วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

'ประวิตร' มั่นใจป้องกันกลุ่มแฮกเกอร์เจาะฐานข้อมูลได้


พล.อ.ประวิตร มั่นใจฝ่ายความมั่นคง-ไอซีทีป้องกันกลุ่มแฮกเกอร์ต่างประเทศเจาะฐานข้อมูลไทยต่อต้าน Single Gateway ได้ พร้อมกวาดล้างมาเฟียให้เสร็จทัน 6 เดือนตามบัญชานายกรัฐมนตรี
 
23 ต.ค. 2558 สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเดินทางไปประเทศกัมพูชาอย่างไม่เป็นทางการ วานนี้ (22 ต.ค. ) ว่าไม่ได้พูดคุยเรื่องของพลังงานหรือก๊าซธรรมชาติ เพราะหากจะพูดคุยเรื่องดังกล่าว จะต้องนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน
 
ส่วนกรณีที่กลุ่มแฮกเกอร์ต่างประเทศเตรียมเจาะข้อมูล CAT เทเลคอม นำข้อมูลมาเผยแพร่ เพื่อต่อต้านโครงการ Single Gateway รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงดูแลได้ ขณะที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ดูแลอยู่ ในส่วนของเหล่าทัพไม่มีปัญหาใดเพราะกองทัพไทยดูแลอยู่เช่นกัน
 
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งกวาดล้างมาเฟียทั่วประเทศภายใน 6 เดือนว่า จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จทันตามกำหนด โดยจะเรียกประชุมกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อดูแลและปราบปรามการใช้อาวุธสงคราม ยืนยันว่า จะไม่ขึ้นบัญชีดำกลุ่มมาเฟีย
 
รมว.ไอซีที เผยนายกฯ กำชับหลัง กสท.ถูกแฮกข้อมูล
 
สำนักข่าวไทย ยังรายงานว่านายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มแฮกเกอร์ ปล่อยฐานข้อมูลลูกค้าบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้กำชับให้ติดตามกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่จะคุกคามเว็บไซด์ต่างๆ โดยประสานทุกหน่วยงานต่างๆให้ระมัดระวังดูแลฐานข้อมูลให้ดี ขณะเดียวกันต้องให้บริการประชาชนให้ได้
 
“ประชาชนยังสามารถมั่นใจในการดูแลข้อมูลของประชาชนได้ ซึ่งระบบยังทันสมัย และขอให้ประชาชนพิจารณาข้อมูลที่มีการเผยแพร่สื่อสารผ่านเว็บไซด์ต่างๆอย่างระมัดระวัง เพราะบางครั้งก็มีการแอบอ้างข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะ กสท.ทางกระทรวงไอซีทีได้สอบถามไปแล้วพบว่าไม่ใช่ข้อมูลจริงของกสท.อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการกระทำของกลุ่มแฮกเกอร์จะไม่เกี่ยวข้องกับการตั้งศูนย์ไซเบอร์ของกองทัพ ซึ่งกระทรวงไอซีทีมีหน้าที่ในการป้องกันไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแฮกเกอร์กลุ่มไหนก็ตาม” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายอุตตม เดินทางถึงลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะเนื่องในวันปิยมหาราช ได้เข้ารายงานสถานการณ์การแฮกข้อมูลต่อพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานด้านไอซีที โดยมีนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมสนทนาด้วย พร้อมนำภาพการแฮกข้อมูลในโทรศัพท์มือถือส่งให้พล.อ.อ.ประจินและนายอุตตมดู พร้อมระบุว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะเป็นการโจมตีข้อมูลภาครัฐและทำกันเป็นขบวนการมีเครือข่าย ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการวางพวงมาลาแล้ว นายอุตตมยังได้รายงานสถานการณ์ดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีด้วย

คสช.เตือน 'นัดใส่เสื้อแดง 1 พ.ย.' ส่งผลทางลบ


คสช.เตือน นปช.นัดใส่เสื้อแดง 1 พ.ย.ให้กำลังใจ "ยิ่งลักษณ์" ระวังอาจส่งผลลบ หากปลุกระดมต้องดำเนินการตามกฏ ด้าน 'ยิ่งลักษณ์' ขอไม่ให้ใส่เสื้อแดง หวั่นสร้างความแตกแยก
 
23 ต.ค. 2558 เว็บไซต์ TNN รายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงถึงกรณี นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะมีการรณรงค์ใส่เสื้อแดงของคนเสื้อแดงเพื่อให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 1 พ.ย. นั้นว่าแม้จะมีการบอกว่าต้องการเชิญชวนเพื่อให้กำลังใจ แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นไปได้ที่อาจทำให้ถูกสังคมมองเป็นความพยายามที่จะแสดงออกเชิงสัญญลักษณ์ จนถูกตีความว่าเป็นเรื่องการเมืองก็ได้ เช่นกันในเรื่องการแสดงออกใดๆช่วงนี้ยังคงต้องระมัดระวัง เพราะบางครั้งอาจ จะส่งผลในเชิงทางความรุ้สึกในมุมต่าง ๆ ต่อกลุ่ม หรือบุคคลอื่นๆได้ ไม่อยากให้มองแต่เพียงเรื่องจำกัดสิทธิ์หรือไม่ แต่เป็นเรื่องการขอความร่วมมือเพื่อความเรียบร้อย ภายใต้ช่วงเวลาพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมาในหลาย ๆ กลุ่มก็ได้ให้ความร่วมมือ คสช.มาเป็นอย่างดี
 
