วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บางกอกโพสต์สัมภาษณ์ 'อมรา' ว่าด้วยรายงานความรุนแรงปี 53

บางกอกโพสต์สัมภาษณ์ 'อมรา' ว่าด้วยรายงานความรุนแรงปี 53

        อัจฉรา อัชฌายกชาติ สัมภาษณ์ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน อมรา พงศาพิชญ์  ว่าด้วยรายงานฉบับล่าสุดเรื่องความรุนแรงในเหตุการณ์ทางการเมืองปี 53 หลังจากถูกโจมตีจากสาธารณะอย่างกว้างขวาง
 
      18 ส.ค. 56 - เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของ อมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งสัมภาษณ์โดย อัจฉรา อัชฌายกชาติ เกี่ยวกับ "รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย กรณีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12-19 พฤษภาคม 2553" ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นำมาซึ่งกระแสต่อต้านโดยเฉพาะจากฝ่ายพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงบางส่วน และถูกวิจารณ์ในประเด็นความเป็นกลางของข้อเท็จจริง และความครบถ้วนของข้อมูล เป็นต้น 
 

ศ.ดร. อมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
 

 
โดย ขวัญระวี วังอุดม 
 
ถาม: เหตุใดรายงานของกสม.ต่อเรื่องการชุมนุมเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 เผยแพร่หลังจากรายงานของคอป. ถึงหนึ่งปี
 
ตอบ: เราถูกวิจารณ์มานานแล้วเรื่องความล่าช้า และเราก็ได้ขออภัยไปแล้ว หลังจากที่ร่างแรกของรายงานถูกตรวจทาน เราก็ได้ตั้งอนุคณะกรรมการเพื่อปรับปรุงแก้ไข และกระบวนการการเรียบเรียงใหม่ก็ต้องใช้เวลาในการขัดเกลา ทางคณะกรรมการได้ลงนามเห็นชอบในรายงานดังกล่าววันที่ 26 มิ.ย. และส่งรายงานไปยังนายกรัฐมนตรีวันที่ 17 ก.ค. ซึ่งเป็นขั้นตอนที่กำหนด
 
ถาม: ทำไมกสม.จึงไม่ทำการแถลงข่าว แต่เผยแพร่รายงานทางเว็บไซต์แทน 
ตอบ: เราถูกวิพากษ์วิจารณ์มาเยอะพอแล้ว และไม่อยากจะต้องมาหัวเสียกับเรื่องนี้อีก
 
ถาม: รายงานของคุณถูกกล่าวหาว่าอ้างอิงแต่เอกสารและปากคำจากฝ่ายรัฐ ?
 
ตอบ: ไม่เป็นความจริง ผู้ที่มาให้ปากคำกับเรามีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม เช่น ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม เราติดต่อขอสัมภาษณ์ทั้งหมด 1,000 คน แต่มีเพียง 184 คนที่ยอมมาให้การ  ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเราจะจัดพิมพ์รายละเอียดทั้งหมด รวมถึง คำสั่งการต่างๆและปากคำที่เกี่ยวข้อง แต่เราจะไม่เผยแพร่ต่อสาธารณะเว้นแต่จะมีการติดต่อขอเอกสารโดยตรง
 
ถาม: รายงานดูจะโน้มเอียงเข้าข้างรัฐบาลในขณะนั้นในการเข้าสลายการชุมนุม มากกว่ามุ่งตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
 
ตอบ: เราไม่ได้ตั้งธงไว้ รัฐมีหน้าที่ปกป้องสิทธิของประชาชน แต่ผู้ชุมนุมเองก็มีหน้าที่ที่จะไม่ก้าวล่วงขอบเขตที่กฎหมายบัญญัติไว้ การจะเรียกร้องต่อรัฐบาลเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่สิ่งที่พวกเขาทำนั้นชอบธรรมแล้วหรือ ?
 
ตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ ระบุไว้ว่าประชาชนมีสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติ ตอนที่รัฐบาลเข้าควบคุมการชุมนุม เราได้ตรวจสอบว่ามาตรการที่รัฐนำมาใช้นั้นเกินกว่าเหตุหรือได้สัดส่วนหรือไม่ 
 
ถาม: ทำไม กสม. ถึงกล่าวโทษชายชุดดำแทนที่จะอธิบายว่ารัฐทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างไรเหมือนอย่างรายงานของ คอป. ?
 
ตอบ: เราไม่ได้มีรายงานวิถีกระสุนที่ทำโดยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเหมือนอย่างที่ คอป. มีหรือจะไปตรวจสอบทิศทางการยิงอาวุธอะไรอย่างนั้นได้ เราไม่ได้ระบุว่าชายชุดดำมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายในวัดปทุม เราเพียงอ้างอิงการปรากฎตัวของพวกเขาในบางเหตุการณ์ เช่น 10 เมษา และ 13-19 พฤษภา 
 
ถาม: แต่มีคนวิจารณ์ว่าเนื้อหาของรายงานไม่ละเอียดรอบคอบ และยังตั้งคำถามต่อจังหวะเวลา (ในการจัดทำและเผยแพร่รายงาน - ผู้แปล)
 
ตอบ: ตอนนี้มีบางคดีที่เข้าสู่ชั้นศาล ฉะนั้นตามกฎหมาย กสม.ไม่มีอำนาจในให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อเรื่องเหล่านั้นได้  การเผยแพร่รายงานซึ่งดันตรงกับที่กำลังมีการอภิปราย พรบ.นิรโทษกรรมนั้นเป็นความบังเอิญ แต่อาจถูกทำให้เป็นการเมืองโดยคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์
 
ถาม: มีการเรียกร้องให้อาจารย์ลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสิทธิ อาจารย์กังวลไหม?
 
ตอบ: ไม่กังวลแต่รู้สึกหงุดหงิดและเบื่อ ใครก็ตามที่ต้องการถอดถอนเราออกจากตำแหน่งก็ต้องทำตามกระบวนการ ก็ต้องรวบรวมรายชื่อตามจำนวนที่กฎหมายบัญญัติ จากนั้นขึ้นอยู่กับวุฒิสมาชิกที่เป็นคนโหวตเลือกเราเข้ามาว่าจะเตะเราออกจากตำแหน่งหรือไม่
 

"แม่ครัวโรงทาน" ม็อบแมลงสาบเม้าสนั่น! "แก๊ง 3 ก." เตรียมไขก็อกลาออกมัดจำม็อบ



"แม่ครัวโรงทาน" ม็อบแมลงสาบเม้าสนั่น!
"แก๊ง 3 ก." เตรียมไขก็อกลาออกมัดจำม็อบ





        เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2556 ที่สวนลุมพินี ทีมงานรายงานว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ นายกรณ์ จาติกวณิช และนายกษิต ภิรมย์ ได้เดินทางมาให้กำลังใจผู้ชุมนุมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ พร้อมกับนำเสบียงอาหาร ที่ประกอบด้วย น้ำดื่ม บะหมี่สำเร็จรูป เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ ผงซักฟอก มาให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้บรรยากาศการชุมนุมคึกคักมากขึ้น


       คุณหญิงกัลยา ได้พูดบนเวทีช่วงหนึ่งว่า วันนี้มาให้กำลังใจผู้ชุมนุม ที่กำลังมาทำงานใหญ่ให้ประเทศ พร้อมแย้มว่า เราจะเดินไปด้วยกัน อย่าวอกแวกหวั่นไหว เพราะเราทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งคำกล่าวของคุณหญิงกัลยานั้น ได้ถูกนำมาพูดกันในหมู่โรงครัวของกองทัพธรรม โดยได้พูดกันปากต่อปากว่า สงสัยกลุ่มกรณ์ คุณหญิงกัลยา กษิต จะเป็น ส.ส.กลุ่มแรกที่จะลาออกมาร่วมกับม็อบ

