วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

โต้ข่าวลือ ม๊อปไอ้เทือกอ้าง หลวงพ่อคูณมรณภาพ

ลูกศิษย์โต้ข่าวลือมรณภาพ ยัน 'หลวงพ่อคูณ' แข็งแรง


ลูกศิษย์ใกล้ชิดยืนยัน "หลวงพ่อคูณ" ยังแข็งแรงดี โต้ข่าวลือละสังขาร มั่นใจข่าวลือเป็นเหมือนการต่ออายุให้เท่านั้น


ลูกศิษย์โต้ข่าวลือมรณภาพ ยัน 'หลวงพ่อคูณ' แข็งแรง

          เว็บไซต์ไทยรัฐ รายงานว่า นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือ "ไก่โต้ง" เลขานุการส่วนตัว พระเทพวิทยาคม หรือ "หลวงพ่อคูณปริสุทโธ" เกจิอาจารย์ชื่อดังและเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา และเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดคอยปรนนิบัติ กล่าวถึงกรณีข่าวลือหลวงพ่อคูณละสังขาร ที่มีการแชร์ภาพพระชั้นผู้ใหญ่รูปพระรูปร่างผอมนอนสวมหมวกไหมพรหมสีเหลืองคล้ายกับหมวกไหมพรหมหลวงพ่อคูณที่ชอบสวมในช่วงอากาศหนาวเย็น ว่า จากการตรวจสอบภาพใบหน้าทุกคนยืนยันว่า ไม่ใช่หลวงพ่อคูณ

          แต่พี่น้องประชาชนศิษยานุศิษย์ไม่หายสงสัยต่างโทรศัพท์ตรวจสอบกับลูกศิษย์ ใกล้ชิดจ้าละหวั่น รวมทั้งที่วัดบ้านไร่ "หลวงพ่อยังสบายดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรเลย ท่านยังพักผ่อนอยู่ภายในกุฏิ จำวัดได้ดี สุขภาพแข็งแรง ออกกำลังกาย ปั่นจักรยานได้คล่อง อารมณ์ดี แม้สภาพอากาศจะหนาวเย็นบ้าง ซึ่งภายในห้องมีเครื่องปรับอุณหภูมิพอเหมาะกับสภาพร่างกายของหลวงพ่อ คิดว่ากระแสข่าวที่ออกมาเป็นการปล่อยข่าว ไม่เป็นความจริง" 
          ลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ กล่าวนายสมบูรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนวัตถุประสงค์ทำอย่างนี้เพื่ออะไรเราก็ไม่ทราบ กระแสข่าวอย่างนี้ออกมาบ่อยๆ อยู่แล้ว น่าจะเป็นการต่ออายุให้ท่าน ซึ่งตนยืนยันได้ว่า ท่านยังแข็งแรงดี ข่าวแบบนี้มันปิดกันไม่ได้หรอก ขอฝากไปยังศิษยานุศิษย์ญาติโยมว่าอย่าได้ตื่นตระหนก และอย่าเชื่อการปล่อยข่าว ซึ่งทางคณะกรรมการวัดบ้านไร่ พร้อมที่จะชี้แจงให้ศิษยานุศิษย์ญาติโยมหายจากข้อข้องใจสงสัยต่อไป

"รัฐบาล"ยันไม่สลายชุมนุม วอนหันหน้าเจรจาร่วมกัน


"รัฐบาล"ยันไม่สลายชุมนุม วอนหันหน้าเจรจาร่วมกัน

รัฐบาลรับห่วงสถานการณ์ชุมนุมนำไปสู่ความรุนแรง ยืนยันไม่ใช้วิธีสลายการชุมนุม วอนหันหน้าพูดคุยหาทางออกร่วมกัน



          รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน เช้าวันนี้ ช่วงแรกพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและพลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ จัดรายการร่วมกัน

          โดยพลตำรวจเอกประชา ยืนยันว่าทุกกลไกการทำงานของรัฐบาลยังสามารถดำเนินการไปได้ตามปกติ การให้บริการประชาชนยังสามารถทำได้ครบถ้วน แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจะบุกยึดหน่วยงานราชการทั้งที่กระทรวงการคลัง และศูนย์ราชการ แต่ยอมรับว่ามีความกังวลใจในเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ โดยเฉพาะจะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีซึ่งถือเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวของประเทศ พลตำรวจเอกประชา ยังยืนยันในท่าทีของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดเวทีการเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะข้อเสนอของนายสุเทพ ขณะนี้ไม่สามารถทำได้ตามหลักรัฐธรรมนูญ

         ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลการชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่มีการเข้าสลายการชุมนุมอย่างเด็ดขาด แม้ว่าจะมีความพยายามยั่วยุเพื่อให้เกิดความรุนแรง เจ้าหน้าที่จะยึดหลักกฏหมายอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามหลักการจากเบาไปหาหนัก มั่นใจว่าการบังคับใช้กฏหมายตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ยังสามารถทำงานได้ดี

          ขณะที่ทั้ง ผบ.ตร. และเลขาฯ สมช.ยืนยันว่าม็อบขณะนี้เป็นม็อบการเมือง ที่มีเป้าหมายต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ยุทธวิธีในการต่อสู้จึงเปลี่ยนไปตลอดเวลา ทำให้มองได้ว่าแกนนำการชุมนุมขาดความชอบธรรมไปเรื่อย ๆ เพราะไม่สามารถอธิบายจุดหมายที่แท้จริงกับสังคมได้ ดังนั้นในส่วนของรัฐบาลจำเป็นต้องสื่อสารทำความเข้าใจกันประชาชนให้มากขึ้น พร้อมกับย้ำว่าขณะนี้แกนนำผู้ชุมนุมกำลังกระทำผิดกฏหมายในการบุกรุกสถานที่ราชการซึ่งมีความผิดอาญา การปฏิบัติตามคำสั่งแกนนำจะทำให้ผู้ร่วมชุมนุมมีความผิดไปด้วย

          ช่วงที่ 2 ของรายการฯ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และนายวราเทพ รัตนากร ชี้แจงถึงข้อกล่าวหาการประกาศไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่นายสุเทพ ใช้ปลุกระดมการชุมนุมอยู่ในขณะนี้ โดยย้ำว่ารัฐบาลไม่เคยแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องของ ส.ส.ผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการประกาศไม่รับอำนาจศาลของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็เป็นไปเฉพาะในประเด็นที่เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจวินิจฉัยในเรื่องการแก้ไขร่าง รธน.เท่านั้น ซึ่งก็สอดคล้องกับความเห็นของนักวิชาการและนักกฏหมายส่วนใหญ่ในขณะนี้ พร้อมกับย้ำว่าข้อเสนอของนายสุเทพ ทั้งการตั้งรัฐบาลประชาชนและสภาประชาชน ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และไม่ได้เป็นไปตามกลไกที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้มองว่าหากกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง ก็ควรกลับเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตย เพราะเมื่อถึงเวลาประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกรัฐบาลผ่านการเลือกตั้ง ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมที่จะเปิดให้มีการพูดคุยเจรจา ซึ่งขณะนี้เริ่มมีผู้เสนอตัวเข้ามาเป็นคนกลางมากขึ้น โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนในทุกวิธีที่เห็นว่าจะเป็นทางออกที่ดีของประเทศ

จับอาวุธปืนอีกแล้ว!! พกเข้าร่วมชุมนุมม็อบประชาธิปัตย์ตอนตี 3


จับอาวุธปืนอีกแล้ว!! พกเข้าร่วมชุมนุมม็อบประชาธิปัตย์ตอนตี 3






         เมื่อวันที่ 30 พ.ย.56 เวลาประมาณ 03:37 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้งด่านตรวจความมั่นคง บริเวณแยกประชาเกษม ได้จับกุมตัว นายเอก เถาทอง อายุ 31 ปี ในข้อหา

  • 1.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • 2.พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
ของกลางปืนออโตเมติก ยี่ห้อโคลท์ ขนาด 11มม. พร้อมกระสุนปืน 2 นัด

ชาวเน็ตแห่แชร์ ภาพเตือนม็อบประชาธิปัตย์หน้ารามฯ เตรียมก่อเหตุจ้องทำร้ายเสื้อแดง


ชาวเน็ตแห่แชร์ ภาพเตือนม็อบประชาธิปัตย์หน้ารามฯ
เตรียมก่อเหตุจ้องทำร้ายเสื้อแดง



          30 พฤศจิกายน 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์จำนวนมาก ต่างแชร์ภาพกราฟิก ที่มีข้อความระบุว่า "เทพไท เสนพงศ์ เกณฑ์ลูกหาบเด็กใต้รามฯ จ้องดักทำร้ายเสื้อแดงคืนนี้ หากพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติ โปรดแจ้งตำรวจทันที"

         ทั้งนี้ ข้อความแจ้งเตือนดังกล่าว สอดรับกับการเคลื่อนไหวของผู้ที่อ้างว่าเป็นเครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ได้ตั้งเวทีปราศรัยปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังต่อกลุ่มคนเสื้อแดงและ ต่อประชาชนที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย โดยเวทีดังกล่าวเริ่มมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มผู้ชุมนุมม็อบประชาธิปัตย์ก็ถูกทำร้ายร่างกายแล้ว หลายรายในบริเวณพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร



รู้หรือยังว่า ใครอยู่เบื้องหลังไอ้เมือก


ไอ้สงตัวบงการ


ไอ้สานบัญญัติ

ไอัสัตว์เป็นแกนนำ


ไอ้ระยำเป็นแกนนอน




"ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย?"

"ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย?"

          ด้วยเงื่อนไขเวลา สถานที่ แกนนำและประเด็นชนวนที่ต่างออกไปบ้าง ม็อบเทพเทือกปัจจุบันกับม็อบพันธมิตรฯเมื่อปี 2549 + 2551 ละม้ายเหมือนกันเป็นพิมพ์เดียวทั้งในแง่....

 
-วาทกรรม (ราชาชาตินิยม)
-ยุทธศาสตร์ (ปฏิรูประบอบการเมืองไปในทิศทางลดอำนาจที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนลง เพิ่มอำนาจของบรรดาสถาบันที่ไม่ได้มาจากเสียงข้างมาก)
-ยุทธวิธี (ก่่อม็อบอนาธิปไตย ยึดสถานที่ราชการ ให้รัฐเป็นอัมพาตทำงานไม่ได้)
-เป้าหมายเฉพาะหน้า (ล้มรัฐบาล)
-และวิสัยทัศน์ทางการเมือง (ระบอบกึ่งประชาธิปไตยใต้การกำกับของทหารและคณะตุลาการคุณธรรม)
 
จะเรียกว่าคุณสุเทพ เทือกสุบรรณกับพรรคประชาธิปัตย์กำลังผลิตซ้ำ/ทำซ้ำแบบแผนการชุมนุมของคุณสนธิ ลิ้มทองกุลกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี 2549 + 2551 ก็ย่อมได้
 
ในแง่หนึ่งมันสะท้อนว่าแนวทางการนำพรรคประชาธิปัตย์ของคุณอภิสิทธิ์-สุเทพในรอบ ๒ ปีที่ผ่านมาได้บรรลุถึงบทสรุปตามตรรกะของมันแล้ว 
 
คือแปรพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านอนุรักษ์นิยม-กษัตริย์นิยมในสภาจากการเลือกตั้ง ให้กลายเป็น --> ขบวนการมวลชนและกองโฆษณาชวนเชื่อราชาชาตินิยม-ปฏิกิริยา-อนาธิปไตยบนท้องถนนที่ถล่มโจมตีเข้ายึดสถานที่ราชการเพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลจากการเลือกตั้งและต่อต้านระบอบประชาธิปไตย
 
พูดอีกอย่างก็ได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ถูก ASTV-Manager/PADization (เอเอสทีวี-ผู้จัดการ/พันธมิตรานุวัตร) ไปแล้วเรียบร้อย
 
ทว่าลึกกว่านั้น มันยังสะท้อนบางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบการเมืองการปกครองของไทยเราในเชิงโครงสร้าง
 
ลองจินตนาการดูว่าสมมุติคณะแกนนำการประท้วงม็อบเทพเทือก-กปท.-คปท.ขณะนี้ ไปจุติในภพภูมิเสรีประชาธิปไตยเต็มใบที่ไหนสักแห่ง และมีความขุ่นแค้นขัดเคืองไม่พอใจรัฐบาลดังกล่าวทางการเมือง ต้องการล้มรัฐบาล พวกเขาจะทำอะไรอย่างไร?
 
ชุมนุมยืดเยื้อกลางถนนหรือ? กดดันกองทัพให้แทรกแซงทางการเมืองหรือ? ขออำนาจพิเศษนอกเหนือรัฐธรรมนูญให้ช่วยเปลี่ยนตัวนายกฯ ตั้งสภาประชาชนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ปฏิรูปการเมืองให้ทีหรือ? ฎีกาประมุขรัฐหรือ? บุกยึดสถานที่ราชการไม่ยอมออกและระดมมวลชนให้ช่วยมาปกป้องตัวเองทีกระนั้นหรือ?
 
ถ้าทำแบบนี้ที่โน่น จะชนะหรือ? จะ make sense หรือ? 
 
ก็คงไม่ ใช่ไหมครับ เรียกว่า crazy & go berserk ชิบเป๋งเลย ชาวบ้านชาวเมืองที่นั่นคงพากันงงเป็นไก่ตาแตกและหัวเราะท้องคัดท้องแข็งว่ากำลังเล่นตลกอะไรกันหว่า...
 
ถ้าอยากชนะที่นั่นก็ต้องสู้ในสภาและสนามเลือกตั้ง สร้าง/ปรับพรรคใหม่ สร้าง/ปรับแนวทางนโยบายใหม่ สร้าง/ปรับองค์การจัดตั้ง หัวคะแนนผู้ปฏิบัติงาน เครือข่ายพันธมิตรใหม่ เพื่อสะสมกำลังรอกระโดดเข้าต่อสู้ในเวทีเลือกตั้งรอบหน้ากับพรรครัฐบาลให้ชนะ
 
แต่การที่เขาไม่ทำแบบนั้น แต่กลับเลือกทำแบบนี้ที่นี่ เป็นชุดเป็นแบบแผนอันเดิมอันเดียว ซ้ำรอยที่พันธมิตรฯทำเมื่อปี 2549 + 2551 และ "เชื่อมั่น" ว่ามีทางจะชนะ ล้มรัฐบาล/รัฐสภาและฉีกรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ จนยอมเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงติดคุกติดตะรางหรือกระทั่งเสี่ยงชีวิตนั้น สะท้อนว่าเขาเห็นและมันมีอะไรบางอย่างในโครงสร้างการเมืองการปกครอง "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ของเราที่เปิดช่องทางโอกาสให้พวกเขาคาดหวังอย่างนั้นได้
 
"โครงสร้างโอกาสทางการเมือง" (political opportunity structure) ภายในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดังกล่าว ที่เปิดช่องให้ล้มรัฐบาล/รัฐสภาและฉีกรัฐธรรมนูญได้แบบที่พันธมิตรฯได้เคยทำและม็อบเทพเทือกกำลังพยายามทำ คืออะไร? อยู่ตรงไหน? จะปิดช่องทางดังกล่าวเพื่อผลักดันความขัดแย้งทางการเมืองให้กลับเข้าไปในกติการะบบระเบียบของระบอบประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งปกติได้อย่างไร?
 
น่าคิดนะครับ
 
อย่างไรก็ตาม มีคำเตือนของคาร์ล มาร์กซ เกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์ซ้ำรอยน่าฟัง สำหรับผู้กำลังคิดผลิตซ้ำ/ทำซ้ำประวัติศาสตร์ใหม่ได้ลองนำไปพินิจพิจารณาเป็นอนุสติดังภาพประกอบด้านล่างนี้
http://blogazine.in.th/blogs/kasian/post/4466#sthash.U8hlQ5Op.dpuf

