วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ศาลพิเศษกัมพูชาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 2 อดีตผู้นำเขมรแดง



7 ส.ค.2557 ศาลพิเศษคดีอาชญากรสงคราม กรุงพนมเปญ กัมพูชา ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต นวน เจีย วัย 88 ปี และ เขียว สัมพัน วัย 83 ปี อดีตผู้นำเขมรแดง ในความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชาอย่างน้อย 1.7 ล้านรายในช่วงปี 2518-2522 ในยุคเขมรแดงเรืองอำนาจ

สำหรับ นวน เจีย เป็นอดีตผู้นำอันดับสองรองจาก พล พต ผู้นำเขมรแดง ส่วน เขียว สัมพัน เป็นอดีตประมุขแห่งรัฐของกัมพูชาขณะอยู่ภายใต้การปกครองของเขมรแดง โดยเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจระดับสูงของเขมรแดง รองจากพล พต เช่นกัน
นิล นอน ผู้พิพากษา ระบุว่า พวกเขามีความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ประหัตประหารทางการเมือง และการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอื่นๆ ประกอบด้วยการบังคับให้ย้ายถิ่น การบังคับให้หายสาบสูญ และโจมตีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ด้านทนายความของทั้งสองระบุว่า พวกเขาจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษานี้

องค์กรสิทธิยินดีคำพิพากษา หยุดวัฒนธรรมปล่อยคนผิดลอยนวล
รูเปิร์ต แอบบ็อต (Rupert Abbott) รองผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า คำพิพากษาที่รอคอยกันมานานนับเป็นขั้นตอนสำคัญ ในการผดุงความยุติธรรมให้กับเหยื่อในยุคเขมรแดง และเน้นให้เห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาการลอยนวลพ้นผิด
              
“แต่กรณีที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธไม่ยอมมาให้การ รวมทั้งข้อกล่าวหาว่ามีการแทรกแซงทางการเมืองในคดีอื่นๆ ของศาลพิเศษกัมพูชา เป็นปัญหาสำคัญ และทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นธรรมของขั้นตอนปฏิบัติ และการเคารพสิทธิของผู้เสียหายที่จะได้รับฟังความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับอาชญากรรมตามข้อกล่าวหา”
          
“การไต่สวนคดีอย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพถือเป็นเรื่องสำคัญมาก หากศาลพิเศษกัมพูชาต้องการทิ้งมรดกที่ส่งผลระยะยาวในแง่การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบยุติธรรมที่กำลังง่อนแง่นของกัมพูชา อีกทั้งเพื่อสนับสนุนความพยายามในการยุติวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดที่ยังฝังรากลึกอยู่”
“ศาลพิเศษกัมพูชาต้องไต่สวนคดีทั้งหมดให้เสร็จสิ้นในเวลาอันเหมาะสมและด้วยความเป็นธรรม ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับความสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลกัมพูชาและประชาคมระหว่างประเทศ”
              
“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยินดีกับคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งกำหนดให้มีการเยียวยา 11 โครงการสำหรับผู้เสียหาย และเรียกร้องให้มีการปฏิบัติตามอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี รัฐบาลกัมพูชายังมีภารกิจอีกมากที่ต้องทำเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหยื่อทั้งหมด”

ที่มา
Top Khmer Rouge leaders guilty of crimes against humanity
http://www.bbc.com/news/world-asia-28670568
แถลงการณ์แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล

ตร.คุมตัว'แดง ชินจัง'ทำแผน หลังถูกคุมตัวโดยไม่ทราบสถานที่เป็นเวลา 10วัน


ผู้จัดการออนไลน์  รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2557 เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ควบคุมตัว นายยงยุทธ บุญดี หรือเป็นที่รู้จักในนาม  แดง ชินจัง อายุ 26 ปี ผู้ต้องหายิงเอ็ม 79 ใส่อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 ถ.วิภาวดีรังสิตขาเข้า แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2557 มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยในวันเกิดเหตุ นายยงยุทธ พร้อมพวกได้ขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว มาจากถนนหอวัง มุ่งหน้าถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนมาจอดรถชิดตรงเกาะกลาง จากนั้นนายยงยุทธซึ่งนั่งมาที่บริเวณเบาะหลังด้านขวา ได้ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 ยิงใส่อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 ก่อนหลบหนีไป
      
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายยงยุทธ ถูกจับตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่ 299/2557 ลงวันที่ 18 ก.ค. 2557 ในคดีร่วมกับพวกยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 ใส่อาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ถ.สนามบินน้ำ และถูกทหารควบคุมตัวได้ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยจากการสอบสวนขยายผลนายยงยุทธ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ที่ลงมือคดียิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 ใส่อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 ซึ่งเป็นเพียงจุดเดียวที่ได้ลงมือเอง ส่วนจุดอื่นนายยงยุทธ แค่มีส่วนรู้เห็นเท่านั้น ไปร่วมตั้งวงดื่มสุราก่อนลงมือก่อเหตุ ซึ่งในวันนี้ตำรวจจะนำตัวนายยงยุทธไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดอื่นๆ อีก 4 จุด ได้แก่ ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นจุดที่ นายยงยุทธ สารภาพว่าได้ร่วมกับพวกยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 ใส่เวที กปปส. แจ้งวัฒนะ ยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 ใส่บริเวณใกล้ห้างโลตัส สาขาแจ้งวัฒนะ และสำนักงาน ป.ป.ช. ถ.สนามบินน้ำ อีก 2 จุด




      
สำหรับกรณี น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือเปิ้ล อายุ 27 ปี ผู้มีข่าวในเรื่องการถูกควบคุมตัวเกินกว่ากฎหมายอนญาต พล.ต.อ.สมยศ เชื่อว่า น.ส.กริชสุดา ได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้ว กระบวนการต่อจากนี้ก็คือ เมื่อศาลอนุมัติหมายจับแล้ว ตำรวจก็จะให้กองการต่างประเทศ แปลหมายจับเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการยื่นเรื่องส่งตัว น.ส.กริชสุดา มาดำเนินคดีในประเทศไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน หากในกรณีประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน กระทรวงการต่างประเทศสามารถใช้ช่องทางความสัมพันธ์ทางการทูตในการขอให้ส่งตัวมาดำเนินคดีได้




ผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุบึ้มป่วนเมือง 11 คดี














 



รอง ผบ.ตร.ระบุว่าสำหรับคดีอาวุธสงครามในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหา 29 คน ส่วนใหญ่สามารถจับกุมได้แล้ว เหลือเพียง 7 - 8 คน ที่ยังจับกุมไม่ได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมี น.ส.กริชสุดา รวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ส่วนใหญ่มีความเชื่อมโยง เป็นขบวนการเดียวกัน เพียงแต่ใครจะทำหน้าที่อะไรเท่านั้น อย่างกรณีของนายยงยุทธ ได้ให้การว่ารู้จักกับ น.ส.กริชสุดา พบในพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ยืนยันว่าไม่ได้รับอาวุธมาจาก น.ส.กริชสุดา แต่อย่างใด


หมายเหตุ:  ยงยุทธ บุญดี หรือ แดง ชินจัง ถูกจับกุมตัวเมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2557 เวลา 21.30 น.หน้าร้าน 7-11 ตีนดอยสุเทพ ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เขาได้ถูกนำตัวมาแถลงข่าวที่กองปราบฯ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 หลังจากนั้น ยงยุทธ ได้หายตัวออกไปจากการรับรู้ของสาธารณะ 4 กรกฎาคม มารดาของยงยุทธได้เดินทางไปติดตามตัวที่กองปราบแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ  8 สิงหาคม 2557 พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ติดต่อกับ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมกุล ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อสอบถามถึงการควบคุมตัวนายยงยุทธ เนื่องจากเกินกำหนดเวลา 7 วันนับตั้งแต่มีการแถลงข่าวการจับกุม นายทหารพระธรรมนูญที่เข้าร่วมการพูดคุยได้แสดงเอกสารลงลายมือชื่อนายยงยุทธ ระบุว่า สมัครขอใจอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ทหารต่อ

อนึ่งในคำสั่งคณะรัฐประหาร คสช.61/2557 เรียกบุคคลเข้ารายงานตัว ได้มีรายชื่อของ ยงยุทธ บุญดี อยู่ในรายชื่อดังกล่าวด้วย