      จากนั้น กลุ่ม ส.ส.ปชป. ได้เดินดูรอบๆที่ชุมนุม พร้อมชี้มองไปยังซุ้มศาลาไม้ พร้อมพูดหยอกล้อกันว่า วันหลังลาออกเสร็จเรามานอนกันตรงนี้ ทำให้แฟนคลับหน้ากากขาว และกลุ่มนักศึกษาอาชีวะจากสถาบันต่างๆ เข้าร่วมชุมนุมที่สวนลุมพินี ต่างดีอกดีใจกันใหญ่ พูดคุยเล่าต่อกันอย่างมากมาย

แกนนำหน้ากากวี หลาน ส.ส.ประชาธิปัตย์ถอดใจ! ประกาศพักรบ



แกนนำหน้ากากวี หลาน ส.ส.ประชาธิปัตย์ถอดใจ! ประกาศพักรบ


       วันที่ 19 สิงหาคม 2556 (go6TV) แกนนำม็อบหน้ากากวี หลาน ส.ส.ประชาธิปัตย์ ประกาศหยุดพัก ภายหลังเหตุขัดแย้งซ้ำซากในการนำม็อบหน้ากากวีที่ CTW วันอาทิตย์ที่ผ่านมา


        ผู้ใช้ชื่อไอดีว่า “ธันวา ไกรฤกษ์” ซึ่งในแวดวงเว็บไซต์พันทิพย์ และเสรีไทยเว็บบอร์ด เชื่อว่าเป็นญาติ(หลาน)ของนายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนข้อความในเฟสบุ้คส่วนตัว แสดงอาการน้อยอกน้อยใจจากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เกิดเหตุการแย่งการนำ โดยกลุ่มของ นายธันวา ต้องการพามวลชนทั้งหมดเดินไปสมทบกับกลุ่มพันธมิตรที่สวนลุมพินี ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งต้องการเดินเท้าไปหอศิลป์ เพราะไม่ต้องการให้ม็อบหน้ากากขาวถูกครอบงำโดยพรรคการเมือง โดยไอดี "ธันวา ไกรฤกษ์" ได้เขียนข้อความว่า


        “มันเป็นเหมือนการสู้ที่ไม่มีจุดหมาย ไม่มีระเบียบแบบแผน และไม่มีวันถึงชัยชนะ ไม่ใช่ว่าท้อ หรือถอย และไม่ได้ใจร้อน เพียงแต่ตั้งใจและคาดหวังไว้สูง เมื่อมาเห็นความขัดแย้งซ้ำๆเดิมๆ และการทำกิจกรรมที่เลื่อนลอย จึงขอหยุดพักการร่วมกลุ่มไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน ไปปรับกระบวนความคิดตัวเองใหม่
         ทำอะไรคนเดียว สบายใจดี หรือไม่ก็เป็นไทยเฉย ไปเลยดีกว่า ..”



        ซึ่งในโลกไซเบอร์ ได้เผยแพร่ภาพของนายจุติ ไกรฤกษ์ ขณะนำการทำกิจกรรมหน้ากากขาวในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วย

ตีแสกหน้าสมาคมนักข่าว-ฐานันดรสื่อคืออะไร !?




ฟัง "ใบตองแห้ง" คอลัมนิสต์รุ่นใหญ่ ตีแสกหน้าสมาคมนักข่าว-ฐานันดรสื่อคืออะไร !?

ที่มา : เฟซบุ๊ก ใบตองแห้ง ประชาไท

           (1) สมาคมนักข่าวออกแถลงการณ์ประณามอีกแล้ว เห็นด้วยว่าต้องประณามผู้ที่คุกคามใช้ความรุนแรงผู้มีความเห็นต่าง แต่ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต้องมีมาตรการคุ้มครองคุณพ่อคุณแม่นักข่าวเีนี่ย เกินไป รัฐบาลต้องจัดรถนำให้ บก.ข่าว บก.บห.หนังสือพิมพ์ทุึกฉบับ งั้นหรือครับ นักข่าวไม่ไ้ด้มีฐานันดรพิเศษเหนือชาวบ้านธรรมดา บางคนก็มีเรื่องส่วนตัว มีข้อขัดแย้งเชิงผลประโยชน์ ถมเถไป (กรณีนี้ก็ไม่ใช่ฟันธงได้ทันทีว่าเรื่องการเมือง)



