พล.อ.ประวิตร ย้ำรับข้อเสนอเครือข่ายคณะสงฆ์ ไม่ใช้ข้อผูกมัด รมว.ยุติธรรมวอนพระให้เกียรติทหาร เหมือนที่ทหารให้เกียรติพระ ยัน ไม่เลือกปฎิบัติ ขณะที่อธิบดีกรมศาสนา ชี้ จะให้พุทธฯเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องฟังทุกภาคส่วนก่อน 'พุทธะอิสระ' งัด กม.ชุมนุม เตือนเตรียมตัวเตรียมใจไปเยี่ยมเยียนกันในคุก
16 ก.พ. 2559 จากเหตุชุลมุนระหว่างพระกับเจ้าหน้าที่ทหารที่พยายามสกัดกั้นไม่ให้รถยนต์พระและประชาชนจากศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เข้าไปชุมนุมกันในสำนักพุทธ พุทธมณฑล จ.นครปฐม วานนี้ (15 ก.พ.59) โดยมีข้อเรียกร้องเช่น เสนอให้บรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ให้รัฐบาลและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 ในทันที โดยให้เป็นไปตามวาระที่เหมาะสม เพื่อเป็นการแสดงพลังให้พระบางรูปที่เป็นปฏิปักษ์ จาบจ้วงประมุขสงฆ์ให้รู้สำนึกว่าการแสดงพลังไม่ได้ทำได้เฉพาะที่แจ้งวัฒนะเท่านั้น และ เพื่อแสดงออกในการปกป้องพระพุทธศาสนาจากภัยความมั่นคงเเละภัยคุกคามตามความเชื่อ นั้น
พล.อ.ประวิตร ย้ำรับข้อเสนอเครือข่ายคณะสงฆ์ ไม่ใช้ข้อผูกมัด
ล่าสุดวันนี้ (16 ก.พ.59) สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ตัวแทนเครือข่ายคณะสงฆ์ และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ โดยระบุเป็นสังฆมติร่วมกันของที่ประชุมคณะสงฆ์จากทั่วประเทศ เพื่อให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการ ว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาทุกข้อเรียกร้อง ยกเว้น ข้อ 5 ที่ให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะต้องอยู่ที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นผู้พิจารณา
“การรับข้อเสนอเมื่อวานนี้ ไม่ใช่ข้อผูกมัดให้ฝ่ายบริหารต้องดำเนินการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่แต่อย่างใด แต่ต้องให้นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาในการพิจารณาตามมติของมหาเถรสมาคม เรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร และสิ่งที่มหาเถรสมาคมมีมติมา สิ่งใดที่ยังมีความขัดแย้งนายกรัฐมนตรีต้องกลั่นกรองก่อน ไม่ใช่จะเสนอโปรดเกล้าฯ ได้ทันที ต้องสงบก่อน อย่าทะเลาะกัน ทุกอย่างถึงจะเดินไปตามกติกาได้ ทุกเรื่องมีกฎเกณฑ์ และมีระเบียบไว้อยู่แล้ว” พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่าการรวมตัวของพระที่พุทธมณฑลจะให้มหาเถรสมาคมตักเตือนอย่างไร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พระต้องรู้ว่าควรจะทำอย่างไร ตนคงไม่ต้องบอก บวชเรียนมาแล้วทั้งนั้น หากพูดมากไปคงไม่ดี เพราะพระต้องรู้ว่าท่านบวชมาทำไมเหตุการณ์ทหารเผชิญหน้ากับพระเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ไม่ใช่ความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ทหารเพียงแค่ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่ได้มีความขัดแย้งกับกลุ่มใด
รมว.ยุติธรรมวอนพระให้เกียรติทหาร เหมือนที่ทหารให้เกียรติพระ ยัน ไม่เลือกปฎิบัติ
ขณะที่ มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบพระธัมมชโยในคดีรับเงินบริจาคจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นว่า คาดว่าภายในเดือนนี้จะมีความชัดเจน ซึ่งการฟ้องร้องต่างๆ อัยการได้ส่งเรื่องกลับมาแล้ว และมีการประชุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือคือการกำหนดฐานความผิดและขั้นตอนการฟ้องร้อง ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย แต่ไม่อยากให้มองเพียงพระธัมมชโย ต้องมองในภาพรวมทั้งระบบ เพราะเป็นการฟ้องร้องทั้งคณะที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ไม่ได้เข้าไปเร่งรัดการทำงานของดีเอสไอแต่อย่างใด ปล่อยให้เป็นหน้าที่และการทำงานของดีเอสไอตามปกติ
