เปิดตัว "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กปปส. ตั้งเป้ายึดทำเนียบรัฐบาล - สตช. - นครบาล - ที่ตั้งกระทรวง - ศาลากลางทุกจังหวัด 'ด้วยมือเปล่า' และจะประกาศชัยชนะขจัดระบอบทักษิณในวันที่ 1 ธ.ค.
บรรยากาศการชุมนุม และการเปิดตัว "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กปปส. ที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2556 (ที่มา: Blue Sky Channel)
29 พ.ย. 2556 - เมื่อเวลา 19.40 น. ที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมขจัดระบอบทักษิณได้ขึ้นปราศรัย ระบุว่า "มวลมหาประชาชน ผู้รักชาติ รักแผ่นดิน ที่เคารพรักทุกท่าน ทุกเวทีทั่วประเทศไทย และในโลก พวกเราคณะแกนนำของกราบสวัสดีทุกท่าน ด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่ง พี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย เราได้ลุกขึ้นยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ ต่อสู้ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่า เราจะร่วมกันขจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย เพื่อที่ประชาชนชาวไทยทั้งหลายจะได้ร่วมกันกำหนดกฎเกณฑ์กติกา แล้วทำการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทย ให้เป็นประเทศไทยในความฝันของทุกคน คือเป็นประเทศไทยที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข นั่นคือความใฝ่ฝันของคนไทยทั้งประเทศขณะนี้ และเราเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า เมื่อขจัดระบอบทักษิณหมดสิ้นไปจากประเทศไทยแล้ว ปวงชนชาวไทยก็จะเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศ ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ที่กระผมได้กราบเรียนพี่น้องประชาชนไปเมื่อคืนนี้"
"สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับมอบอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน แต่ได้ร่วมมือทรยศประชาชนแน่แล้ว ความผิดเป็นที่ปรากฏชัดต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยและพิพากษาบอกกล่าวให้คนทั้งประเทศทั้งโลกว่าฝ่ายรัฐบาลทำผิดตามบทบัญญัติของกฎหมายรัฐธรรมนูญชัดเจน สภาผู้แทนได้ออกมาปฏิเสธคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตั้งขึ้น ดำรงอยู่ และมีอำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้รัฐบาลไม่เคารพบทบัญญัติศาลรัฐธรรมนูญ และหมดความชอบธรรมตั้งแต่ออกมาดาหน้าปฏิเสธรัฐธรรมนูญ"
"ประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ลุกขึ้นปฏิเสธรัฐบาล เมื่อ 24 พ.ย. มากกว่า 1 ล้านคน นั่นเป็นหลักฐานชัดเจนว่ารัฐบาลนี้นอกจากหมดความชอบธรรมตามกฎหมายแล้ว ยังหมดความชอบธรรมทางการเมืองด้วย เพราะประชาชนเจ้าของอำนาจลุกขึ้นมาบอกว่าไม่เอารัฐบาลนี้แล้ว รัฐบาลนี้ต้องออกไปจากอำนาจไม่มีอำนาจทางกฎหมาย และทางปฏิบัติในการบริหารบ้านเมือง เป็นจังหวะที่ต้องคืนอำนาจให้เจ้าของอธิปไตยตัวจริง ได้เข้ามาจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อย"