           ส่วนที่บอกว่าใครได้รับผลกระทบจากการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เห็นว่าสื่อมวลชนใช้สิทธิเสรีภาพเกินขอบเขต สามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมายหรือใช้กลไกควบคุมจริยธรรมขององค์กรสื่อวิชาชีพสื่อ ก็พูดแบบเดิมๆ สื่อคุกคามชาวบ้านเขาไปทั่ว องค์กรวิชาชีพไม่เคยควบคุมดูแล สื่อยุยงปลุกปั่นให้ใช้ความรุนแรง ให้่้เปลี่ยนแปลงนอกระบบ องค์กรวิชาชีพเฉย หนักๆ เข้าความรุนแรงมันก็จะย้อนกลับ

ไม่รื้อระบบควบคุมดูแลกันหน่อยละครับ หรือจะเอาแต่ประณามเวลาเกิดเรื่อง
        อ้อ ผมใช้คำว่าคุกคามใช้ความรุนแรงกับ "ผู้มีความเห็นต่าง" เพราะในทัศนะผม ภัทระ คำพิทักษ์ ไม่ควรเป็นสื่อแล้ว ตั้งแต่วันที่ใช้ตำแหน่งนายกสมาคมนักข่าวปีนบันไดไต่เต้าเป็น สนช.ลอยหน้าลอยตากับคณะรัฐประหาร

----------------

         (2) รู้อยู่แล้วว่าวงการสื่อต้องเต้นเป็นถูกขี้เถ้า เพราะจรรยาบรรณข้อแรกที่สั่งสอนกันมา คือเราเป็นเทวดาผู้วิเศษ ใครแตะต้องไม่ได้ เราด่าได้ัตั้งแต่เด็กแว้นยันนายกฯ จิกหัวอย่างไรก็ได้ แต่ใครอย่ามาใช้ท่าทีไม่ดีกับเรา ถือว่า "คุกคามสื่อ" ถ้าโดนทุบรถ โดนยิง โดนระเบิด ให้ปักใจไว้ก่อนว่ามาจากการทำหน้าที่อันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่เรื่องชู้หนุ่ม-เอ๊ย-ชู้สาวหรือผลประโยชน์อื่นใด ต้องร่วมมือร่วมใจกันปกป้อง ประณาม

         อภิสิทธิ์หรือฐานันดรอันพิเศษนี้ในสายตาสื่อเป็นเรื่องธรรมดา เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพด้วยซ้ำ สื่อไม่เคยรู้สึกเลยว่าัตัวเองก็ต้องระมัดระวังการละเมิดสิทธิผู้อื่น ถ้าละเมิดหยาบหยาม มรึงก็ต้องนั่งพับเพียบฟ้องร้องเีรียน จะมาตีหัวกรูไม่ได้

        พอผมสวนเข้าให้ วงการสื่อก็เต้น แต่ยังไม่เล่นผมตรงๆ เท่านั้น (เข้าใจว่าจะเก็บความแค้นไว้เช็กบิล ฮิฮิ)

          เห็นมีแต่รุ่นน้องรายหนึ่ง เมื่อก่อนสนิทกัน ทำงานด้วยกัน บอกว่าถ้าตัดประเด็นความสัมพันธ์ส่วนตัวพี่น้องเอาไว้ก่อน พูดเฉพาะความสัมพันธ์ในบทบาทหน้าที่ เขาว่าถ้าผม "เห่า" พี่น้องในวงการว่าไม่ใช่สื่อ เขายังแฟร์พอที่จะบอกว่า ก่อนนั้นผมเป็นสื่อ แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่สื่อแถมกำลังใช้ "เดรัจฉานวิชา" ทำลายล้างคนที่อยู่ในวิชาชีพสื่อ

