แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย
เรื่อง โครงการอุทยานราชภักดิ์ (ฉบับที่ 7)
ตามที่พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องต่อรัฐบาลขอให้มีการตรวจสอบการทุจริต การก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ขณะเดียวกันก็มีประชาชนหลายภาคส่วน ได้ออกมาเรียกร้อง และแสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าวอย่างกว้างขวาง บางส่วนก็ได้ไปยื่นคำร้องต่อหน่วยงาน ที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริต เช่น คณะกรรมการ ป.ป.ช. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง
เรื่องอุทยานราชภักดิ์ถือเป็นประเด็นสาธารณะ ที่อยู่ในความสนใจของของประชาชนที่รัฐบาลจะต้องเร่งรีบดำเนินการตรวจสอบ และหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ แต่แทนที่รัฐบาลหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะออกมาชี้แจงรายละเอียดและข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้แจ้งชัด กลับปรากฏว่า มีการขัดขวาง ควบคุมตัวและกักตัวบุคคล ตลอดการจับกุมบุคคลเพื่อดำเนินคดีโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยใช้อำนาจพิเศษ และตั้งข้อหาทางอาญากับประชาชน แม้แต่นักศึกษาซึ่งประสงค์จะตรวจสอบโครงการดังกล่าวก็ยังถูกจับกุมดำเนินคดี ดังที่ปรากฏเป็นข่าวโดยทั่วไปแล้วนั้น
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลในประเด็นปัญหานี้ ยังขาดความชัดเจน โปร่งใส และมีการกระทำที่อาจเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกด้วย พรรคจึงเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังนี้
1. รัฐบาลต้องให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพบกและ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ประธานผู้รับผิดชอบโครงการฯได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและรายละเอียดการรับบริจาค และงบประมาณในการก่อสร้าง โครงการอุทยานราชภักดิ์ เพื่อความโปร่งใสและลดความเคลือบแคลงสงสัยของประชาชน
2. เนื่องจากมีบุคคลในรัฐบาลและ คสช. ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงิน ที่ไม่โปร่งใสในโครงการนี้ การที่รัฐบาลมอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบซึ่งเป็นบุคคลที่รัฐบาลหรือ คสช. แต่งตั้งขึ้น อาจจะทำให้ผลการตรวจสอบไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงและไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน จึงควรแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นกลางและมีความเป็นอิสระเข้ามาตรวจสอบคู่ขนานไปกับคณะกรรมการตรวจสอบของรัฐบาลและควรจะต้องรับฟังผลการตรวจสอบจากองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่เป็นส่วนสำคัญด้วย
3. รัฐบาลและ คสช. ต้องไม่ใช้อำนาจที่มีอยู่เข้าไปขัดขวางการตรวจสอบหรือใช้กฎหมาย เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง คุกคาม จับกุมดำเนินคดีผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์และตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวเพื่อกลบเกลื่อนข่าวการทุจริต หากพบว่าบุคคลใดกระทำความผิดกฎหมายชัดเจนก็ควรใช้กระบวนการยุติธรรมตามปกติเข้าดำเนินการและให้โอกาสผู้นั้นได้ใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมในการต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสิทธิในการได้รับการประกันตัวนั้นจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเสมอภาค
4. แม้รัฐบาลนี้จะได้อำนาจมาโดยการทำรัฐประหาร และใช้อำนาจปกครองโดยทหารก็ตาม แต่เมื่อมีรัฐธรรมนูญแล้วแม้จะเป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราวแต่ก็ได้มีการรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ของบุคคลไว้ตามมาตรา 4 และรัฐบาลก็มีพันธกรณี ที่จะต้องปฏิบัติตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และตราสารระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ตามอนุสัญญาฉบับต่างๆ ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ ดังนั้น การปิดกั้นและจับกุมดำเนินคดีผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและการใช้กระบวนการยุติธรรมพิเศษนั้น อาจเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ ซึ่งจะส่งผลลบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในสายตาชาวโลก รัฐบาลจึงควรเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องดังกล่าวได้ ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย โดยไม่ปกปิดข้อมูลหรือปิดกั้นการแสดงออกของประชาชน
5. คสช.ได้ประกาศให้ประชาชนทราบว่าได้ทำการรัฐประหารและเข้าบริหารประเทศก็เพื่อ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ หลังจากที่เกิดความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันมานาน และเพื่อดำเนินการปฏิรูปในเรื่องต่างๆ แต่นับถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่าหนึ่งปีครึ่งแล้ว ยังไม่เห็นแนวทาง หรือความชัดเจนที่จะนำมาซึ่งความปรองดองของคนในชาติได้ ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลกลับถูกมองว่ามีส่วนเป็นผู้สร้างความขัดแย้งและเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนขึ้นเสียเอง พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการสร้างความปรองดองจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ตราบใดที่คนในสังคมยังไม่ได้รับความเป็นธรรมและการปฏิรูปก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้เข้ามีส่วนร่วม ดังนั้น กฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการทั้งสองเรื่องดังกล่าว รัฐบาลและ คสช. ควรต้องผ่อนปรนและยกเลิก เพื่อไม่ให้รัฐบาลและประชาชนเกิดการเผชิญหน้า ขณะเดียวกันรัฐบาลควรทำหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงกับประชาชน มากกว่าที่จะใช้วาทะ โวหาร ทำสงครามข้อมูลข่าวสารกับประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐบาล
สุดท้ายพรรคเพื่อไทย ใคร่ขอให้คณะกรรมการที่ตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ได้ตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และเร่งรัดผลการตรวจสอบให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
พรรคเพื่อไทย 18 ธันวาคม 2558
|