อดีตแกนนำ PNYS แถลงเยาวชนปาตานีไม่เกี่ยวข้องเหตุดักทำร้ายคนเสื้อแดง

อดีตแกนนำ PNYS แถลงเยาวชนปาตานีไม่เกี่ยวข้องเหตุดักทำร้ายคนเสื้อแดง

          อดีตรองประธานกลุ่มนักศึกษา PNYS ออกแถลงการณ์ส่วนตัวระบุมีผู้ปล่อยข่าวดักทำร้าย เพื่อทำให้คนเสื้อแดงเข้าใจผิด ยืนยันว่าเยาวชนปาตานีไม่มีวันสนับสนุนฝ่ายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และความเป็นพลเมืองไทยที่ต้องยอมจำนนกับความไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ตอบโจทย์การต่อสู้ชาวปาตานี
            29 พ.ย. 2556 - ตามที่มีข่าวมีกลุ่มวัยรุ่นดักทำร้ายผู้ชุมนุม นปช. บริเวณซอยมหาดไทย หรือรามคำแหง 53 และบริเวณใกล้เคียงสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานซึ่งเป็นที่ชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดงนั้น ล่าสุดวันนี้ (29 พ.ย.) ตูแวดานียา ตูแวแมแง อดีตรองประธานฝ่ายการเมืองกลุ่มนักศึกษา PNYS ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา ได้เผยแพร่แถลงการณ์ส่วนตัว "สาส์นจากอดีตกรรมการบริหารกลุ่ม PNYS ปี48 ถึงประชาชนไทยผู้รักประชาธิปไตยทีแท้จริง" ยืนยันว่านักศึกษาชาวมลายูปาตานี ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุดักทำร้ายคนเสื้อแดง โดยเชื่อว่าเป็นเจตนาร้ายของผู้ต้องการสร้างความเข้าใจผิด
         ในท้ายจดหมายเขาเชื่อว่าเป้าหมายของนักศึกษาและเยาวชนมลายูปาตานีคือจะต้อง "กำหนดชะตากรรมตนเองด้วยตนเอง" และทิ้งท้ายว่า "เชื่อว่าอำนาจเผด็จการทรราชต้องมีวันหมดไปบนผืนแผ่นดินไทย ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจงชนะ อำนาจรัฐต้องเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง" โดยรายละเอียดของคำแถลงมีดังนี้
000
สาส์นจากอดีตกรรมการบริหารกลุ่ม PNYS ปี48 ถึงประชาชนไทยผู้รักประชาธิปไตยทีแท้จริง
PNYS เป็นกลุ่มนักศึกษาปาตานีหรือจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งศึกษาอยู่ที่เมืองหลวงเสียส่วนใหญ่ รวมตัวกันบนพื้นฐานของการปกป้องอัตลักษณ์และสิทธิทางการเมืองของภาคประชาชนที่พึงมีพึงได้ตามเจตนารมณ์ของหลักการประชาธิปไตยซึ่งอำนาจการปกครองเป็นของประชาชน มาจากประชาชน โดยประชาชนและนิยามคำว่าชาติคือประชาชนไม่ใช่ชนชั้นปกครอง
ในฐานะที่ผมเป็นอดีตรองประธานฝ่ายการเมือง PNYS ปี 48 รองนายกองค์การนักศึกษาม.รามคำแหงคนที่ 1 ปี 49 และอดีตประธานเครือข่ายนักศึกษาเพื่อพิทักษ์ประชาชน ปี 50 ซึ่งเป็นปีที่ขบวนการนักศึกษาแห่งประเทศไทยได้ผนึกกำลังเคลื่อนไหวอย่างแข็งขันเพื่อต่อต้านความเป็นเผด็จการซ่อนรูปประชาธิปไตยและความเป็นจักรวรรดินิยมสยามของชนชั้นปกครองไทย โดยมีจุดเริ่มต้นการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่สมรภูมิรบปาตานี ณ มัสยิดกลางปัตตานีเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม - 4 มิถุนายน 2550
จากการที่มีกระแสข่าวว่าพี่น้องจากปาตานีหรือชายแดนใต้มีเอี่ยวในการดักทำร้ายมิตรสหายเสื้อแดงนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในบริเวณย่าน ม.รามคำแหง ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่การเคลื่อนไหวของมิตรสหายเสื้อแดงนั่นคือ ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการบริหารกลุ่ม PNYS ปัจจุบันแล้ว ปรากฎว่ากระแสข่าวดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าแหล่งข้อมูลที่ปล่อยกระแสข่าวนี้ มีเจตนาร้ายที่จะทำให้มิตรสหายเสื้อแดงได้ผิดใจและบานปลายจนเกิดความแตกแยกในทางยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวเพื่อดำรงซึ่งหลักการประชาธิปไตยอันมีเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนเป็นตัวกำหนดทิศทางคุณภาพชีวิตของปวงชนชาวไทยในอนาคต
ดังนั้นข้าพเจ้านายตูแวดานียา ตูแวแมแง ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) มีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ระหว่างการเคลื่อนไหวโดยการชุมนุมทางการเมืองอย่างสันติของทั้งฝ่ายที่มีจุดยืนจะโค่นล้มระบอบทักษิณและฝ่ายที่จะปกป้องซึ่งหลักการประชาธิปไตย อยู่ๆ ก็มีการใส่ร้ายป้ายสีพี่น้องนักศึกษาปาตานีหรือชายแดนภาคใต้เกี่ยวข้องกับการซุ่มดักทำร้ายมิตรสหายพี่น้องประชาชนเสื้อแดง และเชื่อมั่นว่ามิตรสหายพี่น้องเสื้อแดงคงไม่คล้อยตามกระแสข่าวที่มีเจตนาร้ายดังกล่าว และเนื่องจากความเป็นนิติรัฐภายใต้การเรียกตัวเองว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้กระทำการอย่างรุนแรงและไร้ซึ่งความเคารพต่อหลักมนุษยธรรมต่อประชาชนชาวปาตานีในท่ามกลางรัฐได้เปิดศึกการสู้รบอย่างเป็นทางการกับขบวนการปฏิวัติแห่งชาติปาตานี (BRN) มาเป็นทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบ ไอร์ปาแย บ้านกือทอง บาซาลาแป ปูโละปูโย เป็นต้น จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการยอมรับผิดและลงโทษผู้กระทำผิดโดยรัฐแต่อย่างใด และไม่มีแนวโน้มแม้แต่นิดเดียวถ้าตราบใดเจตจำนงเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนถูกแทรกแซงโดยอำนาจเผด็จการที่ไร้รูปแบบตายตัว ที่เจ้าหน้าที่รัฐจะได้รับการลงโทษตามกฎหมาย จึงไม่แปลกที่ขบวนการนักศึกษา ประชาชนชาวปาตานีไม่มีท่าทีทางการเมืองใดๆ ต่อวิกฤติการณ์ประชาธิปไตยในครั้งนี้ เพราะเจตจำนงการเคลื่อนไหวทางการเมืองของขบวนการนักศึกษา ประชาชนชาวปาตานีได้หมดความศรัทธาต่อประชาธิปไตยไทยแล้ว ความเป็นพลเมืองไทยที่ต้องยอมจำนนกับความไม่เป็นประชาธิปไตย จึงไม่ใช่การตอบโจทย์การต่อสู้ของชาวปาตานี การกำหนดชะตากรรมตนเองด้วยตนเองต่างหากคือโจทย์ของขบวนการนักศึกษาและประชาชนชาวปาตานี
แม้ว่าเราไม่ออกเคลื่อนไหวใดๆเพื่อเป็นการคัดค้านฝ่ายไม่ถูกต้องด้วยเหตุและผลข้างต้น แต่เราก็จะไม่มีวันสนับสนุนฝ่ายที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นประชาธิปไตยแน่นอน เราขอสัญญา หวังว่ามิตรสหายผู้รักประชาธิปไตยที่แท้จริงจะเข้าใจ
ไม่ช้าก็เร็วตราบใดประชาชนยังผนึกกำลังสานสามัคคี มีเอกภาพในเป้าหมาย และแยกมิตรแยกศัตรูได้ชัดเจน เชื่อว่าอำนาจเผด็จการทรราชต้องมีวันหมดไปบนผืนแผ่นดินไทย ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจงชนะ อำนาจรัฐต้องเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
ด้วยจิตรักประชาธิปไตยและสันติภาพ
ตูแวดานียา ตูแวแมแง
ผู้อำนวยการสำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR)

15 ข้อ ที่คุณอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ

15 ข้อ ที่คุณอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ (หรือเคยรู้แต่อาจหลงลืมไป)


