วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

14 ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ยันมาตรา 44 ไม่ใช่กฏหมาย พร้อมเตรียมเดินหน้าต่อ


14 ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ออกแถลงการณ์ หลังศาลทหารยกคำร้องฝากขังผัด 2  ยัน การถูกจับกุม และคุมขัง อยุติธรรม ชี้มาตรา 44 ไม่ใช่กฏหมาย และเตรียมเดินหน้าทำกิจกรรมต่อไป
9 ก.ค. 2558 เวลาประมาณ 15.15 น. ที่อาคารโดมบริหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้ตั้งโต๊ะอ่านแถลการณ์ หลังจากที่ศาลทหารยกคำร้องไม่ฝากขังผัด 2 นักศึกษา นักกิจกรรม ทั้ง 14 คน ทั้งนี้ในการออกแถลงการณ์ครั้งนี้เป็นไปเพื่อทำความเข้าใจกับสังคม และสาธารณะชน และยืนยันแนวทางการต่อสู้ของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ และจุดยืนของขบวนการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์ขบวนการประชาธิปไตยใหม่
ต่อกรณีการยกคำร้องฝากขังฯ-และการขับเคลื่อนกิจกรรมต่อไป
ภายหลังจากการที่ศาลทหารยกคำร้องฝากขังผัดที่ 2 ของพนักงานสอบสวนฯ และนำไปสู่การปลดปล่อยอิสรภาพของ 14 นักศึกษา/นักกิจกรรม ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เมื่อเช้าตรู่ของวันพุธที่ 8 ก.ค. 2558 ได้ทำให้เกิดการถกเถียงในสังคมถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในแวดวงนักศึกษา นักวิชาการ ศิลปิน นักเขียน ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป 
แต่ในอีกด้านหนึ่ง กลับมีเสียงชื่นชมต่อ คสช. ที่ใช้ไม้นวม ลดท่าทีที่แข็งกร้าวต่อนักศึกษา รวมไปถึงการที่ศาลทหารมีความเมตตาต่อ 14 นักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ในกรณีการยกคำร้องขอฝากขังในผลัดที่ 2 ทั้งๆที่ยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของรัฐลงไปเยี่ยมเยียนสอบถามในเชิงกดดันต่อผู้ปกครองของเรา แม้ว่าจะมีการปล่อยตัวพวกเราแล้วก็ตาม
เพื่อเป็นการทำความเข้าใจต่อสาธารณชน และยืนยันในแนวทางการต่อสู้ของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เราจึงขอแถลงจุดยืนดังนี้
1. ในกรณีการคุมขัง 14 นักศึกษา/นักกิจกรรม ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จำนวน 12 วัน ตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 26 มิ.ย. จนถึง เช้าตรู่ของวันที่ 8 ก.ค. 2558 เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน สิทธิพลเมืองที่ประชาชนพึงมี เนื่องจากเป็นการฝากขังโดยไม่มีการสอบสวนแต่อย่างใด ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีการยกคำร้องของศาลทหารในผลัดที่ 2 ก็มิได้เป็นเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกว่าได้มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นแต่อย่างใด เพราะความอยุติธรรมได้เกิดขึ้นตั้งการแจ้งข้อกล่าวหาด้วยมาตรา 44 การออกหมายจับด้วยศาลทหาร การเข้าจับกุมโดยไม่แสดงตัวและหมายจับ และการฝากขังโดยไม่มีการสอบสวน จนทำให้ 14 นักศึกษา/นักกิจกรรม ต้องสูญเสียอิสรภาพถึง 12 วัน ทั้งนี้ยังคงมีเพื่อนของเราที่ยังมีอากาศบาดเจ็บจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
2.เราขอเรียกร้องและตรอกย้ำให้สาธารณชนได้ตระหนักว่า มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 เป็นสิ่งที่ไม่อาจเรียกว่ากฎหมายได้ ตรงกันข้ามกลับเป็นสิ่งที่ควบคุมและขัดขวางเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ที่ต้องการออกมาบอกกล่าวปัญหาต่างๆที่ตนเองได้รับ ดังเช่นเคยเกิดขึ้นในทุกๆรัฐบาลก่อนหน้านี้ เราจึงขอเชิญชวนให้สาธารณชนร่วมส่งเสียงประกาศก้องให้รัฐบาล คสช. ยกเลิกการใช้มาตรา 44 โดยเร็ว
3.การขับเคลื่อนกิจกรรมของขบวนการ ประชาธิปไตยใหม่ต่อจากนี้ เรายืนยันที่จะเคลื่อนไหวต่อไปในฐานะนักศึกษา นักกิจกรรม นักประชาธิปไตย ในการลงพื้นที่ศึกษาเรียนรู้ตลอดจนร่วมต่อสู้กับขบวนการชาวบ้าน ขบวนการประชาชนอื่นๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและในภูมิภาคต่างๆ และเราขอประกาศว่าเราพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกองค์ที่มีจุดยืนในการเรียกร้อง ประชาธิปไตย ตามหลักการ 5 ประการ คือ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม การมีส่วนร่วม และสันติวิธีต่อไป
เราคือเพื่อนกัน และจะร่วมกันก้าวเดินต่อไป
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่
9 ก.ค. 2558

ทหารเข้าพบอาจารย์ ‘มหิดล’ ขอทำอะไรให้แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน พร้อมถามจุดยืนเรื่อง รปห.


เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว เผยกับ ประชาไท มีทหารมาเข้าพูดคุยจริง ด้านเจ้าหน้าที่ ขอถ้าจะทำอะไรให้แจ้งก่อน และเข้าให้เข้าใจทหารด้วย พร้อมถามจุดยืนเรื่องรัฐประหาร และการเคลื่อนไหวของขบวนการประชาธิปไตยใหม่
9 ก.ค. 2558 เบญจรัตน์ แช่ฉั่ว อาจารย์ประจำสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยกับประชาไทยืนยันข่าวว่า มีทหาร 5 นายมาเข้าพบอาจารย์ประจำสถาบัน เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมาจริง 
โดยเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 5 นาย มาสอบถามถึง อาจารย์ประทับจิต นีละไพจิตร และได้พบกับ รศ.โคทม อารียา และอาจารย์ของสถาบันอีก 6 คน
ทั้งนี้มี ดร.เอกพันธุ์ ปิณฑวณิช ผู้อำนวยการสถาบันฯ ร่วมพูดคุยด้วย โดยใช้เวลาพูดคุยราว 1 ชั่วโมง  เนื้อหาหลักของการพูดคุยคือ เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือว่า ถ้าจะทำกิจกรรมอะไรขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทหารที่ดูแลพื้นที่ และขอให้เพลาเนื้อหาลง  พร้อมขอให้เข้าใจเจ้าหน้าที่ทหารในฐานะคนปฏิบัติหน้าที่ 
อย่างไรก็ตาม กลุ่มอาจารย์ของสถาบันฯ ชี้แจงว่าปกติก็แจ้งเรื่องกิจกรรมโดยโฆษณาต่อสาธารณะอยู่แล้วแต่หากเจ้าหน้าที่ทหารอยากจะให้ส่งจดหมายเชิญก็ได้ ทั้งนี้มีการสอบถามเรื่องจุดยืนเกี่ยวกับการรัฐประหารและการเคลื่อนไหวของนักศึกษา นักกิจกรรม ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งอาจารย์ที่เข้าร่วมประชุมก็ได้อธิบายโดยยืนยันหลักการว่าไม่เห็นด้วยด้วยกับรัฐประหาร และยืนยันว่าจะสนับสนุนกิจกรรมของนักศึกษาต่อไป

‘ม.สารคาม-ราชภัฎสารคาม’ ประกาศจุดยืน ไม่เห็นด้วยกับการต้าน คสช. ทุกกรณี


อาจารย์ ‘ม.สารคาม-ราชภัฎสารคาม’ นำทีมแถลงจุดยืน มหา’ลัย ประกาศไม่เห็นด้วยกับการต่อต้าน คสช. ทุกกรณี ย้ำตกดูสถานการณ์บ้านเมือง หากใครกระทำการต่อต้าน มหา’ลัย ไม่เกี่ยวข้อง
9 ก.ค. 2558 มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดมหาสารคาม อาจารย์ นิสิต และนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม กว่า 50 คน นำโดย ผศ.ดร.วิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผศ.สมาน ศรีสะอาด รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน และร่วมกันลงชื่อเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลยุติความเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้อยู่เบื้องหลัง
โดยทางมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ได้ประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. ในทุกกรณี รวมถึงกรณีก่อนหน้าที่มีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งต้องดูสถานการณ์ในปัจจุบันด้วยว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร อีกทั้ง 2 มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ได้ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนแล้วว่า จะไม่สนับสนุนบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล ซึ่งกลุ่มอาจารย์ หรือนิสิต  นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวก่อนหน้านั้น ทั้งทางสื่อสังคมออนไลน์  หรือในนามกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดก็ตาม  ถือเป็นการกระทำส่วนบุคคล ทางมหาวิทยาลัยจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น
รศ.ดร.สุทธิพงศ์ หกสุวรรณ อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า นักวิชาการ นักศึกษา ที่ออกมาเคลื่อนไหว ทางประชาธิปไตย ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ต้องดูด้วยว่าภาวะนี้เหมาะสมหรือไม่ หากใช้อุดมการณ์โดยบริสุทธิ์ใจคงไม่มีใครว่า นิสิต นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหว เชื่อว่าออกมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ต้องใช้ปัญญาในการรับฟัง และต้องดูด้วยว่าครูบาอาจารย์มีเบื้องหลังอย่างไร ใครก็รักประเทศชาติ
แต่การเคลื่อนไหวต่างๆ อาจถูกชักนำโดยครูอาจารย์ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ครูอาจารย์บางท่านมีเบื้องหลังผูกพันเกี่ยวกับนักการเมือง ผูกพันกับองค์การต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ไม่ว่ากลุ่มไหนมีความเกี่ยวข้องกันทั้งหมด กิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น แค่มองก็รู้แล้วว่าจัดขึ้นเพื่ออะไร จากนี้ไป 2 มหาวิทยาลัยจะทำหน้าที่กำกับดูแลกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย ไม่นิ่งเฉยเพิกเฉย บ้านเมืองก็จะสงบ ที่ผ่านมากลุ่มอาจารย์ที่มีความเห็นทางการเมืองคล้ายๆ กัน ออกมาเคลื่อนไหว ไม่อยากให้สื่อออกมาให้ความสำคัญมากนัก พยายามใช้ความเป็นกลางให้ข้อมูลอย่าโน้มน้าว เรื่องเล็กจะได้ไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่