หลังจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับบวรศักดิ์ ถูกล้มไปในสภาปฎิรูปแห่งชาติ ซึ่งมีข้อสังเกตสำคัญคือ เสียงที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญนั้น หากนับเฉพาะทหารและตำรวจ จำนวน 31 คน มีผู้ลงมติไม่เห็นชอบมากถึง 28 เสียง ขณะที่กลุ่มข้าราชการทั้งในอดีตและปัจจุบันเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีคะแนนไม่เห็นชอบสูง ในทางกลับกันกลุ่มที่เห็นชอบกลับกลายเป็นกลุ่ม NGOs นักวิชาการ ผู้บริหารมหาวิทยาลัย และกลุ่มสื่อ
อย่างไรก็ตามเมื่อร่างรัฐธรรมนูญตกไปแล้ว เส้นทางที่ต้องเดินต่อไปตามที่ถูกกำหนดโดยรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 คือ คสช. จะเป็นผู้เลือกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 21 คน ภายใน 30 วัน (นับจากวันที่ 6 ก.ย.) โดยเมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด จะให้ประชาชนลงประชามติ จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนของการทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และเปิดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ในกรณีที่ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ซึ่งนั้นหมายความว่าประชามติผ่านแล้ว ซึ่งจะผ่านโดยได้คะแนนเสียงข้างมากจากผู้มีสิทธิ ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในช่วง มีนาคม 2560
กระนั้นก็ตาม วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้มีการบริหารเวลา โดยใช้สูตร 6+4+6+4 คือ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ จะใช้เวลาร่างประมาณ 6 เดือน ร่างเสร็จทำประชามติภายใน 4 เดือน หลังประชามติผ่านใช้เวลาอีก 6 เดือนในการทำกฎหมายลูก เข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบ จากนั้นอีก 4 เดือนจะให้เวลาหาเสียงเลือกตั้ง จึงเท่ากับ 6+4+6+4 = 20 เดือน โดยประเทศไทยจะได้มีการเลือกตั้งช่วง มิถุนายน 2560
ทั้งนี้ในขั้นตอนของการทำประชามติ หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปหากยึดตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 คือการกลับไปเลือกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญอีกครั้งโดย คสช. ซึ่งข้อเสนอที่ว่า หากประชามติไม่ผ่าน จะให้มีการหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใด ฉบับหนึ่งมาใช้แทน ยังไม่มีความชัดเจนที่จะมีการเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องทางดังกล่าว
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีกลุ่มต่างๆออกมาแสดงจุดยืน และข้อเสนอต่อการร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ประชาไทรวบข้อเสนอดังกล่าวจากกลุ่มต่างๆ พบว่า กปปส. ไม่ขัดการดำเนินการตามโรดแมปของ คสช. ย้ำยังหนุนปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเช่นเดิม ด้านประชาธิปัตย์เห็นด้วยตามโรดแมป แต่ต้องการให้ย่นระยะเวลา พร้อมเอาอำนาจพิเศษออก ขณะที่ นปช. เสนอให้เอารัฐธรรมนูญ 2540 มาประกาศใช้ และเปิดให้มีการเลือกตั้ง สสร. เช่นเดียวกับกัน ปิยบุคร แสงกนกกุล คณะนิติราฏร์ เสนอยกเลิกรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 แล้วนำรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้เป็นการชั่วคราว เปิดทางการร่างรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชน ด้านฝั่งเพื่อไทยเสนอให้มีการแก้ รัฐธรรมนูญชั่วคราว เปิดโอกาสประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่จาตุรนต์ ฉายแสงเสนอ สูตรใหม่ 3+3+3+2 ย่นเวลาการร่างรัฐธรรมนูญ และหากประชามติไม่ผ่านให้นำรัฐธรรมนูญเก่ามาใช้ เปิดการเลือกตั้งทั่วไป และเลือกตั้ง สสร. โดยประชาชน
ขณะที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เสนอให้มีการนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ และให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว พร้อมให้องค์กรต่างๆ หลังประหารหมดอำนาจไป เหลือแต่เพียงรักษาการคณะรัฐมนตรีในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การเลือกตั้ง
ในฝั่งของนักศึกษา นักกิจกรรม อย่างขบวนการประชาธิปไตยใหม่ และกลุ่มนักวิชาการ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ประกาศจุดยืนไม่ยอมรับอำนาจ คสช. เพราะระบุ การร่างรัฐธรรมนูญต้องมีที่มาจากประชาชนเท่านั้น
กปปส. ใส่เกียร์ว่าง ยังไม่มีข้อเสนอ พร้อมหนุนปฎิรูปก่อนเลือกตั้ง
หลังมีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.
สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า "ขอส่งกำลังใจถึงพี่น้องประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินทุกท่าน เราได้แสดงเจตนารมณ์แทนพี่น้อง มวลมหาประชาชนว่าเราต้องการเห็นการปฏิรูปประเทศไทยอย่างจริงจังต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะถูกควํ่าไปเสียแล้ว พวกเราก็อย่าเสียกำลังใจขอยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้มีการปฏิรูปประเทศให้จงได้ สุขุม หนักแน่น เอาไว้"
(อ่านข่าวที่นี่)
ขณะเดียวกัน เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย โพสต์ผ่านเฟชบุ๊กแฟนเพจ ‘
เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ (ขิง)’ ยืนยัน อุดมการณ์ไม่เปลี่ยน สนับสนุนรัฐบาลปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเหมือนเดิม หนุนรัฐบาลปฎิรูปก่อนเลือกตั้ง
นปช. เสนอเอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ นำประเทศกลับสู่การเลือกตั้ง และให้ประชาชนเลือก สสร.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “
Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์” ออกแถลงการณ์ถึงกรณีสภาปฏิรูปแห่งชาติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เมื่อผู้มีอำนาจปฏิเสธเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของ นปช. จึงขอใช้พื้นที่ของสื่อมวลชนทุกแขนงแสดงท่าทีต่อการลงมติไม่รับร่างรัฐ ธรรมนูญของ สปช. โดย นปช. เห็นว่า กระบวนการสถาปนารัฐธรรมนูญที่ตั้งกันเอง ร่างกันเอง และคว่ำกันเองนี้ไม่มีความชอบธรรมใด ๆ ที่จะยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่กระบวนการประชามติอีกต่อไป การกล่าวอ้างบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ยิ่งมิอาจยอมรับได้ เพราะแท้จริงแล้วเป็นการใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์กำหนดแนวทางขึ้นบังคับใช้ให้ ประเทศไทยเดินตาม หาใช่กฎหมายสูงสุดที่ยึดโยงกับอำนาจอธิปไตยของประชาชนไม่ และไม่มีหลักประกันใด ๆ ว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจากกระบวนการนี้
นายจตุพร ระบุอีกว่า เมื่อกระบวนการตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวไร้ความชอบธรรม จึงขอเสนอให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 โดยทันที เพื่อนำประเทศไปสู่การเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยและให้กลไกรัฐที่มาจาก ประชาชนจัดให้มีการเลือกตั้งสสร.เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตลอดจนเดิน หน้ากระบวนการปฏิรูปต่อไป
(อ่านข่าวที่นี่)
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หนุนโรดแมปของ คสช. แนะให้นำเอาร่างเดิมมาปรับแก้ ตัดอำนาจพิเศษออกจากรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 58 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ 21 คน ว่า ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านกฎหมาย และเข้าใจปัญหาบ้านเมือง ทำตามเป้าหมายปฏิรูปของ คสช. ซึ่งสิ่งสำคัญต้องเปิดกว้างรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นที่ยอมรับ และผ่านประชามติจากประชาชน
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการร่าง ควรนำร่างเดิมของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ มาปรับแก้ไข รวมถึงนำข้อดีของรัฐธรรมนูญ ปี 40 และ 50 มาปรับใช้ด้วย โดยที่ไม่ต้องเริ่มใหม่ทั้งฉบับ ขณะเดียวเห็นว่า คสช. ต้องมีเป้าหมายการปฏิรูปที่ชัดเจน สามารถนำประเทศเดินหน้าได้ โดยให้ประชาชนต้องเป็นเจ้าของมีส่วนร่วม
อย่างไรก็ตาม หากเขียนหลักการปฏิรูปที่เป็นรูปธรรมมีเนื้อหา สาระชัดเจน ก็ไม่ต้องกำหนดให้มีคณะกรรมการ หรือกลไกพิเศษมาควบคุมอำนาจของรัฐบาล เพราะหากรัฐบาลไม่ดำเนินการปฏิรูปก็จะขัดรัฐธรรมนูญ
(อ่านข่าวที่นี่)
เพื่อไทย แนะ คสช. แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เปิดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2558 พรรคเพื่อไทยได้เผยแพร่เอกสารความเห็นต่อการลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมีรายละเอียดบางส่วนดังนี้