  • 1. นายสุเทพสำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2515 และสำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาโท M.A. Political Sciences จาก Middle Tennesse State University ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2518
  • 2. นายสุเทพได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น กำนันตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อจากกำนันจรัส ผู้เป็นบิดา และชนะเลือกตั้ง ทำให้ได้เป็นกำนันขณะมีอายุเพียงประมาณ 26 ปี
  • 3. นายสุเทพมีน้องชายเป็นนักการเมืองสองคนคือ นายเชน เทือกสุบรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และนายธานี เทือกสุบรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี
  • 4. นายสุเทพ เข้าสู่วงการเมืองระดับประเทศ ได้เป็น ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัยแรกเมื่อปี พ.ศ. 2522 และหลังจากนั้นสามารถชนะเลือกตั้ง ได้เป็น ส.ส. อย่างต่อเนื่องถึง 10 สมัย และดำรงตำแหน่งสำคัญระดับรัฐมนตรี คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
  • 5. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรมต.ครั้งแรกใน คณะรัฐมนตรี คณะที่ 44 ของไทย (5 สิงหาคม พ.ศ. 2529 - 3 สิงหาคม พ.ศ. 2531)
  • พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยรับตำแหน่ง รมต.ช่วยเกษตรและสหกรณ์
  • 6. โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 396 แห่ง มูลค่า 5,848 ล้านบาท เข้าข่ายการฮั้วประมูล เพราะมีการรวบสัญญาการดำเนินการมาเป็นสัญญาเดียว จากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอให้มีการทำเป็นหลายสัญญา
  • เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ มีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี มีสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุการอนุมัติโครงการดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2552 ต่อมา สุเทพยกเลิกแนวทางการจัดจ้างเป็นรายภาค ให้จัดจ้างรวมกันทั้งหมดแทน เมื่อ 11 ต.ค.2553 เลยทำให้มีบริษัทเดียวที่ชนะการประมูลการก่อสร้างในครั้งนี้ไป
  • 7. สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุเทพถูกพรรคฝ่ายค้านคือ พรรคชาติไทย ที่มีนายบรรหาร ศิลปอาชาเป็นหัวหน้าพรรค เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณีเกิดการทุจริตในการแจกที่ดินทำกินแก่เกษตรกร หรือที่เรียกกันว่า ส.ป.ก.4-01 โดยในครั้งนั้นพรรคชาติไทยมี นายเนวิน ชิดชอบ เป็นกำลังสำคัญนำอภิปรายใน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งส่งผลให้ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจ ยุบสภา
  • 8. นับตั้งแต่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในปี พ.ศ. 2538 นายสุเทพ ไม่เคยถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาลเกี่ยวกับกรณี ส.ป.ก.4-01 แต่อย่างใด
  • 9. ก่อนการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2554 นายสุเทพเคยกล่าวไว้ว่า "หากพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง ผมจะยอมมุดดิน"
  • 10. ในช่วงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปี พ.ศ. 2553 ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ผู้อำนวยการ
  • 11. ปัจจุบันนายสุเทพ เทือกสุบรรณ สมรสกับ นางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นน้องสาวของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ และอดีตภรรยาของนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ มีบุตรชาย 1 คน บุตรสาว 2 คน คือ นายแทน เทือกสุบรรณ, น.ส.น้ำตาล เทือกสุบรรณ และ น.ส.น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ
  • 12. “แทน เทือกสุบรรณ” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ พัวพันธ์กับกรณี "เขาแพง" โดยมีหลักฐานชี้ให้เห็นว่าการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินจำนวน 62 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวานั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
  • 13. บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด มี นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เป็นกรรมการผู้จัดการ เป็นบริษัทที่ทำธุริกิจ เกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตฟาร์มกุ้ง และผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตสวนเกษตร เช่น น้ำมันปาล์ม มีแปลงปลูกปาล์มน้ำมันกระจายอยู่หลายพื้นที่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีพื้นที่ในการปลูกรวม 2 พันกว่าไร่
  • 14. สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า "สุเทพ เทือกสุบรรณ" อดีตรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ได้เดินทางมาเจรจาลับ ถึง 3 ครั้งนายสุเทพ มากัมพูชา 3 ครั้ง ครั้งแรกในเดือนเมษายน ตอนนั้นมาไกล่เกลี่ยเพื่อรับรองให้ผมไปร่วมการประชุมอาเซียน ที่พัทยา หลังจากมีเรื่องในสภาไทย ที่นายกษิต ภิรมย์ เรียกผมว่า เป็นนักเลง และก็มีการทำหนังสือขอโทษ ครั้งที่ 2 นายสุเทพ มากัมพูชาอีก พร้อมกับ รมว.กลาโหม แล้วก็ได้มีการหารือหลาย ๆ เรื่อง โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องน้ำมันเลย และในวัน ที่ 27 มิถุนายน ภริยาผมทำอาหารเลี้ยงส่วนตัว คือ ทำแกงเลียงให้เขารับประทาน หากแต่เรื่องที่แปลกคือ นายสุเทพ ได้นำเอกสารแผนที่เกี่ยวกับบล็อคน้ำมันทาง ทะเลมาด้วย
  • 15. นายสุเทพ มีลูกเลี้ยง 1 คน คือ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นลูกติดของนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ กับนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภริยาคนปัจจุบันของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ปกรณ์ อารีกุล กลุ่มลูกชาวบ้าน

ผบ.ทบ.วอนผู้ชุมนุมอย่าบีบทหารเลือกข้าง

ผบ.ทบ.วอนผู้ชุมนุมอย่าบีบทหารเลือกข้าง

รองโฆษกกองทัพบก เผยแถลงการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. วอนผู้ชุมนุมอย่าบีบให้เลือกข้าง ขอทุกฝ่ายหาทางออกอย่างสันติโดยเร็ว หลังคปท.บุกเข้ากองทัพบกเรียกร้องทหารออกมาสนับสนุน
29 พ.ย.2556 หลังจากที่เครือข่ายต้านระบอบทักษิณมีการเรียกร้องและปราศรัยให้กองทัพออกมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายมาโดยตลอด จนกระทั้งวันนี้เวลา 12.30 น. ตามรายงานของคมชัดลึกออนไลน์ ระบุว่าผู้ชุมนุม กลุ่มเครือข่ายนักศึกษา ประชาชน ปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายนำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษากลุ่ม คปท.และนายอุทัย ยอดมณี แกนนำกลุ่มคปท. พร้อมด้วยกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันผลักดันประตูของกองทัพบกจนพังลง โดยทหารกองรักษาการณ์ที่อยู่บริเวณประตูด้านหน้าหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับผู้ชุมนุม จึงทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากได้ทยอยเดินเท้าเข้ามาภายในกองบัญชาการกองทัพบก พร้อมกับได้นำรถขยายเสียงเข้ามาปราศรัย เพื่อขอยื่นหนังสือเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และกองทัพประกาศจุดยืนต่อชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ และเรียกร้องให้ยืนเคียงข้างประชาชน
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. เนชั่นทันข่าว รายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก พร้อมด้วยพ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบกฝ่ายต่างประเทศ ร่วมกันอ่านคำแถลงการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยพ.อ.วินธัย กล่าวว่า กองทัพบกยังคงเป็นกองทัพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและประชาชนอยู่เสมอ โดยติดตามสถานการณ์และเตรียมดูแลช่วยเหลือประชาชน หากมีการบาดเจ็บหรือสูญเสียจากสถานการณ์การชุมนุมที่อาจมีแนวโน้มก้าวไปสู่ความรุนแรง กองทัพบกขอให้การชุมนุมของทุกฝ่ายเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยภายใต้กรอบกฎหมาย และอย่าได้พยายามแบ่งฝ่าย หรือดึงกองทัพให้ตกเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะกองทัพบกถือว่าประชาชนทุกคนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นทั้งรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันแสวงหาทางออกอย่างสันติให้ได้โดยเร็ว
"สำหรับภารกิจงานป้องกันและเทิดทูนสถาบัน กองทัพบกพยายามอย่างเต็มที่ โดยใช้หลักนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ในการดำเนินการจึงอยากให้ทุกฝ่ายไม่ควรนำสถาบันมาเป็นเงื่อนไขในความขัดแย้งทางการเมือง เพราะประชาชนทุกคนคือคนไทยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วยกันทั้งสิ้น หากทุกฝ่ายเร่งปลุกระดมมวลชนให้เกิดอารมณ์ที่รุนแรงหรือไม่พอใจกันในวงกว้าง ต่อไปจะไม่สามารถควบคุมหยุดความรุนแรงได้ โดยเฉพาะช่วงนี้ใกล้ถึงช่วงเดือนแห่งความสุขของคนไทย วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม อาจทำให้พระองค์ทรงไม่สบายพระทัยได้ ที่คนไทยด้วยกันขาดความสามัคคีต้องมาต่อสู้กันเอง ทหารทุกคนจะอยู่ในบทบาทที่เหมาะสมและไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ ทุกคนมีความห่วงใยในสถานการณ์อย่างแท้จริง ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และพลเรือนยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับของทางราชการ อย่าได้มองและมีทัศนคติในเชิงลบต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำงานตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง"พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ขอให้ผู้ชุมนุมได้เข้าใจ และขอให้ระมัดระวังในการใช้วาจาที่สุภาพเหมาะสมต่อเจ้าหน้าที่ในแต่ละโอกาสด้วย กองทัพบกคงยึดถือและปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ได้ทรงพระราชทานไว้ เมื่อพ.ค. ปี 2535 อยู่ตลอดเวลา ขอให้ประชาชนทุกคนได้ทำความเข้าใจ ลดความเกลียดชังซึ่งกันและกันทุกพวก ทุกฝ่าย ทุกสี ขอให้สนับสนุนให้ผู้นำของตนร่วมกันหาทางออกให้ได้โดยเร็ว รวมทั้งประชาชนจะต้องไม่ทำร้ายกันเอง สุดท้ายแล้วจะไม่มีใครชนะหรือแพ้ แต่ที่พ่ายแพ้คือประเทศชาติ ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในกองทัพบก ยืนยันว่า ดีอยู่แล้ว โดยได้มีการวางมาตรการดูแลเป็นระดับ แต่ที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีท่าทีหรือแนวโน้มที่จะมีความรุนแรง หรือพยายามที่จะเข้ามาในพื้นที่ด้านใน แต่ถ้าสถานการณ์เปลี่ยน กองทัพบกก็มีมาตรการในการรองรับด้วยการเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยเป็นลำดับ แต่บางครั้งการแสดงกำลังอาจจะส่งผลในเชิงทำนองยั่วยุได้ ดังนั้นการดำเนินการใดๆก็ตามจะต้องคำนึงถึงความจำเป็นที่เหมาะสมจริงๆ ทั้งนี้หากสถานการณ์มีแนวโน้มที่เปลี่ยน เราก็จะต้องมีการเพิ่มระดับ โดยเฉพาะความเข้มงวดให้มากขึ้น ส่วนกรณีที่มีการมองว่า กองทัพบกยินยอมให้กลุ่มผุ้ชุมนุมเข้ามาในกองทัพนั้น ทางกองทัพไม่อยากใช้ความรุนแรง และเราไม่ได้มองกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอริราชศัตรูหรือฝ่ายตรงข้าม แต่เขาคือพี่น้องคนไทย กลุ่มผู้ชุมนุมคือผู้ที่มีความคิดเห็นต่างทางการเมือง ดังนั้นการเข้ามาชุมนุมโดยไม่ใช้ความรุนแรงอาจมีโอกาสเป็นไปได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามต่อไปจะต้องมีความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวเนชั่นรายงานว่าภายหลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางกลับในเวลา 14.30 น.นั้น ทางเจ้าหน้าที่ทหารประจำส่วนสนับสนุนกองบัญชาการกองทัพบก (สสน.)ได้ส่งกำลังทหารช่างประมาณ 10นาย เข้ามาซ่อมประตูรั้วด้านหน้ากองทัพบกที่ได้รับเสียหาย โดยมีมวลชนบางส่วนที่สัญจรผ่านด้านหน้าบก.ทบ.เข้ามาช่วยทหารซ่อมประตู พร้อมให้คำแนะนำ เนื่องจากมีอาชีพเป็นช่าง ขณะเดียวกันพื้นที่บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตึกกองบัญชาการที่มีผู้ชุมนุมเดินทางเข้ามานั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) และเจ้าหน้าที่กองพันสุนัขทหารนำสุนัขทหารเดินสำรวจวัตถุอันตรายในบริเวณดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ยังได้นำรั้วลวดหนามมาวางบริเวณประตูทางเข้า-ออก เพื่อเสริมความปลอดภัยภายในกองทัพบกด้วย

