วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุทธิพงษ์ แถ๋..... หวังพ้นผิด แท้จริง ความผิดสำเร็จไปแล้ว

'สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ' รับโพสต์พลาด - ยืนยันไม่มีอกุศลเจตนาใดๆ

         ผู้จัดคนค้นฅนแจงกรณีโพสต์เรื่องสารพิษตกค้างในข้าว รับ "มือไปโดน post ส่งไปก่อน" พยายามรีบลบแล้ว ยันไม่มีอกุศลเจตนาต่อผู้ใด ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองหลังจากนี้เป็นกรรมที่ต้องรับตามหลักพุทธศาสนา ขณะที่ 'ข้าวตราฉัตร' ประกาศเชิญพิธีกรดังมาพิสูจน์ ทั้งโพสต์ภาพ 'องคมนตรี'-'สุเมธ ตันติเวชกุล' เยี่ยมโรงงาน
        จากกรณีที่นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้จัดและผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน โพสต์ข้อความในเฟซบุคเมื่อวันอังคาร (9 ก.ค.) ที่่ผ่านมา (ทำนองว่าโรงสีข้าว 3 แห่งที่เตรียมส่งข้าวในสต็อกออกจำหน่ายให้ผู้ผลิตรายใหญ่ เป็นโรงสีของภาคอีสาน เป็นโรงงานของ ส.ส.เพื่อไทย "คงจะมีสารพิษตกค้าง เพราะสารตัวนี้ไม่สามารถละลายในน้ำได้ หนูตายใน 5 นาที"
        พร้อมโพสต์ข้อความว่า "ห้ามสื่อข้าวหอมปทุมธานีทุกยี่ห้อ ตอนนี้ข้าวถูกจำหน่ายออกในนาม ข้าวหอมปทุมธานี เนื่องจากคนกลัวข้าวจากอีสาน และสต็อกต่อไปคือข้าวเสาไห้ (ระบุยี่ห้อข้าว) ห้ามเด็ดขาด (ระบุยี่ห้อข้าว) ทุกประเภทห้ามทาน เป็นสต็อกจากต้นปีที่แล้ว จัดจำหน่าย" โดยย้ำไว้ที่หน้าข้อความด้วยว่า "แล้วแต่พิจารณานะครับ ผมไม่ได้มีประโยชน์ได้เสีย"
         โดยมีผู้แชร์สเตตัสดังกล่าวจำนวนมาก ก่อนที่ไม่กี่ชั่วโมงภายหลังนายสุทธิพงษ์ได้ลบข้อความดังกล่าวออกไป
และเมื่อเวลา 20.38 น. วันที่ 9 ก.ค. นายสุทธิพงษ์ได้โพสต์ข้อความว่า "เร็วกว่าไฟลามทุ่ง ถึงแม้ผมจะลบไปแล้ว เร็วที่สุดเท่าที่ผมจัดการได้เมื่อเห็นผลของความสะเพร่า ไปไกลเกินกว่าเจตนาแห่งสัมมาทิฐิและกุศลเจตนา อย่าให้และอย่าใช้ผมไปก่อกรรมกับใครเลยนะครับ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าผมสามารถลบความจริงทิ้งได้ และไม่ว่าใครก็ไม่สามารถลบกรรมทั้งดีชั่วทิ้งได้ โดยเฉพาะการกระทำกับชาวนาและข้าวปลาอาหาร"
อย่างไรก็ตามสำนักข่าวทีนิวส์ได้นำไปรายงานว่าเฟซบุ๊คของผู้จัดรายการ "คนค้นฅน" ดังกล่าวถูกบล็อก (อ่านข่าวที่นี่) ทำให้ภายหลังเมื่อวันที่ 10 ก.ค. เวลา 13.55 น. นายสุทธิพงษ์ต้องอัพสเตตัสว่า "เพจผมไม่ได้ถูกบล็อกนะครับ"
 โพสต์ยอมรับในความผิดพลาด แต่ยืนยันว่าไม่มีอกุศลเจตนาใดๆ
           ล่าสุดวันนี้ (11 ก.ค.) นายสุทธิพงษ์ ได้อัพสเตตัสชี้แจง ว่า "ขอขยายความสิ่งที่ผมบอกว่าเจตนาผมคือไม่อยากให้เกิดการเบียดเบียนกันจากกรณีข้าว แล้วผมดันเป็น "ส่วนหนึ่ง" ในการทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียเอง เจตนาผมมีประการเดียวคือเรื่องความมั่นใจในความปลอดภัยของคนกินข้าว เนื่องจากความกังวลและความห่วงใยจากข่าวสารที่ได้รับ ก่อนโพสท์ตามที่ได้เรียนชี้แจงว่าผมตั้งใจเขียนความตั้งใจ ชี้แจงเจตนาต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะเจตนาผมต้องการให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้รับรู้ด้วย ไม่ใช่เฉพาะผู้บริโภคเท่านั้น ผมไม่ได้มีธงในใจหรืออกุศลเจตนาต่อผู้ใด แต่ความสะเพร่าของผมก็คือ ผมเขียนไปได้แค่สองประโยค ยังไม่ครบถ้วนก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างแก้ไขคำผิด มือไปโดน post ส่งไปก่อน ซึ่งได้พยายามรีบลบ แต่ผมทำไม่เป็นต้องไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นอีก 2 คนจึงทำได้สำเร็จ ซึ่งถ้าสามารถเช็คเวลาก่อนจะลบได้จะทราบว่าไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง ต่อมาไม่นานมีคนโพสท์ตำหนิผมอย่างรุนแรง"
         "ผมได้ชี้แจงกลับไป ทั้งขอบคุณที่เตือนสติและยอมรับความผิดพลาด ต่อมาภายหลังผมจึงพบคำตอบว่าทำไมความรู้สึกเขาถึงรุนแรงมาก นั่นก็เพราะมีการเอาไปขยายต่อ เพิ่มเติม ชี้นำ จะเพื่อประโยชน์อันใดก็สุดแท้แต่ แต่ไม่ใช่ความตั้งใจและเจตนาของผม ซึ่งยืนยันชัดเจนตั้งแต่ต้น ผมจึงได้รู้ว่าผมกลายเป็นเหยื่อและเครื่องมือไปแล้วอีกคนหนึ่ง แต่ถามว่าเหตุมาจากไหน ก็มาจากผมนั่นแหละ"
 รับเป็นผลกรรมตามหลักพุทธศาสนา และเตรียมแถลงข่าว
        "สิ่งนี้ก็เป็นกรรมที่ผมต้องรับตามหลักพุทธศาสนา ซึ่งสิ่งนี้ผมก็ยืนยันเหมือนเจตนารมณ์ เมื่อเช้านี้ผมได้ฟังความรู้สึกของเจ้าของโรงสี เจ้าของสินค้า ยิ่งทำให้ผมไม่สบายใจ เพราะสิ่งที่กำลังส่งผล มาจากความคลาดเคลื่อนและปรุงแต่งสิ่งที่เกิดจากผมจนไปไกล ผมไม่มีอะไรแก้ตัวแต่มีความเสียใจในบางด้าน และความจริงทั้งหมดจะชี้แจง โดยเฉพาะเรื่องปราศจากอกุศลเจตนาและมิจฉาทิฐิ ผมจึงจะแถลงบ่ายนี้" โพสต์ของนายสุทธิพงษ์ระบุ
           "ข้าวตราฉัตร" ชี้แจงคุณภาพการผลิต พร้อมโพสต์ภาพ "สุเมธ-องคมนตรี" เยี่ยมชมโรงงาน
คำชี้แจงของ "ข้าวตราฉัตร" โดยลงท้ายมีการเชิญชวนสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ มาพิสูจน์ที่โรงงาน
สุเมธ  ตันติเวชกุล  ประธานมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เยี่ยมชมโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าว โครงการนครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา  (ที่มา: เว็บไซต์ข้าวตราฉัตร)
พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท เยี่ยมชมโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าว โครงการนครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา (ที่มาของภาพ: เว็บไซต์ข้าวตราฉัตร)
โดยก่อนหน้านี้ เฟซบุคของ "ข้าวตราฉัตร" ได้ชี้แจงนายสุทธิพงษ์ว่าว่า มีการดำเนินการตรวจสอบคุณภาพสินค้าตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ ที่คัดเลือกจากแหล่งเพาะปลูกที่มีคุณภาพและปลอดภัย ไม่มีการปนเปื้อนของสารตกค้างต่างๆ โดยข้าวตราฉัตรได้ใส่ใจและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคซึ่งเราได้สุ่มตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปทางด้านต่างๆ เป็นประจำ นอกจากนี้ในข่าวที่เผยแพร่ใน เว็บข้าวตราฉัตร นอกจากการชี้แจงเรื่องคุณภาพข้าว และการเรียนเชิญนายสุทธิพงษ์ ร่วมเยี่ยมชมโรงงาน เพื่อดูกระบวนการผลิตข้าวตราฉัตรแล้ว ยังมีการโพสต์ภาพการเยี่ยมชมโรงงานโดยสุเมธ  ตันติเวชกุล  ประธานมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์  พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท คณะทูต และคณะนักเรียนนักศึกษาด้วย

