วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ชงตั้ง "รัฐบาลแห่งชาติ" ทำงานต่อ คสช. สอดไส้ในประชามติ


สปช. ชง รัฐบาลแห่งชาติ รับช่วงต่อ คสช. เผยเป็นทางออกจากความขัดแย้งทางการเมือง และช่วยปรองดองอย่างยั่งยืน อาจจะถามความเห็นประชาชน ในประชามติ รธน. ด้านเพื่อไทยไม่เอาด้วย กปปส.เชื่อแค่ข่าวลือ
12 ก.ค. 2558 มติชนออนไลน์ รายงานว่า รายงานข่าวจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่าแนวทางจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติจะเป็นทางออกจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองไทยและเกิดความปรองดองอย่างยั่งยืนโดย สปช. ได้เตรียมเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาลและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะกำหนดรัฐบาลแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีคนกลางไว้ในบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญใหม่ จะเข้ามาทำงานต่อจากรัฐบาล คสช. มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านประเทศเพื่อให้เดินไปตามระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์โดยในการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญจะนำคำถามนี้ใส่ไว้ด้วยเพื่อขอความเห็นจากประชาชนว่าต้องการรัฐบาลแห่งชาติก่อนเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลแห่งชาติจะมีบุคคลเป็นตัวแทนจากทุกขั้วการเมืองและคสช.ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ รัฐบาล คสช.ได้แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 ปลดล็อกนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามไปแล้วรวมทั้งคดีความของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทยอยหมดอายุความในปี 59-60
เพื่อไทยไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวการเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติโดยมีการวางตัวให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว การร่างรัฐธรรมนูญเดินมาไกลแล้ว น่าจะไปสู่กระบวนการประชาธิปไตยไม่น่ากลับไปคิดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติกันอีก ถ้าทำจริงประชาชนจะรับได้หรือ ตนเห็นว่าผู้ที่มีอำนาจน่าจะผลักดันประชาธิปไตยโดยให้มีการเลือกตั้งให้ ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้แทนของเขาเองและเดินไปตามโรดแม็พที่วางไว้อะไรที่ไม่ ได้อยู่ตามโรดแม็พอาจนำมาสู่ปัญหาได้
กปปส.เชื่อแค่ข่าวปล่อย
ขณะ ที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่ สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า สปช.จะเสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น ว่า ตนไม่คิดว่าเรื่องดังกล่าวจะทำได้เพราะขณะนี้รัฐบาล และ คสช. มีโรดแม็พที่ชัดเจนและเดินตามโรดแม็พที่กำหนดไว้ว่าหลังจากกระบวนการปฏิรูป เสร็จก็จะมีการเลือกตั้ง หลังจากนั้นจะมีกระบวนการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี และในหลักการแล้วรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลที่อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ไม่มีความจำเป็นที่จะ ต้องตั้งรัฐบาลเปลี่ยนผ่านซ้ำซ้อนกันอีกและที่สำคัญวันนี้รัฐบาลก็ยังสามารถ ทำงานได้ พล.อ. ประยุทธ์ก็ไม่ได้มีปัญหา และประชาชนก็ให้ความไว้วางใจรัฐบาลในการปฏิรูป ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาลแห่งชาติหลังจากนี้แต่ก็ขึ้นอยู่ กับรัฐบาลและ คสช. แต่เรื่องนี้ยังไม่เคยมีการพูดถึงจากรัฐบาลซึ่งก็คงเป็นไปไม่ได้
"เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวคงเป็นการปล่อยข่าวเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลและประเทศอีกตาม เคยเหมือนกับหลายกรณีก่อนหน้านี้เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ารัฐบาลและ คสช.จะไม่เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งทั้งที่ขณะนี้รัฐบาลก็ยังทำตามโรดแม็พ ที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง" นายเอกนัฏ กล่าว

เตือนไทยรับมือฟองสบู่จีนแตก-ผลกระทบจากการไม่ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน


12 ก.ค. 2558 ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย เตือนให้รับมือวิกฤตการณ์เศรษฐกิจจีนจากฟองสบู่แตกในตลาดการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เงินทุนเก็งกำไรระยะสั้นส่วนหนึ่งอาจไหลเข้าตลาดไทยและอาเซียนบ้าง คาดผลกระทบรุนแรงขึ้นต่อภาคเศรษฐกิจการค้าการผลิตของโลกและไทยหากฟองสบู่ในตลาดการเงินพัฒนาสู่วิกฤตการณ์ในภาคเศรษฐกิจจริง ผ่านการส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนในตลาดการเงิน ปัญหาเศรษฐกิจจีนส่งผลกระทบต่อไทยมากกว่าเศรษฐกิจยูโรโซนมากมายหลายเท่าโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปัญหาหนี้สินกรีซ ตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงกว่า 33% ในช่วงเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ดัชนีราคาหุ้นเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนลดลงจากระดับ 5,000 จุดสู่ระดับ  3,342 (ดัชนีเปิดตลาดวันที่ 9 ก.ค.) จุดและคาดว่าจะปรับลดลงได้อีกอย่างน้อย 10-20% เป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากปัจจัยทางเศรษฐกิจปัญหาฟองสบู่ล้วนๆ หรือเป็นการผสมโรงเพื่อโจมตีตลาดการเงินเพื่อเป้าหมายบางประการยังไม่อาจแสวงหาข้อเท็จจริงได้ในขณะนี้ ทฤษฎีสมคบคิดเพื่อก่อความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจการเงินเพื่อเป้าหมายบางประการอาจยังเลื่อนลอยในขณะนี้แต่ไม่อาจละเลยได้ นักลงทุนและตลาดการเงินต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่สัญญาณของฟองสบู่ได้ปรากฏชัดมาหลายปีแล้ว และมาตรการที่รัฐบาลจีนใช้อยู่เวลานี้เป็นเพียงมาตรการพยุงราคาหุ้นเฉพาะหน้า ไม่มีมาตรการระยะยาวในการปฏิรูปตลาดทุน โครงสร้างนักลงทุนในตลาดหุ้นมีสัดส่วนของรายย่อยชนชั้นกลางจำนวนมาก (นักลงทุนรายย่อย 200 ล้านคนคิดเป็น 85% ของผู้ซื้อขายในตลาดหุ้นจีน) การที่ราคาหุ้นลดลงมาอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นทำให้เกิด Negative Wealth Effect การบริโภคจะชะลอตัว การลงทุนจะชะลอตัว กระทบต่อยอดขายของสินค้าต่างๆทั่วโลกระดับหนึ่ง (นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นจีนน้อยกว่า 4%) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะทรงตัวในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง   
กองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ ไทยที่ลงทุนในตลาดหุ้นจีนประมาณ 17 กองทุนมีผลตอบแทนลดลงอย่างชัดเจนโดยเฉพาะผู้เข้าลงทุนในช่วงต้นปีในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นจีนอยู่ขึ้นไปสูงสุด การลงทุนของกลุ่มทุนจีนสู่ไทยจะชะลอตัวลงเพราะกลุ่มทุนจีนที่เข้ามาลงโครงการใหญ่เป็นกลุ่มทุนที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้
วิกฤตการณ์ใหญ่ครั้งนี้สะท้อนว่า ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมกลไกตลาดและระบอบอำนาจนิยมภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์นั้นไม่สอดคล้องกัน ก่อให้เกิดวิกฤติและปัญหาเรื่องเสถียรภาพได้ การแสวงหากำไรอย่างเสรี กลไกตลาดไปด้วยกันไม่ได้กับระบบการเมืองแบบรวมศูนย์อำนาจ กลไกตลาดไปกันได้ดีกับระบบการเมืองแบบเสรีประชาธิปไตย ระบบรวมศูนย์อำนาจภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์ต้องควบคู่ไปกับระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนจากส่วนกลางและการวางแผนการผลิตเพื่อคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพียงปัจเจกชนรายใดรายหนึ่ง วิกฤติครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่า ทุนนิยมโดยรัฐสังคมนิยมแบบจีนมีจุดแข็งจุดอ่อนตรงไหน และ วิกฤติครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญในจีนหลังที่เคยเกิดขึ้นแล้วในยุคสี่ทันสมัย (เติ้ง เสี่ยว ผิง)ช่วงทศวรรษ 1980 และ ยุคอภิวัฒน์ใหญ่จีนโดยพรรคคอมมิวนิสต์ (เหมา เจ๋อ ตุง) เมื่อ ค.ศ. 1949     
อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ธุรกิจอุตสาหกรรมภาคอสังหาริมทรัพย์จีนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องคิดเป็น 20% ของจีดีพีจีนมีโอกาสที่จะเกิดภาวะฟองสบู่แตก ภาคการเงินของจีนจำเป็นต้องมีการปฏิรูปครั้งใหญ่เนื่องจากมีธุรกรรมนอกระบบจำนวนมาก มี off-balance sheets activities/transactions จำนวนมาก นอกจากนี้ Shadow Banking (ธนาคารเงา) ยังคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 43% ของจีดีพี ปัญหาธุรกรรมธนาคารเงา Shadow Banking ในจีนโดยเฉพาะตราสาร CDOs จะนำมาสู่วิกฤติคล้ายกับปัญหาวิกฤตการณ์สินเชื่อซับไพร์มของสหรัฐฯปี 2552 แต่จะมีระดับความรุนแรงน้อยกว่า ธุรกิจธนาคารเงาไม่มีการกำกับดูแลจากธนาคารกลางเข้มงวดเท่าธนาคารพาณิชย์ ตัวอย่างของ Shadow Banking ที่เกิดขึ้นในจีน กรณีกองทรัสต์ออกตราสารทางการเงินที่มีสินทรัพย์หรือลูกหนี้สินเชื่อหนุนหลังขายให้กับนักลงทุนรายย่อยและสถาบันซึ่งได้ผลตอบแทนสูงมาก โดยเฉพาะหนี้พวกนี้เป็นสินเชื่อหรือการลงทุนให้กู้แก่กิจการอสังหาริมทรัพย์ โครงการหรือบริษัทของรัฐบาลท้องถิ่น (ซึ่งหลายโครงการก็มีการทุจริตคอร์รัปชันมากภายใต้การบริหารงานแบบอำนาจนิยมไร้การตรวจสอบ) โครงการกิจการพลังงานขนาดใหญ่ เป็นต้น แหล่งรายได้ของกองทรัสต์ที่ออกตราสารแบบ CDOs (Collateralized Debt Obligations) มาจากคุณภาพในการจ่ายชำระหนี้ของลูกหนี้ดังกล่าว ซึ่งเวลานี้คุณภาพของสินเชื่อเหล่านี้เสื่อมลงเรื่อยๆ อันเป็นผลจากเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนปัจจุบันต่ำที่สุดในรอบ 24 ปี การปรับตัวลดลงของสินทรัพย์ทางการเงิน การปล่อยสินเชื่ออย่างไม่ระมัดระวังและการใช้ใช้นโยบายผ่อนคลายมายาวนานจนก่อให้เกิดการเก็งกำไรจำนวนมาก และ ไม่มีการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจัง Shadow Banking แม้นมีประโยชน์ต่อระบบการเงินและการพัฒนาเศรษฐกิจแต่ต้องมีการกำกับดูแลที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน (Systemic Risk) จากธนาคารเงา ธนาคารเงามีความเชื่อมโยงกับธนาคารพาณิชย์ เช่น เป็นคู่สัญญากับธนาคารพาณิชย์เพื่อถ่ายโอนความเสี่ยงผ่านการทำธุรกรรม Securitization จึงต้องกำกับธนาคารเงาในเรื่องประเภทสินทรัพย์ที่ถือครอง เกณฑ์สภาพคล่องและการเปิดเผยข้อมูลการลงทุน
อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินว่า ธุรกรรมของระบบสถาบันการเงินไทยและจีนมีอยู่ในระดับค่อนข้างสูง หากระบบสถาบันการเงินของจีนอ่อนแอลงย่อมส่งผลกระทบต่อระบบสถาบันการเงินของไทยอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้นว่า เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงและฐานะการเงินทั้งระบบของสถาบันการเงินไทยจะแข็งแกร่งอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจโลกอีกประการหนึ่ง ก็คือ จีนเข้าไปลงทุนและถือหุ้นในหลายกิจการในสหรัฐอเมริกา จีนถือพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ถือเงินดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯจำนวนมากในทุนสำรองระหว่างประเทศของจีน และเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐฯหากจีนมีปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินและจำเป็นต้องขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และ ดอลลาร์ออกมาในตลาดการเงินโลกจำนวนมากในเวลาอันสั้นจะส่งผลต่อความผันผวนเศรษฐกิจการเงินโลกได้และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มูลค่าพันธบัตรลดลงและอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  
