วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กรรมตามทัน! จำลองป่วยหนัก หลังโผล่ร่วมม็อบ กปปส.


กรรมตามทัน! จำลองป่วยหนัก หลังโผล่ร่วมม็อบ กปปส.


           13 ธันวาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมาได้ปรากฏภาพถ่าย นายจำลอง ศรีเมือง รักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเนื่องจากอาการป่วยกำเริบ หลังจากขึ้นรถปราศรัยร่วมกับม็อบ กปปส. โดยมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุของอาการป่วยกันเป็นจำนวนมาก


          ทางด้าน "สาวปาน" หรือ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำพันธมิตรฯ ลูกหาบพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาโพสต์เฟสบุ๊คยืนยันข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า "วันที่ 9 ธันวาคม 2556 หลังจากที่ นายจำลอง ศรีเมือง ได้ขึ้นนรถขบวน ASTV เข้าร่วมกับมวลมหาประชาชน ก็เกิดมีออาการหน้าซีด และปวดหลังขึ้นฉับพลัน จึงขอพิงหลังนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย ปรากฏว่าอาการไม่ดีขึ้นจึงขอให้คนบนรถช่วยนวดต่อก็ยังอาการไม่ดีขึ้นอีก จนผ่านไป 3-4 ชั่วโมง เมื่อกลับมาถึงที่ ASTV จึงได้ให้คนช่วยนวดก็ไม่ดีขึ้นจึงตัดสินใจเดินทางไปโรงพยาบาลทันที หลังจากนั้นหมอได้ตรวจอย่างละเอียดพบว่า เส้นเลือดที่หัวใจมี 3 เส้น เส้นแรกตีบ 100% มานานแล้ว เส้นที่สองตีบ 70% เส้นที่สามเพิ่งตีบ 100% แบบฉับพลัน คุณหมอจึงตัดสินใจทำบอลลูนทันที 1 เส้น ต่อมาวันที่ 12 ธันวาคม 2556 คุณหมอจึงตัดสินใจทำบอลลูนอีก 2 เส้น"

           ล่าสุด มีผู้โพสต์ข้อความให้กำลังใจ นายจำลอง ศรีเมือง เป็นจำนวนมาก อาทิ "ขอให้ลุงจำลอง หลับให้สบาย อย่าได้ห่วงทางนี้" บ้างก็ระบุว่า "อนาคตของชาติอยู่ในมือหมอแล้ว รีบตัดสินใจได้แล้วหมอ"เป็นต้น



จับนักโทษเด็ดขาด ร่วมม็อบกบฏได้แล้ว พบมีคดีข่มขืน ฆ่าคนตายพ่วงเป็นแถว


จับนักโทษเด็ดขาด ร่วมม็อบกบฏได้แล้ว พบมีคดีข่มขืน ฆ่าคนตายพ่วงเป็นแถว


         13 ธันวาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังผู้ชุมนุมออกจากกระทรวงการคลัง จากการตรวจสอบพื้นที่กรมบัญชีกลาง เจ้าหน้าที่พบเอกสารตกอยู่ชิ้นหนึ่ง คาดว่าเป็นของผู้ชุมนุม โดยเป็นหนังสือสำคัญปล่อยตัวผู้ได้รับการลดวันต้องโทษจำคุก ออกโดยทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช วันที่ 4 พ.ย. 2556 ระบุว่า นายศรชัย อนงค์ อายุ 24 ปี นักโทษเด็ดขาดชั้นดีมากเป็นจำเลยความผิดต่อชีวิต พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ลหุโทษ 3 คดี ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 2 ปี นับแต่วันที่ 14 มี.ค. 2555 ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 1 ครั้ง เหลือโทษ 1 ปี 9 เดือน

          นายศรชัย ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้ได้รับการปล่อยตัวลดวันต้องโทษจำคุกได้ตามนัยกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2521) มีกำหนด 34 วัน นับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.2556 จะพ้นโทษและพ้นจากการปล่อยตัวลดวันต้องโทษจำคุกวันที่ 9 ธ.ค. 2556 ในระหว่างได้รับปล่อยตัวลดวันต้องโทษจำคุกจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข

          จากการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับ นายศรชัย ผู้ที่มีชื่ออยู่ในเอกสารดังกล่าวพบว่าเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. ตำรวจ สน.โชคชัย จับกุมนายศรชัย หรือ ชัย อนงค์ อายุ 24 ปี พร้อมนายมาโนชญ์ หรือ โนชญ์ เถื่อนแพ อายุ 22 ปี และเยาวชนอายุ 17-18 ปี อีก 3 ราย ขณะตั้งด่านตรวจภายใน ซ.ลาดพร้าว 93 กทม. ตรวจสอบพบมีดปลายแหลม 2 เล่ม ใบกระท่อม 72 ใบ บัตรแขวนระบุการ์ดกปปส. สอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาเรียกรถแท็กซี่จากลาดพร้าวให้ไปส่งที่ชุมนุมกระทรวงการคลัง สอบสวนขยายผลทราบว่านายศรชัยมีหมายจับลงวันที่ 30 มิ.ย. 2552 สภ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ข้อหาข่มขืน โดยมีลักษณะโทรมหญิง ต้องคดีพยายามฆ่าปี 2548, 2549 และ 2552 ส่วนนายมาโนชญ์เคยถูกจำคุกคดีพยายามฆ่าปี 2549 ปี 2556 ถูกจำคุกคดีผลิตยาเสพติด

         ทั้งนี้ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.โชคชัย กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่บริเวณหน้าร้านแม็คโดนัล ตรงข้ามปากซอยลาดพร้าว 93 พบกลุ่มบุคคลน่าสงสัย โดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ จำนวน 2 คัน โดยคันแรกมีผู้โดยสาร 6 คนส่วนคันที่ 2 มี 2 คน จอดติดสัญญาณไฟจราจรอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวขอเข้าตรวจค้น แต่ปรากฏว่า กลุ่มบุคคลที่นั่งอยู่ภายในรถแท็กซี่ทั้ง 2 คัน ได้แยกย้ายกันวิ่งหลบหนี

        โดยคันแรกวิ่งหลบหนีไปได้ 2 คนหลบหนีไม่ทัน 4 คน ส่วนคันที่ 2 วิ่งหลบหนีไปได้ 1 คนหลบหนีไม่ทัน 1 คน เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมผู้โดยสารที่เหลืออยู่ได้ จากการตรวจค้นร่างกายผู้โดยสารรถแท็กซี่คันแรก ทราบชื่อคือ นายมาโนชญ์ หรือโนชญ์ เถื่อนเทพ อายุ 22 ปี นายรณชัย หรือโจม ศรีประดิษฐ์ อายุ 19 ปี นายอธิบดี หรือไบร์ท อำไพรัตน์ อายุ 19 ปี และนายกร (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เจ้าหน้าที่พบยาเสพติดประเภท 5 (พืชกระท่อม) จำนวน 72 ใบ และอาวุธมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10 นิ้วจำนวน 4 เล่ม

           ส่วนผู้ต้องหาคนที่ 5 ซึ่งนั่งมาในรถแท็กซี่คันที่ 2 จากการตรวจสอบพบว่า ชื่อนายศรชัย หรือชัย อนงค์ โดยผู้ต้องหาทั้ง 5 คนรับสารภาพว่าเป็นการ์ดของกลุ่ม กปปส. และกำลังเดินทางไปที่กระทรวงการคลัง จากการสอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การว่า เดินทางออกมาจากบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงและสาเหตุที่ไปบริเวณดังกล่าวอ้างว่าไปหาเพื่อนบริเวณดังกล่าวเพียงแค่นั้น ซึ่งจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบมือถือของผู้ต้องหาบางคนพบว่า มีรูปมาร่วมอยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง

            ด้านพ.ต.อ.ประวิตร จันทบัตร ผกก.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า พนักงานสอบสวนติดต่อขอรับตัวนายศรชัย จากสน.โชคชัย เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีข้อหาโทรมหญิง ซึ่งเป็นคดีค้างเก่าที่ติดตัวอยู่ ล่าสุดนำตัวนายศรชัยส่งฟ้องต่ออัยการแล้ว

พรรคแตก! "พิเชษฐ" แฉ "สวมกอดร่ำไห้กับพิชัย รัตตกุล"


