ชัยชนะของคนเสื้อแดงอย่างคุณ คือ อะไร? | ||
| ||
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554
กรณี หมายจับแดง สะท้อน วิธีบริหาร จัดการ ท่วงทำนอง อภิสิทธิ์ | |
ไม่ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ว่า นายปณิธาน วัฒนายากร ไม่ว่า นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ยอมรับตรงกันในเรื่องหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำเรื่องเสนอต่อตำรวจสากล ยอมรับตรงกันว่า มีสาเหตุมาจากคดีก่อการร้ายเมื่อเดือนเมษายน 2552 ยอมรับตรงกันว่า เป็นข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษมีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีส่วนยุยงส่งเสริมให้เกิดการก่อกวนกระทั่งทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เมืองพัทยา จากการแถลงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คดีที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทำการในลักษณะก่อการร้ายนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและอัยการสูงสุด เพื่อส่งเรื่องออกหมายจับแจ้งไปยังสำนักงานใหญ่ องค์การตำรวจสากล ณ เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส เป็นการทำเรื่องภายหลังสถานการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2552 ไม่นานนัก เป็นการทำเรื่องเพื่อสกัดมิให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคลื่อนไหวในต่างประเทศอย่างราบรื่น จนถึงเดือนสิงหาคม 2554 สถานการณ์หมายจับแดง เรด โนติส ก็กลับตาลปัตร เป็นการกลับตาลปัตรซึ่งไม่เพียง นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจะแถลงว่า 1 "ตำรวจสากลไม่มีหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ต้น" ขณะเดียวกัน 1 "ตำรวจสากลไม่เคยเอาชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นในบัญชีรายชื่อผู้ที่ถูกจับตาเลย" เช่นเดียวกับ การตอกย้ำจาก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านมา ตำรวจสากลไม่เคยเอาชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปเสนอขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ถูกจับตามองเลย จึงไม่มีเรื่องหมายจับของตำรวจสากล" ข่าวที่ปรากฏในเรื่องการถอนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากหมายจับจึงเป็นข่าวคลาดเคลื่อน ความเข้าใจของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่สอดรับกับความเป็นจริง น่าเศร้าก็ตรงที่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำให้เกิดความเข้าใจในเรื่องหมายจับแดง เรด โนติส พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของตำรวจสากลตั้งแต่หลังสถานการณ์เดือนเมษายน 2552 ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่เคยปรากฏในความเป็นจริง น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นก็ตรงที่เมื่อมีข่าวมือลึกลับไป "ถอน" หมายจับแดงซึ่งอยู่ในบัญชีของอินเตอร์โพล ตำรวจสากล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้แสดงความกังขา เป็นความกังขาในลักษณะเดียวกันกับ นายปณิธาน วัฒนายากร อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เหมือนกับ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตเลขานุการรัฐมนตรีต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือการบริหารจัดการโดยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรื่องหมายจับแดงก็อีหรอบเดียวกับเรื่องโบอิ้ง 