“พรรคเพื่อไทยเห็นว่า หากยังคงร่างรัฐธรรมนูญโดยคณะบุคคลที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร ภายใต้กระบวนการยกร่างที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ กระทำแบบปิดลับเช่นที่ผ่านมา มีแต่จะยิ่งสร้างความขัดแย้งจนไปสู่วิกฤตที่เลวร้าย และไม่มีหลักประกันใด ๆ ว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่ดี เป็นประชาธิปไตย และใช้เวลายาวนานเท่าใด พรรค เพื่อไทยจึงเสนอให้ คสช. แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการยกร่างรัฐธรรมนูญ เช่น การใช้กระบวนการสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือกระบวนการอื่นใดที่เหมาะสม และให้กระบวนการในการยกร่างเป็นไปอย่างเปิดเผยเป็นกลาง ภายในระยะเวลาที่แน่นอน เพื่อจะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งจะทำให้เกิดความชอบธรรมและเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการเยียวยาและแก้ไข ความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ทุกวันนี้ ทั้งนี้โดยคำนึงถึงการจัดให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อให้ประเทศกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด”
(อ่านข่าวที่นี่)
จาตุรนต์ ฉายแสง เสนอสูตรใหม่ 3+3+3+2 ย่นเวลาร่าง หากประชามติไม่ผ่าน หยิบรัฐธรรมนูญเก่าประกาศใช้
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘
Chaturon Chaisang’ เสนอปรับเวลาโรดแมปร่างรัฐธรรมนูญใช้สูตร 3-3, 3-2 โดยระบุว่า เป็นเรื่องดีที่มีความคิดว่าจะย่นระยะเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญให้สั้นเข้า ความจริงการร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ในครั้งนี้สังคมไทยก็ได้เรียนรู้พอสมควร แล้วว่าเรื่องอะไรพอรับกันได้และเรื่องอะไรรับไม่ได้ จึงไม่ใช่การมานับหนึ่งกันใหม่ แต่สามารถรวบรวมเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญที่เคยมีมาแล้วคัดเลือก ส่วนที่เป็นมาตรฐานกับส่วนที่คิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะรับได้ออกมาเสียก่อน ส่วนประเด็นยากๆ คือ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากๆ ก็รวบรวมเข้าแล้วก็เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางสักรอบสอง รอบ ก็น่าจะตัดสินใจกันได้ในเวลาสั้นๆ 3 เดือนก็น่าจะเกินพอ
จาตุรนต์ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อๆ ไปก็ยังสามารถย่นย่อได้อีกทั้งนั้น ขั้นตอนการลงประชามติเหลือสัก 3 เดือน ร่างกฎหมายลูกหลายฉบับสามารถหาทีมงานร่างไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย พอได้รัฐธรรมนูญก็นำมาพิจารณา ใช้เวลา 3 เดือนก็พอ ส่วนขั้นตอนสุดท้าย คือ เตรียมการเลือกตั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานถึง 4 เดือน เพราะปรกติการเลือกตั้งที่รู้กำหนดเวลาล่วงหน้า ใช้เวลา 30 - 45 วันก็ยังได้ ถ้าจะให้เวลานานเป็นพิเศษก็ไม่ควรเกิน 2 เดือน
“หากไม่ผ่านการลงประชามติก็ควรนำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้ไปก่อนเพื่อ ให้มีการเลือกตั้งและมีการบริหารประเทศไปได้ แล้วก็กำหนดให้มีการเลือกสสร. มาร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่โดยประชาชนจริงๆ แนวโน้มคงต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเกี่ยวกับเงื่อนไขในการลงประชามติ อยู่แล้ว ก็น่าจะนำประเด็นเหล่านี้ไปรวมแก้เสียด้วยในคราวเดียวกันเลย” จาตุรนต์ เสนอ
(อ่านข่าวที่นี่)
ข้อเสนอจาก ปิยุบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ในหนึ่งกลุ่มนิติราษฎร์
เสนอให้มีการประกาศยกเลิกการใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 แล้วนำเอารัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้เป็นการชั่วคราว จากนั้นเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเปิดช่องทางให้มีการตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เมื่อได้สภาร่างรัฐธรรมนูญแล้วให้ระยะเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญภายใน 90 วัน โดยหลังจากร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ ให้นำร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนลงประชามติก่อนประกาศใช้
(อ่านข่าวที่นี่)
ศูนย์ทนายสิทธิฯ เสนอให้นำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ และเลือกตั้งโดยเร็ว
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เสนอให้มีการนำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กลับมาบังคับใช้อีกครั้ง เนื่องจากเป็นรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อเป็นประชาธิปไตยและกระบวนการร่างที่มี ส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวางแต่กลับถูกยกเลิกโดยการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อนำประเทศไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด
โดยในการคืนอำนาจให้กับประชาชนและจัดให้มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เพื่อให้อยู่ภายใต้บรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยและมีสิทธิเสรีภาพที่สุด เสนอให้องค์กรรัฐที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งมีที่มาจากการรัฐประหารได้แก่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาปฏิรูปแห่งชาติ สิ้นสภาพลงทันทีรวมถึงประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติทั้งหมดในฐานะ สิ่งแปลกปลอมในระบบกฎหมายต้องถูกยกเลิกทั้งหมด
ทั้งนี้ ให้คงเหลือรักษาการคณะรัฐมนตรีอยู่ทำหน้าที่เพียงบริหารให้เกิดการเลือกตั้งในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านเท่านั้น
(อ่านข่าวที่นี่)
ม.เที่ยงคืน ออกแถลงการณ์ รธน.ต้องอยู่ในมือประชาชน อย่าปล่อยให้ใครกลุ่มใดกำหนดตามอำเภอใจ
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2558 มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ออกแถลงการณ์ เรื่อง รัฐธรรมนูญต้องอยู่ในกำมือของประชาชน เรียกร้องให้ประชาชนทุกคนไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ ต้องร่วมกันผลักดันให้รัฐธรรมนูญกลับมาอยู่ในกำมือของประชาชน และเพื่อร่วมกันแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง ก่อนที่จะตัดสินใจร่วมกันว่าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ด้วยความเชื่อมั่นว่าการแก้ไขปัญหาและความยุ่งยากในสังคมไทยนั้นจะสามารถ ผ่านพ้นไปได้ก็ด้วยการยอมรับอำนาจและสิทธิของประชาชนอย่างเท่าเทียมในการ ร่วมกันกำหนดชะตากรรมของสังคมไทย มิใช่ปล่อยให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่มซึ่งไม่เห็นความสำคัญของความเสมอภาค เสรีภาพ และการดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เป็นผู้กำหนดทิศทางของสังคมไทยตามอำเภอใจ
(อ่านข่าวที่นี่)
ต่อมาวันที่ 14 ก.ย. 2558 คณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน แถลงเชิญชวนร่วมกันเสนอชื่อสมาชิกที่มาจากประชาชนธรรมดาในการออกแบบร่างรัฐ ธรรมนูญ โดยวิจารณ์กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหาร ที่เพิ่งถูกคว่ำร่างไปเมื่อกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมชี้ว่ากระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็จะดำเนินตามรอยของการจัดทำรัฐ ธรรมนูญฉบับก่อนหน้า ทั้งในแง่ของการแต่งตั้ง กระบวนการร่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้กำมือของคนกลุ่มเดียวกัน ซึ่งล้วนแต่แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ยอมรับฟังเสียงของกลุ่มอื่นๆ และไม่เปิดโอกาสให้มีการถกเถียงโต้แย้งเกิดขึ้นอย่างเสรี รวมถึงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งก็คาดหมายได้ว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัย สำคัญต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้เชิญชวนให้ประชาชนร่วมเสนอรายชื่อบุคคลที่เห็นว่ามี ความเหมาะสมในการทำหน้าที่จัดทำร่าง “รัฐธรรมนูญในฝัน” ของสังคมไทย โดยบุคคลดังกล่าวต้องมีคุณสมบัติสำคัญคือ ต้องมีความยอมรับและยึดมั่นในหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย โดยมีการเปิดรับความเห็นผ่านทาง Facebook
“รัฐธรรมนูญในฝัน” แต่ละคนสามารถเสนอรายชื่อได้ไม่เกิน 5 คน ตั้งแต่วันที่ 14 - 21 กันยายน 2558
(อ่านข่าวที่นี่)
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ชี้ การล้มร่างรธน. แค่ปาหี่ ย้ำ คสช. หมดความชอบธรรม รธน.ต้องมาจากประชาชน
เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา หลัง สปช. มีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้จัดงานแถลงข่าวต่อกรณีการล้มร่างรัฐธรรมนูญของ สปช. โดยระบุว่า การล้มร่างรัฐธรรมนูญครั้งเป็นเพียงการแสดง ปาหี่ เพื่อสืบทอดอำนาจต่อไปของ คสช. คสช. ไม่มีความชอบธรรมที่จะปกครองอีกต่อไป พร้อมเสนอว่า กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นต้องเป็นกระบวนการที่ประชาชน มีส่วนร่วมมากที่สุด คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
(อ่านข่าวที่นี่)