"ประชาชนได้ลุกขึ้นแสดงตนต่อต้านระบอบทักษิณอย่างสงบสันติ เรียกว่าอหิงสา ให้รัฐบาลและคนระบอบทักษิณได้คิด ได้ตัดสินใจให้ถูกต้อง แต่ระบอบทักษิณ คนของระบอบทักษิณ ดื้อด้าน ไม่ยอมคืนอำนาจให้ประชาชน ประชาชนพลเมืองดีพวกเราทั้งหลาย ทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ จึงจำเป็นต้องลงมือปฏิบัติการด้วยตัวเอง เพื่อให้ระบอบทักษิณสิ้นไปจากแผ่นดินไทยเด็ดขาดเสียที ในการดำเนินการอย่างนี้ มวลมหาประชาชน จากทุกเครือข่ายทุกองค์กร ทุกกลุ่ม ได้สมัครสมานสามัคคีกันเป็นเลิศ และรวมพลังอย่างเข้มแข็ง ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศไทย"
ผมขออนุญาตแนะนำให้พี่น้องประชาชนคนไทย ได้รู้จัก ได้ทราบ บรรดาผู้ที่เป็นตัวแทนของกลุ่ม เครือข่าย ขององค์กรประชาชนในสาขาอาชีพต่างๆ ที่ได้ร่วมมือร่วมใจเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องประชาชนในการต่อสู้เพื่อขจัดระบอบทักษิณให้พ้นจากแผ่นดินไทยครั้งนี้"
สุเทพกล่าวว่า "ผมจะเริ่มต้นจากกลุ่มบุคคลที่เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะที่เป็นนักวิชาการ และก็เป็นผู้ที่มีความสงบเรียบร้อยที่สุดในบ้านเมือง ไม่เคยคิดแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับฝ่ายไหน แต่เมื่อประเทศมีภัยอย่างนี้ ผู้ทรงภูมิความรู้อย่างนี้เหลืออดทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ได้แสดงตนลุกขึ้นกอดคอเคียงข้างประชาชน สู้ร่วมกัน ไม่ได้มาหมดนะครับ ขอเฉพาะตัวแทนมา ซึ่งผมก็จะขออนุญาตแนะนำตามลำดับดังนี้ ท่านแรกก็คือ ศ.ดร.สมบัติ ธํารงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีนิด้า ท่านที่ 2 อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ เครือข่ายซีวิคเน็ต ท่านที่ 3 รศ.ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน จากนิด้าเช่นกัน ท่านที่ 4 รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คงสม จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ท่านที่ 5 อาจารย์ชัยวัฒน์ สุรวิชัย นักวิชาการอิสระ อยู่ข้างล่างนี่ครับ ท่านที่ 6 ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ จากนิด้า ท่านที่ 7 ผช.ดร.ทวี สุรฤทธิกุล และท่านที่ 8 รศ.ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ นี่เป็นผู้แทนของกลุ่มนักวิชาการ อาจารย์ที่เป็นตัวแทนของคนทรงภูมิความรู้ และได้ร่วมต่อสู้กับพี่น้องทั้งหลาย"
"นอกจากนี้ก็จะมีกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งวันนี้มีตัวแทนมาอยู่กับเรา 3 ท่านคือ 1.คุณนิติธร ล้ำเหลือ ท่านที่ 2 คือคุณอุทัย ยอดมณี และท่านที่ 3 ก็คือ คุณสุริยะใส กตะศิลา การต่อสู้ของประชาชนคราวนี้ มีสิ่งที่โดดเด่นที่คนทั้งประเทศจะต้องคิด และเข้าใจได้เลยว่า สถานการณ์บ้านเมืองมันเหลืออดเหลือทนแล้ว คนเหล่านี้จึงออกมาทำงานการเมืองครั้งแรกในชีวิตและเป็นครั้งสำคัญ นั่นคือกลุ่มประชาคมนักธุรกิจสีลม เป็นพ่อค้าแม่ขายไม่ยุ่งเรื่องการเมืองกับใคร แต่วันนี้ประเทศมีภัยเพราะระบอบทักษิณทนไม่ไหวแล้ว ออกมาร่วมต่อสู้กับพี่น้องทั้งหลาย มีตัวแทนที่พร้อมขึ้นมาอยู่กับพี่น้องทั้งหลายบนเวทีนี้คือ คุณสาทิตย์ เซกัล และคุณราเชน ตระกูลเวียง นี่เป็นผู้แทนของประชาคมนักธุรกิจสีลม นอกจากนั้น ยังมีเครือข่ายนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย วันนี้ ส่งเลขาธิการคือ คุณพรศักดิ์ ลิ้มบุญประเสริฐ มาอยู่กับพวกเรา แน่นอนครับ ในทุกการต่อสู้ของประชาชนจะมีคนที่ยืนหยัดเป็นกำลังหลักของประชาชนเสมอมาคือ กองทัพธรรม"