พรรคแตก! "พิเชษฐ" แฉ "สวมกอดร่ำไห้กับพิชัย รัตตกุล"
หลัง "อภิสิทธิ์" ลักไก่ออกมติลาออกยกพรรคทั้งที่ ส.ส.ไม่เห็นด้วย





         13 ธันวาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ “พิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล” ต่อกรณีการลาออกจากส.ส. โดยมีข้อความว่า “โทรสารด่วนวันนี้ ... ไม่ครับ” พร้อมกับแนบภาพซึ่งเป็นโทรสารจากพรรคประชาธิปัตย์ ลงวันที่ 8 ธ.ค. 2556 เรื่องแสดงความประสงค์การลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. 2556 เป็นต้นไปนั้น โดยความคิดเห็นใต้ภาพดังกล่าว นายพิเชษฐ์ ก็ได้ระบุเพิ่มเติมว่า “วันนี้ไม่มีสถานะให้ลาแล้วครับ”

         ขณะเดียวกัน ก็มีผู้มาร่วมแสดงความคิดเห็นไม่สนับสนุนการลาออกของนายพิเชษฐ์ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Teerakiat Wechmongk…” แสดงความคิดเห็นว่า “อย่าเพิ่งออกเลยครับ บ้านเมืองยังต้องการคนดีอยู่ เป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน”

         นอกจากนี้ ถ้าย้อนไปในวันที่ 11 ธ.ค. นายพิเชษฐ์ ยังได้โพสต์ข้อความถึงการเขียนบทกลอนของตัวเองในชื่อ “กำแพงประวัติศาสตร์เมืองกระบี่” ที่ดำเนินมาถึงตอนที่13 โดยระบุตอนหนึ่งว่า “ต่อไปแล้วแต่โอกาส อาจไปได้เร็ว เพราะเป็นคนว่างงานแล้ว และอาจว่างตลอดไป”

          รวมถึงในวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา ก็โพสต์ข้อความต่อสถานการณ์ทางการเมืองเช่นกันว่า “วันนี้วันที่ 30 พ.ย. ตามที่สัญญาไว้ คิดว่าไปสัก 4-5 วัน เหตุการณ์การเมืองอาจคลี่คลายดีขึ้น แต่จนวันนี้กลับคับขัน ร้ายแรงขึ้นกว่าเดิม …ไม่อยากเห็นชีวิตประชาชนถูกเอามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และผมมีสัญชาตญาณทางการเมืองที่ค่อนข้างแม่นยำ” ซึ่งในวันที่ 30 พ.ย. เป็นวันเดียวกับที่นายสุเทพ ประกาศให้วันที่ 1 ธ.ค. เป็นวันชัยชนะของมวลมหาชนแต่ก็เลื่อนประกาศชัยชนะออกไป

         ทั้งนี้ จากการสอบถามพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล เปิดเผยว่า การที่ตนแสดงความคิดเห็นว่าไม่ลาออกนั้น เพราะตนเพิ่งจะได้เอกสารการแสดงความประสงค์ลาออกวันที่ 13 ธ.ค. ซึ่งก็พ้นหลังวันยุบสภาไปแล้ว ถ้าตนเซ็นต์ไปจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อไม่มีสถานะให้ลาออกแล้ว ขณะเดียวกันในวันที่มีมติ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออกนั้น ตนก็ไม่ได้ไปเข้าร่วมประชุม และไม่ได้รับเชิญ จึงไม่รู้เรื่องนี้ และเท่าที่ทราบมติวันนั้นก็อาจไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ที่ส.ส.ของพรรคต้องการลาออก หรือจะพูดอีกอย่างคือ คนที่ไม่เห็นด้วยกับการลาออก เขาเดินออกจากห้องประชุม จึงเหลือเสียงส่วนใหญ่ที่เป็นมติอยากลาออกนั่นเอง และสมมติถ้าตนอยู่ร่วมประชุมวันนั้น ก็คงไม่คิดลาออกอยู่ดี เพราะไม่เห็นด้วยที่เราเป็นส.ส.เขต มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจะมาลาออกแบบนี้ ได้ประโยชน์อะไร ซึ่งนายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีตส.ส.สงขลา ก็คิดเช่นเดียวกัน จะมาอ้างว่าไม่ลาออก ไม่เป็นเอกลักษณ์เหมือนกัน มันไม่ใช่ ตนยอมรับว่าการเมือง สังคมทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไป ไม่เหมือนเก่า ตนไม่อยากเห็นคนตายอีก เพราะผ่านอะไรมาก็เยอะ เห็นคนตายก็เยอะ รวมถึงต้องเห็นคนเจ็บ คนพิการ ที่ต้องใช้ชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ ก็หนักใจแล้ว จึงไม่อยากให้การเมืองใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเกิดขึ้นซ้ำ

            เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังเดินผิดทางหรือไม่ นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องบอกว่าเป็นแค่คนบางคนต่างหาก ที่เดินผิดทาง ซึ่งเขาก็อาจจะพาพรรคดี หรือเสียทั้งพรรคก็ได้ ทางออกไม่ใช่การปฏิรูปพรรคแน่นอน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากโครงสร้าง โครงสร้างพรรคก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่ที่เป็นปัญหาคือ ตัวคน ตัวผู้เลือกและผู้สมัคร มากกว่า แต่ทางที่พรรคเดินขณะนี้ เปรียบเทียบกับที่มีคนเคยมีคนกล่าวไว้ว่า ถ้าเมื่อใดที่เราเจอกำแพงใหญ่ ถ้าจำเป็นต้องข้ามกำแพงก็มีอยู่ 3 วิธี 1.ปีน 2.ขุดลอก 3.ค่อยๆเคาะกำแพง ไม่ใช่มีพฤติกรรมเป็นนักวิ่งชนกำแพงเหมือนคนในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถ้ายังนิยมเป็นนักชนก็ต้องแพ้ยับเยินตลอดเวลา ในที่สุดก็โกรธแค้น ประกาศลาออกจากส.ส. แล้วจะกลับเข้ามาอีก ทั้งที่บอกเองว่าไม่เอาการเลือกตั้ง

           “ผมก็ไม่อยากว่าอะไรคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผมก็ยังคิดเหมือนเดิมที่เคยต่อว่าเขาตรง ๆ ผ่านเฟซบุ๊กผม ที่ต้องวิงวอนพระแม่ธรณีเมื่อ 1-2 เดือนก่อน ขณะที่พรรคจะเป็นอย่างไรจากนี้ ผมเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่อยากเอ่ย หรือยุ่งกับเขาอีก” พิเชษฐ กล่าว

         เมื่อถามว่า จะวางมือจากส.ส.พรรคการเมืองเก่าแก่แล้วหรือไม่ นายพิเชษฐ ตอบว่า “ล่าสุดได้พบกับผู้ใหญ่ของพรรคอีกคนคือ ท่านพิชัย รัตตกุล ท่านก็ร้องไห้และกอดผม พร้อมกับพูดว่า เหลือท่านที่เป็นผู้ใหญ่ของพรรคคนเดียว ซึ่งผมก็ทบทวนว่า ตั้งแต่หลังพ้นยุค “ครม.ชวน2” แก่นแท้ของพรรคประชาธิปัตย์หายไปกันหมดแล้ว นับได้เลย 28 คน อาทิ นายเอนก ทับสุวรรณ นายสาวิตต์ โพธิวิหค นายศุภชัย พานิชภักดิ์ นายสุขวิช รังสิตพล พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายสาวิตต์ โพธิวิหค นายสุรศักดิ์ เทียมประเสริฐ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ นายสุทัศน์ เงินหมื่น นายรักเกียรติ สุขธนะ นายปราโมทย์ สุขุม นายปรีชา มุสิกุล ฯลฯ ขณะเดียวกัน ทุกคนมักจะคิดว่าผมสนิทกับ นายชวน หลีกภัย พอมีเรื่องอะไรมาทุกอย่าง ดีไม่ดี เขาก็คิดว่าผมเป็นกระบอกเสียงบอกต่อ แต่ผมก็ไม่เคยพูดต่อ จนตัวเองรับเรื่องแย่ๆหนักจนเยอะ ก็เหนื่อย ไม่ไหวแล้ว วันนี้ผมจึงอยากพักผ่อนให้ตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ทำหน้าที่ส.ส.ให้กับพรรคอย่างเต็มที่มาตลอด 18 ปี ไม่เคยเสียดาย วันนี้ก็ถึงคราวที่ผมอยากใช้เวลาที่เป็นประโยชน์ในสิ่งที่ตัวเองชอบจะดีกว่า"

ที่มา : ข่าวสดhttp://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE5qazBNVGczTnc9PQ%3D%3D&subcatid

ตท. รุ่น 7-13 แถลงตบหน้า เสธ.อ้ายหนุน กปปส.