737 ซึ่งถูกอายัดและยึดที่สนามบินมิวนิก 1 เป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นในปี 2552 เหมือนกัน และ 1 เป็นเรื่องซึ่งคาราคาซังยืดเยื้ออย่างต่อเนื่องจากปี 2552 จนมาถึงหลังการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 สะท้อนการบริหารโดยไม่บริหารสไตล์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เด่นชัดยิ่ง | |
http://redusala.blogspot.com |
จิตวิปริต หลงผิด เสพติดอำนาจ ชาติหายนะ | |
โดย มหากมล ครรลองประชาธิปไตย ไม่เฉพาะคนไทยจิตใจปกติ ชาวนานาอารยประเทศก็ยังงง และประหลาดใจรูปสัตว์ที่มีคุณูปการต่อคน สังคม และสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง ทำเป็นเหมือนถูกจับให้ใส่เสื้อสีต่าง ๆ ผูกไท ติดป้าย โชว์ริมถนนที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในช่วงมีการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนไทยได้ใช้สิทธิของตนเลือกผู้แทนมาทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ด้านบริหาร ตามครรลองระบอบประชาธิปไตย ที่ทั่วโลกยอมรับกันว่าเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด ที่จะนำพาประเทศให้เกิดสันติสุข และนำความเจริญรุ่งเรืองและอยู่ดีกินดีมาให้ประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกผู้แทนของเขามาถ้าคิดว่าสัตว์เลวร้าย จิตใจคนยิ่งเลวร้ายกว่า นสพ.ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวว่า สังคมไทยควรเลิกใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์ในการดูถูกเหยียดหยาม สัตว์หลายชนิดที่ถูกนำมาเป็นตัวละครทางการเมืองไทย ล้วนเป็นสัตว์ที่มีคุณค่า และไม่ใช่ตัวแทนของสิ่งเลวร้าย เช่นตัวเงินตัวทอง ก็ช่วยรักษาระบบนิเวศวิทยา ควายก็ใช้ไถนา สุนัขใช้ให้เฝ้าบ้าน ลิงช่วยเก็บมะพร้าว เสือก็ช่วยรักษาความสมดุลของป่า อย่าเอาแต่สิ่งไม่ดีมาเปรียบเทียบเปรียบเปรยด่ากัน ควรเอาสิ่งที่ดีที่มีอยู่ออกมาพูดยกย่องบ้าง เชื่อว่าป้ายโหวตโนและป้ายหาเสียงของบางพรรคที่มีการนำสัตว์มาเป็นสัญลักษณ์จะไม่ได้ช่วยให้คนเลือกหรือไม่เลือกใคร ถ้าเอาหัวสุนัขมาใส่ให้คนดี เชื่อว่าคนก็จะเลือกเพราะความดีของคนคนนั้น ถ้าคิดว่าสัตว์เลวร้าย จิตใจคนยิ่งเลวร้ายกว่า และเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า บ้านเมืองไหนปฏิบัติต่อสัตว์อย่างไร คนก็จะเป็นแบบนั้น นี้คือคำพูดของคุณหมอที่มีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่มีเมตตาธรรม มองเห็นสรรพสัตว์เป็นเพื่อนร่วมโลกที่มีคุณค่า ไม่เหมือนกับกลุ่มคนจิตวิปริต หลงผิด บางกลุ่มแสดงออกให้เห็นถึงจิตใจที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ หลงผิดคิดไม่ชอบ ไม่เคารพกฎหมาย กลุ่มคนพวกนี้ไม่ใช่ผู้ปกครอง ผู้บริหารบ้านเมือง แต่สามารถชี้นำ มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไทย โดยใช้วิธีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบ ประเพณี ศีลธรรมอันดีงามของสังคมได้ แม้รัฐธรรมนูญที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า เป็นกฎหมายสูงสุด ก็ยังลุแก่อำนาจให้ฉีกทิ้งได้ ใช่! รู้แล้วใช่ไหม เจ้าพ่อสันติอโศก เป็นคนไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยของหมู่สงฆ์ บวชพระไม่พอใจฝ่ายธรรมยุตินิกาย