"วันนี้มีผู้แทนของกองทัพธรรม ซึ่งจะมียืนยันเจตนารมณ์ในการต่อสู้ร่วมกับพี่น้องประชาชนคือ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ คุณมั่นแม่น กะการดี มีกองทัพธรรมก็ต้องมีกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ผู้แทนกองทัพประชาชนวานนี้ ที่มาร่วมยืนอยู่บนเวทีนี้ เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ที่จะต่อสู้กับพี่น้องประชาชนในโค้งสุดท้ายคือ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี คุณสนธิ เตชานันท์ คุณพิเชฐ พัฒนโชติ น.พ ระวี มาดฉมาดล และมีผู้แทนจากเครือข่ายประชาชนปฏิรูปประเทศ 77 จังหวัด คุณสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์"
"การต่อสู้คราวนี้ นอกจากมีเครือข่ายองค์กรต่างๆ แล้ว ยังมีกองกำลังของประชาชนที่สำคัญที่สุด และวันนี้ เมื่อเห็นชาติบ้านเมืองมีปัญหา ประชาชนเดือดร้อน ประเทศเสียหาย คนเหล่านี้ตัดสินใจประกาศตัวร่วมการต่อสู้กับพี่้น้องประชาชน นั่นคือ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้ผนึกกำลังกันทุกรัฐวิสาหกิจ 45 รัฐวิสาหกิจด้วยกัน ขณะนี้ ขึ้นเวทีอยู่ราชดำเนินบางส่วนและมีตัวแทนมาขึ้นเวทีที่นี่กับพวกเราบางส่วน ท่านแรกที่ผมแนะนำกับพี่น้องก็คือ คุณคมสัน ทองศิริ เป็นเลขาธิการของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ คุณมานพ เกื้อรัตน์ กรรมการของสมาพันธ์ คุณสาวิทย์ แก้วหวาน และแน่นอนครับ คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข นอกจากนั้นยังมีนักสู้ของประชาชนที่เป็นกำลังสำคัญของประชาชน ที่จะร่วมต่อสู้กับเราอย่างถึงที่สุด คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม คุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ พี่น้องครับและแกนนำของกลุ่มประชาชนที่เริ่มต้นจากสามเสน ไปราชดำเนินไปกระทรวงการคลัง และมาปักหลักที่ศูนย์ราชการวันนี้"
วันนี้เราต้องกระจายกันอยู่ 3 เวที ทั้งที่ราชดำเนิน ทั้งที่กระทรวงการคลัง ทั้งที่ศูนย์ราชการ มาร่วมอยู่บนเวทีแห่งนี้บางส่วนครับ ที่เหลือคงจะแสดงตัวอยู่ที่ 2 เวทีนั้น ที่อยู่บนเวทีนี้ขณะนี้ก็มี คุณถาวร เสนเนียม คุณชุมพล จุลใส คุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณ คุณพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ คุณสกลธี ภัททิยกุล"
ทั้งนี้ แกนนำจากกลุ่มต่างๆ จะร่วมกันเคลื่อนไหวในนาม "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กปปส.
หลังจากแนะนำชื่อเครือข่ายใหม่ สุเทพได้กล่าวติดตลกว่า "ชื่อยาวหน่อย แต่ความหมายชัดเจน ชื่อย่อๆ ว่า กปปส. จะเป็นองค์กรกำหนดแนวทางตัดสินใจต่อสู้กับระบอบทักษิณ จัดการให้ระบอบนี้พ้นจากประเทศไทยให้ได้"
สุเทพกล่าวว่า "คณะกรรมการ กปปส. ได้ปรึกษาหารือกัน และได้ตัดสินใจแล้ว กำหนดวันแห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชนแล้วครับ ไม่ต้องการให้พี่น้องประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานกับการต่อสู้ยาวนานอีกต่อไป คณะกรรมการ กปปส. ได้กำหนดให้ 1 ธันวาคม 2556 คือวันแห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชน"