 ผลกระทบทางด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวระหว่างประเทศมีค่อนข้างมาก ทางด้านการค้าระหว่างประเทศ ตลาดจีนคิดเป็นสัดส่วน 10-11% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของไทย โดยมูลค่าส่งออกไทยไปจีนไตรมาสแรกปีนี้ติดลบ 14.4% อัตราการขยายตัวของการนำเข้าของจีนจะไม่สูงเหมือนในอดีตเพราะจีนมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างหันมาผลิตสินค้าในห่วงโซ่ภายในประเทศมากขึ้นหรือ เป็น Horizontal Integration มากขึ้นนั่นเอง นโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนที่หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคการผลิตจีนจึงพึ่งพาการน้าเข้าสินค้าขั้นกลางน้อยลง มีการเปลี่ยนแปลงรสนิยมการบริโภคสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภคในตลาดโลกจาก Notebook ไปเป็น Tablet และ Smartphone ส่งผลให้การส่งออก HDD ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกส้าคัญของไทยในกลุ่ม Re-Processing For Export หดตัวมาก ส่วนการลงทุนของจีนในไทยได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐกระทบน้อยเพราะเป็นการลงทุนส่วนใหญ่เป็นโครงการลงทุนระยะยาวและเป็นโครงการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ ที่มีผลกระทบอยู่บ้างคือการลงทุนในตลาดการเงินและการถือหุ้นที่เป็น Foreign Portfolio Investment 
รายได้การท่องเที่ยวจีนเข้าสู่ไทยคิดเป็น 19% ของรายได้นักท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งหมด โดยภาคการท่องเที่ยวไม่น่ามีผลกระทบมากนัก หากเศรษฐกิจจีนในภาพรวมชะลอตัวลงต่ำว่า 6.5% ในปีนี้ น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่า 3% แน่นอน ต้องใช้มาตรการแก้ไขโดยเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเต็มที่ เดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเต็มที่ และ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงต่ำกว่า 1% จึงจะประคับประคองไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะเงินฝืด นอกจากนี้ต้องระวังผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการไม่ระมัดระวังในการปฎิบัติตามหลักการสิทธิมนุษยชนสากล เพราะสิ่งนี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการคว่ำบาตรหรือแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทยโดยอ้างเหตุผลเรื่องสิทธิมนุษยชน เราสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบอันไม่พึงประสงค์ได้ด้วยการดำเนินนโยบายสิทธิมนุษยชนอย่างระมัดระวัง ทั้งประเด็นสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ และ เกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัย เช่น กรณีโรฮิงยา กรณีอุยกูร์ เป็นต้น   
อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า จีนเกินดุลชำระเงิน เกินดุลการค้าจำนวนมากต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารกลางของจีนต้องซื้อเงินดอลลาร์และขายเงินหยวน ทำให้เงินหยวนเพิ่มขึ้นในระบบอย่างต่อเนื่องแม้นธนาคารกลางจะดูดซับออกแต่ไม่เพียงพอจึงทำให้เกิดการสะสมของฟองสบู่ในระบบเศรษฐกิจการเงินอย่างต่อเนื่อง เมื่อเผชิญกับภาวะช็อคในระบบเศรษฐกิจจึงหลีกเลี่ยงความผันผวนอย่างรุนแรงทั้งขึ้นและลง (Boom and Bust Cycle) ยาก หากเศรษฐกิจฟองสบู่จีนแตก เราอาจจะได้เห็นปัญหาวิกฤตการณ์เศรษฐกิจเอเชียปี 2540 เกิดซ้ำรอยขึ้นในประเทศจีน ซึ่งเราอาจเห็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทรุดตัวอย่างรวดเร็วภายใน 1-2 ปีข้างหน้านี้   