ยึด ศูนย์ราชการเบ็ดเสร็จ ใช้เป็นที่ทำงาน ตั้งเป้า 1 ธ.ค.เป็นวันแห่งชัยชนะ


“สุเทพ” เผยมติแกนนำตั้งกรรมการ “กปปส.” ยึด ศูนย์ราชการเบ็ดเสร็จ ใช้เป็นที่ทำงาน ตั้งเป้า 1 ธ.ค.เป็นวันแห่งชัยชนะ พร้อมบุกยึดสถานที่ราชการสำคัญกว่า 10 แห่ง

           เมื่อวันที่ 29 พ.ย. เวลา 19.30 น. ที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำเครือข่ายประชาชนต่อต้านระบอบทักษิณได้ขึ้นเวทีพร้อมแนะแกนนำเครือข่ายต่าง ๆ โดยนายสุเทพ ได้กล่าวเปิดตัวคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ชื่อย่อ กปปส. ว่า กปปส.จะกำหนดแนวทางตัดสินใจการต่อสู้กับระบอบทักษิณและจัดการระบอบนี้พ้นจากประเทศไทย โดยตนจะเป็นเลขาธิการ กปปส.

          “กปปส.ได้ปรึกษาหารือกันและได้ตัดสินใจกำหนดวันแห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชนไม่ต้องการให้พี่น้องทนทุกข์ทรมานในการต่อสู้ยาวนานอีกต่อไป กปปส.จึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ธ.ค. 2556 คือวันแห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชน
           ทั้งนี้ได้กำหนดแผนปฏิบัติการสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ อหิงสา เต็มรูปแบบเพื่อดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ เราจะเริ่มลงมือตั้งแต่คืนวันที่ 29 พ.ย.เป็นต้นไป คือ พี่น้องที่มาชุมนุมที่นี่จะทำหน้าที่ในการเข้าควบคุมพื้นที่ศูนย์ราชการโดยสมบูรณ์ เด็ดขาด ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 2 ธ.ค.พี่น้องที่มาทำงานที่นี่ไม่ต้องมาทำงานอีกแล้ว ให้อยู่ที่บ้าน จนกว่าจะได้รับประกาศให้มาทำงานโดย กปปส.จะอนุญาตข้าราชการที่มาทำงานได้ คือ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญและกองทัพไทย ” นายสุเทพ กล่าว

           เลขาธิการ กปปส. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะเข้าควบคุมพื้นที่บริษัท กสม.โทรคมนาคม และบริษัททีโอที (มหาชน)จำกัด  เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยในวันที่ 30 พ.ย.ตอนเช้า ที่ต้องดำเนินการวันเสาร์-อาทิตย์เพราะไม่ต้องการให้มีการขัดขืน ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตนและแกนนำจะใช้ศูนย์ราชการเป็นจุดประสานงานทุกเครือข่าย ทันทีที่ประกาศเสร็จรัฐบาลคงเตรียมกำลังมาจับกุมพวกเรา ดังนั้นงานแรกคือรักษาที่มั่นแห่งนี้ตั้งแต่คืนนี้ และในวันอาทิตย์ที่ 1 ธ.ค.กองกำลังส่วนอื่นจะเข้าไปควบคุมพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กระทรวงศึกษาธิการ สวนสัตว์ดุสิต กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงการต่างประเทศ

           นายสุเทพ กล่าวอีกว่า พื้นที่ที่กล่าวมาได้ให้เครือข่ายไปซ้อมการเข้าพื้นที่มาแล้ว คราวนี้ถึงคราวปฏิบัติจริงเข้าไปควบคุมทุกกระทรวงไม่ให้พี่น้องข้าราชการมาทำงาน ขอแจ้งข่าวไปยังพี่น้องที่ทำงานในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ไม่ต้องทำงานอีกแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.เป็นต้นไป ยกเว้นบริษัทการบินไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัทขนส่งจำกัด บริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)

         สำหรับพี่น้องในกรุงเทพฯที่รับทราบสะดวกที่ไหนขอให้ไปที่นั่นหรือไปทุกเวที มีงานให้ทำทุกแห่ง วันอาทิตย์ที่ 1 ธ.ค.ไปรอได้ในเวลา 10.45 น. ประชาชนเห็นตำรวจอย่าให้ขยับไปทำร้ายประชาชนได้ ส่วนพี่น้องประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.ไปดำเนินการกับศาลากลางทุกจังหวัด ส่วนบ่ายแก่ ๆ วันที่ 1 ธ.ค.จะประกาศชัยชนะของประชาชน เวลานั้นจะไม่มีระบอบทักษิณในแผ่นดินนี้อีกต่อไป ถึงวันนั้นจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม.


สุเทพประกาศควบคุมเบ็ดเสร็จศูนย์ราชการ กสท. ทีโอที- 1 ธ.ค. จะเป็นวันแห่งชัยชนะ

Fri, 2013-11-29 21:01
เปิดตัว "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กปปส. ตั้งเป้ายึดทำเนียบรัฐบาล - สตช. - นครบาล - ที่ตั้งกระทรวง - ศาลากลางทุกจังหวัด 'ด้วยมือเปล่า' และจะประกาศชัยชนะขจัดระบอบทักษิณในวันที่ 1 ธ.ค.
บรรยากาศการชุมนุม และการเปิดตัว "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กปปส. ที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2556 (ที่มา: Blue Sky Channel)