"พี่น้องที่เคารพ พี่น้องผู้รักชาติรักแผ่นดินที่เคารพ ขอได้โปรดสดับ วันแห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชน ชัยชนะจะเกิดได้ต้องร่วมแรงร่วมใจกันลงมือขจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย เพราะนี่คือปฏิบัติการของพลเมืองดี ปฏิบัติการของมวลมหาประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง เราจึงได้กำหนดแผนการปฏิบัติการที่เป็นไปโดยสันติ โดยสงบ ปราศจากอาวุธ อหิงสาเต็มรูปแบบ การปฏิบัติการของเราเพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์ จึงไม่มีเรื่องของการใช้กำลัง หรือการใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนี่คือการปฏิบัติของพลเมืองดี ต้องใช้จำนวนคนมากมหาศาล การจะให้พี่น้องทั้งหลายได้เข้ามาร่วมแรงร่วมใจมหาศาล จึงจำเป็นต้องมีการชี้แจงแผนการปฏิบัติการ วันเวลาของปฏิบัติ เพื่อที่พี่น้องประชาชนทั้งหลาย จะได้เข้าร่วมในปฏิบัติการพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ"
สุเทพชี้แจงปฏิบัติการว่าจะเริ่มต้นตั้งแต่คืนวันที่ 29 พ.ย. เป็นต้นไป "เราจะเริ่มลงมือปฏิบัติการตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปครับ การปฏิบัติการของเรา นับจากคืนนี้เป็นต้นไป คือพี่น้องที่มาชุมนุมพร้อมเพรียงที่นี่หลายหมื่นคน ทำหน้าที่ควบคุมพื้นที่ศูนย์ราชการ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของการปฏิบัติราชการที่นี่ เราได้เดินเท้าจากถนนราชดำเนินมายังศูนย์ราชการที่นี่เป็นระยะทางถึง 17 กม. แล้วมีมวลมหาประชาชนได้เข้ามาร่วมกระบวนมากมายหลายกิโลเมตร และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องข้าราชการทั้งหลาย พี่น้องข้าราชการได้ตัดสินใจหยุดการปฏิบัติงานมาร่วมการต่อสู้กับมวลมหาประชาชน"
"ข้าราชการที่ยังลังเล ตัดสินใจไม่ได้ พวกเรามวลมหาประชาชนจะรอท่านทั้งปีทั้งชาติต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นขอประกาศในนาม กปปส. ว่าตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป กองกำลังของมวลมหาประชาชนจะควบคุมพื้นที่ศูนย์ราชการแห่งนี้โดยสมบูรณ์ เด็ดขาด และไม่มีการทำงานกันอีก ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป พี่น้องข้าราชการที่เคยมาทำงานที่ศูนย์ราชการแห่งนี้ ไม่ต้องมาทำงานแล้ว อยู่ที่บ้าน ไม่ต้องมาทำงานอีกแล้ว จนกว่าจะได้รับประกาศให้มาทำงาน"
"โดย กปปส. อนุญาตให้มาร่วมปฏิบัติกับพี่น้องประชาชนได้ทุกวัน ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป พกสัญลักษณ์ธงชาติ และนกหวีดมาด้วย"
ทั้งนี้ สุเทพปราศรัยว่า จะอนุญาตให้ข้าราชการ 2 หน่วยเข้ามาทำงานในศูนย์ราชการ ได้แก่ข้าราชการสังกัดศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ และข้าราชการของกองทัพไทย
"นอกนั้นไม่ต้องมานะครับ นอนอยู่ที่้บ้าน หรือถ้ามาก็มาร่วมกับขบวนการประชาชน" สุเทพกล่าว และกล่าวต่อไปว่า "นอกจากศูนย์ราชการแห่งนี้ต้องเข้าควบคุมพื้นที่ศูนย์ราชการแล้ว เราจะเข้าไปควบคุมพื้นที่ของ กสท. โทรคมนาคม และบริษัททีโอที มหาชน จำกัด เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปโดยเรียบร้อยในวันพรุ่งนี้เช้า เราเลือกดำเนินการวันเสาร์ วันอาทิตย์ เพราะไม่ต้องการให้มีผลกระทบ และไม่ต้องการให้มีการขัดขืนใดๆ เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พี่น้องที่ทำงานใน กสท. และทีโอที ให้การต้อนรับการเดินขบวนของมวลมหาประชาชนตั้งแต่วันแรก และเข้าควบคุมพื้นที่ทั้งสองบริษัท การปฏิบัติงานของเราในวันเสาร์ จะเป็นไปอย่างนี้ ผมและคณะกรรมการแกนนำ จะใช้สถานที่ศูนย์ราชการแห่งนี้เป็นจุดประสานงาน เป็นศูนย์บัญชาการ"
