ทหาร-ตร. เปิดปฏิบัติการ ‘ปากน้ำปลอดภัย ขจัดภัยผู้มีอิทธิพล’ตรวจค้น 13 จุด บ้าน 'ประชา-วรชัย' โดนด้วย จำเลยคดีผังราชภักดิ์-เสียดสีสุนัขทรงเลี้ยง ก็โดน พ่อเผยมียึดโน้ตบุ๊ก ‘วรชัย’ โวยถูกทหารงัดห้อง-รื้อข้าวของ-ถอดกล้องวงจรปิด ยันภาพอาวุธไม่ใช่ของตน 'สมบัติ ทองย้อย' ถูกยึดแม้กระทั่งบันทึกในคุกของนพเก้า ผู้ต้องหาทำเพจล้อประยุทธ์
12 พ.ค.2559 จากกรณีเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) สั่งการพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำกำลังตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง เปิดปฏิบัติการ ‘ปากน้ำปลอดภัย ขจัดภัยผู้มีอิทธิพล’ เข้าตรวจค้นปราบปรามผู้มีอิทธิพล อาวุธสงคราม ยาเสพติดในพื้นที่จ.สมุทรปราการและจ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 13 จุด ในอำเภอพระประแดง พระสมุทรเจดีย์ เมือง ปากพลี บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และอ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
โดยพื้นที่เป้าหมายใน จ.สมุทรปราการ รวมบ้านของ วรชัย เหมะ และประชา ประสพดี อดีต สส.พรรคเพื่อไทย ด้วย
โดย
คมชัดลึกออนไลน์ รายงานว่า จุดที่ 1 พบว่าเป็นพัก ประชา อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พบ ประชา แสดงตัวเป็นเจ้าบ้าน จากการตรวจค้นภายในบ้านพักและสามารถตรวจยึดอาวุธปืนได้ดังนี้ 1. ปืนกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ spp-11-042 b&t หมายเลขทะเบียน กท 5405747 จำนวน 1กระบอก 2. ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 7.65 m1122 ซีแซด หมายเลขทะเบียนปืน กท 55205483 จำนวน 2 กระบอก 3. ปืนออโตเมติก ขนาด 9 มม. ยี่ห้อซิก หมายเลขทะเบียน กท 3209704 จำนวน 1 กระบอก 4. ปืนออโตเมติกขนาด 9 มม. ยี่ห้อ hkหมายเลขทะเบียน กท 4095509 จำนวน 1 กระบอก 5. ปืนรีวอลเวอร์ ขนาด.38 ยี่ห้อโคลท์ ทะเบียน กท 2802583 จำนวน 1 กระบอก 6. ปืนลูกซอง 8 นัด ขนาด 12 หมายเลขทะเบียน กท 5057840 จำนวน 1 กระบอก 7.ปืนยาวไรเฟิล 10 นัด ทะเบียน ส4/667 จำนวน1กระบอก 8.ปืนยาวลูกกรด ขนาด.22 ยี่ห้อรูเกอร์ เลขทะเบียน กท 5450098 จำนวน 1 กระบอก 9.ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อซิกซาวเออร์ ทะเบียน กท 4602148 จำนวน 1 กระบอก 10.ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ก้อซิกซาวเออร์ ทะเบียน กท 4692148 จำนวน 1 กระบอก 11.วิทยุสื่อสาร ยี่ห้อ alinco dr-135 สีดำพร้อมเตรื่อวแปลงไฟฟ้า จำนวน 2 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไปทำการตรวจสอบ
‘วรชัย’ โวยถูกทหารงัดห้อง-รื้อข้าวของ-ถอดกล้องวงจรปิด ยันภาพอาวุธไม่ใช่ของตน