ก็หนีมาพึ่งพระฝ่ายมหานิกาย อยู่ฝ่ายมหานิกายเห็นว่าตัวเองเลิศก็ตั้งตัวเป็นศาสดาเสียเอง สุดท้ายถูกศาลลงโทษ เฉไฉว่าได้ลาออกจากมหาเถรสมาคมแล้ว แค่นี้ก็บอกตัวตนโพธิรักษ์ได้ว่าเป็น คนหลงผิด ขณะนี้มีฐานะเรียกตัวเองว่าสมณะ แต่มีสิทธิเลือกตั้งได้ นี่คือตัวอย่างของคนจิตใจวิปริต หลงผิด ที่ทำให้บ้านเมือง ชาติ ศาสนา หายนะอยู่จนทุกวันนี้ ได้สาวกโรคจิตสุดยอดแห่งความวิปริต ใคร ๆ ที่ได้สัมผัสและติดตามพฤติกรรมของพลตรีจำลอง ศรีเมือง มหาสาวกคนสำคัญของโพธิรักษ์ จะสังเวชในพฤติกรรมผิดปกติ (Abnormal) ตามหลักจิตวิเคราะห์ ไม่ว่าสำนักของ ซิกมันด์ ฟรอย หรือใครก็ตาม ความผิดปกติของเขาคล้าย ๆ กับว่าจะเป็นคนมีธรรมะอยู่อย่างสงบ ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม ประเพณี เคารพกฎหมาย แต่ไม่ใช่ กลับเป็นคนอยากใหญ่ อยากมีอำนาจ ตั้งพรรคการเมือง ได้เป็นผู้ว่า กทม. มีตำแหน่งใหญ่โตทางการเมือง แต่เขาก็ยังไม่พอใจ เพราะจิตใจของเขาเต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา มานะทิฏฐิ อยากเป็นนายก หรือสูงกว่านั้น ทำทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม สามารถปิดถนนราชดำเนินได้ก็แล้วกัน ละเมิดกฎหมายจนชาชิน ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ แสดงว่าคน ๆ นี้ ชี้นำและมีอิทธิพลต่อมือที่มองไม่เห็นได้อย่างผิดปกติจริง ๆ คนที่ชอบเลี้ยงสุนัขหรือแกล้งสร้างภาพก็ไม่รู้ ทำไมจิตใจจึงไม่มีคุณธรรมของความเป็นผู้ใหญ่ คือ พรหมวิหาร 4 ตามหลักพุทธศาสนาเลย น่าอเนจอนาถใจ เขาคงจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ไปจนตาย เพราะเขา เข้าลักษณะเป็นคนโรคจิตครับ มหาสาวกอีกคนของโพธิรักษ์ คือ แป๊ะลิ้ม ไม่อยากจะบรรยาย เอาเป็นว่าบ้านเมืองไทยมีความ สับสน วุ่นวาย อยู่ขณะนี้ก็เพราะมีผู้ใหญ่ หลงผิด เสพติดอำนาจ ยัง คลั่งไคล้ หลงใหล เชื่อเขาอยู่ ตราบใดที่ผู้ใหญ่ในในบ้านเมืองยังรับเอาคนโรคจิตพวกนี้เป็นพันธมิตร ทำให้มีอิทธิพลต่อ ความคิด ความเชื่อของพวกเขาอยู่ ขอฟันธงได้เลยว่า คนบ้า โรคจิต หลงผิดเหล่านี้จะพาชาติบ้านเมืองไทยหายนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องได้ชดใช้กรรมแน่ มีนักวิเคราะห์การเมืองชาวตะวันตกท่านหนึ่งงุนงงสงสัยกับการล้มเหลวของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยที่ถอยหลังจนกลายเป็นเผด็จการสมบูรณ์แบบ เชื่อว่าประเทศที่ประชาชนได้รับการศึกษาสูงจำนวนมาก การปกครองระบอบประชาธิปไตยน่าจะพัฒนาไปได้ไกลและก้าวหน้ามากกว่านี้ โดยเฉพาะประเทศไทย ชนชั้นปกครอง พวกอำมาตย์ นักการเมือง นักธุรกิจ ล้วนมีการศึกษาสูง แต่ชอบระบอบเผด็จการ คำนึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว พวกพ้อง วงศ์ตระกูล เรียกได้ว่าเรียนสูงแต่ สติปัญญามืดบอดเพราะขาดคุณธรรม มีโมหะครอบงำจิตใจ ยากที่จะเห็นความจริงตามที่เป็นจริง ชาวบ้านการศึกษาไม่สูงแต่ตาสว่าง ไม่มีอวิชชาปิดบังตา มองเห็นรูปสัตว์ผูกเนคไทริมถนนจึงรู้สึกสังเวช สลดใจ คนระดับผู้นำ ผู้บริหารประเทศกับพวกพันธมิตรที่คิดว่า ประชาชนโง่เง่าเต่าตุ่น โปรดระวัง นอกจากพวกคุณไม่เห็นคุณค่าของคน ของสัตว์แล้ว ยังมีจิตวิปริต หลงผิด เสพติดอำนาจ จิตใจของพวกคุณยังถือได้ว่ามีจิตเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์อีก คงไม่นานเกินรอ กรรมที่พวกคุณกระทำให้แก่ประเทศชาติ ประชาชนอย่างเจ็บปวดเช่นนี้ พวกคุณจะต้องได้รับการชดใช้กรรมนั้นอย่างสาสมแน่นอน... | |
