วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

นายกรัฐมนตรี เสนอตั้ง “สภาปฏิรูปประเทศ”


นายกรัฐมนตรี เสนอตั้ง “สภาปฏิรูปประเทศ”


           วันนี้ (25 ธ.ค.56) เวลา 11.35 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ ที่ตึกบัญชาการกองทัพอากาศ ว่า ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ดิฉันขอขอบคุณนักวิชาการ นักธุรกิจ และพี่น้องประชาชน ที่ช่วยกันแสดงความคิดเห็นและหาทางออกให้ประเทศไทยจากวังวนความขัดแย้ง จากเวทีสัมมนา เวทีสัมมนาหรือการแสดงความคิดเห็นของสื่อมวลชน ประมวลได้ว่าส่วนใหญ่ก็คิดเห็นในทางเดียวกันในการให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง การตัดสินใจทางการเมือง ตรวจสอบอำนาจรัฐในทุกระดับ การพัฒนาความเข้มแข็งทางการเมือง และการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

            ในหลายเวทีมีการเสนอให้จัดตั้งองค์กรที่จะมาดำเนินการปฎิรูปประเทศ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วไม่เป็นการขัดหรือแย้งและสามารถที่จะทำคู่ขนานกับกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 ก.พ.57 ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดไว้เป็นที่แน่ชัดแล้ว ซึ่งดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องช่วยกันพัฒนากลไกที่จะขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้เกิดขึ้นนั้น ในโอกาสนี้ดิฉันขอเสนอรูปแบบ องค์กรที่จะจัดตั้งขึ้น โดยอาจจะเรียกว่าเป็น "สภาปฏิรูปประเทศ" ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าใครจะมาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ จึงขอเรียนยืนยันว่า สภาปฏิรูปประเทศนี้จะไม่ใช่เวทีของรัฐบาล ซึ่งถ้าทุกฝ่ายเห็นร่วมกันรัฐบาลจะเป็นเพียงผู้ที่จะจัดตั้ง โดยใช้คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ให้รับทราบเพื่อให้เรื่องนี้ดำเนินการได้ทันที

            ทั้งนี้ สภาปฏิรูปประเทศ จะเป็นสภาของประชาชนอย่างแท้จริง โดยการสรรหาสมาชิกสภาปฎิรูปประเทศ โดยเริ่มจากหาตัวแทนจากสาขาอาชีพต่างจำนวน 2,000 คน และให้ตัวแทนอาชีพ 2,000 คนดังกล่าวมาเลือกผู้ที่จะเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศจำนวน 499 คน

              โดยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสมัคร การคัดเลือก และการแต่งตั้งตัวแทนวิชาชีพ จะถูกกำหนดโดยคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบดังนี้
  • 1.ผู้บัญชาการทหารสูงสุดหรือผู้แทนซึ่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้บัญชาการทหารอากาศ
  • 2.หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ซึ่งที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงเลือกจำนวน 2 คน เพื่อเป็นกรรมการ
  • 3. เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ
  • 4. อธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือก 1 คน เป็นกรรมการ
  • 5.ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยหรือผู้แทนเป็นกรรมการ
  • 6.ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือผู้แทนเป็นกรรมการ 7.ประธานสมาคมธนาคารไทยหรือผู้แทนเป็นกรรมการ
  • 8.ประธานและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 คน ซึ่งมีคณะกรรมการชุดนี้มีรวมกันทั้งสิ้น 11 คน

สำหรับหน้าที่ของสภาปฎิรูปประเทศ คือ
  • 1.ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
  • 2.ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารภาครัฐ
  • 3.ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการจัดให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือการยกเลิกกฏหมาย กฏข้อบังคับ เพื่อให้การเลือกตั้งทุกระดับเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม
  • 4. ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ 5.ศึกษาและจัดทำข้อเสนอ การปรับปรุงการกระจายอำนาจการสร้างความรุ้ความเข้าใจกฏหมายให้แกชุมชน การเตรียมความพร้อมให้แก่ท้องถิ่น การปรับปรุงระบบและวิธีการงบประมาณ การบริหารบุคคลภาครัฐ