ตท. รุ่น 7-13 แถลงตบหน้า เสธ.อ้ายหนุน กปปส.

ไม่ใช่มติศิษย์เก่า ชี้ โปรดเกล้าฯยุบสภา ลต. 2 ก.พ. 57 ควรน้อมปฏิบัติ




          14 ธันวาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปะวณิช เตรียมทหารรุ่น 8 และพล.อ.สมชัย สมประสงค์ พร้อมด้วยศิษย์เก่านักเรียนเตรียมทหารุ่น 7-13 กว่า 30 คน โดยพล.ต.ต.มณเฑียร กล่าวว่า ตามที่พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานเตรียมทหารรุ่น 1 ได้ออกมาแถลงการณ์แสดงความคิดเห็นในนามศิษย์เก่าเตรียมทหารรุ่น 1-9 สนับสนุนข้อเรียกร้องของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.ที่เสนอให้รัฐบาลออกและให้มีสภาประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น พวกเราในฐานะศิษย์เก่านักเรียนเตรียมหทาร เห็นว่าการกระทำของพล.อ.บุญเลิศ เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ตามจารีตประเพณีอันดีงามของทหารและกฏหมายบ้านเมืองเป็นการกระทำโดยพลการโดยมิได้รับฉันทานุมัติจากศิษย์เก่าเตรียมทหารทุกคนแต่ประการใด

          ทั้งนี้การที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาโปรดเกล้าให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 ถือเป็นพระราชโองการที่ทุกคนต้องน้อมนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเราทุกคนที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันเตรียมทหาร ผู้จงรักภักดีต่อสถาบันเหนือสิ่งอื่นใด การที่พล.อ.บุญเลิศ และพวกออกมาแสดงการสนับสนุนแนวทางของกปปส.จึงถือเป็นการขัดพระราชโองการซึ่งเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง

           พล.ต.ต.มณเฑียร กล่าวต่อว่า ความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่ตรงกันเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย แต่เราต้องยึดหลักเสียงข้างมาก และเป็นไปตามกฏหมาย การตั้งสภาประชาชนนั้นไม่สามารถทำได้เพราะยุบสภาอยู่ แต่ถ้าหากมีการการเลือกตั้งแล้วมีสภาฯเข้ามาทำหน้าที่แล้วจะเสนอเป็นแนวทางแก้กฏหมายเข้ามายังสภาฯ จึงจะทำได้ ตนไม่อยากให้ใครเอาชื่อเตรียมทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ตัวแทนนักเรียนเตรียมทหารหลายรุ่นที่มาวันนี้ยืนยันมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยไม่สนับสนุนฝ่ายกบฏแผ่นดิน

          ด้านพล.อ.สมชัย กล่าวว่า การตั้งสภาประชาชนทำมาหลายครั้งแล้วด้วยการยึดอำนาจแต่ก็ล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง ตนอยากถามว่าการเอาคนกลางเข้ามาบริหารประเทศนั้น วันนี้ประเทศไทยมีคนกลางที่ไม่เข้าข้างฝ่ายใดเลยกี่คน ซึ่งตนขอให้กำลังเตรียมทหารทุกคนที่มาร่วมแสดงจุดยืนในครั้งนี้ ขอให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ให้ประเทศไทยบอบช้ำมากกว่านี้

       นอกจากนี้พวกเราศิษย์เก่าเตรียมทหารทุกคน ขอประกาศจุดยืนให้พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านทราบว่า พวกเราไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ พล.อ.บุญเลิศ และพวก ทั้งนี้พวกเราขอเรียกร้อง ให้พี่น้องนักเรียนเตรียมทหารทุกคนได้น้อมนำพระบรมราชโองการมาปฏิบัติโดยยึดหลักประชาธิปไตยและกฏหมายบ้านเมือง เพื่อให้มีการเลือกตั้ง วันที่ 2ก.พ.57  ได้เป็นผลสำเร็จ เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและประเทศชาติสืบไป