มีนักศึกษา 3 ราย และทายาทคณะราษฎรรุ่นหลานแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.ดุสิต ให้เจ้าหน้าที่ติดตามเรื่องหมุดคณะราษฎรว่าหายไปได้อย่างไร โดยตำรวจรับเรื่องเพราะทรัพย์ที่หายเป็นของราชการ-ผู้ใดก็ได้สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษ ขณะที่หลานชายหลวงเสรีเริงฤทธิ์ชี้เป็นหมุดบันทึกประวัติศาสตร์ เป็นของคนไทยทุกคน พร้อมถาม "อภิสิทธิ์" จะไม่ออกมาพูดหน่อยหรือ ทั้งที่ประชาธิปัตย์ก็กำเนิดขึ้นโดยหนึ่งในคณะราษฎร
16 เม.ย. 60 ที่ สน.ดุสิต กรุงเทพมหานคร มีผู้เดินทางมาแจ้งความขอลงบันทึกประจำวันให้ช่วยติดตามหมุดคณะราษฎรที่ลานพระบรมรูปทรงม้าหายไป ได้แก่ พริษฐ์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อายุ 30 ปี หลานชาย หลวงเสรีเริงฤทธิ์ นอกจากนี้ยังมี ภัคจิรา กีรติวิบูลย์วงศ์ อายุ 19 ปี นิสิตปี 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สุทธิดา วัฒนสิงห์ อายุ 21 ปี นิสิตปี 3 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคุณภัทร คะชะนา อายุ 22 ปี นิสิตปี 4 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทั้งนี้หมดเข้าพบ ร.ต.อ.มอ ระนา รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ดุสิต เพื่อขอลงบันทึกประจำวัน
โดยภัคจิรา ระบุว่า หลังจากทราบข่าวทางอินเทอร์เน็ต จึงเข้าลงบันทึกประจำวันพร้อมมาสอบถามว่าหมุดดังกล่าวหายไปได้อย่างไร ใครเป็นผู้ที่เอาไป และทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ยังไม่ได้สอบถามเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณลานพระรูปทรงม้า ว่าพบเห็นใครมาเอาหมุดดังกล่าวออกไป อย่างไรก็ตามจะคอยติดตามเรื่องนี้จนกว่าจะทราบว่าหมุดดังกล่าวหายไปได้อย่างไร
ในคำร้องแจ้งความของกลุ่มนักศึกษาระบุว่า "รู้สึกกังวลใจเนื่องจากหมุดนี้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร ถือเป็นโบราณวัตถุของชาติประเภทหนึ่ง เนื่องจากมีอายุเก่าเกิน 50 ปี คือมีอายุ 81 ปีแล้ว อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญของประเทศ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการขึ้นทะเบียนในราชกิจจานุเบกษาก็ตาม จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนและติดตามโดยเร็ว"
ขณะที่พริษฐ์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขออาสาเป็นหนังหน้าไฟแทนผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมไทยที่ไม่สบายใจ เนื่องจากตัวเขาอายุยังไม่มาก คิดว่าคงได้รับความเมตตาจากผู้หลักผู้ใหญ่ สำหรับหมุดนั้นเป็นสิ่งที่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่าเราได้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุดในประเทศไทย
ส่วนของลูกหลานคณะราษฎรมีทั้งที่พอใจและไม่พอใจ จึงขออาสามาในวันนี้ ด้วยความที่คณะราษฎรมีผู้เกี่ยวข้องทั้งพลเรือนและทหารจำนวนมากในยุคนั้น บุคคลเหล่านั้นยังอยู่ในราชการเป็นจำนวนมากและมีลูกหลานเติบโตต่อมา หลายท่านที่เป็นตำรวจ ทหารที่ทั้งรับราชการและไม่รับราชการ มีการใช้คำพูดรุนแรงมาก จึงมาเป็นตัวแทน เพราะอยากทราบว่าหมุดคณะราษฎรหายไปได้อย่างไร และอยู่ที่ไหน จะดำเนินการอย่างไร ไม่ได้จะเอาเป็นเอาตายแต่อย่างใด เรื่องผ่านมาจะ 100 ปีแล้ว ผู้ใหญ่ของตนก็ทำงานกับฝ่ายความมั่นคงของท่านรองนายกรัฐมนตรี ตัวเขาเองก็เรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ รุ่นเดียวกับลูกท่านนายกรัฐมนตรีด้วย
สุดท้ายอยากถามไปยังรุ่นพี่ที่รักคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่าพรรคของท่านพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่และได้กำเนิดขึ้นมาโดยหนึ่งในคณะราษฎรคนหนึ่ง ท่านไม่คิดจะออกมาพูดหรือแสดงความรับผิดชอบบ้างเลยหรือ หมุดคณะราษฎรไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นของประชาชนคนไทย อย่างไรก็ตามตนได้ไปสอบถามทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วในเมื่อท่านบอกไม่ทราบตนก็เคารพในคำตอบ
ด้าน ร.ต.อ.มอ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้แล้ว ผู้กล่าวหามาขอลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้วให้ช่วยติดตามทรัพย์สินที่หายไปคืนมา สำหรับทรัพย์สินที่หายไปนั้นเป็นทรัพย์สินของทางราชการ เป็นผู้ใดก็ได้ที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษ อย่างไรก็ตามในเรื่องดังกล่าวจะต้องนำเรียนผู้บังคับบัญชาให้พิจารณาต่อไป