29 พ.ย. 2556 - เมื่อเวลา 19.40 น. ที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมขจัดระบอบทักษิณได้ขึ้นปราศรัย ระบุว่า "มวลมหาประชาชน ผู้รักชาติ รักแผ่นดิน ที่เคารพรักทุกท่าน ทุกเวทีทั่วประเทศไทย และในโลก พวกเราคณะแกนนำของกราบสวัสดีทุกท่าน ด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่ง พี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย เราได้ลุกขึ้นยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ ต่อสู้ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่า เราจะร่วมกันขจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย เพื่อที่ประชาชนชาวไทยทั้งหลายจะได้ร่วมกันกำหนดกฎเกณฑ์กติกา แล้วทำการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทย ให้เป็นประเทศไทยในความฝันของทุกคน คือเป็นประเทศไทยที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข นั่นคือความใฝ่ฝันของคนไทยทั้งประเทศขณะนี้ และเราเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า เมื่อขจัดระบอบทักษิณหมดสิ้นไปจากประเทศไทยแล้ว ปวงชนชาวไทยก็จะเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศ ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ที่กระผมได้กราบเรียนพี่น้องประชาชนไปเมื่อคืนนี้"
"สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับมอบอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน แต่ได้ร่วมมือทรยศประชาชนแน่แล้ว ความผิดเป็นที่ปรากฏชัดต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยและพิพากษาบอกกล่าวให้คนทั้งประเทศทั้งโลกว่าฝ่ายรัฐบาลทำผิดตามบทบัญญัติของกฎหมายรัฐธรรมนูญชัดเจน สภาผู้แทนได้ออกมาปฏิเสธคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตั้งขึ้น ดำรงอยู่ และมีอำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้รัฐบาลไม่เคารพบทบัญญัติศาลรัฐธรรมนูญ และหมดความชอบธรรมตั้งแต่ออกมาดาหน้าปฏิเสธรัฐธรรมนูญ"
"ประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ลุกขึ้นปฏิเสธรัฐบาล เมื่อ 24 พ.ย. มากกว่า 1 ล้านคน นั่นเป็นหลักฐานชัดเจนว่ารัฐบาลนี้นอกจากหมดความชอบธรรมตามกฎหมายแล้ว ยังหมดความชอบธรรมทางการเมืองด้วย เพราะประชาชนเจ้าของอำนาจลุกขึ้นมาบอกว่าไม่เอารัฐบาลนี้แล้ว รัฐบาลนี้ต้องออกไปจากอำนาจไม่มีอำนาจทางกฎหมาย และทางปฏิบัติในการบริหารบ้านเมือง เป็นจังหวะที่ต้องคืนอำนาจให้เจ้าของอธิปไตยตัวจริง ได้เข้ามาจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อย"
"ประชาชนได้ลุกขึ้นแสดงตนต่อต้านระบอบทักษิณอย่างสงบสันติ เรียกว่าอหิงสา ให้รัฐบาลและคนระบอบทักษิณได้คิด ได้ตัดสินใจให้ถูกต้อง แต่ระบอบทักษิณ คนของระบอบทักษิณ ดื้อด้าน ไม่ยอมคืนอำนาจให้ประชาชน ประชาชนพลเมืองดีพวกเราทั้งหลาย ทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ จึงจำเป็นต้องลงมือปฏิบัติการด้วยตัวเอง เพื่อให้ระบอบทักษิณสิ้นไปจากแผ่นดินไทยเด็ดขาดเสียที ในการดำเนินการอย่างนี้ มวลมหาประชาชน จากทุกเครือข่ายทุกองค์กร ทุกกลุ่ม ได้สมัครสมานสามัคคีกันเป็นเลิศ และรวมพลังอย่างเข้มแข็ง ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศไทย"
ผมขออนุญาตแนะนำให้พี่น้องประชาชนคนไทย ได้รู้จัก ได้ทราบ บรรดาผู้ที่เป็นตัวแทนของกลุ่ม เครือข่าย ขององค์กรประชาชนในสาขาอาชีพต่างๆ ที่ได้ร่วมมือร่วมใจเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องประชาชนในการต่อสู้เพื่อขจัดระบอบทักษิณให้พ้นจากแผ่นดินไทยครั้งนี้"
สุเทพกล่าวว่า "ผมจะเริ่มต้นจากกลุ่มบุคคลที่เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะที่เป็นนักวิชาการ และก็เป็นผู้ที่มีความสงบเรียบร้อยที่สุดในบ้านเมือง ไม่เคยคิดแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับฝ่ายไหน แต่เมื่อประเทศมีภัยอย่างนี้ ผู้ทรงภูมิความรู้อย่างนี้เหลืออดทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ได้แสดงตนลุกขึ้นกอดคอเคียงข้างประชาชน สู้ร่วมกัน ไม่ได้มาหมดนะครับ ขอเฉพาะตัวแทนมา ซึ่งผมก็จะขออนุญาตแนะนำตามลำดับดังนี้ ท่านแรกก็คือ ศ.ดร.สมบัติ ธํารงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีนิด้า ท่านที่ 2 อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ เครือข่ายซีวิคเน็ต ท่านที่ 3 รศ.ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน จากนิด้าเช่นกัน ท่านที่ 4 รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คงสม จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ท่านที่ 5 อาจารย์ชัยวัฒน์ สุรวิชัย นักวิชาการอิสระ อยู่ข้างล่างนี่ครับ ท่านที่ 6 ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ จากนิด้า ท่านที่ 7 ผช.ดร.ทวี สุรฤทธิกุล และท่านที่ 8 รศ.ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ นี่เป็นผู้แทนของกลุ่มนักวิชาการ อาจารย์ที่เป็นตัวแทนของคนทรงภูมิความรู้ และได้ร่วมต่อสู้กับพี่น้องทั้งหลาย"
"นอกจากนี้ก็จะมีกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งวันนี้มีตัวแทนมาอยู่กับเรา 3 ท่านคือ 1.คุณนิติธร ล้ำเหลือ ท่านที่ 2 คือคุณอุทัย ยอดมณี และท่านที่ 3 ก็คือ คุณสุริยะใส กตะศิลา การต่อสู้ของประชาชนคราวนี้ มีสิ่งที่โดดเด่นที่คนทั้งประเทศจะต้องคิด และเข้าใจได้เลยว่า สถานการณ์บ้านเมืองมันเหลืออดเหลือทนแล้ว คนเหล่านี้จึงออกมาทำงานการเมืองครั้งแรกในชีวิตและเป็นครั้งสำคัญ นั่นคือกลุ่มประชาคมนักธุรกิจสีลม เป็นพ่อค้าแม่ขายไม่ยุ่งเรื่องการเมืองกับใคร แต่วันนี้ประเทศมีภัยเพราะระบอบทักษิณทนไม่ไหวแล้ว ออกมาร่วมต่อสู้กับพี่น้องทั้งหลาย มีตัวแทนที่พร้อมขึ้นมาอยู่กับพี่น้องทั้งหลายบนเวทีนี้คือ คุณสาทิตย์ เซกัล และคุณราเชน ตระกูลเวียง นี่เป็นผู้แทนของประชาคมนักธุรกิจสีลม นอกจากนั้น ยังมีเครือข่ายนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย วันนี้ ส่งเลขาธิการคือ คุณพรศักดิ์ ลิ้มบุญประเสริฐ มาอยู่กับพวกเรา แน่นอนครับ ในทุกการต่อสู้ของประชาชนจะมีคนที่ยืนหยัดเป็นกำลังหลักของประชาชนเสมอมาคือ กองทัพธรรม"
"วันนี้มีผู้แทนของกองทัพธรรม ซึ่งจะมียืนยันเจตนารมณ์ในการต่อสู้ร่วมกับพี่น้องประชาชนคือ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ คุณมั่นแม่น กะการดี มีกองทัพธรรมก็ต้องมีกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ผู้แทนกองทัพประชาชนวานนี้ ที่มาร่วมยืนอยู่บนเวทีนี้ เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ที่จะต่อสู้กับพี่น้องประชาชนในโค้งสุดท้ายคือ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี คุณสนธิ เตชานันท์ คุณพิเชฐ พัฒนโชติ น.พ ระวี มาดฉมาดล และมีผู้แทนจากเครือข่ายประชาชนปฏิรูปประเทศ 77 จังหวัด คุณสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์"
"การต่อสู้คราวนี้ นอกจากมีเครือข่ายองค์กรต่างๆ แล้ว ยังมีกองกำลังของประชาชนที่สำคัญที่สุด และวันนี้ เมื่อเห็นชาติบ้านเมืองมีปัญหา ประชาชนเดือดร้อน ประเทศเสียหาย คนเหล่านี้ตัดสินใจประกาศตัวร่วมการต่อสู้กับพี่้น้องประชาชน นั่นคือ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้ผนึกกำลังกันทุกรัฐวิสาหกิจ 45 รัฐวิสาหกิจด้วยกัน ขณะนี้ ขึ้นเวทีอยู่ราชดำเนินบางส่วนและมีตัวแทนมาขึ้นเวทีที่นี่กับพวกเราบางส่วน ท่านแรกที่ผมแนะนำกับพี่น้องก็คือ คุณคมสัน ทองศิริ เป็นเลขาธิการของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ คุณมานพ เกื้อรัตน์ กรรมการของสมาพันธ์ คุณสาวิทย์ แก้วหวาน และแน่นอนครับ คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข นอกจากนั้นยังมีนักสู้ของประชาชนที่เป็นกำลังสำคัญของประชาชน ที่จะร่วมต่อสู้กับเราอย่างถึงที่สุด คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม คุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ พี่น้องครับและแกนนำของกลุ่มประชาชนที่เริ่มต้นจากสามเสน ไปราชดำเนินไปกระทรวงการคลัง และมาปักหลักที่ศูนย์ราชการวันนี้"
วันนี้เราต้องกระจายกันอยู่ 3 เวที ทั้งที่ราชดำเนิน ทั้งที่กระทรวงการคลัง ทั้งที่ศูนย์ราชการ มาร่วมอยู่บนเวทีแห่งนี้บางส่วนครับ ที่เหลือคงจะแสดงตัวอยู่ที่ 2 เวทีนั้น ที่อยู่บนเวทีนี้ขณะนี้ก็มี คุณถาวร เสนเนียม คุณชุมพล จุลใส คุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณ คุณพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ คุณสกลธี ภัททิยกุล"
ทั้งนี้ แกนนำจากกลุ่มต่างๆ จะร่วมกันเคลื่อนไหวในนาม "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กปปส.
หลังจากแนะนำชื่อเครือข่ายใหม่ สุเทพได้กล่าวติดตลกว่า "ชื่อยาวหน่อย แต่ความหมายชัดเจน ชื่อย่อๆ ว่า กปปส. จะเป็นองค์กรกำหนดแนวทางตัดสินใจต่อสู้กับระบอบทักษิณ จัดการให้ระบอบนี้พ้นจากประเทศไทยให้ได้"
สุเทพกล่าวว่า "คณะกรรมการ กปปส. ได้ปรึกษาหารือกัน และได้ตัดสินใจแล้ว กำหนดวันแห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชนแล้วครับ ไม่ต้องการให้พี่น้องประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานกับการต่อสู้ยาวนานอีกต่อไป คณะกรรมการ กปปส. ได้กำหนดให้ 1 ธันวาคม 2556 คือวันแห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชน"
"พี่น้องที่เคารพ พี่น้องผู้รักชาติรักแผ่นดินที่เคารพ ขอได้โปรดสดับ วันแห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชน ชัยชนะจะเกิดได้ต้องร่วมแรงร่วมใจกันลงมือขจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย  เพราะนี่คือปฏิบัติการของพลเมืองดี ปฏิบัติการของมวลมหาประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง เราจึงได้กำหนดแผนการปฏิบัติการที่เป็นไปโดยสันติ โดยสงบ ปราศจากอาวุธ อหิงสาเต็มรูปแบบ การปฏิบัติการของเราเพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์ จึงไม่มีเรื่องของการใช้กำลัง หรือการใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนี่คือการปฏิบัติของพลเมืองดี ต้องใช้จำนวนคนมากมหาศาล การจะให้พี่น้องทั้งหลายได้เข้ามาร่วมแรงร่วมใจมหาศาล จึงจำเป็นต้องมีการชี้แจงแผนการปฏิบัติการ วันเวลาของปฏิบัติ เพื่อที่พี่น้องประชาชนทั้งหลาย จะได้เข้าร่วมในปฏิบัติการพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ"