"และทันทีที่เราประกาศ ฝ่ายรัฐบาลคงคิดเตรียมกำลังมาจับกุมพวกเรา เพราะฉะนั้นงานแรกของมวลมหาประชาชน คือรักษาฐานที่มั่นศูนย์ราชการตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป เมื่อจัดการกับศูนย์ราชการนี้ บริษัท กสท โทรคมนาคม และบริษัท ทีโอที มหาชนจำกัดแล้ว วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม กองกำลังส่วนอื่นของคณะกรรมการประชาชนฯ ก็จะเข้าไปปฏิบัติควบคุมพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กระทรวงศึกษาธิการที่ต้องเข้าไปกำกับตรงนี้ รวมทั้งที่สวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดิน เพราะตำรวจตั้งกำลังอยู่ที่นี้ นอกจากนั้นกองกำลังของเราจะเข้าควบคุมพื้นที่กระทรวงแรงงาน เพราะเป็นที่ตั้งของ ศอ.รส. และเราจะเข้าไปควบคุมพื้นที่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กรมประชาสัมพันธ์ ส่วนกระทรวงการคลัง และสำนักงานงบประมาณนั้น เราควบคุมพื้นที่อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว"
"พี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย เราก็มีความจำเป็นที่ต้องเข้าควบคุมพื้นที่กระทรวงต่างประเทศด้วย พื้นที่ส่วนราชการเหล่านี้ เราได้ให้เครือข่ายต่างๆได้ไปซ้อมการเข้าควบคุมพื้นที่มาแล้วคือ ไปเยี่ยมมาแล้วทั้งนั้น ตอนนี้ถึงคราวปฏิบัติจริง และเข้าควบคุมพื้นที่ทุกกระทรวง ทบวง กรม ให้พี่น้องข้าราชการไม่ต้องมาทำงานอีกแล้ว และขอแจ้งข่าวไปถึงพี่น้องที่ทำงานในรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ไม่ต้องมาทำงานอีกแล้วตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป ยกเว้นบริษัทการบินไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัทขนส่ง จำกัด ขสมก. ที่จะทำให้เกิดความเดือดร้อนประชาชน ท่านร่วมกับเราเฉพาะกิจกรรมอื่น แต่ยังคงต้องบริการพี่น้องประชาชนต่อไปครับ" สุเทพกล่าว
สุเทพกล่าวด้วยว่า เมื่อท่านทราบแล้ว สะดวกวันไหนไปที่นั่น ถ้าไปไม่ถูกไปที่เวทีราชดำเนินก่อนทั้งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หรือ กปท. หรือ คปท. ไปได้ทุกเวที มีงานให้พี่น้องร่วมทำทุกแห่ง
สุเทพกล่าวว่าที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะมีการตั้งกระบวนรอไว้ล่วงหน้าแล้ว และเวลานัดหมายคือ เวลา 10.45 น. โดยจะไปที่กระทรวง ทบวง กรมไม่ต้องรอใครชวนใครแล้ว วันนี้ทุกคนพกหัวใจที่ยิ่งใหญ่ พกความรักชาติปฏิบัติการพร้อมกัน
สุเทพกล่าวด้วยว่า นักธุรกิจสีลมจะไปควบคุมกระทรวงพาณิชย์ด้วยตัวเอง และเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมให้ช่วยกันตื่นตัว ระมัดระวัง ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ไม่ให้มีการสลายการชุมนุม รวมทั้งเรียกร้องให้ไปยึดพื้นที่ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด "คนที่ดูหน้าจอ ไม่ต้องอยูที่บ้านแล้ว" สุเทพย้ำ
สุเทพกล่าวด้วยว่า "ตอนบ่ายแก่ๆ ของวันที่ 1 ธ.ค. 2556 เราจะได้มีแถลงการณ์ประกาศชัยชนะขั้นเด็ดขาดของประชาชนด้วยกัน และเวลานั้น ก็จะไม่มีระบอบทักษิณอยู่ในแผ่นดินนี้อีกต่อไป"
"ต้องกราบเรียน ย้ำ และยืนยันกับพี่น้องทั้งหลายคือ เรายึดหลักการต่อสู้ที่สันติ สงบ และปราศจากอาวุธจริงๆ โปรดออกจากบ้านด้วยมือเปล่า มีรองเท้าผ้าใบ มีเป้ใส่น้ำขวด ไม่ต้องพกอาวุธไป มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่พอแล้ว เราทำแค่นี้ โลกจะบันทึกการต่อสู้ของชาวไทยในครั้งนี้"
สุเทพกล่าวติดตลกด้วยว่า "หากมีเจ้าหน้าที่หน่วยจู่โจมกำลังเตรียมขบวนเฮลิปเตอร์ที่จะมาจับกุมแกนนำ พอเขาลงมาก็กอดเขาด้วยความรักอย่างเดียว ไม่ต้องทำร้ายเขา เพราะนั่นคือคนของประชาชน อย่าให้เขาไปทำร้ายประชาชน กอดเอาไว้ด้วยความรัก"
โดยเขาย้ำว่าจะร่วมปฏิบัติการด้วยกันตั้งแต่คืนนี้ วันพรุ่งนี้ และวันที่ 1 ธ.ค. จนกระทั่งเสร็จสิ้นภารกิจ
"พี่น้องไม่ว่าท่านจะมีข้อคิด มีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องปฏิบัติการของมวลมหาประชาชนครั้งนี้ ขอให้คิดว่าเป็นส่วนปลีกส่วนย่อย ให้มุ่งมั่นอย่างเดียวว่าต้องร่วมกันขจัดระบอบทักษิณให้หมดไปให้ได้ นั่นคือเรื่องสำคัญ เรื่องอื่นเรื่องเล็ก ทำอย่างเดียวร่วมแรงกันจัดการกับระบอบทักษิณ ทำด้วยความกล้าหาญ ด้วยหัวใจยิ่งใหญ่ คือหัวใจรักชาติ รักแผ่นดิน คงมีคนตั้งคำถามกับพี่น้อง ไหนจะต่อสู้สันติวิธี ไหนจะอหิงสา การบุกรุกสถานที่ราชการผิดกฎหมายไม่ใช่หรือ พี่น้องต้องยิ้ม และอธิบายเขา 'ทูนหัวไม่ผิดกฎหมายเสียเลยมันคงชนะไม่ได้' ผมไปอ่านตำราอาจารย์ชัยวัฒน์ (สถาอานันท์) แล้ว ท่านเป็นนักสันติวิธี ท่านอธิบายชัดเจนอารยะขัดขืนแม้จะเป็นการทำผิดกฎหมาย ถ้าไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช้อาวุธ ไม่หลุดกรอบอารยะขัดขืน และสันติวิธี และจำเป็นต้องทำผิดกฎหมายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ได้รับชัยชนะ ไม่ใช่ชัยชนะเพื่อตัวเอง แต่เป็นชัยชนะเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เมื่อชนะแล้ว จะดำเนินคดีกับเราก็ยินดี ไม่หนีไปไหน"
"เราไม่ได้ปฏิเสธกฎหมาย เหมือนรัฐบาลปฏิเสธรัฐธรรมนูญ และเราพร้อมรับโทษกระบวนการยุติธรรม ไม่หลบเลี่ยงโดยเด็ดขาด ถึงวันนั้นจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะสารภาพผิด ศาลลงโทษจำคุกกี่ปีก็แล้วแต่ ประเทศไทยรอดปลอดภัยก็คุ้มแล้วพี่้น้อง นี่คือสิ่งที่เราจะทำ ขอให้ทำใจให้ผ่องแผ้ว แจ่มใส เราไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมือง แต่เราทำเพื่ออนาคตประเทศไทย อนาคตลูกหลาน จะได้เป็นเสรีชน เมื่อเราจัดการระบอบทักษิณเสร็จเรียบร้อย เราจะได้เริ่มเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยด้วยมือของประชาชน ให้ประเทศเราได้ก้าวไปข้างหน้า อย่างประเทศที่มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ไม่มีทุนสามานย์ ไม่มีทุจริต ไม่มีข้าราชการขี้ข้า เป็นรัฐบาลโดยประชาชนแท้จริงเท่านั้น ในฐานะเลขาธิการ กปปส. ขอกราบพระคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยที่จะร่วมแรงร่วมกันปฏิบัติการพร้อมกันเพื่อประเทศไทยนับตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป" สุเทพกล่าว โดยมวลชนต่างสงเสียงไชโยอย่างอึงมี่
ขณะเดียวกันที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส. ตรัง และแกนนำบนเวทีได้นัดหมายให้ผู้ชุมนุมมาพร้อมกันตั้งแต่เช้าของวันที่ 1 ธ.ค. และจะเริ่มเคลื่อนขบวนไปสู่ที่ตั้งสถานที่ราชการต่างๆ 3 จุด ได้แแก่ จุดแรก ทำเนียบรัฐบาล จุดที่สอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บช.น. และเขาดิน เพื่อไม่ให้ตำรวจเคลื่อนออกมา และจุดที่สาม กระทรวงแรงงานที่ตั้ง ศอ.รส.