         แหม สะใจ ฮ่ะฮ่ะ กล้าพูดดี เล่าให้ฟังก่อนว่าน้องคนนี้เป็นพวก "ชิงชังความชั่วร้ายยิ่งกว่าความอาฆาตแค้น" สมัยทักษิณ เขาทำข่าวส่งมา ต้องโปรยหัวด่าๆๆๆๆๆ แบบใครเป็นรีไรเตอร์เผลอก๊อปลงไปคงโดนฟ้อง 20 คดี ด่าเป็นพายุบุแคม ระบายเท่าไหร่ไม่รู้จักหมด มีไฟโกรธเป็นอิินฟินิตี้ ทั้งที่บุคลิกเป็นคนสุภาพเรียบร้อย

        ผมพอเข้าใจความเกลียดทักษิณ แต่ไม่เข้าใจความเกลียดข้างเดียวที่คงกระพันมา 7 ปี ว่าเขายังมองโลกเป็นสีขาวดำขนาดนั้นหรือ ทักษิณเลว รัฐประหารดี อำมาตย์เป็นผู้วิเศษ ปชป.ประเสริฐศรี? คนทำข่าวการเมืองไม่รู้หรือว่ามันสีเทา่กันทั้งหมด ไม่ใช่โค่นล้มใครคนใดคนหนึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วจะเห็นฟ้าสีทองผ่องอำไพ

         วิชาชีพสื่อมีไว้เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิเสรีภาพ ไม่ได้มีไว้โค่นล้มการเลือกตั้ง สื่อบอกว่านัีกการเมืองเลวก็ต้องแก้ปัญหาในระบอบ ไม่ใช่ร่วมมือกับรัฐประหาร สื่อที่ร่วมมือกับรัฐประหารแล้วยังกลับมาทำหน้าที่สื่อ ลอยหน้าลอยตาว่าเป็นกลาง มีจรรยาบรรณ มันไม่ใช่แล้วครับ

          ฐานันดรสื่อ อภิสิทธิฺ์์ที่สื่อทั้งหลายได้รับการยกย่อง ที่จริงก็สืบทอดมาจากบรรพชน ที่เขาต่อต้านเผด็จการ แต่สื่อยุคปัจจุบันกลับเอาไปรับใช้อำนาจนอกระบบ โดยยังเชื่อฝังหัวว่าัตัวเองเป็นฝ่ายถูกต้อง น่าสังเวช น่าหัวเราะ สื่อบางคนยังหลอกตัวเองว่าสืบทอดอุดมการณ์อิศรา อมันตกุล, กุหลาบ สายประดิษฐ์ ผมหัวเราะท้องแข็งปนน้ำตาเล็ด ขำ เศร้า ไม่รู้จะพูดไงแล้ว

        อิศรา กุหลาบ เขาไม่ยุยงให้ทหารฆ่าประชาชนกลางเมืองเป็นร้อยหรอกครับ

        ผมเป็นสื่อหรือไม่เป็นสื่อ ก็แล้วแต่คนจะมอง เพราะผมไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์สื่อ ไม่ได้ใช้เครดิตสื่อ ไม่ได้เป็นสมาิชิกสมาคมไหน ผมพูดผมเขียนอะไรใครจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ ชั่งน้ำหนักเอง ผมทำงาน Voice TV บริษัทของตระกูลชินวัตร ก็ไม่ได้ปกปิด ไม่เคยอวดอ้างว่าเป็นคนดี เป็นกลาง แต่เราทำงานค่ายไหนก็ตาม มันก็มีเจ้าของที่มีผลประโยชน์ทั้งนั้น เหมือนทำค่ายโพสต์ก็คือตระกูลจิราธิวัฒน์ ขึ้นอยู่กับใครรู้จักวางตัวอย่างไร