มติชนออนไลน์ รายงานว่า วรชัย กล่าวว่า เมื่อเวลา 06.00 น. ทหารได้บุกบ้านของตน ที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยไล่คนในบ้านออก ไม่ให้มีการถ่ายรูปใดๆ แล้วงัดห้องนอนของตน รื้อข้าวของภายในห้อง คาดว่าจะบุกมาจับตัว แต่บังเอิญตนและภรรยาไม่อยู่บ้าน ทั้งนี้จริงๆ จะพร้อมไปรายงานตัวที่ไหนก็ได้ขอให้นัดมาเลย อยู่ดีๆ จะมารวบตัวทำเหมือนตนเป็นโจรห้าร้อย ทำให้ประเทศล่มจม ฝากบอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ว่ามีอะไรให้ส่งคนมาคุยกับตนได้หรือเชิญไปที่ไหนก็ได้ การมีอำนาจต้องใช้ให้ถูก อย่าใช้เฉพาะกับคนเห็นต่าง หรือคนไม่มีอาวุธ จะทำให้คนรู้สึกไม่ดีกับรัฐบาล ซึ่งแค่พูดติติงบอกรัฐบาลไม่ได้ปลุกระดมเลย อะไรที่เห็นว่าไม่มีประโยชน์หรือประชาชนต้องการอะไรก็บอกผ่านสื่อไป ส่วนตัวไม่ได้โกรธ พล.อ.ประยุทธ์ แต่การเป็นคนสาธารณะ ก็ต้องให้คนพูดได้บ้าง
วรชัย กล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องภาพถ่ายอาวุธ ตนเห็นภาพแล้ว และยืนยันว่า อาวุธดังกล่าวไม่ใช่ของตนเอง และไม่ทราบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เนื่องจากตอนที่เจ้าหน้าที่ค้นบ้าน ตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน นอกจากนี้ ยังอาจมีเจตนายัดเยียดอาวุธดังกล่าวให้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ถอดกล้องวงวรปิดที่บ้านออกหมดและไล่คนในบ้านออกไปข้างนอกขณะทำการตรวจค้น
“ผมไม่ใช่คนมีอิทธิพล ผมทำมาค้าขาย ผมไม่เคยใช้อาวุธ อย่ามายัดเยียดให้ผม ชายชาติทหารเขาไม่ทำกันแบบนี้ผมไม่ใช่มาเฟียไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ” วรชัย กล่าว
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ผ่าน
เฟซบุ๊กส่วนตัวด้วยว่า อดีตส.ส.วรชัย เห็นภาพแล้ว ยืนยันว่า อาวุธดังกล่าวไม่ใช่ของตนเอง และไม่ทราบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เนื่องจากตอนที่เจ้าหน้าที่ค้นบ้าน ตนเองไม่ได้อยู่บ้าน อาจเจตนายัดเยียดอาวุธดังกล่าวให้ เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ได้ถอดกล้องวงวรปิดที่บ้านออกหมดและไล่คนในบ้านออกไปข้างนอกขณะทำการตรวจค้น
"ผมไม่ใช่คนมีอิทธิพล ผมทำมาค้าขาย ผมไม่เคยใช้อาวุธ อย่ามายัดเยียดให้ผม ชายชาติทหารเขาไม่ทำกันแบบนี้ ผมไม่ใช่มาเฟียไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ" วรชัย ฝากชี้แจง
จำเลยคดีผังราชภักดิ์-เสียดสีสุนัขทรงเลี้ยง โดนด้วย พ่อเผยมียึดโน้ตบุ๊ก
ขณะที่
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า บิดาของฐนกร ศิริไพบูลย์ จำเลยในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาตรา 116 และมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 ฐานโพสต์ภาพเสียดสีสุนัขทรงเลี้ยง กดไลค์ข้อความในสื่อออนไลน์ที่มีภาพหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ และเผยแพร่ภาพกราฟฟิค “เปิดปมทุจริตอุทยานราชภักดิ์” กล่าวกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า ในเช้าวันนี้เวลา 06.00 น. มีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 20 นาย นำโดยนายตำรวจยศพันตำรวจโทแสดงตัวและขออนุญาตตรวจค้นบ้านของเขาโดยไม่มีหมายค้นหรือเอกสารใด ๆ แต่อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ในการขออนุญาตเข้าตรวจค้นซึ่งเป็นบ้านที่นายฐนกรอาศัยอยู่ และตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการด้วย
บิดาของนายฐนกรกล่าวต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารให้เหตุผลในการรื้อค้นบ้านของเขาเพราะได้รับเบาะแสว่า มีวัตถุหรือสิ่งของที่ผิดกฎหมายจึงเข้ามาตรวจค้นบ้านทุกจุด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อีกทั้งยังตรวจสอบมือถือของเขาและยึดเอาโน้ตบุ๊กของ ฐนกร ไว้ไปตรวจสอบเพิ่มเติม และระบุว่าจะนำมาคืนหากไม่พบหลักฐานหรือเบาะแสที่ผิดกฎหมาย แล้วหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรื้อค้นบ้านเสร็จก็วิทยุแจ้งไปยังปลายทางว่า จากการรื้อค้นในบ้านหลังนี้ไม่พบวัตถุหรือสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ
“หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารตรวจค้นบ้านก็สอบถามข้อมูลหลายอย่างเช่น ทำอาชีพอะไร ซึ่งก็ตอบไปว่าตอนนี้เกษียณแล้ว และหลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจค้นข้อมูลในมือถือก็สอบถามว่า ในภาพคือนายฐนกรกำลังบวชอยู่ใช่หรือไม่ แล้วนายฐนกรบวชที่วัดใด ผมจึงบอกไปว่า ใช่ตอนนี้กำลังบวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ตรวจสอบพิกัดของวัดดังกล่าวว่า ตั้งอยู่ที่ไหน ตอนนี้จึงมีความเครียดและกังวลใจว่า เจ้าหน้าที่จะจับพระสึกและควบคุมตัวไว้” บิดาฐนกร กล่าว
ด้านน้องสาวของฐนกรซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยกล่าวว่า ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ในห้อง ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเปิดประตูเข้ามารื้อค้นภายในห้องของตัวเอง และสอบถามถึงนายฐนกรว่า ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน แล้วโน้ตบุ๊กของนายฐนกรที่เจ้าหน้าที่ยึดไปนั้น ก็เป็นโน้ตบุ๊กที่พี่ชายมอบไว้ให้ใช้ทำงาน ยืนยันว่าไม่มีข้อความหรือสิ่งใดๆ ที่ผิดกฎหมายอยู่ในนั้น จะมีก็เพียงเอกสารหรือรายงานที่ไว้ใช้สำหรับประกอบการหาความรู้และพิมพ์รายงานเท่านั้น
สมบัติ ทองย้อย โดนด้วย ถูกยึดแม้กระทั่งบันทึกในคุกของนพเก้า
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 8.57 น. สมบัติ ทองย้อย นักกิจกรรมเสื้อแดง โพสต์ผ่าน
เฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะและระบุสถานที่ว่าอยู่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ว่า "โดนทหารหิ้ว"
โดย
คมชัดลึกออนไลน์ รายงานด้วยว่า ต่อได้เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 8/320 หมู่ 13 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นจุดที่ 5 เจ้าหน้าที่ พบ สมบัติ แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นและสามารถยึดอาวุธปืนและวิทยุสื่อสารได้ดังนี้ 1. ปืน บีบีกัน ยี่ห้อ กล็อค จำนวน 1 กระบอก 2. ชุดแต่งปืน บีบีกันจำนวน 1 ชุด 3. ซองปืนพกใน สำหรับใส่ปืน .38 จำนวน 1 ซอง 4. ซองปืนพกนอก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 ซอง 5. บัตรประจำตัวการ์ด นปช. จำนวน 1 ใบ 6. แผ่น ซีดี เกี่ยวกับการชุมนุมของ นปช. จำนวน 4 แผ่น 7. วิทยุสื่อสาร ยี่ห้อ ยาอิสุ จำนวน 1 เครื่อง พร้อมแท่นชาร์ท