ศาลให้ประกันตัวหญิงเสื้อแดงโพสต์หมิ่น'ประยุทธ์' วงเงินหนึ่งแสน


ศาลทหารมีคำสั่งให้ประกันตัว 'หลิน' รินดา ปฤชาบุตร หญิงเสื้อแดงผู้ต้องหาคดีโพสต์ข้ความ 'หมิ่นประยุทธ์' ในวงเงินประกันหนึ่งแสนบาท ตามคำร้องของทนาย โดยมีความเห็นว่า ผู้ต้องหาไม่น่าจะหลบหนีประกอบกับมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตร 2 คน แต่มีเงื่อนไข ห้ามยุยงปลุกปั่นเคลื่อนไหวทางการเมืองและห้ามเดินทางออกนอกประเทศ 
13 กรกฎาคม 2558  นส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยื่นคำร้องขอประกันตัว 'หลิน' รินดา ปฤชาบุตร ผู้ต้องหาคดี 116 (ยุยงปลุกปั่น) จากการโพสข้อความบนเฟซบุ๊กว่า พลเอก ประยุทธ์ ได้โอนเงินหนึ่งหมื่นล้านบาทไปประเทศสิงคโปร์

เวลาประมาณ 12.00 น. ศาลทหารได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา ด้วยหลักทรัพย์เป็นเงินสด 100,000บาท โดยให้เหตุผลว่า
"พิจารณาแล้วเห็นว่าจากหลักฐานในสำนวนสอบสวนไม่ปรากฎว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น นอกจากนี้ผู้ต้องหายังมีที่อยู่หรือภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่ง มีภาระรับผิดชอบต้องเลี้ยงดูบุตรที่อยู่ในวัยเรียน 2 คน ไม่มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ประกอบกับพนักงานสอบสวนไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว"
"ศาลมีคำสั่งไม่อนุมัติให้ประกันตัวรินดาโดยให้เหตุผลว่า แม้พนักงานสอบสวน ผู้ร้องไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าผู้ต้องหาถูกจับกุมในคดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากปล่อยชั่วคราวอาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่การสอบสวน จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง"
อนึ่งการให้ประกันตัวครั้งนี้ศาลระบุเงื่อนไขว่า ห้ามไม่ให้ผู้ต้องหากระทำการยุยงปลุกปั่น เคลื่อนไหว หรือแสดงความเห็นทางการเมือง และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ในการยื่นคำร้องขอประกันตัวได้มี นายรังสิมัน โรม และนายรัฐพล ศุภโสภณ 2 ใน14 นักศึกษา จากขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) อดีตผู้ต้องขัง ม.116 ที่ 'หลิน' รินดา ปฤชาบุตร เคยไปชูป้ายให้ปล่อยตัวพวกเขาโดยไม่มีเงื่อนไขมารอฟังคำสั่งศาลด้วย
'หลิน' รินดา ปฤชาบุตร ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้โดนเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจทหารในและนอกเครื่องแบบบุกเข้าทำการจับกุมที่บ้านพักย่านรังสิต ในช่วงบ่ายของวันพุธที่ 8 ก.ค. 58 และถูกนำตัวมาแถลงข่าวในวันศุกร์ที่ 10 ก.ค.เวลาประมาณ 10.00น. ก่อนถูกนำตัวขออำนาจฝากขังต่อศาลทหารในวันเดียวกัน

คาดการณ์ว่า  'หลิน' รินดา ปฤชาบุตร จะได้รับการปล่อยตัววันนี้ที่ ทัณฑสถานหญิงกรุงเทพ 
ขณะที่วันนี้(13 ก.ค.58) แคมเปญรณรงค์ถึง คสช.และศาลทหาร เรียกร้องให้สิทธิการประกันตัว 'รินดา' ใน change.org มีผู้สนับสนุนแล้ว 668 คน โดยแคมเปญระบุว่า 
1.     การโพสต์ต่อของเธอเบา ไม่กระทบความมั่นคง : สิ่งที่เธอโพสต์ต่อดังกล่าวนอกจากจะไม่ร้ายแรงหรือกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ เนื่องจากขณะนี้(19.00 น. 10 ก.ค.58)ข้อความที่เธอโพสต์ต่อดังกล่าวมีผู้แชร์ต่อเพียง 50 แชร์และ 50 ไลค์เท่านั้นแล้ว ซึ่งถือว่ามีผู้รับรู้น้อยมาก รัฐเองก็มีเครื่องมืออื่นการแก้ปัญหา เช่น การชี้แจงต่อสื่อมวลชนเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะชนได้
 
2.     พลเรือนต้องไม่ขึ้นศาลทหาร : การนำพลเรือนขึ้นศาลทหารนั้นเป็นสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 4 ที่ระบุว่า "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้"
 
เนื่องจาก  "พันธกรณีระหว่างประเทศ" ที่ระบุไว้ย่อมหมายถึงตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 14 (5) ที่ไทยได้ให้พันธกรณีไว้ ก็ระบุว่า “บุคคลทุกคนที่ต้องคำพิพากษาลงโทษในความผิดอาญา ย่อมมีสิทธิที่จะให้คณะตุลาการระดับ เหนือขึ้นไปพิจารณาทบทวนการลงโทษและคำพิพากษาโดยเป็นไปตามกฎหมาย” หรือ สิทธิที่จะอุทธรณ์การลงโทษ นั่นเอง ซึ่งศาลทหารไม่ได้รับสิทธิดังกล่าว
 