         ผมไม่ปกปิดอีกเหมือนกันว่าต้องการ "ทำลายล้างอภิสิทธิ์สื่อ" แต่ไม่เห็นต้องใช้เดรัจฉานวิชาตรงไหน (หรือการย้อนแบคกราวด์รับใช้รัฐประหารคือเดรัจฉานวิชา) สื่อทำลายตัวเองอยู่แล้วจากความมีอคติ เลือกข้างตรงข้ามประชาธิปไตยมา 7 ปี สื่อถูกทำลายอยู่แล้วจากเทคโนโลยีออนไลน์  บทบาทสื่อที่ผูกขาดความถูกต้อง ดีงาม เป็นผู้ชี้นำสังคม กำลังถูกทำลายอยู่ทุกวัน เพราะผู้คนปัจจุบันรู้มากกว่าสื่อ ผู้คนแสวงหาความรู้ได้ไม่จบสิ้นในโลกออนไลน์ ฟังความเห็นดีๆ ใน fb ดีกว่าอ่านคอลัมนิดคอลัมหน่อยที่รู้บ้างไม่รู้บ้างแต่อวดรู้ ผู้คนอ่านข่าวเปรียบเทียบกันทุกสำนัก ดูข่าวย้อนหลังทาง YouTube แล้วก็สรุปได้ว่าที่สื่อพาดหัวหรือโปรยข่าวนั้นเบนบิดผิดประเด็น

         ภารกิจประชาธิปไตยที่สำคัญ ก็คือทำลายฐานันดรพิเศษของสื่อ ทำลายการผูกขาดความถูกต้อง อิทธิพลชี้นำสังคม ของสื่อนี่แหละครับ

"พานทองแท้" FB ติงบางพรรค 60 ปี ไม่เคยเปลี่ยน



"พานทองแท้" FB ติงบางพรรค 60 ปี ไม่เคยเปลี่ยน

           19 สิงหาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว https://www.facebook.com/oakpanthongtae โดยมีข้อความดังนี้



เอ่อออ...คือ

เห็นบอกว่าเป็นเพจ ชาวไทยรวมพลังปกป้องชาติและราชบัลลังก์...

ผมในฐานะคนไทย อยากเข้าร่วมปกป้องกับเขาบ้าง เลยลองเปิดเข้าไปดูครับ


         เปิดเข้าไปแล้วผมถึงกับต้องอึ้งครับนึกว่า จะมีการปกป้องสถาบันชาติและราชบัลลังก์ อย่างไรที่สร้างสรรค์กันบ้าง ปรากฏว่าทั้งเพจมีแต่บทความเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ว่าคิดโครงการนู้นโครงการนี้ แล้วคนอื่นมาขี้ตู่เอาไปบ้าง แก้ต่างให้พรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่เคยทุจริตงบสร้างโรงพักบ้าง ด่าพรรคเพื่อไทยด่าทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เรื่องนู่น-นี่-นั่นบ้าง เขียนเชียร์รองหัวหน้าพรรคฯที่ชื่อกรณ์ จาติกวณิช เสียดิบดี ราวกับเป็นงานเขียนจากเจ้าตัวหรือทีมงานของคุณกรณ์เอง แถมด้วยมีภาพวาดเหมือนตัวจริง ที่ไม่รู้ไปหามาจากไหนเพราะลอง Search ในเน็ตดูแล้วไม่มี ลงประกอบบทความไว้เสร็จสรรพ

           สรุปคือ อ่านแล้วๆไม่รู้จริงๆครับว่า ตกลงกะจะทำเพจเพื่อปกป้องชาติและสถาบัน แต่ลืมตัวเผลอถอดหน้ากากออกเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ หรือว่าจริงๆคือเพจของพรรคประชาธิปัตย์ ที่นิยมการแอบอ้างสถาบันเพื่อทำลายคู่แข่งทางการเมือง คล้ายๆกับที่เราเคยได้ยินเรื่องของ พณฯปรีดี พนมยงค์ เคยโดนไปตะโกนในโรงหนัง กันแน่