8. กล่องใส่เครื่องกระสุนปืน ขนาด 81 มม. จำนวน 1 กล่อง โดยอาวุธที่พบ หมายเลข 1 ถึงหมายเลข 8 ได้บริเวณชั้นบนของบ้าน 9. วิทยุสื่อสารติดรถยนต์ ยี่ห้อ ยาอิสุ จำนวน 1 เครื่อง ตรวจค้นและพบในรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน ภฐ 1642 กทม. 10. วิทยุสื่อสารแบบมือถือ ยี่ห้อ ยาอิสุ จำนวน 1 เครื่อง พบในรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน ภฐ 1642 กทม. 11. แผ่นซีดีเพลงเกี่ยวกับการชุมนุม จำนวน 8 แผ่น พบบริเวณชั้นเก็บของข้างบ้าน 12. สมุดจดบันทึกของ นพเก้า คงสุวรรณ ผู้ต้องหาซึ่งเป็นข้อความจดบันทึกในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ จำนวน 2 เล่ม ตรวจค้นพบที่บนโต๊ะ บริเวณภายในบ้านชั้นล่าง 13. ประกาศนียบัตรประชาธิปไตย เข้าร่วมเหตุการณ์รำลึกและไว้อาลัย ต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุม (เข้าร่วมเมื่อ 19 พ.ย.54 ) จำนวน 4 แผ่น 14. โทรศัพท์ ยี่ห้อโนเกีย สีแดง หมายเลขโทรศัพท์ 063 717 3940 จำนวน 1 เครื่อง พบในรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน ภฐ 1642 กทม. 15. โทรศัพท์ ยี่ห้อ ซัมซุง หมายเลขโทรศัพท์ 081 306 2500 และ 086 047 9900 วางอยู่บนโต๊ะ
สำหรับ สมบัติ นั้น ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2557 ได้เดินทางเข้าพบ ตำรวจ สน.บางนา เพื่อแจ้งความ กรณีพบข้อความกล่าวหาบนโลกออนไลน์กล่าวหาว่าเป็นคนร้ายที่ยิง สุทิน ธราทิน แกนนำ กปท. ซึ่งโดยสมบัติได้ระบุในครั้งนั้นว่า มาพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ืใจว่าไม่ได้เป็นคนร้ายยิง สุทิน โดยวันเกิดเหตุขับรถมาทำธุระ จนมาถึงจุดเกิดเหตุได้ลงไปดูสถานการณ์และเห็นผู้ชายที่ใส่เสื้อลายทหารมีทีท่าจะทำร้ายประชาชน จึงเข้าไปห้ามและแยกออกมาโดยที่ขณะนั้นสื่อมวลชนได้บันทึกภาพและกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายยิง สุทิน
นพเก้า แจงบันทึกที่ทหารยึดจากสมบัติไปเป็นของตนและนิยายของหฤษฎ์
ภายหลัง นพเก้า ได้โพสต์ชี้แจงกรณีสมุดบันทึกดังกล่าวที่ถูกยึดด้วยว่า จริงๆ สมุดบันทึกในรถของสมบัติ ทองย้อย (พี่หนุ่ม) ที่ตนลืมทิ้งไว้กับพี่หนุ่ม นั้น ตนลืมไว้ ในวันที่ศาลอนุญาติให้ตนได้รับการประกันตัว ซึ่ง เป็นของตนเล่มเดียว คือ "เล่มสีเหลือเท่านั้น" ซึ่งเป็นการเขียนบันทึกเหตุการณ์ในวันเวลาที่อยู่ในนั้น ในช่วงถูกจับกุม เขียนไปเพียงสองสามหน้ากระดาษแล้วก็หยุดเขียนไป เพราะไม่รู้จะเขียนอะไร
ส่วนเล่มสีชมพู เป็นของ หฤษฎ์ มหาทน (ผู้ต้องหาในคดีเดียวกันและคดี ม.112) ซึ่งมันเขียนนิยายของมันไปเรื่อยเปื่อยในเล่ม และตนก็ไม่ได้ละลาบละล้วงเปิดอ่าน ซึ่งไม่มีอะไรเป็นภัยต่อความมั่นคง และไม่มีเจตนาที่จะทำลายความมั่นคงของประเทศ หรือมีอิทธิพลใดๆ อยู่ในนั้น