            ทั้งนี้เมื่อสภาปฏิรูปประเทศได้ดำเนินการในข้อใดเสร็จเรียบร้อยให้ทำรายงานเสนอนายกรัฐมนตรีและเปิดเผยรายงานดังกล่าวต่อสาธารณชน เพื่อให้ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องได้นำไปดำเนินงานตามเจตนารมณ์ ส่วนกรอบเวลาดำเนินการขึ้นกับสภาปฏิรูปประเทศเป็นผู้กำหนดให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

           สำหรับผู้ห่วงกรณีที่ความต่อเนื่องในการเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ.57 จะมีการกำหนดว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีเข้ามาบริหารแผ่นดิน ให้เลขาครม.เสนอนายกฯและครม. เพื่อพิจารณาให้ปฏิบัติงานตามคำสั่งนี้อย่างต่อเนื่อง ตามเจตนารมณ์ของทุกฝ่าย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นรูปแบบเพื่อให้เกิดการปรึกษาหารือจากทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลจะรวบรวมนำความคิดเห็นต่างๆนั้นมาแก้ไขและออกเป้นคำสั่ง หากมีข้อคิดเห็นต่างๆที่ลงตัวก็จะประกาศได้ก่อนสิ้นปีนี้

              ขอให้ตระหนักในการปฏิรูปประเทศ ที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยและเป็นหน้าที่ของทุกคน เพื่อสังคมที่สงบ ปรองดอง ความรัก สามัคคี และเพื่ออนาคตของลูกหลานเราต่อไป

ชาวเน็ตรุมจวก ม็อบ กปปส. หลังปล่อยเด็กขึ้นปราศรัยข้อความส่อจาบจ้วง


ชาวเน็ตรุมจวก ม็อบ กปปส. หลังปล่อยเด็กขึ้นปราศรัยข้อความส่อจาบจ้วง


             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (24 ธ.ค.) เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ภายหลังจาก เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ได้ขึ้นเวทีชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินของกลุ่ม กปปส. ได้ขึ้นเวที พร้อมกับกล่าวปราศรัยส่อจาบจ้วง ซึ่งหลายฝ่ายมองเห็นว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับวุฒิภาวะของเด็กเป็นอย่างยิ่ง

            ตามรายงานระบุว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้บนเวทีราชดำเนินได้มีการเชิญ เด็กหญิงอายุประมาณ 5 ขวบ ใช้นามสมมติว่า "น้องแป้ง" ขึ้นไปมอบเงินบริจาค 40,000 บาท ให้แก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก่อนที่จะหยิบยื่นไมค์ให้เด็กหญิงได้กล่าวปราศรัยบนเวที ซึ่งเด็กหญิงได้ประกาศผ่านไมค์ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงส่อจาบจ้วง

           ภายหลังจากเหตุการณ์เด็กหญิง 5 ขวบ ขึ้นเวทีปราศรัยดังกล่าว ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทั้งในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ทางทีมข่าวได้ตรวจสอบพบว่า คลิปวิดีโอการปราศรัยของเด็กหญิงได้ถูกลบออกไปเกือบหมดแล้ว เนื่องจากปัญหาเรื่องความเหมาะสมและวุฒิภาวะของเด็ก หลายฝ่ายต่างกล่าวตำหนิกลุ่มผู้ชุมนุม ที่มองว่าใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างไม่เหมาะสม อีกทั้งยังให้การสนับสนุนกับการกระทำของเด็กอีกด้วย


แจ้งความจับ "ชุมพล-พุทธิพงษ์-ณัฏฐพล-สกลธี" ผิดอาญาข้อหาปิดกั้น สน.ดินแดงแล้ว




               กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอแถลงข่าวให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
จากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ได้มีการชุมนุมโดยกลุ่ม กปปส. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่ม ปปปป. ชุมนุมที่บริเวณสะพานมัฆวาน และกลุ่ม คปท. ชุมนุมที่บริเวณประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล ตามที่ได้ทราบแล้วนั้น