สุเทพชี้แจงปฏิบัติการว่าจะเริ่มต้นตั้งแต่คืนวันที่ 29 พ.ย. เป็นต้นไป "เราจะเริ่มลงมือปฏิบัติการตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปครับ การปฏิบัติการของเรา นับจากคืนนี้เป็นต้นไป คือพี่น้องที่มาชุมนุมพร้อมเพรียงที่นี่หลายหมื่นคน ทำหน้าที่ควบคุมพื้นที่ศูนย์ราชการ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของการปฏิบัติราชการที่นี่ เราได้เดินเท้าจากถนนราชดำเนินมายังศูนย์ราชการที่นี่เป็นระยะทางถึง 17 กม. แล้วมีมวลมหาประชาชนได้เข้ามาร่วมกระบวนมากมายหลายกิโลเมตร และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องข้าราชการทั้งหลาย พี่น้องข้าราชการได้ตัดสินใจหยุดการปฏิบัติงานมาร่วมการต่อสู้กับมวลมหาประชาชน"
"ข้าราชการที่ยังลังเล ตัดสินใจไม่ได้ พวกเรามวลมหาประชาชนจะรอท่านทั้งปีทั้งชาติต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นขอประกาศในนาม กปปส. ว่าตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป กองกำลังของมวลมหาประชาชนจะควบคุมพื้นที่ศูนย์ราชการแห่งนี้โดยสมบูรณ์ เด็ดขาด และไม่มีการทำงานกันอีก ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป พี่น้องข้าราชการที่เคยมาทำงานที่ศูนย์ราชการแห่งนี้ ไม่ต้องมาทำงานแล้ว อยู่ที่บ้าน ไม่ต้องมาทำงานอีกแล้ว จนกว่าจะได้รับประกาศให้มาทำงาน"
"โดย กปปส. อนุญาตให้มาร่วมปฏิบัติกับพี่น้องประชาชนได้ทุกวัน ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป พกสัญลักษณ์ธงชาติ และนกหวีดมาด้วย"
ทั้งนี้ สุเทพปราศรัยว่า จะอนุญาตให้ข้าราชการ 2 หน่วยเข้ามาทำงานในศูนย์ราชการ ได้แก่ข้าราชการสังกัดศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ และข้าราชการของกองทัพไทย
"นอกนั้นไม่ต้องมานะครับ นอนอยู่ที่้บ้าน หรือถ้ามาก็มาร่วมกับขบวนการประชาชน" สุเทพกล่าว และกล่าวต่อไปว่า "นอกจากศูนย์ราชการแห่งนี้ต้องเข้าควบคุมพื้นที่ศูนย์ราชการแล้ว เราจะเข้าไปควบคุมพื้นที่ของ กสท. โทรคมนาคม และบริษัททีโอที มหาชน จำกัด เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปโดยเรียบร้อยในวันพรุ่งนี้เช้า เราเลือกดำเนินการวันเสาร์ วันอาทิตย์ เพราะไม่ต้องการให้มีผลกระทบ และไม่ต้องการให้มีการขัดขืนใดๆ เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พี่น้องที่ทำงานใน กสท. และทีโอที ให้การต้อนรับการเดินขบวนของมวลมหาประชาชนตั้งแต่วันแรก และเข้าควบคุมพื้นที่ทั้งสองบริษัท การปฏิบัติงานของเราในวันเสาร์ จะเป็นไปอย่างนี้ ผมและคณะกรรมการแกนนำ จะใช้สถานที่ศูนย์ราชการแห่งนี้เป็นจุดประสานงาน เป็นศูนย์บัญชาการ"
"และทันทีที่เราประกาศ ฝ่ายรัฐบาลคงคิดเตรียมกำลังมาจับกุมพวกเรา เพราะฉะนั้นงานแรกของมวลมหาประชาชน คือรักษาฐานที่มั่นศูนย์ราชการตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป เมื่อจัดการกับศูนย์ราชการนี้ บริษัท กสท โทรคมนาคม และบริษัท ทีโอที มหาชนจำกัดแล้ว วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม กองกำลังส่วนอื่นของคณะกรรมการประชาชนฯ ก็จะเข้าไปปฏิบัติควบคุมพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กระทรวงศึกษาธิการที่ต้องเข้าไปกำกับตรงนี้ รวมทั้งที่สวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดิน เพราะตำรวจตั้งกำลังอยู่ที่นี้ นอกจากนั้นกองกำลังของเราจะเข้าควบคุมพื้นที่กระทรวงแรงงาน เพราะเป็นที่ตั้งของ ศอ.รส. และเราจะเข้าไปควบคุมพื้นที่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กรมประชาสัมพันธ์ ส่วนกระทรวงการคลัง และสำนักงานงบประมาณนั้น เราควบคุมพื้นที่อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว"
"พี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย เราก็มีความจำเป็นที่ต้องเข้าควบคุมพื้นที่กระทรวงต่างประเทศด้วย พื้นที่ส่วนราชการเหล่านี้ เราได้ให้เครือข่ายต่างๆได้ไปซ้อมการเข้าควบคุมพื้นที่มาแล้วคือ ไปเยี่ยมมาแล้วทั้งนั้น ตอนนี้ถึงคราวปฏิบัติจริง และเข้าควบคุมพื้นที่ทุกกระทรวง ทบวง กรม ให้พี่น้องข้าราชการไม่ต้องมาทำงานอีกแล้ว และขอแจ้งข่าวไปถึงพี่น้องที่ทำงานในรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ไม่ต้องมาทำงานอีกแล้วตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป ยกเว้นบริษัทการบินไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัทขนส่ง จำกัด ขสมก. ที่จะทำให้เกิดความเดือดร้อนประชาชน ท่านร่วมกับเราเฉพาะกิจกรรมอื่น แต่ยังคงต้องบริการพี่น้องประชาชนต่อไปครับ" สุเทพกล่าว
สุเทพกล่าวด้วยว่า เมื่อท่านทราบแล้ว สะดวกวันไหนไปที่นั่น ถ้าไปไม่ถูกไปที่เวทีราชดำเนินก่อนทั้งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หรือ กปท. หรือ คปท. ไปได้ทุกเวที มีงานให้พี่น้องร่วมทำทุกแห่ง
สุเทพกล่าวว่าที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะมีการตั้งกระบวนรอไว้ล่วงหน้าแล้ว และเวลานัดหมายคือ เวลา 10.45 น. โดยจะไปที่กระทรวง ทบวง กรมไม่ต้องรอใครชวนใครแล้ว วันนี้ทุกคนพกหัวใจที่ยิ่งใหญ่ พกความรักชาติปฏิบัติการพร้อมกัน
สุเทพกล่าวด้วยว่า นักธุรกิจสีลมจะไปควบคุมกระทรวงพาณิชย์ด้วยตัวเอง และเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมให้ช่วยกันตื่นตัว ระมัดระวัง ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ไม่ให้มีการสลายการชุมนุม รวมทั้งเรียกร้องให้ไปยึดพื้นที่ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด "คนที่ดูหน้าจอ ไม่ต้องอยูที่บ้านแล้ว" สุเทพย้ำ
สุเทพกล่าวด้วยว่า "ตอนบ่ายแก่ๆ ของวันที่ 1 ธ.ค. 2556 เราจะได้มีแถลงการณ์ประกาศชัยชนะขั้นเด็ดขาดของประชาชนด้วยกัน และเวลานั้น ก็จะไม่มีระบอบทักษิณอยู่ในแผ่นดินนี้อีกต่อไป" 
"ต้องกราบเรียน ย้ำ และยืนยันกับพี่น้องทั้งหลายคือ เรายึดหลักการต่อสู้ที่สันติ สงบ และปราศจากอาวุธจริงๆ โปรดออกจากบ้านด้วยมือเปล่า มีรองเท้าผ้าใบ มีเป้ใส่น้ำขวด ไม่ต้องพกอาวุธไป มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่พอแล้ว เราทำแค่นี้ โลกจะบันทึกการต่อสู้ของชาวไทยในครั้งนี้"
สุเทพกล่าวติดตลกด้วยว่า "หากมีเจ้าหน้าที่หน่วยจู่โจมกำลังเตรียมขบวนเฮลิปเตอร์ที่จะมาจับกุมแกนนำ พอเขาลงมาก็กอดเขาด้วยความรักอย่างเดียว ไม่ต้องทำร้ายเขา เพราะนั่นคือคนของประชาชน อย่าให้เขาไปทำร้ายประชาชน กอดเอาไว้ด้วยความรัก"
โดยเขาย้ำว่าจะร่วมปฏิบัติการด้วยกันตั้งแต่คืนนี้ วันพรุ่งนี้ และวันที่ 1 ธ.ค. จนกระทั่งเสร็จสิ้นภารกิจ
"พี่น้องไม่ว่าท่านจะมีข้อคิด มีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องปฏิบัติการของมวลมหาประชาชนครั้งนี้ ขอให้คิดว่าเป็นส่วนปลีกส่วนย่อย ให้มุ่งมั่นอย่างเดียวว่าต้องร่วมกันขจัดระบอบทักษิณให้หมดไปให้ได้ นั่นคือเรื่องสำคัญ เรื่องอื่นเรื่องเล็ก ทำอย่างเดียวร่วมแรงกันจัดการกับระบอบทักษิณ ทำด้วยความกล้าหาญ ด้วยหัวใจยิ่งใหญ่ คือหัวใจรักชาติ รักแผ่นดิน คงมีคนตั้งคำถามกับพี่น้อง ไหนจะต่อสู้สันติวิธี ไหนจะอหิงสา การบุกรุกสถานที่ราชการผิดกฎหมายไม่ใช่หรือ พี่น้องต้องยิ้ม และอธิบายเขา 'ทูนหัวไม่ผิดกฎหมายเสียเลยมันคงชนะไม่ได้' ผมไปอ่านตำราอาจารย์ชัยวัฒน์ (สถาอานันท์) แล้ว ท่านเป็นนักสันติวิธี ท่านอธิบายชัดเจนอารยะขัดขืนแม้จะเป็นการทำผิดกฎหมาย ถ้าไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช้อาวุธ ไม่หลุดกรอบอารยะขัดขืน และสันติวิธี และจำเป็นต้องทำผิดกฎหมายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ได้รับชัยชนะ ไม่ใช่ชัยชนะเพื่อตัวเอง แต่เป็นชัยชนะเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เมื่อชนะแล้ว จะดำเนินคดีกับเราก็ยินดี ไม่หนีไปไหน"
"เราไม่ได้ปฏิเสธกฎหมาย เหมือนรัฐบาลปฏิเสธรัฐธรรมนูญ และเราพร้อมรับโทษกระบวนการยุติธรรม ไม่หลบเลี่ยงโดยเด็ดขาด ถึงวันนั้นจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะสารภาพผิด ศาลลงโทษจำคุกกี่ปีก็แล้วแต่ ประเทศไทยรอดปลอดภัยก็คุ้มแล้วพี่้น้อง นี่คือสิ่งที่เราจะทำ ขอให้ทำใจให้ผ่องแผ้ว แจ่มใส เราไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมือง แต่เราทำเพื่ออนาคตประเทศไทย อนาคตลูกหลาน จะได้เป็นเสรีชน เมื่อเราจัดการระบอบทักษิณเสร็จเรียบร้อย เราจะได้เริ่มเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยด้วยมือของประชาชน ให้ประเทศเราได้ก้าวไปข้างหน้า อย่างประเทศที่มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ไม่มีทุนสามานย์ ไม่มีทุจริต ไม่มีข้าราชการขี้ข้า เป็นรัฐบาลโดยประชาชนแท้จริงเท่านั้น ในฐานะเลขาธิการ กปปส. ขอกราบพระคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยที่จะร่วมแรงร่วมกันปฏิบัติการพร้อมกันเพื่อประเทศไทยนับตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป" สุเทพกล่าว โดยมวลชนต่างสงเสียงไชโยอย่างอึงมี่
ขณะเดียวกันที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส. ตรัง และแกนนำบนเวทีได้นัดหมายให้ผู้ชุมนุมมาพร้อมกันตั้งแต่เช้าของวันที่ 1 ธ.ค. และจะเริ่มเคลื่อนขบวนไปสู่ที่ตั้งสถานที่ราชการต่างๆ 3 จุด ได้แแก่ จุดแรก ทำเนียบรัฐบาล จุดที่สอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บช.น. และเขาดิน เพื่อไม่ให้ตำรวจเคลื่อนออกมา และจุดที่สาม กระทรวงแรงงานที่ตั้ง ศอ.รส.

นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าว BBC News ยืนยันต้องรักษาความสงบ สันติ และธำรงประชาธิปไตยให้ถึงที่สุด


นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าว BBC News ยืนยันต้องรักษาความสงบ สันติ และธำรงประชาธิปไตยให้ถึงที่สุด




            วันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 (go6TV) นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์พิเศษแก่สำนักข่าว BBC News ความว่า


          “บางกลุ่มบางคนเล็กๆ อาจจะไม่ชอบเรา แต่ได้โปรดถามคนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เลือกเรามาตามกติกา และเราก็มาจากการเลือกตั้ง นี่คือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยประชาชน และในระบอบประชาธิไตยเองที่มีกระบวนการในการถ่วงดุล ตรวจสอบ และประเมินผลรัฐบาลในตัวมันเอง ”


ณ ขณะนี้ สถานการณ์ต่างๆ ยังเดินหน้าได้ ดังนั้นเราจึงได้เรียกร้องให้มาเจรจากัน เมื่อไหร่ก็ตามเรายังรักษาประชาธิปไตย รักษาความสันติ รักษาระบบนิติธรรมได้”


“เราต้องถามกลับผู้ประท้วงว่า หากเรายุบสภาแล้ว คุณพอใจหรือไม่”


“เราต้องรักษาความสงบเรียบร้อยก่อน และขณะนี้ สถานการณ์ขณะนี้ต้องการวิธีให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าได้ แล้วเราค่อยมาคุยกันว่าเราจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไร”


“เราไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพ เราคิดว่าเพียงแค่ตำรวจ ก็สามารถรักษาสถานการณ์ได้ เราไม่ต้องการให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย เราต้องระมัดระวังเพราะสถานการณ์มันอ่อนไหวมาก มันไม่ได้หมายความว่า เราถอย แต่เรามีขั้นตอนในการปฏิบัติ เราต้องให้ตำรวจได้ปฏิบัติการตามลำดับขั้นตอน สถานการณ์แรก คือการเจรจา”


“เราเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเราเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ดังนั้นเราไม่ต้องการวิถีทางอื่นใด ที่นอกกฎหมาย ไม่เป็นประชาธิปไตยเข้าแทรกแซง ดังนั้นเราต้องมั่นใจว่า ระบบประชาธิปไตยต้องเดินหน้า นี่คือหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องนำพาประเทศให้เดินหน้าอย่างสันติ เราอุทิศตนเองเพื่อประเทศของเรา เราจะไม่ท้อถอย และเราจะต้องธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย”



(คำแปล ทีมงาน go6TV ไม่เป็นทางการ)

พรรคประชาธิปัตย์ต้องตอบ! สะกดรอยตามรถ กทม. ขนทราย แกลอนน้ำมันเบนซินเข้าม็อบ


พรรคประชาธิปัตย์ต้องตอบ!
สะกดรอยตามรถ กทม. ขนทราย แกลอนน้ำมันเบนซินเข้าม็อบ





พบรถต้องสงสัยบรรทุกกระสอบทรายและถังน้ำมัน!!

เมื่อวันที่ 28 พ.ย.56 เวลาประมาณ 23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง พบรถต้องสงสัย ขับผ่านบริเวณถนนหลานหลวง มุ่งหน้าปิ่นเกล้า จึงได้ทำการตรวจสอบ ปรากฎว่าเป็นถุงกระสอบทรายจำนวนมาก และถังแกนลอนน้ำมัน จำนวน 6 ถัง จึงได้นำตัวผู้ขับขี่มาที่ สน.นางเลิ้งเพื่อสอบสวนปากคำและทำประวัติไว้