http://redusala.blogspot.com |
ระแวงกองทัพไม่ฟังเสียงรัฐบาล | |
รายงานพิเศษ ระแวงกองทัพไม่ฟังเสียงรัฐบาล 9-9-54 | |
http://redusala.blogspot.com |
ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง | |
ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง โดย...สอาด จันทร์ดี ขุนพลของพรรคเพื่อไทยมีหลายคน / ๑ ในจำนวนนั้น คือ พณฯร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง พณฯร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการปรบมือจากผู้รักประชาธิปไตยอย่างเต็มจิตเต็มใจ ไม่มีมือที่เสแสร้งแกล้งยกป้ายเชียร์ แต่เป็นกระแสศรัทธาที่เต็มเปี่ยมจากผู้รักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในการใช้ “จิตใต้สำนึกทุบผนังตึกเผด็จการ”โยกย้ายตัวหมากของพวกปฏิกิริยาอย่างไม่รั้งรอ เล่นเอาแผ่นกระดานหมากฮอสสั่นสะท้านตั้งแต่เหนือจรดใต้ ดูกะระ ดังได้ยินมา เสียงสรรเสริญจากคนเสื้อแดงกระหึ่ม ทว่า...เปล่า...ยังไม่พอ ..มันยังมีอีกหลายทะลอกที่จะต้องสำแดงต่อไป ประวัติของ พณฯ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตหัวหน้าพรรคมวลชน และ ส.ส.ฝั่งธนบุรีหลายสมัย เป็นขุนพลคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่เริ่มหาเสียงมาจน ถึงวันได้ชัยชนะ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนพ.ศ. 2490 จบการศึกษาทั้งระดับ ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก จาก คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยรับราชการตำรวจมีตำแหน่งเป็นสารวัตรกองปราบฯ ในการทำงานการเมืองเคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย และขณะที่กำกับดูแลหน่วยงานแห่งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม มีชื่อเรียกสั้น ๆ จากสื่อมวลชนว่า "เหลิม" หรือ "เหลิมดาวเทียม" เนื่องจากเป็นที่รับรู้กันดีในแวดวงสื่อมวลชนถึงการควบคุมการนำเสนอข่าวด้วยตนเองของ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งในบางครั้งถึงกับเข้าไปสั่งการในห้องตัดต่อเอง จนคนในช่อง 9 เรียกว่า "บรรณาธิการเฉลิม" สมรสกับ นางลำเนา อยู่บำรุง ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชน มีบุตรด้วยกันทั้งสิ้น 3 คน เป็นชายล้วนคือ นายอาจหาญ, นายวันเฉลิม และนายดวงเฉลิม อยู่บำรุง (ภายหลังนายวันเฉลิม และนายดวงเฉลิม เปลี่ยนชื่อเป็น นายวัน และนายดวง ตามลำดับ) ลูกชายทั้งสามก็ถูกเรียกกันทั่วไปว่า "ลูกเหลิม" พณฯ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง เป็นคุณพ่อที่รักลูกที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง กล่าวคือเมื่อลูกได้รับชะตากรรมอันจะเป็นเหตุให้ชีวิตทั้งชีวิตถูกสังคมครหาก็ได้สละตำแหน่งทางการเมือง กระโดดออกมาช่วยลูกแบบทุ่มสติปัญญาสุดตัว จนสามารถพิสูจน์กู้สถานการณ์ได้อันเป็นการสำแดง “จุดยืน” ที่เป็นต้นแบบของพ่อไทยที่ไม่ทอดทิ้งเลือดในอก เพียงเพราะเห็นแก่ตำแหน่งอันทรงเกียรติแห่งตน ปฏิบัติการของ “เฉลิม อยู่บำรุง” คือพ่อตัวอย่างโดยแท้ พณฯ เฉลิม มีน้องชายที่เล่นการเมืองท้องถิ่น เป็น ส.ก.หลายสมัยคือ นวรัตน์ อยู่บำรุง ส.ก.เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร พณฯร.ต.อ.