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่าการแสดงออกลักษณะนี้คงต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจ และมุมมอง ของเจ้าหน้าที่ว่าจะพิจารณาอย่างไร ตามความมุ่งหมายที่อยากดูแลให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งต้องขึ้นอยุ่กับสถานการณ์นั้น ๆ ด้วยอย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดใด ๆ เพราะอยู่ในช่วงเป็นกระแสข่าวในสื่อ หากมีการเชิญชวนในลักษณะปลุกระดมจริง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการตามแนวทางที่ คสช. เคยขอความร่วมมือไว้
 
'ยิ่งลักษณ์' ขอไม่ให้ใส่เสื้อแดง หวั่นสร้างความแตกแยก
 
ด้านเว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่านายวิม รุ่งวัฒนจินดา คณะทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสโซเซียลฯเชิญชวนประชาชนให้สวมเสื้อสีแดงในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เพื่อให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อสู้คดีโครงการรับจำนำข้าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำ ดูแล้วเหมือนเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยกมากกว่า ส่วนเรื่องความไม่ยุติธรรมในการต่อสู้คดีนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ทราบดีว่าประชาชนรับรู้ สังเกตได้จากการลงพื้นที่ไปทำบุญตามจังหวัดต่าง ๆ ประชาชนยังให้การต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นอย่างดี เหมือนขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ขณะเดียวกันยังมีการเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาบริหารประเทศเพื่อจะได้ช่วยเหลือคนจน 
 
“การเชิญชวนให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยใส่เสื้อสีแดง ในวันที่ 1พ.ย.นั้น ทางทีมงาน และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทราบดีว่าประชาชนให้กำลังใจตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องนัดแนะ หรือปลุกระดม เพราะถึงวันหนึ่งถ้าประชาชนได้ทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้รับความยุติธรรม ถึงวันนั้นประชาชนก็คงออกมาเอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ดีใจ แต่ไม่ได้ดีใจจากการปลุกระดม แต่ดีใจที่เมื่อลงต่างจังหวัด ประชาชนยังรักให้กำลังใจ ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีเหมือนขณะที่เป็นนายกฯ อยู่”นายวิม กล่าว

ตำรวจ 'ตรวจทรัพย์สิน-อายัดทรัพย์' ผู้ต้องหา ม.112


ความคืบหน้าคดีหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 ตำรวจเข้าตรวจทรัพย์สิน และอายัดทรัพย์ของผู้ต้องหา 3 ราย มีทั้งบ้าน -คอนโดฯ และรถหรูหลายรายการ พร้อมทั้งเอกสารจำนวนมาก เพื่อหาความเชื่อมโยงกับตำรวจ 8 นาย กลุ่มบุคคลและภาคธุรกิจ
 
23 ต.ค. 2558 เว็บไซต์ Nation TV รายงานว่าหลังจากตำรวจคุมตัว 3 ผู้ต้องคดีแอบอ้างเบื้องสูง มาตรา 112 ฝากขังศาลทหาร และอายัดทรัพย์สินบางส่วนล่าสุดได้เข้าตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เพิ่มเติม เริ่มจาก คอนโดมิเนียมหรู "ลองเมซอง" ในซอยพหลโยธิน 24 ที่พักของ พ.ต.ต.ปรากรม ก่อยอายัด รถยนต์หลายคัน ทั้ง โฟล์คสวาเกน รุ่นสาราเวล สีขาว , เมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่นs55 สีดำ , รถเบ็นซ์ รุ่น s class สีดำ , โตโยต้า รุ่นเวลฟาย สีดำ , โตโยต้า รุ่นคราว สีขาว , เบ็นซ์ รุ่น SL500 สีขาว , มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ดูคาติก และ มอสเตอร์ สีดำ รวมทั้ง มอเตอร์ไซนำขบวน และได้ปิดคอนโดห้อง 1914 ชั้น 19 ห้ามขนย้ายสิ่งของ
 
นอกจากนี้ ยังได้อายัดทรัพย์สินบ้านพักของ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ภายในบ้านเลขที่ 127/35 พหลโยธินปาร์ค ซ.พหลโยธิน 14 และยึดเอกสารหลักฐาน ทรัพย์สินจำนวนหนึ่ง ที่คาดว่าจะเข้าข่ายการกระทำความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิดไว้ตรวจสอบต่อไป เพื่อหาความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง 
 
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า แนวทางดำเนินคดี จะต้องมีการสอบปากคำบุคคล หรือ กลุ่มธุรกิจที่เข้ามาเกี่ยว ในฐานะพยาน หรือ ผู้ให้ข้อมูล ในลักษณะของรูปแบบพฤติกรรมในการแอบอ้างสถาบันฯ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ส่วนกรณีผู้ต้องหาให้การพาดพิงถึงตำรวจ 8 นาย ก็จะต้องมีการขยายผลว่าตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน และได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่รูปคดี และอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน
 
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกว่า ตำรวจ 8 นายที่มีคำสั่งช่วยราชการยอมรับว่า เป็นกลุ่มคนที่ใกล้ชิดกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ถูกดำเนินคดี แต่ยังไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการ และออกหมายจับ เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวน
 
ส่วนบรรยากาศหน้าเรือนจำชั่วคราว มณฑลทหารบกที่ 11 สถานที่คุมตัว พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา , นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขานุการส่วนตัวหมอหยอง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง มีเจ้าหน้าที่ดูแลคัดกรองบุคคลเข้า-ออกอย่างเข้มงวด ไม่อนุญาตผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ เด็ดขาด