            เนื่องจากว่ากลุ่มผู้ชุมนุมต่าง ๆ ได้มีการเคลื่อนขบวนไปปิดสถานที่ต่าง ๆ ทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ไปปิดบริเวณสนามกีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง และบริเวณหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง รวมทั้งกลุ่ม คปท. ได้ปิดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งกรณีดังกล่าวกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้พยายามที่จะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ให้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด จากเหตุการณ์ดังกล่าว สถานีตำรวจนครบาลดินแดงได้ดำเนินคดีกับแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งไปปิดกั้น สน.ดินแดง ดังนี้

  • 1.นายชุมพล จุลใส
  • 2.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกัณฑ์
  • 3.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
  • 4.นายสกลธี ภัททิยกุล

          ในข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
  • (1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย
  • (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ
  • (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิดเจ็ดปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116

             และได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 1647/2556 จะได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี ต่อไป

             และกรณีดังกล่าวได้มี ผู้จุดระเบิดมาจากบริเวณอาคารจอดรถชั้น 3 ของโรงแรมปริ๊นสตั้น ซึ่งอยู่ด้านหลัง สน.ดินแดง จำนวน 3 ครั้ง เป็นเหตุให้กระจกที่อยู่บริเวณห้องสอบสวนของ สน.ดินแดง แตกจำนวน 2 บาน ซึ่งได้รับคำร้องทุกข์ และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ซึ่งกรณีนี้ปรากฎว่าทีวีวงจรปิดได้จับภาพคนร้ายไว้ได้ และขณะนี้ทราบตัวผู้กระทำความผิดแล้ว จึงได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 1648/2556

           สำหรับกรณีการที่กลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดที่สนามกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งทาง สน.ดินแดงได้ให้ผู้สมัครที่ไม่สามารถเข้าไปสมัครเลือกตั้งได้ ไปลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.ดินแดง และรอให้ทาง กกต. และ DSI มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อไป

สุดฮา! พบแบงค์ร้อยปลอมตกเกลื่อนม็อบนกหวีดหน้าเซเว่น ข้าง สน.ดินแดง หลัง "กบฏเทือก" พาม็อบกลับไปแล้ว


สุดฮา! พบแบงค์ร้อยปลอมตกเกลื่อนม็อบนกหวีดหน้าเซเว่น ข้าง สน.ดินแดง หลัง "กบฏเทือก" พาม็อบกลับไปแล้ว








           ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณช่วงเย็นที่ผ่านมา หลังจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้พาม็อบนกหวีดที่รวมตัวอยู่หน้า สน.ดินแดง จัดรูปขบวนเดินเท้ากลับไปยังถนนราชดำเนินนั้น พนักงานห้างเซเว่น ได้เข้ามาในห้างเพื่อเปิดระบบไฟฟ้า เพื่อเช็คตรวจสอบความเสียหาย ทำความสะอาดหน้าร้าน เพื่อเปิดให้บริการอีกครั้ง ปรากฏว่า ตรงพื้นถนนฟุตบาทหน้าร้านเซเว่น พบซองจดหมายสีขาว และธนบัตรราคาหนึ่งร้อยบาท จำนวนหนึ่งตกอยู่ ในสภาพฉีกขาด

         พนักงานร้านเซเว่น เล่าให้ฟังว่า ระหว่างทยอยเก็บกองขยะหน้าร้านอยู่ พบซองสีขาว และธนบัตรที่ถูกฉีกขาดตกอยู่ ก็ตกใจรีบเรียกเพื่อนมาดูว่าของจริงหรือเปล่า แต่เมื่อดูได้จับดูธนบัตร จึงทราบว่าเป็นของปลอม เพราะบริเวณแถบเรืองแสงสีเงินนั้น ไม่แวววาว และรอยฉีกของธนบัตร เป็นรอยกระดาษสีขาว ซึ่งจะต่างจากธนบัตรจริง ที่หากฉีกขาดแล้ว เนื้อกระดาษข้างในจะไม่เป็นสีขาว แต่จะเป็นสีธนบัตรอ่อนและจะมีลายน้ำอยู่ แต่นี่เป็นกระดาษสีขาวเหมือนถ่ายเอกสารสี และที่สำคัญสุดคือ ตัวเลขบนธนบัตรนั้น เป็นตัวเลขที่ลงท้ายด้วย 612 ซ้ำกันถึง 3 ใบ จาก 5 ใบ จึงคิดว่าน่าจะเป็นค่าจ้างม็อบ แต่คงได้ของปลอมจึงฉีกทิ้ง