เมื่อถามถึงกรณีการชุมชนของคณะสงฆ์ ที่เรียกร้องไม่ให้รัฐบาลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของสงฆ์ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เชื่อว่าการเรียกร้องของคณะสงฆ์จะไม่มีผลต่อการพิจารณาคดีต่างๆ ของพระสงฆ์ เพราะถือเป็นคนละเรื่องกัน ยืนยันว่าทำตามกฎหมาย และพระสงฆ์ไม่ต้องออกมา ทั้งนี้ไม่เข้าใจที่บอกว่าไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพระสงฆ์ เพราะใครก็ตามที่อยู่ภายใต้กฎหมายและทำผิดกฎหมายก็จะต้องไปยุ่ง ไม่มีข้อต่อรองใดๆ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นสงฆ์หรือฆราวาส ไม่มีใครชอบให้เลือกปฏิบัติ และยืนยันว่าไม่เลือกปฏิบัติแน่นอน ไม่ต้องมากดดัน ส่วนภาพการกระทบกระทั่งระหว่างพระสงฆ์กับเจ้าหน้าที่ทหารนั้น ทุกคนมองไปในทางเดียวกันและคิดว่าเจ้าหน้าที่ทหารต่างเคารพความเป็นพระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์ห่มผ้าเหลืองมา ทหารก็ให้เกียรติให้ความเคารพ ดังนั้น พระสงฆ์เองต้องกลับไปคิดว่าให้ความเคารพเหมือนที่ทหารให้ความเคารพพระสงฆ์หรือไม่
อธิบดีกรมศาสนา ชี้ จะให้พุทธฯเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องฟังทุกภาคส่วนก่อน
มติชนออนไลน์ ยังรายงานด้วยว่า นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 กับเจ้าหน้าที่ทหาร ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่ในรัฐบาลและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนภาพที่ออกจะกระทบต่อศรัทธาของประชาชนหรือไม่นั้น ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น คิดว่าทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม โดยเฉพาะผู้ที่เป็นผู้นำหรือมีบทบาทในสังคมต้องช่วยกันวิเคราะห์ จำแนก แยกแยะให้ดีว่า ส่วนไหนคือหลักธรรมคำสอน ส่วนไหนคือบทบาทองค์กร ตรงนี้ต้องแยกกัน ขณะที่กรมการศาสนาเองพยายามอย่างยิ่งคือ การนำหลักธรรมคำสอนมาประพฤติปฏิบัติ ซึ่งคือหัวใจและกระบวนการหน้าที่ของกรมการศาสนา ส่วนข้อเสนอของเครือข่ายคณะสงฆ์ที่เรียกร้องให้กำหนดศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินั้น ต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
ม.จ.จุลเจิม เสนอให้ทหารตำรวจหญิงหมอนวดเป็นแนวกันพระ ปิ้งไก่หลังเที่ยงเรียกน้ำลายรอจับสึก
ด้าน ม.จ.จุลเจิม ยุคล ได้โพสต์แสดงความเห็นในเฟซบุ๊ก Chulcherm Yugala เสนอแนะแนวทางในการจัดการการชุมนุมของพระดังกล่าว โดยเสนอ จัดทหารหญิง ตำรวจหญิง ผู้กล้ายืนบังตั้งแถวเป็นแถวหน้ากระดาน และขอความร่วมมือ หรือจัดจ้าง พวก คุณหมอนวด ทั้งแผนไทย และแผนสมัยใหม่ หญิงงามเมือง โคโยตี้ แม่ค้าปากคลองตลาด มาเสริมกำลัง เป็นแนวกันให้ทหารชายอยู่ด้านหลังคอยจับ ถ้าเป็นพระจริงก็จับสึกได้ ส่วนถ้าเป็นพระปลอม ก็คุมตัวขังคุก เพราะพระจริงๆจะถูกตัวสีกาไม่ได้ รวมทั้งหลังเที่ยงหา แม่ค้า พ่อค้า ไก่ย่างส้มตำ หมูย่าง ไส้กรอกอิสานเอามาย่างกัน สัก 50 เจ้า ตั้งไฟปิ้งๆย่างๆ ให้อยู่เหนือลม ให้กลิ่นไก่ย่าง หมูย่างโชยตลบเข้าจมูกพระคุณเจ้าทั้งหลายที่มาชุมนุม ถ้าพระ แม้กระทั่งแม่ชี ออกไปซื้อ (หลังเที่ยง) ก็ให้ทหารจับไปสึกได้อีกทั้งพระจริง พระปลอม เพราะผิดศีลอุโบสถ
โดยมีรายละเอียดดังนี้
นอกจากนี้ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)' โดยยกเอากฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อกับการชุมนุมมาเตือน พร้อมกล่าวด้วยว่า "บรรดากองเชียร์ของเฮียๆ ลองดูกฎหมายในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว กำหนดเรื่องการชุมนุมเอาไว้กันซักหน่อยนะพี่น้อง เผื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไปเยี่ยมเยียนกันในคุก"