนขนาดนี้ จะให้เชื่อได้อย่างไรว่า การชุมนุมของชาวสวนยางนอกพื้นที่ครั้งนี้ ไม่มีการเมืองเรื่องล้มรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง

        นี่ยังไม่นับรวมจิ๊กซอว์ ลิ่วล้อ คนข้างกาย นักการเมืองใหญ่เจ้าของพื้นที่ ซึ่งเข้านอก-ออกใน เวทีชุมนุมเป็นว่าเล่น พร้อมเสียงกระซิบแผ่วๆ ว่า เติมเท่าไหร่ก็ต้องเติม/ ขนเท่าไหร่ก็ต้องขน ต้องลากยาวให้ได้ถึงวันที่ 3 กันยายน ซึ่งเป็น “วันดีเดย์” ชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศ ตามยุทธการปิดประเทศ ที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์หลายคนร่วมเป็นกุนซือวางแผน โดยไม่สนใจชะตากรรมของพี่น้องชาวใต้ ที่ต้องเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากการปิดถนนขึ้น-ลงภาคใต้ ทั้ง ๆ ที่เป็นฐานเสียงของตัวเอง

       ..ยุทธการล้มรัฐบาล “สมรภูมิควนหนองหงส์” อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ของมวลชนจัดตั้งเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ผลแพ้ชนะอาจยังต้องให้เวลาและความจริงแท้ เป็นเครื่องพิสูจน์

       แต่ที่เกิดขึ้นแล้วเป็นแน่แท้คือ...ผลปาล์มตก ขี้ยางไหล ขุนพลจัญไร หลอกต้มคนใต้อีกแล้วครับท่าน...

หยุ่นหนาว! สนธิ ประกาศตั้ง ม.เอเอสทีวี แข่ง ม.เนชั่น อ้างจะอุทิศชีวิตที่เหลือให้


          31 สิงหาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา เว็บไซท์ผู้จัดการออนไลน์ ได้เผยแพร่ บทสนทนาของ "นายสนธิ ลิ้มทองกุล" ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี โดยมีเนื้อหาระบุว่า ได้มีการเตรียมเปิดชั้นเรียนมหาวิทยาลัยเอเอสทีวี ให้กลุ่มพันธมิตรฯสมัครเข้ารับการอบรมทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ ทั้งนี้ นายสนธิ ได้เรียกประชุมทีมงานเอเอสทีวีทั้งหมดแล้วเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแล้ว


         ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้นอกจากเอเอสทีวีผู้จัดการแล้วยังมีสื่อใน "เครือเนชั่น" ที่จัดการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาเช่นกันภายใต้ชื่อ "มหาวิทยาลัยเนชั่น" ซึ่งถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ"มหาวิทยาลัยเอเอสทีวี" และเป็นที่น่าสังเกตว่าภาพคลิปวีดิโอทั้งหมดของข่าวดังกล่าวในเว็บไซท์ผู้จัดการออนไลน์ถูกแสดงเป็นสีดำซึ่งเป็นลางว่าใกล้ถึงเวลาเอเอสทีวีจอดับ