เฉลิม เป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมืองที่โดดเด่นด้านการพูดและลีลาการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรที่สามารถโน้มน้าวใจให้ผู้ฟังเชื่อได้ และหลายครั้งมีการใช้คำพูดที่ฟังดูรุนแรง ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม เคยกล่าวถึงตัวเองไว้ว่า "ไปทะเลเจอฉลาม มาสภาเจอเฉลิม" ในช่วงที่ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวชนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้ให้ฉายาว่า "เป็ดเหลิม" ซึ่งเปรียบเทียบว่า ร.ต.อ.เฉลิมกับเป็ดทำหลายอย่างได้ แต่ไม่สามารถทำได้ดีสักอย่าง หรือเรียกว่า "ไอ้ปื้ด" ซึ่งเป็นบุคคลนิรนามที่มาจากคำกล่าวอ้างของเฉลิมเพื่อปัดคนทำผิดแทนลูกของเขา แต่ท้ายสุด สนธิ ลิ้มทองกุล ก็มิอาจเติมแต่งเรื่องราวให้เฉลิมบอบช้ำได้ ตรงข้าม ตัวของสนธิ ลิ้มทองกุล กลายเป็นหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งบนถนนนักเคลื่อนไหวนะซี มิใช่แต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เท่านั้นที่กลายเป็นหมาขี้เรื้อน แม้แต่คนงามๆในสังคมที่เคยโจมตีเฉลิมอย่างสาดเสียเทเสียก็พลอยเสียรังวัดไปตามนายสนธิ (ลิ้ม) จนกู่ไม่กลับไปด้วย พณฯ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง เริ่มต้นชีวิตทางการเมืองด้วยการเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในปี 2526 ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2529 ได้ก่อตั้ง พรรคมวลชน และดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค โดยมีฐานเสียงสำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งธนบุรี โดยเฉพาะเขตภาษีเจริญและเขตบางบอน ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม เป็น ส.ส. ผูกขาดในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เคยไม่ได้รับเลือกตั้งเพียงครั้งเดียว คือในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นครั้งแรก ร.ต.อ.เฉลิม เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุนหะวัณ มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแล องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) บทบาทของ ร.ต.อ.เฉลิม มีปัญหาขัดแย้งกับกลุ่มทหาร จนถูกนำมาเป็นเหตุผลประการหนึ่ง ในการทำ รัฐประหาร ปี พ.ศ. 2534 ของ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ภายหลังการรัฐประหารดังกล่าว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหนึ่งในนักการเมืองที่ถูกกล่าวหา และถูกยึดทรัพย์จำนวน 32 ล้านบาท และต้องขอลี้ภัยการเมืองไปต่างประเทศ โดยเดินทางไปพำนักอยู่ที่ประเทศสวีเดนและประเทศเดนมาร์ก ต่อมาเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ร.ต.อ.เฉลิม ได้กลับเข้าประเทศไทย และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา และต่อมา ในปี พ.ศ. 2540 ตัดสินใจยุบพรรคมวลชนรวมเข้ากับ พรรคความหวังใหม่ ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น หลังจากนั้นบทบาททางการเมืองของ ร.ต.อ.เฉลิม ก็เงียบหายไประยะหนึ่ง บทบาทการเป็นฝ่ายค้านของ ร.ต.อ.เฉลิม ในพรรคชาติไทย มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย เรื่อง สปก.4-01ซึ่งส่งผลให้ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ต้องตัดสินใจยุบสภาก่อนที่จะมีการลงมติไม่ไว้วางใจและเหตุการณ์ดังกล่าวยังถูกนำมาใช้อ้างอิงเพื่อโจมตีทางการเมืองต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ขึ้นชื่อว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงใน พ.ศ.นี้ คงยากที่จะหาคนไม่รู้จัก ยิ่งมาถึงยุครัฐบาล ฯพณฯ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของแผ่นดินสยาม นามของ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ยิ่งโดดเด่นงดงาม โดยเฉพาะได้แก่กลุ่มคนเสื้อแดงพากันเป็นมิตรกับเฉลิมอย่างท่วมท้น ส่วนในพ.ศ.ก่อนๆ จะรู้จักแบบไหนอย่างไร อาจจะแตกต่างกันออกไปตามภววิสัยในจุดยืนของกลุ่มที่ขัดแย้งที่แตกต่าง รวมทั้งมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ไม่เหมือนกัน กล่าวคือพวกที่เป็นอำมาตย์ใหญ่ก็จะประณามเฉลิมอย่างสาดเสียเทเสีย ยิ่งเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พากันถือว่า “เฉลิมคือตัวอันตราย” จึงได้โหมใส่ไข่ ใส่สีเพื่อจะทำให้เฉลิมได้รับความเสียหาย แอบกล่าวหาว่าเฉลิมเป็นคนไม่ดี พณฯ ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง เริ่มแสดงร่วมการมีอำนาจตั้งแต่เป็น สิบโทเฉลิมอยู่บำรุงเป็นสารวัตรทหารในหน่วยของ พ.อ.สาคร กิจวิริยะ (สห.มทบ. 11) ซึ่งเป็นนายทหารรุ่น จปร.7 รุ่นเดียวกับ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจรและพล.ต.จำลอง ศรีเมืองต่อมาได้ย้ายมาเป็นตำรวจจนได้รับยศร้อยตำรวจเอกเป็นตำรวจกองปราบมีชื่อดังจนเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หลายฉบับไม่ว่าการเข้าไปจัดการแหล่งบันเทิง ในโรงแรมแอมบาสซาเดอร์หรือเรื่องการจับเพชรที่เยาวราชที่คุณสอน สุขบรรจงอดีตประธานชมรมนักข่าวอาชญากรรมมีเครื่องช่วยจำให้น้องๆ นักข่าวรุ่นหลังได้รับรู้ซึ่งจัดการแบบไหน ในแต่ละเรื่องคนที่จดจำได้ดีต้องไปถาม พณฯร.ต.อ.เฉลิมแต่คนที่จดจำจนวันตายคือเจ้าของธุรกิจนั่นเอง พณฯ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุงมีคำพูดทีใช้อยู่ประจำคือคำว่า แอ๊คท์อาร์ต (Act art) ซึ่งคำว่า แอ๊คท์แปลว่า แสดง ส่วนอาร์ต แปลว่าศิลปะเมื่อมารวมกันก็เป็นศิลปะการแสดงหรือศิลปะการแสดง เมื่อรวมคำพูดแล้วเราก็จะเข้าใจความหมายโดยไม่ยาก พณฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงเป็นแบบอย่างที่ดีหลายอย่าง ที่คนเอาไปพูดต่อๆ ได้ว่า “นักการเมืองคนนี้ของจริงพูดคำไหนคำนั้น”และในวันนี้ยิ่งเห็นชัดมากขึ้น ฯพณฯ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง เป็นนักการเมืองที่ตะโกนเสียงดังว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีความผิดใดๆ แต่ต้องตกระกำลำบาก เพราะถูกอำนาจมืดเล่นงาน แล้วก็ประกาศเสมอว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเอาท่านทักษิณกลับประเทศไทย ประกาศแล้วประกาศอีก จะนำทักษิณ กลับประเทศไทย... ใช่แล้วครับ ขุนพลของพรรคเพื่อไทยมีหลายคน แต่อันดับที่ ๑ คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับ “รองนายกรัฐมนตรี” รับผิดชอบตำรวจทั่วประเทศ และยังเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อีกด้วย พีเพิ่ล แชนเนิ่ล ออนไลน์ อยากส่งถ้อยคำหลายทะลอกไปสู่พวกปฏิกิริยาให้ได้ร่วมรับรู้ว่างานการ เมืองที่เฉลิมกำลังปฏิบัติการอยู่ในขณะนี้ มิใช่การล้างแค้นอย่างแน่นอน แต่เป็นการ “ปรับเปลี่ยน” ตัวหมากที่วิ่งอยู่บนกระดาน ที่ขัดขวางการพัฒนาประเทศ ด้วยการหยิบเอาบุคลากรที่พรรคเพื่อไทยสามารถสบายใจได้ เอามาเสริมการทำงาน เพื่อความมุ่งหวังที่จะยกระดับประเทศไทยของเราให้ก้าวพ้นวิบากกรรมอันโสมมให้ได้ ดังที่กำลังดำเนินการอยู่ในห้วงเวลานี้ จะปรับเปลี่ยนได้ก็ต้องย้ายตัวขวางให้พ้นทาง ทั้งนี้โปรดอย่าลืมว่าช่วงเวลา ๕ ปีผ่าน...