         ที่ทุเรศสุดๆในเพจนี้ก็คือ เวลาโพสต์บทความที่เขียนเชียร์ปชป. หรือด่าเพื่อไทยนี่ คนเข้ามากดไลค์กันหลายร้อยคนครับ แต่เวลาทำเนียนว่าตัวเองจงรักภักดี โพสต์รูปพระบรมฉายาลักษณ์ หรือข้อความเทิดพระเกียรติ ทั้งๆที่โพสต์ก่อนกันตั้งหลายชั่วโมง กลับมีคนกดไลค์แค่ 9คนบ้าง 22คนบ้าง 35คนบ้าง แบบนี้เด็กอมมือมันก็รู้ครับ ว่าเป็นพวกหลอกสลิ่มว่าตัวเองทำเพื่อสถาบัน แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นการแอบอ้างสถาบันเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เลวได้ใจจริงๆครับคนพวกนี้

      ลองเข้าไปดูกันก็ได้ครับ ใช้ชื่อรีจีสเตอร์ โหนเจ้าแบบสุดๆด้วยคำว่า Thai love king thai เสียด้วย ตามแอดเดรสข้างล่างนี้

www.facebook.com/thailovekingthai

        สาบสลิ่มทั้งหลายที่เข้ามาอ่านบทความนี้แล้ว จะรีบเข้าไปดูไปกด Like ให้เพิ่มขึ้น จะได้ดูเนียนๆหน่อย ผมก็ไม่ว่ากันนะครับ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป

        แต่ถ้าจะให้ดี ก็เปลี่ยนชื่อเพจไปเลยดีกว่าครับเป็น "สาวกรวมพลังปกป้องพรรคประชาธิปัตย์" ผมว่าน่าจะตรงกว่าเยอะ

เฮ้อออ..!! บางคน บางพรรคฯ บางที 60กว่าปี ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเล้ยยยย....!!

"พานทองแท้" กรีด "สันดานไทยโพสต์เชียร์พรรคประชาธิปัตย์"



"พานทองแท้" กรีด "สันดานไทยโพสต์เชียร์พรรคประชาธิปัตย์"

         19 สิงหาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว https://www.facebook.com/oakpanthongtae โดยมีข้อความดังนี้





"สันดานลูกโอ๊ค" คือพาดหัวสิ่งพิมพ์คล้ายสื่อที่ชื่อ "ไทยโพสต์"ครับ

ผมอ่านดูแล้ว เกิดคำถามขึ้นมาทันทีครับว่า

"สันดานลูกโอ๊ค" กับ "สันดานไทยโพสต์" มันแตกต่างกันตรงไหนครับ...ลุงเปลว??
           ผมพึ่งเขียนไปแหมบๆถึงเพจที่แอบอ้างตัวเองว่า ปกป้องชาติและราชบัลลังก์ แต่เนื้อหาข้างในเชียร์และแก้ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ราวกับว่าตนเองเป็นสมาชิกพรรคลำดับต้นๆ มาวันนี้ผมพูดได้เต็มปากเลยครับว่า "ไทยโพสต์" ก็ทำตัวในลักษณะนี้มาตลอดเช่นเดียวกัน

           ใจจริงผมไม่อยากเรียกไทยโพสต์ว่าสื่อครับ ถ้าจะให้เรียกสื่อจริงๆก็ต้องใช้คำว่า "สื่อเลือกข้าง" มากกว่า เพราะไทยโพสต์ก็เหมือนเพจที่ว่านะแหละ หัวกระดาษเป็นสื่อแต่ภายในมิได้แตกต่างจากเพจชื่อโหนเจ้า แต่เนื้อในเขียนเชียร์แต่พรรคประชาธิปัตย์ และด่าแต่พรรคเพื่อไทย..!!