3.     การไม่ให้สิทธิการปล่อยตัวชั่วคราวหรือการประกันตัว นอกจากขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังทำลายหลักประกันความยุติธรรมอีก เพราะเป็นการลงโทษผู้ต้องหาก่อนมีการพิพากษาและยังเป็นการตัดโอกาส ลดทอนความสามารถในการต่อสู้คดีของผู้ถูกกล่าวหา เราอาจไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผู้ต้องหาที่ถูกขังอยู่หากเธอจะแพ้คดี แพ้เพราะเธอทำผิดจริงหรือแพ้เพราะเธอถูกทำให้ด้อยความสามารถในการสู้คดีเนื่องจากถูกขังอยู่
 
ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องดังนี้
 
1.     ยุติการดำเนินคดีกับคุณรินดา
 
2.     ยุติการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร
 
3.     หรือขั้นต่ำสุดคือให้คุณรินดาได้สิทธิในการประกันตัว

ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม มีมติไม่รับรอง ป.โท นิติฯ ม.แม่ฟ้าหลวง


13 ก.ค.2558 เว็บไซต์สำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมเผยแพร่ผลการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ครั้งที่ 15/2558 ซึ่งประชุมวันนี้(13 ก.ค.58) เมื่อ เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมศาลยุติธรรม ชั้น 5 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A)ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ที่ประชุมพิจารณาและมีมติ
โดยที่ประชุมมีมติไม่รับรองปริญญาโททางกฎหมายปริญญานิติศาสตร์มหาบัณฑิต ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในการสมัครทดสอบความรู้เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการในตําแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษาประจําปี พ.ศ. 2558

จับตาพิพากษา 10 จำเลยคดี ‘เครือข่ายบรรพต’พรุ่งนี้ อีกส่วนแยกฟ้อง 29 กรรม


 วันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.2557) เวลา 8.30 น.จะมีการพิพากษาคดีใหญ่ในศาลทหาร นั่นคือ คดีเครือข่ายบรรพต
จำเลยในคดีนี้มี 14 คนรับสารภาพและจะฟังคำพิพากษาพรุ่งนี้ 10 คน ส่วนอีก 2 คนขอต่อสู้คดี นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ถูกแยกฟ้องต่างหากอีก 2 คน คือ ธารา อาชีพขายสมนุไพร โดนฟ้อง 6 กรรม และอัญชัญ ข้าราชการซี 8 โดนฟ้อง 29 กรรม
ในวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลนัดสอบคำให้การคดีนี้ จำเลยทั้ง 12 คนถูกนำตัวจากเรือนจำมายังศาล ในจำนวนนี้รวมถึงบรรพตและภรรยาด้วย ญาติมิตรของทั้ง 12 คนทำให้ห้องพิจารณาคดีในศาลทหารที่เล็กอยู่แล้วยิ่งคับแคบไปถนัดตา ลูกเล็กเด็กแดงได้เข้าไปเจอพ่อและแม่ของเขาซึ่งมาศาลในชุดผู้ต้องขังด้วย
อัยการยื่นขอให้ศาลพิจารณาคดีเป็นการลับ แต่ทนายคัดค้านว่าเป็นเพียงนัดสอบคำให้การและโดยหลักการแล้วการพิจารณาคดีควรเป็นไปอย่างเปิดเผย ท้ายที่สุดศาลอนุญาตให้ญาติและทนายสามารถเข้าฟังได้
คำแถลงประกอบการรับสารภาพของจำเลยทั้งสิบระบุว่าพวกเขายอมรับว่ากระทำผิดจริงแต่ทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อัยการค้านว่า การระบุว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์นับเป็นการต่อสู้คดี ไม่ใช่การรับสารภาพ อย่างไรก็ตามศาลเห็นว่าการแถลงเช่นนั้นเป็นการรับสารภาพแต่เพียงจำเลยหยิบยกเหตุผลขอให้ศาลบรรเทาโทษ
จำเลย 10 คน รับสารภาพในคดีนี้ แต่อีก 2 คน คือ เงินคูณ จำเลยที่ 3 และ ศิวาพร จำเลยที่ 4 ขอต่อสู้คดี ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาในส่วนของ 10 คนในวันที่ 14  ก.ค.นี้  ขณะที่ให้เวลา 15 วันเพื่อให้อัยการจำหน่วยคดีเก่าและยื่นคำฟ้องใหม่สำหรับอีก 2 คนที่ต่อสู้คดี