โรงสี-ซีพี จ่อฟ้องพิธีกรดัง ระบุทำเสียรายได้
ก่อนหน้านี้ ข่าวสด รายงานเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ว่านายอนันต์ วังอมรมิตร เจ้าของโรงสีทรัพย์อนันต์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่ถูกนายสุทธิพงษ์ระบุชื่อ กล่าวว่าได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุรินทร์ โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการรมยา และไม่เคยขายข้าวให้กับข้าวถุงตราฉัตร
ส่วนเจ้าของโรงสีทรัพย์สิริธร อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ที่ถูกพาดพิงก็ปฏิเสธข้อกล่าวหา และปฏิเสธว่าไม่เคยขายข้าวให้กับข้าวเบญจรงค์และข้าวตราฉัตร และยินดีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ (อ่านต่อที่นี่)
ขณะที่วันนี้ (11 ก.ค.) โพสต์ทูเดย์รายงานว่า  โดยอ้างคำพูดของนายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด ที่ระบุว่าฝ่ายกฎหมายของเครือซีพีกำลังประชุมว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมายต่อนายสุทธิพงษ์หรือไม่ เช่นเดียวกับนายถาวร ทองพิทักษ์ถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอเชีย อินเตอร์ ไรซ์ ที่ชี้แจงว่าไม่เคยประมูลข้าวจากโครงการรับจำนำของรัฐ แต่ซื้อข้าวจากโรงสีที่ จ.ฉะเชิงเทรา ชัยนาท สุพรรณบุรี โดยจะฟ้องร้องนายสุทธิพงษ์ เพราะทำให้เกิดการเสียหายและสูญเสียรายได้
อนึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 ก.ค. นายสุทธิพงษ์ได้โพสต์ข้อความเรียกร้องให้โรงสีที่ถูกกล่าวหาเปิดโรงสีให้เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนเข้าไปตรวจอย่างอิสระด้วย โดยข้อความตอนหนึ่งระบุว่า "เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องพูดเอามันส์ ไม่ใช่แค่เรื่องมาด่าทอเพื่อความสะใจ ผมคิดว่าเป็นเรื่องง่ายมากถ้าบริสุทธิใจ ไม่ต้องรอสื่อไปแอบตรวจสอบหรอกครับ ข้าวทุกยี่ห้อและโรงสีทั้งหลายที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ถูกกล่าวหาก็ตาม แย่งกันเลยครับ แย่งกันเปิดโรงสีให้เจ้าหน้าที่และสื่อเข้าไปตรวจอย่างอิสระ ทั้งตอนที่เป็นข้าวเปลือกและตอนที่สีบรรจุถุง ตรวจกันให้หนำใจเพราะข้าวบริสุทธิ์และปลอดภัยอยู่แล้วจะไปกลัวอะไร สื่อยินดีไปทำข่าวให้ไม่ต้องเสียเงินไปทำโฆษณา ผมว่าตราเปิดเผย จริงใจ บริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมานี่การันตีคุณภาพให้ดียิ่งกว่าตรารับรองมาตรฐานไหนๆ ทั้งนั้น ทำเลยครับ"

บิดาของฮุน เซ็น เสียชีวิตด้วยวัย 89 ปี


สถานีโทรทัศน์ของทางการกัมพูชา ประกาศเมื่อเช้านี้ว่า "ฮุน เนียง" บิดาของฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเสียชีวิตแล้ว โดยข่าวการเสียชีวิตเกิดขึ้นก่อนการจัดเลือกตั้งทั่วไป 28 ก.ค. นี้
สถานีโทรทัศน์ของทางการกัมพูชา ประกาศเมื่อเช้าวันนี้ว่า "ฮุน เนียง" บิดาของฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรี เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 89 ปี โดยบิดาของฮุน เซ็น เจ็บป่วยและพักรักษาตัวมาหลายเดือน ก่อนจะเสียชีวิตช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา
ข่าวของทางการกัมพูชาระบุว่า ฮุน เนียง มีลูก 6 คน มีหลาน 30 คน มีเหลน 66 คน ฮุน เนียงเป็นพ่อที่ดี เป็นพุทธศาสนิกชน สร้างโรงเรียนหลายแห่ง ซ่อมศาสนสถาน ช่วยเหลือชาวนายากจนด้วยการก่อสร้างบ่อน้ำ
โดยข่าวการเสียชีวิตของเขาเกิดขึ้นก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชา 28 ก.ค. นี้ ซึ่งคาดหมายว่า "ฮุน เซ็น" ซึ่งครองอำนาจมายาวนานกว่า 28 ปีจะชนะอีกรอบ

ป่วน รมว.กลาโหมหญิงคนแรกของไทย

ความเคลื่อนไหว กระทรวงกลาโหม-สนามหลวง

แนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ ชุมนุมขวาง ยิ่งลักษณ์-ยุทธศักดิ์ ชี้ขาดความชอบธรรม ก่อน 'ไชยวัฒน์' ถอนตัวจากสนามหลวงเหตุนายทุนยุติหนุน-ปัดกระแสข่าวถูกตร.รวบ ด้านนายกฯ เข้าสักการะสิ่งศักสิทธิ์ประจำกระทรวง แถลงมอบนโยบาย 4 ด้านหลักความมั่นคง และรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซีย
แนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ ชุมนุมขวาง ยิ่งลักษณ์-ยุทธศักดิ์ 
11 ก.ค.56 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่าตั้งแต่ช่วงเช้ามีกลุ่มแนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี และ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พร้อมด้วยแนวร่วม เดินทางมาชุมนุมที่หน้ากระทรวงกลาโหม เพื่อต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่มีกำหนดการเข้ากระทรวงในวันนี้เป็นวันแรกในช่วงเวลา 11.00 น. พร้อมกันนี้ยังมี ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม ได้แต่งชุดทหารฝึกลายพรางมาร่วมชุมนุมด้วย
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยได้มีการจัดเตรียมกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 3 กองร้อยมาประจำการที่หน้ากระทรวงกลาโหม และมีการกั้นแผงเหล็กตั้งทางด้านศาลหลักเมือง ยาวตลอดแนวหน้ากระทรวง ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเข้าสักการะศาลหลักเมืองก่อนเดินทางเข้ากระทรวง
โดยนายไชยวัฒน์เปิดเผยว่า การแสดงออกวันนี้เพียงต้องการมาต่อต้านการเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม เนื่องจากต้องการแสดงเจตนารมณ์ในการปกป้องศักดิ์ศรีกองทัพของชาติไม่ให้เป็นกองทัพของใครคนใดคนหนึ่งหลักจากมีคลิปเสียงอื้อฉาวออกมา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่มีการบุกเข้าไปในกระทรวงกลาโหมอย่างแน่นอน เพราะไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ลำบากใจในการปฏิบัติหน้าที่
 “ยิ่งลักษณ์ไม่มีความชอบธรรมที่จะเข้ากระทรวงกลาโหม ยุทธศักดิ์ไม่มีความชอบธรรมที่เหยียบกระทรวงกลาโหม เป้าหมายของเราคือต่อต้านยิ่งลักษณ์ และยุทธศักดิ์ ไม่ให้เข้ากระทรวง” นายไชยวัฒน์ประกาศ
ผบ.ตร ยันใช้การเจรจาเป็นหลักไม่ใช้ความรุนแรง
ขณะที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ติดตามสถานการณ์หน้ากระทรวงกลาโหมอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร) อย่างใกล้ชิด โดยยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม และใช้การเจรจาเป็นหลัก และล่าสุดทางตำรวจนำรถยกขนาดใหญ่มาจอดที่หน้ากระทรวงกลาโหม เตรียมการลากรถขยายเสียงของกลุ่มผู้ชุมนุมหากเจรจาให้เคลื่อนออกจากพื้นที่ไม่สำเร็จ
นายกฯ เข้าสักการะสิ่งศักสิทธิ์ประจำกระทรวง
11.09 น.นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรก นับจากได้รับการโปรดเกล้าฯ ผ่านมา 12 วัน โดยการเดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารอย่างเข้มงวด โดยมี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารเรือ, ผู้บัญชาการทหารอากาศ, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะนายทหารระดับสูงให้การต้อนรับ จานนั้นนายกฯ เข้าสักการระเจ้าพ่อหอกลอง ณ ศาลเจ้าพ่อหอกลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกระทรวงฯ โดยยกเลิกพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง เนื่องจากกลุ่มแนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติชุมนุมอยู่บริเวณดังกล่าว
จากนั้นนายกฯได้เข้าพิธีรับการเคารพจากกองทหารเกียรติยศผสม ณ ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกลาโหม หลังเสร็จสิ้นพีธีดังกล่าว นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ก่อนเป็นประธานมอบนโยบายให้กับหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมพร้อมรับฟังบรรยายสรุปการทำงานในส่วนกระทรวงกลาโหมสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพจากสำนักนโยบายและแผนกกลาโหม
นายกฯ แถลงมอบนโยบาย 4 ด้านหลักความมั่นคง และรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซีย
ผู้จัดการออนไลน์ รายงาน ต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ร่วมแถลงข่าวภายหลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมอบนโยบายให้กับหน่วยงานในกระทรวงกลาโหม โดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกองทัพ เพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงประชาชน โดยยึดหลักแนวทางนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา และอุดมการณ์พื้นฐานแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
นอกจากนี้ยังได้มอบโยบายใน 4 ด้านหลักเพื่อความมั่นคง และรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งในเรื่องของการสนับสนุนนโยบายในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาภาคใต้ ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ และขอให้กองทัพ ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ด้วยการเตรียมพัฒนาบุคลากร และองค์กร ให้สอดคล้องสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต อีกทั้งจะดูแลด้านสวัสดิการกำลังพลในชั้นประทวน ทหารผ่านศึก และผู้ที่ปฎิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง และขอให้ทุกคนทำงานในหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่
ยันไม่มีล้วงลูกปรับย้ายทหารประจำปีเป็นไปตามขั้นตอนของสภากลาโหม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมานายกฯ เห็นจุดอ่อนอะไรของกองทัพ จึงต้องนั่งควบตรงนี้ นายกฯ กล่าวปฏิเสธว่าไม่มี ต้องเรียกว่าเราอยากร่วมมือกันทำงานและสนับสนุนให้เต็มที่ อันนี้เป็นเจตนารมณ์ เมื่อถามว่าแนวความคิดหรือนโยบายการปรับย้ายทหารประจำปีเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการปรับย้ายทหารทุกอย่างขอให้เป็นไปตามขั้นตอน และทางสภากลาโหมก็มีขั้นตอนในการดูแลและอยากสนับสนุนเรื่องการให้ความเป็นธรรมและให้โอกาสผู้ที่ทำงาน