"ทอมผมทอง" บุกเป่านกหวีดประชิดนายกฯ สุดท้ายแพ้บารมี ไหว้ขอขมานายกฯแล้วหนีไป


"ทอมผมทอง" บุกเป่านกหวีดประชิดนายกฯ สุดท้ายแพ้บารมี ไหว้ขอขมานายกฯแล้วหนีไป


            เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่อยู่ระหว่างตรวจราชการที่ภาคอีสานและภาคเหนือว่า ภายหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จสิ้น ระหว่างเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่อในภาคบ่ายที่จ. เพชรบูรณ์น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมต.ประจำสำนักฯ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษา ได้แวะทักทายและเยี่ยมชมร้านขายสินค้าที่ระลึกบริเวณสะพานจุดชมวิวเขาค้อ

           ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สอบถามถึงรายได้จากนักท่องเที่ยว ปรากฎว่า มีหญิงวัยประมาณ 25-30 ปี ลักษณะคล้ายทอมบอย ขับขี่รถจยย. ทะเบียน ขจต 730 พิษณุโลก บุกเดี่ยว เข้ามาเป่านกหวีดใส่นายกรัฐมนตรีชนิดประชิดตัว โดยน.ส. ยิ่งลักษณ์ ก็ได้เดินเข้าไปหาผู้หญิงคนดังกล่าวโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวและเมื่อเผชิญหน้ากันหญิงดังกล่าวก็กล่าวท้าทายตำรวจว่า "จะจับมั๊ยๆ" นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบทันทีว่า "ไม่มีการจับ เชิญตามสบาย ขอบคุณ ไม่เป็นไรอยากเป่าก็เป่าเลย ขอจับมือหน่อยนะ" ทำให้หญิงดังกล่าวถึงกับอึ้ง และไหว้ขอขมานายกฯ สุดท้ายด้วยความละอายต่อพฤติกรรมของตนเอง หญิงสาวลักษณะคล้ายทอมดังกล่าวจึงขับรถหนีไป

            จากนั้นหญิงดังกล่าวได้ จอดรถลง พร้อมระบุว่าขอคุยหน่อยได้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยินดี ทั้งนี้มือเป่านกหวีดพยายามสอบถามมาทำอะไร มาเที่ยวหรือ แล้วจะกลับกรุงเทพฯวันไหน นายกรัฐมนตรี หันมากล่าวว่า มาทำงาน ตรวจติดตามงานตามนโยบาย ซึ่งมาได้ 2 วันแล้ววันที่ 25 ธ.ค.ก็จะเดินทางกลับ ทำให้หญิงดังกล่าวพยายามถามย้ำอีกว่า จะกลับกรุงเทพฯวันไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงย้อนถามกลับว่าถามทำไมหรือ และได้ถามกลับว่า เป็นคนเพชรบูรณ์หรือคนกรุงเทพฯ ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นคนกรุงเทพฯ แต่มาทำงานที่เขาค้อ

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนั้น มีชาวบ้านที่ขายของในบริเวณดังกล่าวแสดงความไม่พอใจตะโกนถามผู้หญิงคนดังกล่าวว่ามาเป่านกหวีดทำไม ซึ่งก่อนที่จะเกิดการปะทะกันได้มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งคาดว่าเป็นเพื่อนรีบมาพาหญิงคนดังกล่าวออกไป

             ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ระบุว่าไม่ตกใจอะไร ถือเป็นการแสดงตามสิทธิ จากนั้น ได้เดินทักทายชาวบ้านต่อ โดยชาวบ้านได้ออกมาให้กำลังใจและให้ต่อสู้