          ไม่มีใครอยากทะเลาะกับสื่อหรอกครับ ผมต้องกราบขอโทษพี่ ๆ สื่อมวลชนทุกท่านทุกฉบับ ที่เด็กน้อยคนนี้บังอาจแตะต้องสื่อ แต่ก็ต้องกราบรบกวนให้ลองอ่านไทยโพสต์แต่ละฉบับดูครับ หากสิ่งพิมพ์ฉบับนี้เขียนในสิ่งที่เป็นกลาง พานทองแท้ทำไรผิด จะดุด่า ว่ากล่าว ตักเตือน ผมจะถือว่าเป็นการติเพื่อก่อ พร้อมรับและพร้อมที่จะขอโทษหากได้ทำในสิ่งผิดครับ แต่กรณีของสิ่งตีพิมพ์ที่ชื่อไทยโพสต์ เขียนมาโดยตลอดนั้นผมว่ามันไม่ใช่

        ลองย้อนกลับไปอ่านโพสต์ของผมเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ดู แล้วเปรียบเทียบกับเนื้อหาในพาดหัว "สันดานโอ๊ค" ดูสิครับ ว่าผมเขียนจริงตามที่ไทยโพสต์ว่าไว้หรือเปล่า ตอนจบของบทความผมก็เขียนไว้ชัดเจนว่า แต่ละพรรคฯต้องมีมาตรการขั้นเด็ดขาด เพื่อที่จะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ยังไม่ดีอีกหรือครับ ต้องให้ผมพูดว่า ประชาธิปัตย์เปิดดูรูปโป๊ถือว่าเป็นศิลปะ แต่พอเพื่อไทยเปิดดูมั่ง..ถือว่าลามก เลือกข้างอย่างที่ไทยโพสต์นิยมทำ ถึงจะถูกใจลุงเปลวละกระมัง
        ผมทราบดีครับว่าเขียนแบบนี้แล้ว วันพรุ่งนี้ผมจะต้องเจอไรจากไทยโพสต์มั่ง....โอ๊คเพ้อ..., โอ๊คสำรอก..., โอ๊คละเมอ..., เผลอๆก็จะมี โอ๊คติดยา..โอ๊คลอกข้อสอบ ตามแบบฉบับที่สลิ่มสมองกลวง ใช้เป็นสูตรสำเร็จเวลาที่จนมุมเถียงไม่ออก แต่ฝากไว้อย่างเดียวครับว่า คำหยาบคายที่จะเป็นตัวอย่างไม่ดีแก่เยาวชนนั้นเลิกเถอะครับ และคำหยาบคายเพียงคำเดียวที่ผมเขียนในที่นี้ ก็เป็นการเขียนตามมาตรฐาน ที่สิ่งพิมพ์ที่ชื่อไทยโพสต์ใช้พาดหัวคือคำว่า "สันดาน" เพียงคำเดียวเท่านั้น

         "สันดานลูกโอ๊ค" กับ "สันดานไทยโพสต์" ถ้ามันจะแตกต่างกันบ้าง ก็ตรงที่ "สันดานลูกโอ๊ค" นั้นมาจากการเชียร์พ่อของตัวเองครับ ยังไงๆลูกก็ต้องเชียร์พ่อของตัวเอง และยืนเคียงข้างพ่อ โดยที่ไม่ต้องมีอามิสสินจ้างใดๆมาจูงใจ และที่น่ายินดีก็คือ คนส่วนใหญ่ของประเทศนี้เชียร์คุณพ่อ อย่างที่ผมอยากให้เป็นครับ

         ส่วน "สันดานไทยโพสต์" ที่คอยเชลียร์และยืนเคียงข้างพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอดนั้น ผมไม่ทราบว่าจะมีความสัมพันธ์ หรือมีอามิสสินจ้างใดๆมาจูงใจหรือไม่ และที่น่าเห็นใจก็คือ คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้เชียร์พรรคประชาธิปัตย์ อย่างที่ไทยโพสต์อยากให้เป็นครับ

        ที่น่าสังเกตุอีกอย่างก็คือ "สันดานไทยโพสต์เชียร์พรรคประชาธิปัตย์" นั้น เชียร์กันมากกว่า "สันดานลูกโอ๊คเชียร์พ่อตัวเอง" หลายเท่าตัวครับ..!!