ความเป็นมาก่อนพิพากษา

จำเลยทั้ง 14 คน ถูกจับกุมไล่เลี่ยกันในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2558 ทั้งหมดถูกควบคุมตัวในค่ายทหาร 3-5 วันโดยไม่ได้ติดต่อญาติและทนาย (มีบางรายระบุว่าถูกปิดตา คุลมหัวระหว่างสอบสวน) ก่อนจะถูกส่งตัวให้ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งหมดอยู่ในเรือนจำมาจนปัจจุบันกว่าครึ่งปี หลายรายพยายามยื่นประกันตัวหลายครั้งแต่ศาลไม่อนุญาต ให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรงและเกรงจะหลบหนี
จากการรวบรวมข้อมูลของทีมข่าวยุติธรรม ผ่านการพูดคุยกับทนาย ตัวจำเลย และญาติจำเลย สรุปได้ดังนี้
บรรพตผลิตคลิปราว 400 คลิปมาตั้งแต่ราวปี 2552 มีแฟนคลับชื่นชอบจำนวนไม่น้อย ภายหลังโซเชียลมีเดียได้รับความนิยมก็มีการรวมกลุ่มกันตั้งเพจ ‘ความจริงเข้าใจง่ายเมื่อค้นพบ’ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารการเมืองรวมถึงคลิปเสียงรายการของบรรพต ซึ่งมีเนื้อหาหลักสองส่วนคือ การวิเคราะห์การเมืองและเรื่องอายุรเวชศาสตร์
คลิปเสียงบรรพตถูกเผยแพร่ในเว็บฝากไฟล์อย่าง mediafire , Youtube และในเพจเฟซบุ๊ก และสมาชิกก็จะทำการแชร์ไปยังบัญชีของตนเอง
ก่อนบรรพตจะโดนจับเหล่าแฟนคลับโดนจับก่อนหลายคน มีหลากหลายอาชีพ วัย และเพศ ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์รับจ้างจนถึงที่ปรึกษาบริษัทต่างชาติที่มีเงินเดือนหลายแสนบาท พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้จักบรรพตตัวจริง หากแต่ชอบฟังรายการและจัดตั้งกลุ่มกันเองตามธรรมชาติ พวกเขาไม่รู้จักกันเองทั้งหมด รู้จักเพียงบางคนและนัดกันกินข้าวเพียงไม่กี่ครั้ง นอกเหนือจากบรรพต ภรรยาคนปัจจุบันของเขาก็ถูกจับกุมและฟ้องในคดีนี้ด้วย
พฤติการณ์ของบรรดาแฟนคลับไม่ได้เขียนข้อความใดนอกจากนำคลิปเสียงบรรพตไปแชร์ในเฟซบุ๊ก หรืออัพโหลดขึ้นยูทูป ยกเว้น อัญชัน ข้าราชการซี 8 ที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้จัดการด้านการเงินในการขายเสื้อ รับเงินบริจาคระดมทุนให้กับเครือข่าย ทนายความของเธอระบุว่า เธอถูกฟ้องจากการแชร์ลิงก์ไฟล์เสียงบรรพตทั้งสิ้น 29 กรรม ขณะที่ธาราอายุ 57 ปี มีอาชีพเป็นแพทย์แผนโบราณ ถูกกล่าวหาว่าตั้งเว็บไซต์ OKTHAI.com เป็นเว็บข้อมูลการท่องเที่ยวในไทยแปลเป็นภาษาอังกฤษ  แต่มุมเล็กๆ ด้านบนของเว็บมีการวางลิงก์รายการบรรพตตอนล่าสุด จึงถูกฟ้อง 6 กรรม เขาถูกล่อซื้อให้นำสินค้าสุขภาพมาส่งให้ที่อนุเสาวรีย์ชัยแล้วจึงถูกจับกุม
ต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่า ทั้งสองคนนี้ถูกฟ้องหลายกรรมมากกว่าบรรพตผู้ผลิตคลิปเองเสียอีก และทั้งสองคดีนี้ทำคดีโดยดีเอสไอ ต่างจากคดีของกองปราบฯ ซึ่งรวบทั้งหมดเป็น 1 คดีและฟ้องเพียง 1 กรรม  
รายละเอียดของจำเลยคนอื่นๆ ก็น่าสนใจมาก และสามารถอ่านได้ใน  รายงาน: แฉ 16 ราย ‘เครือข่ายบรรพต’ จากกดแชร์คลิปสู่เรือนจำและศาลทหาร

