ตำรวจเรียกเสื้อแดงบ้านโป่ง มาเป็นพยานคดี 4 NDM- 1 นักข่าว ถูกจับกุมหน้าโรงพัก หลังพบพยานมีสติ๊กเกอร์โหวตโน แปะอยู่ที่หน้าอกเสื้อ ในวันเกิดเหตุ ด้าน 5 ผู้ต้องหาเตรียมเดินทางเข้ารายงานตัวต่อศาล 29 ส.ค. นี้
23 ส.ค. 2559 บริบูรณ์ เกียงวรากูร กลุ่มคนเสื้อแดงบ้านโป่ง ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ได้รับหมายเรียกพยานจากสถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง เพื่อเป็นพยานในคดีระหว่าง พ.ต.ท.สรายุทธ บุรีวชิระ ผู้กล่าวหา กับปกรณ์ อารีกุล, อนุชา รุ่งมรกต, อนันต์ โลเกตุ สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ และทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวประชาไท ผู้ถูกกล่าวหา ตามข้อกล่าวหาฐานกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 61 วรรคสอง จากกรณีการที่ขบวนการประชาธิปไตยใหม่เดินทางไปให้กำลังใจชาวบ้าน 23 คนที่ถูกเรียกงานตัวฐานฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. จากกรณีการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ติดรถไปทำข่าวด้วย
(อ่านข่าวที่นี่)
บริบูรณ์ ให้ข้อมูลว่า ตนได้รับหมายเรียกพยานดังกล่าวเมื่อเช้าของวันที่ 23 ส.ค. 2559 เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งหมายดังกล่าวไปยังที่อยู่ตามทะเบียนบ้านซึ่งตนไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าตนยังไม่ได้รับหมายเรียก จึงนำหมายเรียกพยานซึ่งออกเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2559 ไปใส่ไว้ในซองจดหมายของที่พักปัจจุบัน ซึ่งหมายดังกล่าวระบุให้ไปพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรบ้านโป่งในวันที่ 26 ก.ค. 2559 แต่เนื่องจากเลยกำหนดดังกล่าวมาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อให้ไปพบในวันพรุ่งนี้แทน (24 ส.ค. 2559)
ทั้งนี้ในหมายเรียกพยานได้ระบุด้วยว่า เรียกตัวบริบูรณ์มาเป็นพยานครั้งนี้ เนื่องจาก “เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา 5 คน ฐานความผิดก่อความไม่สงบฯ มีการแจกจ่ายสติ๊กเกอร์ โหวตโน สีน้ำเงิน จากการสืบสวนทราบว่า พยานมีแผ่นสติ๊กเกอร์ติดอยู่หน้าอกเสื้อ ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในคดีนี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า วันที่ 29 ส.ค. 2559 นี้ ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนจะต้องไปรายงานตัวกับศาลจังหวัดราชบุรี ซึ่งวันดังกล่าวเป็นวันครบกำหนดที่พนักงานสอบสวนและอัยการจะต้องทำความเห็นต่อศาลว่า ควรฟ้องหรือไม่
ทวีศักดิ์ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ (10 ก.ค.) หลังจากขบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้เดินทางไปให้กำลังใจชาวบ้านที่อำเภอบ้านโป่ง โดยมีตนเองในฐานะผู้สื่อข่าวขอติดรถไปทำข่าวด้วย เวลาประมาณ 11.00 น. ขณะกลับมาที่รถ ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านพักของรองผู้กำกับฝ่ายสืบสวน สภ.บ้านโป่ง ก็พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบได้ทำการค้นเอกสารต่างๆ ซึ่งอยู่ท้ายรถกระบะ โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของรถซึ่งคือ ปกรณ์ อารีกุล ก่อน แต่เมื่อพบว่ามีคนเดินมา เจ้าหน้าที่จึงได้ขออนุญาตค้นอีกครั้ง ซึ่งปกรณ์ได้อนุญาตให้ค้นโดยไม่ขัดขืน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวทั้ง 4 คน ปกรณ์, อนุชา, อนันต์ และทวีศักดิ์ ขึ้นไปทำบันทึกประจำวัน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นการทำบันทึกการจับกุม
ในขณะที่บันทึกการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุพฤติการณ์การจับกุมว่า "เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากประชาชนอ้างว่าเป็นพลเมืองดีและศูนย์วิทยุ สภ.บ้านโป่ง ว่ามีบุคคลใช้รถยนต์กระบะเชฟโรเลท หมายเลขทะเบียน XXX บรรทุกอุปกรณ์สิ่งของท้ายรถมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะมาทำการแจกเอกสาร แผ่นพับ ใบปลิวในเรื่องรณรงค์ต่อต้านการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญในเขต อ.บ้านโป่ง ต่อมาจากการสืบสวนพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ถนนทรงพล เทศบาลเมืองบ้านโป่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้นรถดังกล่าว"
ทั้งนี้ระหว่างที่ทั้ง 4 คนถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.บ้านโป่งเพื่อเตรียมส่งศาลเพื่อขออนุญาตฝากขังเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ในเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามไปควบคุมตัว ภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จากบ้านพักในจังหวัดราชบุรีมายัง สภ.บ้านโป่งเพื่อสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 61 วรรค 2 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
ด้านทวีศักดิ์ ระบุด้วยว่า เขาได้แสดงตัวตนกับเจ้าหน้าที่ก่อนจะถูกควบคุมตัวหลายครั้งว่า ตนเองเป็นผู้สื่อข่าว และขอติดรถมาทำข่าวเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการแจกจ่ายเอกสาร หรือสติ๊กเกอร์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่ามาด้วยกันจึงดำเนินคดีร่วมกัน อย่างไรก็ตามในวันที่ 12 ก.ค. 2559 ที่สำนักงานประชาไท กรุงเทพฯ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาพร้อมหมายค้น เพื่อตรวจและยึดเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์โหวตโน แต่ก็ไม่พบสิ่งใดที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาในวันที่ 11 ก.ค. 2559 ศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน โดยผู้ต้องหาแต่ละคนได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 140,000 บาท และมีกำหนดให้ไปรายงานตัวต่อศาลอีกครั้งวันที่ 29 ส.ค. 2559