ประเทศของเราได้ถูกพวกปฏิกิริยาทำลายกระบวนการสร้างชาติแทบจะย่อยยับ จนเป็นเหตุให้คนไทยแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายแทบว่าจะเป็นไทยเหนือไทยใต้ ถ้าไม่มีการแก้ไข คงไม่พ้นจะเกิดสงครามร้ายแรงเหมือนลิเบีย พวกปฏิกิริยาคงไม่เชื่อ...เพราะพวกเขาดักดานหลายทะลอกเหลือเกิน? การโยกย้าย พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็น ๑ ในกลยุทธ์ขั้นต้น การสั่งให้โยกเก้าอี้ “ถวิล เปลี่ยนสี” เป็นอีกกลยุทธ์อย่างไม่มีทางเลี่ยง กรณีของ “ถวิล” ที่ถวิลหาความเป็นธรรม ประกาศจะฟ้องนายกรัฐมนตรีนั้น ชาวบ้านเขาถามกลับไปยังคุณถวิล เปลี่ยนสีว่า ในวันเวลาที่คุณนั่งเป็นใหญ่ในหอคอยงาช้าง คุณเห็นเขาไล่ฆ่าคนเสื้อแดเต็มตาทั้งสองข้าง ตาคุณบอดหรืออย่างไร จึงไม่ยอมประกาศห้ามทหารว่าอย่าฆ่าคนในชาติเดียวกัน ถวิลเอ๋ย ? โทษของคุณมันหนักสาหัสสากรรจ์เกินกว่าจะบรรยาย ที่คุณลืมความเมตตา ลืมความกรุณาและลืมความรู้สึกว่า คนที่เขาถูกฆ่าตาย เขาย่อมจะมีความวิปโยคแสนสาหัส คุณไม่ได้ตายด้วย..คุณไม่มีวันรู้ เพราะจิตของคุณมันหยาบกระด้าง ไร้ความสงสาร ใจของคุณไม่แตกต่างจากหัวใจของ “หมาใน” ที่ไล่ล่าเนื้ออยู่กลางป่า ใช่...คุณอาจจะชนะคดีการพิทักษ์คุณธรรมให้แก่ข้าราชการของแผ่นดินสยาม ถ้าคณะผู้พิจารณาคดีนี้ ยกย่องคุณ...ก็จงเป็นชัยชนะของคุณไปเถิด แต่บนความจริงก็คือ มีคนถูกฆ่าตายเหมือนแมวข้างกำแพงวัด และคนที่ตายเหล่านั้นล้วนแล้วแต่มือเปล่า ไม่มีอาวุธที่จะยิงสู้กับสัตว์นรก....แล้วจะให้เขาตายฟรี พร้อมกับเป็นบันไดให้คุณได้ไต่เต้าขึ้นไปเป็นมหาเสนาบดีอย่างนั้นหรือ ?! เราจึงยกย่อง พณฯ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ที่กล้าหาญสับเปลี่ยนอย่างไม่หวาดวิตก ! สอาด จันทร์ดี ๙ กันยาน ๒๕๕๔ | |
http://redusala.blogspot.com |
สุนัย จัดหนัก TPBS ประชุมสภา 08-9-54* | |
สุนัย จัดหนัก TPBS ประชุมสภา 08-9-54 เป็นการอภิปรายของดร.สุนัย จุลพงศธร ได้อภิปรายในเรื่องผลประโยชน์ของพวกทะเอี้ยที่แฝงเข้ามาเป็นกรรมการกสทช.เพราะกิจการวิทยุกระจายเสียงส่วนใหญ่จะเป็นคลื่นความถี่ของพวกทะเอี้ยทั้ง บก เรือ อากาศ กองบัญชาการทหารสูงสุดและตำรวจ ส่วนสถานีวิทยุโทรทัศน์ก็ตกอยู่กับกองทัพบกถึงสองช่องคือ 5 และ 7 นอกนั้นก็เป็นของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ส่วนเรื่อง TPBS ของคนหัวโล้นแห่งเนชั่ว จากการเป็นที่เจ้าของเดิม ITV และล้มไม่เป็นท่าไปแล้วในสมัยชวนปี่กอเป็นรัฐบาล ได้กลับฟื้นคืนชีพมาด้วยการเกาะสายพานล้อรถถังเข้ามา สด๊วบ จ๊วบจ๊วบ จนกลายมาเป็น TPBS แล้วอย่างนี้ยังจะมาหาว่ารัฐบาลสมัยหนึ่งเป็นเผด็จการรัฐสภา แล้วพวกทะเอี้ยที่นั่งสลอนอยู่ในสภานี้เคยใช้อำนาจด้วยปลายกระบอกปืนและรถถัง บดขยี้ระบอบประชาธิปไตยหลุดจากมือของประชาชนไปอย่างไม่อนาทรร้อนใจ อย่างนี้ไม่เคยเห็นเรียกว่าเผด็จการเลยสักนิดเดียว | |
http://redusala.blogspot.com |
อายุรัฐบาลยิ่งลักษณ์สั้น-ยาวอยู่ที่‘ทักษิณ’ | ||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||
http://redusala.blogspot.com |
‘เสื้อแดง’ก้าวข้ามชนชั้นไม่ใช่แค่‘คนชั้นกลางระดับล่าง’ | |||||||||||||
| |||||||||||||
http://redusala.blogspot.com |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)