รายละเอียดคดี

จำเลยทั้ง 10 คน  ประกอบด้วย
  • ดำรงค์ จำเลยที่ 1  อายุ 65 ปี ถูกกล่าวหาว่าเป็นแอดมินเพจ Banpodj Thailand Clips
  • ไพศิษฐ์ จำเลยที่ 2  อายุ 46 ปี ตาเสียข้างหนึ่ง อาชีพเปิดร้านขายสี
  • เงินคูณ จำเลยที่ 3 (สู้คดี)  อายุ 43 ปี อาชีพทำธุรกิจขายสแตนเลส และหมอดู
  • ศิวาพร จำเลยที่ 4  (สู้คดี)  อายุ 41 ปี อาชีพแม่บ้าน
  • นที จำเลยที่ 5  อายุ 48 ปี อาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
  • สายฝน จำเลยที่ 6  อายุประมาณ 50 ปี ภรรยาบรรพต อาชีพนักงานธนาคาร
  • หัสดิน (หรือบรรพต) จำเลยที่ 7   อายุ 64 ปี เคยทำธุรกิจ แต่ขณะถูกจับไม่ได้ประกอบอาชีพ
  • กรณ์รัฏฐ์ จำเลยที่ 8  อายุประมาณ 50 ปี ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างชาติ เป็นสมาชิกเพจ ความจริงเข้าใจง่ายเมื่อคนพบ
  • ทิพย์รชยา จำเลยที่ 9 อายุ 44 ปี อาชีพฝ่ายบัญชีของบริษัทเอกชน
  • นงนุช จำเลยที่ 10 อายุประมาณ 40 ปี อาชีพพนักงานขายของห้างสรรพสินค้า
  • วิทยา จำเลยที่ 11 อายุ 35 ปี ลูกจ้างของสถานีขนส่งจังหวัดลำพูน
  • กรวรรณ จำเลยที่ 12 อายุ 46 ปี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว


(ข้อมูลอายุและอาชีพจำเลย มาจากเว็บไซต์ไอลอว์ http://freedom.ilaw.or.th/case/670#circumstance_of_arrest)
คดีนี้เป็นคดีดำที่ 125 ก./2558   ศาลทหารกรุงเทพ รับฟ้องเป็นคดีเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2558  ข้อกล่าวหา คือ  ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และร่วมกันเยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
สนับสนุนผู้กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
คำฟ้องระบุว่า ระหว่างปี 2553  ถึง 28 ม.ค.2558 จำเลยที่ 1 - 4 และจำเลยที่ 7 - 12 กับพวกอีกสองคนที่ยังหลบหนีไปได้กระทำความผิดตามฟ้อง โดยจำเลยที่ 7 จัดทำคลิปข้อความเสียงของตนโดยใช้นามแฝงว่า “บรรพต” ซึ่งในมีข้อความหมิ่น อัพโหลดเข้าสู่ mediafire.com จากนั้นจำเลยที่ 1-4 และจำเลยที่ 8-12 ดาวน์โหลดคลิปนั้นเข้าสู่ mediafire.com นำมาเผยแพร่ใน facebook.com.banpodjthailandclips.simplesite.com และ OKTHAI.com ซึ่งประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ โดยจำเลยที่ 1-4 และ 8-12 กับพวกรู้อยู่แล้วว่าคลิปดังกล่าวเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวยังปรากฏอยู่ในเว็บ OKTHAI.com ตลอดมาจนวันที่ 28 ม.ค.2558 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบคลิปและอยู่ในระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก
ส่วนจำเลยที่ 5 และ 6 สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 7 โดยจำเลยที่ 5 มีหน้าที่นำแผ่นบันทึกคลิปข้อความเสียงที่จำเลยที่ 7 จัดทำขึ้น ไปให้แก่ นางอัญชัญ ซึ่งถูกดำนินคดีเป็นอีกคดีหนึ่ง เพื่อนำไปเผยแพร่ต่อ โดยจำเลยที่ 5 รู้อยู่แล้วว่าคลิปข้อความเสียงดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง สำหรับจำเลยที่ 6 (ภรรยาบรรพต) เป็นผู้ช่วยเหลือโดยให้หลานสาวของจำเลยที่ 6 เปิดบัญชีธนาคาร รับเงินบริจาคจากผู้สนับสนุนและเบิกจ่ายเงินจากบัญชีดังกล่าวเพื่อนำมาเป็นทุนในการจัดทำและเผยแพร่คลิปของจำเลยที่ 7