เมื่อถามว่ายืนยันจะไม่มีการล้วงลูก ผบ.เหล่าทัพ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี จริงๆ แล้วต้องเรียกว่าเราร่วมกันทำงานกับ ผบ.เหล่าทัพมาเกือบ 2 ปีแล้วคงจะทราบและขอเรียนว่าไม่มีเหตุผลที่มาเป็น รมว.กลาโหมแล้วจะทำให้งานไม่ราบรื่น ซึ่งเราอยากเห็นการทำงานที่สามัคคีและราบรื่น เราอยากเล็งเห็นผลการทำงานนั้นให้เกิดเป็นรูปธรรม
แจงคลิปเสียง ให้พิสูจน์ที่การทำงาน
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจที่จะให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ทำงานต่อไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด ส่วนกรณีข่าวคลิปฉาวจะเคลียร์กับเหล่าทัพและ รมช.กลาโหมอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องพิสูจน์ที่การทำงาน ตนเองเชื่อว่าจากการทำงานร่วมกับกองทัพเราต่างคนต่างให้เกียรติกัน เราต้องคนต่างทราบภารกิจของตัวเองดี ฉะนั้นสองปีที่ผ่านมาเชื่อว่าตนเองให้การทำงานที่ให้เกียรติซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ก็เชื่อว่ากองทัพจะให้โอกาสในการทำงานร่วมกันและตนเองได้ประกาศเจตนารมณ์แล้วว่าการที่เราเข้ามาทำงานนี้เราอยากจะเสริมการทำงานด้วยกัน
เมื่อถาม รู้สึกอย่างไรที่เข้ามานั่งในกระทรวงกลาโหมแล้วคลิปออกมา ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนพิสูจน์คลิปจริงปลอม นายกฯ กล่าวว่า ตนเองไม่ปฏิเสธที่จะให้หน่วยงานสามารถพิสูจน์กันและว่าไปตามขั้นตอนได้เลย ซึ่งสุดท้ายอยู่ที่เจตนารมณ์การทำงาน ขอให้ดูการทำงานดีกว่า อย่างที่เคยเรียนเราเองมาในภารกิจที่ต้องดูเรื่องผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
เมื่อถามว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ยังมีความเหมาะสมที่จะนั่งในตำแหน่ง รมช.กลาโหม ทำงานประสานงานกับกองทัพใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า การทำงานต่างๆทุกคนต้องพิสูจน์ที่ผลงาน เราไม่สามารถที่จะไปบอกว่าท่านไหนเหมาะสม ไม่เหมาะสม ก็ต้องดูผลงานดีกว่า ผลงานจะเป็นเครื่องบอกเอง
เมื่อถามว่า เกรง ผบ.เหล่าทัพจะหวาดระแวงตัว รมช.กลาโหม หรือทางรัฐบาล หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าหวาดระแวง ตนเองเชื่อว่ากองทัพคงหวาดระแวงไปนานแล้ว เรียกว่าไม่มีใครหรือเหตุผลอะไรที่จะทำให้กองทัพไม่สบายใจ เราเรียนหลายครั้ง อยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า ดังนั้น เหตุผลเดียวคือการทำงานเพื่อให้เกิดการทำงานที่ราบรื่นตอบโจทย์นโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา
ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม
ตร.ปล่อยผู้กองปูเค็มหลังสอบปากคำเสร็จ
มีรายงานด้วยว่า  ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม อดีตนายทหารนอกราชการ  ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวมาที่ สน.พระราชวัง หลังขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีนายกฯ และนอนขวางแนวตำรวจ
11 ก.ค.56  ช่วงหัวค่ำ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. รายงานว่า พนักงานสอบสวนปล่อยตัว ร.อ.ทรงกลด แล้ว โดยทางพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน เนื่องจาก ร.อ.ทรงกลด ขัดขืนไม่ยอมออกจากพื้นที่การชุมนุม ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ ร.อ.ทรงกลด ได้มีการปฏิเสธข้อกล่าวหา เนื่องมองว่า เป็นการกลั่นแกล้ง และเรียกร้องให้มีการยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมด ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะมีการสอบปากคำเพิ่มเติม และปล่อยตัวไป
ด้าน พ.ต.อ.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผู้กำกับการ สน.พระราชวัง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถยกเลิกข้อกล่าวหาได้ ซึ่งเมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาแล้ว ก็ต้องต่อสู้ในศาลต่อไป อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.สรเสริญ กล่าวอีกว่า กรณีนี้หากผู้ถูกกล่าวหารับสารภาพ ก็จะมีการเปรียบเทียบปรับแค่ 100 บาทเท่านั้น
ภาพการชุมนุมของกลุ่มพลังธรรมาธิปไตย ที่สนามหลวง
พลังธรรมาธิปไตย ท.ป.ท. สนามหลวง ปฏิเสธไม่ร่วมชุมนุมหน้า ก.กลาโหม
ก่อนหน้นนี้ เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'ธรรมาธิปไตย ท.ป.ท' เผยแพร่ประกาศ ฉบับที่ 3/2556 ของ กลุ่มพลังธรรมาธิปไตยและกองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งชุมนุมร่วมกับแนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ และสภาเกษตรกรแห่งประเทศไทย ที่ชุมนุมบริเวณสนามหลวงมาตั้งแต่ต้น พ.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า ไม่ร่วมชุมนุมที่บริเวณหน้ากระทรวงกลาโหมดังกล่าว ชี้ว่าไม่ต้องการนำชีวิตของพี่น้องประชาชนไปสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจและด้วยนโยบายของกลุ่มที่ 'ไม่รบ ถ้าไม่ชนะ' อันถือเป็นสาเหตุหลักของการไม่ร่วมชุมนุมดังกล่าว
พร้อมระบุด้วยว่คืนวันที่ 10 ก.ค.ทางสถานีโทรทัศน์ประชาชน 13 สยามไท ซึ่งมีการถ่ายทอดเวทีกลุ่มพลังธรรมาธิปไตย ทุกคืนที่มีการชุมนุมนั้น ระงับการถ่ายทอดออกอกกาศอย่างกระทันหัน ทำให้ประชาชนไม่มีโอกาสได้รับชมคำชี้แจงนี้ รวมทั้งก่อนหน้านี้มีผู้อ้างชื่อกลุ่มตนไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มอื่นๆ สร้างความเข้าใจผิด
ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์
"ไชยวัฒน์" ถอนตัวจากสนามหลวงเหตุนายทุนยุติหนุน-ปัดกระแสข่าวถูกตร.รวบ
11 ก.ค. 56 แนวหน้าออนไลน์ รายงานว่า  จากกรณีที่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และผู้กองปูเค็ม นำกลุ่มประชาชนไปชุมนุมขัดวางไม่ให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ากระทรวงกลาโหมเพื่อเข้าร่วมในพิธีรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม และถูกควบคุมตัวไว้ที่ สน.พระราชวัง ตามกระแสข่าวที่ได้รับนั้น แท้ที่จริงแล้วนายไชยวัฒน์ไม่ได้ถูกจับหรือถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด
โดย นาย ไชยวัฒน์  สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ทางช่อง 13 สยามไทย เกี่ยวกับการประกาศยุติการชุมนุมและถอนตัวกลุ่มแนวร่วมของตนเอง ส่วนกลุ่มอื่นๆ ไม่ทราบ และขอถอนเวทีตั้งแต่บัดนี้ ส่วนการถ่ายทอดสดของช่อง 13 สยามไทย ก็จะยุติด้วยสาเหตุเกิดจากความขัดแย้งภายในเรื่องผลประโยชน์ นายทุนยุติการให้การสนับสนุน

'สม รังสี' ได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว หลัง 'ฮุน เซ็น' ร้องขอ

Fri, 2013-07-12 20:59

กษัตริย์นโรดม สีหมุนีแห่งกัมพูชาได้พระราชทานอภัยโทษให้กับ 'สม รังสี' ผู้นำฝ่ายค้านพรรคสงเคราะห์ชาติแล้ว โดยฮุน เซ็น เป็นผู้ขออภัยโทษบนพื้นฐานของ "จิตวิญญาณแห่งเอกภาพและความปรองดองแห่งชาติ"
นายสม รังสี นักการเมืองฝ่ายค้านชาวกัมพูชา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างลี้ภัยการเมืองได้พบปะผู้สนับสนุนของเขาที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ 2 มิ.ย. ล่าสุดได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว หลังฮุน เซ็น ร้องขอต่อสมเด็จนโรดม สีหมุนี (ที่มา: เฟซบุค Sam Rainsy)
ป้ายพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ที่หน้าสำนักงานสาขาพรรคย่านบึงกัก กรุงพนมเปญ ภาพนี้ถ่ายในเดือนพฤศจิกายนปี 2555 ทั้งนี้ พรรคประชาชนกัมพูชาเป็นพรรครัฐบาลที่ครองอำนาจในกัมพูชามาอย่างยาวนานตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 ขณะที่นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศว่าจะครองอำนาจไปอีก 30 ปี (ที่มา: ประชาไท)
สำนักข่าวกัมพูชา (AKP) รายงานวันนี้ (12 ก.ค.) ว่า กษัตริย์นโรดม สีหมุนีของกัมพูชาได้พระราชทานอภัยโทษให้กับ สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) ซึ่งลี้ภัยการเมืองอยู่ต่างประเทศในขณะนี้ ทั้งนี้ผู้ขอพระราชทานอภัยโทษคือฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
สำนักข่าวกัมพูชารายงานด้วยว่า ฮุน เซ็น ได้ร้องขอพระราชทานอภัยโทษบนพื้นฐานของจิตวิญญาณแห่งเอกภาพและการปรองดองแห่งชาติ และเพื่อทำให้การเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยแบบพรรคการเมืองหลายพรรค และเป็นไปตามจดหมายของนายสม รังสี ลงวันที่ 13 มิ.ย. 56 ที่ต้องการขอพระราชทานอภัยโทษ
ทั้งนี้การขอพระราชทานอภัยโทษ จะทำให้ สม รังสี ซึ่งลี้ภัยอยู่ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส สามารถกลับเข้าประเทศได้ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 28 ก.ค. นี้
สม รังสี ปัจจุบันอายุ 62 ปี ได้ลี้ภัยออกจากกัมพูชาในปลายปี 2552 หลังถูกศาลตัดสินข้อหายั่วยุ ให้ข้อมูลผิดพลาด และทำลายทรัพย์สินสาธารณะ หลังจากที่เขาได้ไปรื้อหมุดเขตแดนที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยศาลพิพากษาจำคุก 12 ปี และถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปกัมพูชา
ส่วนการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชา มีกำหนดจัดในวันที่ 28 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ โดยปัจจุบัน พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) นำโดยนายฮุน เซ็น ครองเสียงข้างมากอยู่ในสภาโดยมี ส.ส. 90 คน ส่วนพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) ที่มีนายสม รังสี เป็นผู้นำ ขณะนี้มีเสียงในสภา 26 ที่นั่ง
สำหรับพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เดิมชื่อพรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา (KPRP) ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2524 โดยนายฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ปกครองกัมพูชามาอย่างยาวนานกว่า 27 ปี และประกาศว่าจะอยู่ในอำนาจอีก 30 ปี ส่วนพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) เกิดจากการรวมกันของพรรคฝ่ายค้านกัมพูชา 2 พรรคคือพรรคสม รังสี และพรรคสิทธิมนุษยชนตั้งแต่กลางปี 2555 และจะร่วมกันแข่งขันในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกรกฎาคมนี้

เหตุเกิด เพราะจับควายมาใส่หน้ากาก กลายเป็นหมานอนตามป้ายรถเมล์

สาวกพรรคประชาธิปัตย์ด่า "ม็อบไชยวัฒน์" เจ็บ "ตอนจบไม่ต่างจากหมานอนตามป้ายรถเมล์"



           วันที่ 9 กรกฎาคม 2556 (go6TV) ผู้ใช้ไอดีว่า New CanThai ซึ่งเป็นแนวร่วมพรรคประชาธิปัตย์ สุดทนออกมาด่าแกนนำม็อบสนามหลวง “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” ว่าเป็น แกนนำเกรด B นำมวลชนเข้ารกเข้าพง ตั้งแก๊ง “หน้ากากลิง” ไว้ไปโหนกระแสทุกแห่ง แต่พลาดเป้าทุกที่  ท้ายสุดด่าแรง “ตอนจบก็มีค่าไม่ต่างกับหมาที่นอนตามป้ายรถเมล์”

       ผู้ใช้ไอดี New CanThai ได้แชร์ข้อความเล่าประสบการณ์คนทำม็อบ โดยมีข้อความดังต่อไปนี้

“คนใกล้ม็อบ”
       เมื่อหลายปีมาแล้วมีนักเคลื่อนไหวเกรด ออกมาเป็นผู้นำม็อบอิสระคนก็เห็นว่าหน้าใหม่ไม่มีผลได้ผลเสียอะไรกับกลุ่มเดิมๆที่แข็งกร้าวเกินไป โลกโซเชียลก็ออกมาร่วมด้วยช่วยกันยกผลงานขึ้นระดับเกรด ออกไปทำกิจกรรมที่ไหนก็ช่วยกันออกไปไม่ขาด วันดีคืนดีก็ออกมาบอกว่า ม.112 มีปัญหาสมควรแก้ไข ชูประเด็นสนับสนุกการแก้ไข ม.112แล้วก็โดนด่ารอบวงจากทุกหน้าเพจ พอเห็นแนวโน้มว่างานนี้จะโดนหนักแน่ก็เลยเบรคตัวโก่งเลี้ยวออกจากซอยทันที รีบออกข่าวบอกว่าที่พูดคือแก้ไขวิธีที่ใช้ไม่ได้แก้ที่ตัวมาตรา คนเลยให้อภัยไปรอบหนึ่ง

      แล้วก็ทำตัวสะเมอะสะมะยิงผิดยิงพลาดแต่ชอบออกข่าวก่อนคิดไปอีกหลายงาน เพียงแต่ว่าไม่เป็นข่าวใหญ่เพราะคนไม่สนใจ

       เมื่อสองสัปดาห์ก่อนก็ออกมาเห็นด้วยที่กลุ่มสนามหลวงจะยื่นฎีกาต่อสำนักพระราชวังถ่ายรูปกันในคืนวันสุกดิบสนุกสนาน พอโดนสังคมด่าสิบทิศวันรุ่งขึ้นก็พลันหายหน้าอีก รีบออกข่าวว่าไม่เกี่ยวไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นด้วยกับนายกพระราชทาน ดีว่าเด็กมันยังไม่อัพรูปลงเฟสบุคไม่งั้นดิ้นกันไม่ออกอีกงาน

        ยังไม่เข็ดออกมาแบ็กหลังสนับสนุนกับกลุ่มหน้ากากลิงที่บุกเข้าไปยกป้ายหน้าพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนให้ประชาธิปัตย์ลาออกจากสภาให้หมดแล้วมาสู้บนถนนกับประชาชน พอโดนโลกโซเชียลถล่มเอามิใช่น้อยก็โดดลงรถที่ป้ายหน้าเหมือนครั้งก่อนๆ กรูเปล่าสนับสนุนอีกแล้ว ออกมาพูดว่าเห็นด้วยกับแนวทางต่อสู้ในสภา แต่งานนี้คาดไม่ถึงว่าจะเจอคนกันเองแต่สายชอบจัดหนักไม่รักสภาอีกฝั่งอุดซอยไว้ข้างป้ายรถเมล์ โดดรถลงมาคิดว่ารอดแต่เจอชุดสองอัดเละไปไม่ใช่น้อย

        นิสัยชักเข้าชักออก กลับลำได้ทุกเวลาที่พลาดพลั้ง จับกระแสมันเสียทุกเรื่อง ขึ้นรถพลาดก็โดดลงรถหาคันอื่นเกาะใหม่ ไร้จุดยืนของตัวเอง สป็อตไลท์ของสังคมส่องไปตรงไหนก็วิ่งเข้าแสงไปได้ทุกช็อต ถ้าไม่เลิกนิสัยแบบนี้บอกได้เลยว่าแฟนคลับที่เหลือน้อยลงไปทุกวันไม่ปลื้มและจะหายไปเรื่อยๆ แล้วตอนจบก็มีค่าไม่ต่างกับหมาที่นอนตามป้ายรถเมล์เห่าสั้นเห่ายาวอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจ


      ตอนนี้จะเคลื่อนไหวอะไรก็ต้องใช้เด็กออกหน้าเป็นนอมินีแล้วไม่ใช่หรือ เค้าลางจุดเสื่อมของชีวิตมันมาแล้ว”

นั่งบนภู ดูหมากัดกัน

ชาวเน็ตครื้นเครง! อยู่บนภู ดูหมากัดกัน 

"หน้ากากวีแท้-เทียม ตีลากใส้กันเละ" ทั้งคืนที่ผ่านมา


วันที่ 10 กรกฏาคม 2556 (go6TV) หน้ากากแดงอยู่บนภู ดูสุนัขวีกัดกัน!!  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดคืนที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์วิวาทะ ระหว่างกลุ่มมวลชน "หน้ากากวี" ไม่ว่าจะเป็น วีแท้ วีเทียม วีไม่แท้ วีหากิน วีโจร สารพัดที่ไม่สามารถแยกแยะออกได้ว่าเป็นวีกลุ่มใดบ้าง เพราะทุกคนปิดบังใบหน้าไว้ด้วยหน้ากากวีทั้งหมด  ได้เริ่มต้นตอบโต้กันไปมาอย่างเผ็ดร้อน

เริ่มต้นด้วยเพจหน้าหาก "วีแท้" ได้เปิดฉากโจมตีการ "หากิน" ของคนที่พยายามเป็นแกนนำหน้ากากวี คือ ปู จิตรกร พิธีกรโทรทัศน์ชื่อดังทางบลูสกาย และนักเขียนแนวหน้า ด้วยมีคนส่งข้อความและหลักฐานการ "ทำมาหากิน" กับหน้ากากวีคือ "การจัดทัวร์ภูเก็ต" โดยอ้างว่าเป็นการไปเยี่ยมให้กำลังใจหน้ากากวีที่แหลมสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต ด้วยสนนราคา 14000 บาทขาดตัวต่อหัว  โดยมีข้อความประชดว่า "น้ำขึ้น ให้รีบตักเว้ยเห้ย ฮ่าาา"




จากนั้นหน้ากากวีได้ร่วมกันรุมสับ "ปู-จิตกร ว่าหากเอากิจกรรมหน้ากากวีไปทำมาหากิน "ก็ไม่ควรอ้างหน้ากากขาวครับ"

ปู-จิตกร ได้สวนกลับว่า "มีอุดมการณ์แบบไหน มีวิธีการอย่างไรก็ตั้งชื่อกลุ่มของตัวเองแล้วเชิญชวนคนที่เห็นด้วยเข้าไปร่วมเถอะ.... จะมาใช้  "หน้ากากขาว" ทำไม

เอ๊ะ.. อ้าว.. งง  อีจิตกร ก็ใช้ "หน้ากากขาว" หาแดกไม่ใช่เหรอ???


ถัดจากนั้น V For Thailand ก็เริ่มระดมถล่มคู่แค้นแฟนประจำมิตรรัก "วิหค- เทอดศักดิ์" สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์  โดยขุดคุ้ยภาพเก่าๆๆ ว่าเทอดศักดิ์เองนั้น ก็รักชอบ "พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ถึงขนาดเคยมีข่าวเม้าส์ ว่าเทอดศักดิ์และครอบครัว ไปพบทักษิณ เพื่อขอเข้าพรรคไทยรักไทย และลง ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่  สมัยนั้น แต่บังเอิญที่เชียงใหม่มี ส.ส.เจ้าประจำอยู่แล้ว แถมมีอีกหลายกลุ่ม เลยไม่สามารถรับเทอดศักดิ์เข้าพรรคได้  พอจะหันซ้ายไปพรรคประชาธิปัตย์ ก็เจอกลุ่ม ณ เชียงใหม่ขวางลำอยู่ เลยไปไม่รอด



ด่ากันไม่ด่าเปล่า V For Thailand ขุดประวัติออกมาว่าเคยขึ้นเวทีพันธมิตรแล้วไปแอบอ้างรับบริจาคจนถูกเค้าประกาศไล่กลางเวที ไม่เผาผีมาแล้ว  แถมแอบอ้างอะไรต่อมิอะไรสารพัด



V For Thailand แฉต่อว่ากลุ่มของวิหค พยายามแทรกตัวเข้าไปยังม็อบสนามหลวง ไปมีเอี่ยวเป็นแกนนำเข้าหาม็อบ วางก้ามเป็นจ่าฝูงบนหยาดเหงื่อของพี่น้องเค้า ทั้งที่เขาเป็นพลังบริสุทธิ์


แฟนคลับทั้งหลาย ก็เลยเข้ามาร่วมผสมโรงต่อว่า พอนายวิหคโดนแฉ ก็เลยมารุมด่ากลับกลุ่มวี รวมทั้งเมื่อฮุบกลุ่มวีฟอร์ไทยแลนด์ ไม่สำเร็จ ก็เลยเปลี่ยนแผนร่วมมือกับบางพรรคฯ รื้อโมเดลใหม่ ประกาศถอดหน้ากากขาว เพื่อนำมวลชนไปกลืนรวมกับเวที "ผ่าความจริง" ที่สุเทพ เทือกสุบรรณประกาศแล้วว่าจะตั้งเวที 4 มุมเมือง



เมื่อ "วิหค" โดนรุม ก็เลยไปเขียนในเฟสบุ๊ค สถานที่ปล่อยของ ของตนเองเชิญชวนประชาชนหน้ากากวี "ร่วมกันถอดหน้ากาก"  วิธีการเช่นนี้เท่ากับ "ทุบหน้ากากขาวทิ้ง" เลยทีเดียวเชียว และมันคือวิธีการกลืนมวลชนทั้งหมด เพื่อเตรียมย้ายไปเวทีผ่าความจริงทั้งหมด เท่ากับ "หลอกก่อม็อบขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง" เลยทีเดียวเชียว



เมื่อ "วิหค" สู้ ไปประกาศในรายการโทรทัศน์ เชิญชวนถอดหน้ากาก ฝ่าย V For Thailand ถึงขนาดฟิวส์ขาดด่ากราดกลางทวิตเตอร์ "ไอ้อ้วนไขมันอุดตัน  อย่างมึงควรที่จะอยู่เงียบๆ และเลิกทำตัวเป็นเห็บหมาได้แล้ว วิณญาณพ่อมึงจะได้อยู่สงบสุข" แรงส์ๆๆๆ


วิหค-เทอดศักดิ์ ก็มีปากนะครับ เลยด่าสวนกลับ "แทนฆวย" ใครก็ไม่รู้ (เค้าจะหมายถึงแคนไทย หรือ แทนคุณ" กันแน่ว่ะ งง???)  เอาว่าด่าแทนฆวยไปก่อนก็แล้วกัน  ด่ากลับว่ามีหน้าอะไรมาห้าม ปู-จิตกร  มีหน้าอะไรมาอ้างความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหน้ากากขาว แถมมีพูดเล่าให้ฟังด้วยว่า "มีคน ฉุน ขนาดเอาปืนมาวางบนโต๊ะ มันอันตราย"  ไม่ทราบจริงๆ ว่าใคร ฝ่ายใหน หยิบปืนมาวางขู่กันเลยทีเดียวเชียว


วินาทีไล่เลี่ยกัน!! V for Thailand ประกาศ ใส่หน้ากากระดมพลลานพระรูป  แต่เทอดศักดิ์ - วิหค ประกาศ ถอดหน้ากาก บนหน้าเฟสบุ๊คไล่เลี่ยกันชนิด ช็อตต่อช็อต!!!


        ท้ายสุด ณ เวลานี้ " หน้ากากขาว " ก็แตกยับเยินอย่างที่เห็น แบ่งเป็น 3-4 กลุ่ม ไม่รู้อันไหนแท้ อันไหนเทียม หรือเทียมทุกอันไม่มีแท้เลย  ต่างเรียกแฟนคลับของตนไปชุมนุมกันกระจายออกไป ได้ยินว่าจะมี "คนดี" คนไหนสักคน จะเรียกหัวหน้าของทุกกลุ่มไปคุกเข่า เอ้ย.... ไปนั่งคุยปรับจูนให้เข้ากันเพื่อล้มรัฐบาลปู แล้วทูนเก้าอี้นายกฯ กลับไปให้ "อภิสิทธิ์" ประคอง!

วิกฤติข้าวไทย เพราะไอ้กบในกะลา

"สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย" และสมาชิกมากกว่า 300 โรงสี ประกาศฟ้อง "กบในกะลา" ทำธุรกิจข้าวถุงไทย 3 หมื่นล้านพังยับ!




นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เปิดเผยว่า สมาคมจะฟ้องร้องผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว เพราะถือว่าบ่อนทำลายอุตสาหกรรมข้าวไทย โดยเฉพาะข้าวบรรจุถุงมูลค่า 2-3 หมื่นล้านบาท ปกติจะเติบโต 3-5% แต่หลังจากมีข่าวเชิงลบกับข้าวบรรจุถุงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าปีนี้ยอดขายข้าวบรรจุถุงจะไม่เติบโต โดยที่ผ่านมาคนไทยบริโภคข้าวลดลงอยู่แล้ว เพราะมีอาหารอื่นทดแทน

"ข้าวเบญจรงค์" ประกาศฟ้องพิธีกร "คนค้นคน" โกหกข้าวเน่า ระบุยอดขายชะงักเป็นร้อยล้าน

        วันที่ 11 กรกฏาคม 2556 (go6TV) บริษัท เอเชีย อินเตอร์ ไรซ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวเบญจรงค์ เตรียมฟ้องร้องนายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้จัดและผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน โพสต์ข้อความเชิงลบเรื่องข้าวถุงบนเฟซบุ๊ก

       นายถาวร ทองพิทักษ์ถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย อินเตอร์ ไรซ์ กล่าวว่า ข้าวบรรจุถุงเบญจรงค์ไม่เคยเข้าประมูลข้าวจากโครงการรับจำนำของรัฐ แต่ซื้อข้าวจากโรงสีที่ จ.ฉะเชิงเทรา ชัยนาท สุพรรณบุรี จึงจะฟ้องร้องนายสุทธิพงษ์ ที่ทำให้เกิดความเสียหายและสูญเสียรายได้จากข้อความที่ไม่เป็นความจริง โดยข้อความดังกล่าวทำให้ยอดขายข้าวเบญจรงค์ชะงักทันที จากปกติที่ยอดขายเฉลี่ยเดือนละ 100 ล้านบาท

"ข้าวตราฉัตร" เตรียมฟ้อง "พิธีกรคนค้นคน" ระบุเสียหายหนักมาก ต่างประเทศโทรด่ายับ!



           วันที่ 11 กรกฏาคม 2556 (go6TV) บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด ผู้ผลิตข้าวตราฉัตร ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ เตรียมฟ้องร้องนายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้จัดและผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน โพสต์ข้อความเชิงลบเรื่องข้าวถุงบนเฟซบุ๊ก

          นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด ระบุว่า ข้าวตราฉัตรได้รับความเสียหายอย่างหนักทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีลูกค้าส่งข้อความและโทรศัพท์สอบถามมาเป็นจำนวนมาก โดยฝ่ายกฎหมายของเครือซีพีกำลังประชุมว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมายต่อนายสุทธิพงษ์ หรือไม่ เพราะเป็นข้อความหมิ่นประมาทและผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้บริษัทได้พยายามติดต่อนายสุทธิพงษ์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงส่งจดหมายชี้แจง แต่ไม่ได้รับการเผยแพร่

       อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 15 ก.ค. จะมีการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ เพื่ออธิบายและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าข้าวตราฉัตรมีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ

"โรงสีทรัพย์สิริธร" ย้อนถาม "สุทธิพงษ์" "ข้าวคุณธรรมของคุณนั้นได้รับการตรวจสอบบ้างหรือไม่?"



        วันที่ 10 กรกฏาคม 2556 (go6TV) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงสีทรัพย์สิริธร เลขที่ 44 หมู่ 7 ต.แคนน้อย อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร กล่าวว่า เรื่องที่โรงสีของตนถูกกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นข้อกล่าวหาลอยๆ และยินดีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบได้เลยว่าข้าวในโรงสีเป็นเหมือนที่กล่าวหาหรือไม่ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ไม่ว่าเวลาไหนก็ได้เข้ามาเลย ยินดีให้ตรวจทุกเวลา โดยการกล่าวหาของนายสุทธิพงษ์ นั้นไม่เป็นธรรมกับโรงสีของตนเลย ส่วนตัวไม่เคยรู้จักกับนายสุทธิพงษ์มาก่อน และไม่เคยทำอะไรให้นายสุทธิพงษ์มาก่อนทำไมมากล่าวหากันอย่างนี้ และไม่รู้ว่าเอาอะไรมาพูด อีกทั้งตนไม่เคยขายข้าวให้กับข้าวเบญจรงค์ และข้าวตราฉัตร เลย

      เจ้าของโรงสีทรัพย์สิริธร กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้มีกรมวิชาการเกษตร พาณิชย์จังหวัด การค้าภายในจังหวัดเข้ามาสุ่มตรวจสอบคุณภาพข้าวของโรงสีมาโดยตลอด และก็ไม่พบอะไรผิดปกติเลย อีกทั้งถ้าใส่สารเคมีเเล้วจะรู้ได้ไงว่าตนจะไม่ได้กินข้าวนั้น พ่อแม่นั้นจะไม่กินข้าวนั้น พ่อแม่ญาติพี่น้อง ลูกน้องของตนจะไม่กินข้าวนั้น ถือเป็นวิธีการที่ชั่วช้าสามานย์มากถ้าตนทำอย่างนั้นจริงๆ

         “เสียใจที่ถูกกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานจึงอยากให้เห็นผู้ประกอบการที่ทำงานโดยสุจริต ทำกินโดยตั้งใจไม่คดโกงใครแต่มากล่าวหากันอย่างนี้ถือว่าไม่เป็นธรรม และถ้าตนถามว่าข้าวคุณธรรมของนายสุทธิพงษ์นั้นได้รับการตรวจสอบบ้างหรือไม่ นายสุทธิพงษ์จะตอบอย่างไร


"โรงสีข้าวทรัพย์อนันต์" โร่แจ้งความเอาผิด "กบในกะลา" ทำเสื่อมเสียชื่อเสียง ธนาคารจะยกเลิกธุรกรรมด้วย



        วันที่ 10 กรกฏาคม 2556 (go6TV) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนันต์ วังอมรมิตร อายุ 51 ปี เจ้าของโรงสีทรัพย์อนันต์ เลขที่ 56 หมู่ 10 ถนนสุรินทร์-ปราสาท ต.เฉนียง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้เข้าแจ้งความที่สภ.เมืองสุรินทร์ เพื่อเอาผิดกับนายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้จัดรายการและพิธีกรรายการ "คนค้นฅน" โทษฐานที่ทำให้เสียชื่อเสียง เนื่องจากหลังจากที่นายสุทธิพงษ์ โพสต์ข้อความกล่าวหาโรงสีของตนลงในเฟซบุ๊กทำให้มีผู้โทรศัพท์มาสอบถามเป็นจำนวนมาก รวมถึงธนาคารที่ตนกำลังจะทำธุรกรรมร่วมด้วยก็โทรศัพท์มาสอบถามว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนรายละเอียดของการฟ้องร้องจะดำเนินการอย่างไรนั้น ต้องรอปรึกษาทนายความอีกที

       นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ข้อกล่าวหาที่ว่าโรงสีของตนใช้สารเคมีนั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเลยเนื่องจากโรงสีของตนเมื่อซื้อข้าวมา และเมื่อสีเรียบร้อยแล้วก็จะขายต่อทันที ไม่ได้เก็บไว้เนื่องจากไม่มีโกดังขนาดใหญ่ อีกทั้งไม่ได้เก็บข้าวไว้เป็นเวลานานจึงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการรมยา จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีสารเคมีตกค้างในข้าวของโรงสีของตน อีกทั้งโรงสีของตนไม่เคยขายข้าวให้กับข้าวถุงตราฉัตรเลย

      “รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะเรื่องข้าวของโรงสีของเรานั้นมีผู้กำกับดูแลอยู่เเล้ว และที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องราวเสียหายมาก่อนเลย แต่มาทำอย่างนี้ทำให้ตนเสียชื่อเสียงมาก โรงสีของตนลงทุน 3-4 ร้อยล้านบาท ถ้าเสียหายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ นอกจากนี้ตนยังไม่เคยรู้จักกับนักการเมืองคนใดมาก่อนเลย จึงไม่เข้าใจว่าถูกโยงไปเกี่ยวข้องกับการเมืองได้อย่างไร” เจ้าของโรงสีทรัพย์อนันต์ กล่าว

"ข้าวตราฉัตร" แถลงโต้ "พิธีกรกบในกะลา" พร้อมเชิญท้าพิสูจน์ทำรายการตะลุยโรงงานข้าวนครหลวง



           จากกรณีที่คุณสุทธิพงศ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรผู้ดำเนินรายการคนค้นฅน และผู้บริหารทีวีบูรพา ได้แชร์ข้อความลงในเฟสบุ๊คชื่อ Sutthipong Thamawuit เกี่ยวกับการซื้อข้าวจากโรงสีข้าวและห้ามซื้อข้าวหอมปทุมธานี ข้าวเสาให้ รวมถึงข้าวตราฉัตร ซึ่งปัจจุบันข้อความนี้ได้ลบออกไปแล้วนั้น



         ในการนี้ข้าวตราฉัตรขอขอบคุณ คุณธรรมวุฒิที่ได้แสดงความคิดเห็นและ ทีมงานข้าวตราฉัตรขอชี้แจง ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้






       นอกจากนี้เรายังสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคโดยเปิดโรงงานข้าวนครหลวง โรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด ณ อ. นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยาให้เยี่ยมชมกระบวนการผลิต ซึ่งมีผู้มาเยี่ยมชมมากมาย


         และล่าสุดข้าวตราฉัตรได้ดำเนินการขอเครื่องหมาย อย. ทุกถุง และเป็นข้าวแบรนด์เดียวที่ได้รับรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ปี 2556 โดยคุณสุเมธ เหล่าโมราพร ceo ข้าวตราฉัตร จะเข้ารับรางวัลในวันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม 2556 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ โดยข้าวตราฉัตรได้จัดทำโครงการ “รณรงค์ คนไทย เช็คคุณภาพ เช็ค อย. ก่อนตัดสินใจซื้อข้าว”

        นอกจากนี้หากผู้บริโภคท่านใดสนใจเข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิต ทางข้าวตราฉัตรมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการอำนวยความสะดวก โดยมาเป็นกลุ่ม ซึ่งสามารถติดต่อได้ที่หน่วยงานบริหารความพึงพอใจ โทร 02 646 7200 หรือ www.cpthairice.com ค่ะ
ในโอกาสนี้ขอเรียนเชิญคุุณสุทธิพงศ์ ธรรมวุฒิ ร่วมเยี่ยมชมโรงงาน เพื่อดูกระบวนการผลิตข้าวตราฉัตร มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

*********************

ฟ้าหญิงฯ มีพระดำรัส "ข้าวไทยไม่มีสารพิษ"


        วันที่ 10 กรกฏาคม 2556 (go6TV) เมื่อวันที่ 8 ก.ค. เวลา17.15 น.ตามเวลาท้องถิ่นของราชอาณาจักรสวีเดน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จออก ณ โรงแรมที่ประทับ ณ กรุงสตอกโฮล์ม พระราชทานพระวโรกาสให้เอกอัครราชทูตไทยประจำ กรุงสตอกโฮล์ม นำข้าราชการสถานราชทูต และคนไทยที่อาศัยอยู่ในกรุงสตอกโฮล์มเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด เนื่องในโอกาสเสด็จประกอบพระกรณีกิจ ณ ราชอาณาจักร สวีเดน

         ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นห่วงสถานการณ์ข้าวไทยที่มีบางประเทศในยุโรปเกรงว่าจะมีสารปนเปื้อนมาในข้าว โดยมีพระดำรัสต่อคณะผู้เข้าเฝ้าว่า สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ทำการวิจัยเกี่ยวกับข้าวไทย ปรากฎว่า ข้าวไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพและไม่มีสารปนเปื้อน ซึ่งแตกต่างจากข่าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีการปนเปื้อนจากสารหนู

        "ข้าวไทยนั้นไม่มีสารพิษจริง ๆ เป็นข้าวที่มีคุณภาพ แต่ข้าวที่มีสารพิษนั้นเป็นข้าวต่างประเทศ โดยย้อมแมวว่าเป็นข้าวไทย ทำให้ต่างประเทศเข้าใจผิดว่าข้าวไทยมีสารพิษ อาร์ซีนิค  คือสารหนูนั่นเอง สารพิษอาร์ซีนิคจะมีอยู่ในดิน ในน้ำ ทำให้สุขภาพเสีย ลุ่มแม่น้ำโขงก็มีมากมาย เพราะฉะนั้นต้นข้าวก็ต้องดูดเอาสารพิษนี้ขึ้นไป ข้าวของไทยนั้นขอให้พวกเราภูมิใจได้ว่าข้าวไทยเราเป็นข้าวคุณภาพ"