9 มิ.ย.2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศฉบับที่ 57/2557 เรื่องให้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ฉบับที่ 57/2557
เรื่อง ให้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป
ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เรื่องการสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น แต่โดยที่ประกาศดังกล่าวกำหนดให้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญบางหมวดยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปโดยเฉพาะการกำหนดให้ศาลทั้งหลายคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมายและประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและให้องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร พุทธศักราช 2550 ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป นอกจากนั้นประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 24/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ต่อไป ก็มิได้ยกเลิกหรือสั่งให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใดสิ้นสุดลง นอกจากกำหนดให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 5 ฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้เพื่อให้ศาล องคฺกรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญนั้นสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและเป็นธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงเห็นเป็นการสมควรกำหนดเพิ่มเติมให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับยังคงมีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปดังต่อไปนี้
- 1.ให้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ส.2550 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปโดยมิได้สะดุดลงจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก แต่ให้งดเว้นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้งและการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาไว้เป็นการชั่วคราวก่อน
ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจกำหนดหรือขยายระยะเวลาในการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในการเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไปพ.ศ.2557 ได้ตามที่เห็นสมควร
- 2.ให้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปโดยมิได้สะดุดลงจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ห้ามมิให้พรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วดำเนินการประชุมหรือดำเนินกิจการใดๆในทางการเมืองและการดำเนินการเพื่อการจัดตั้งหรือจดทะเบียนพรรคการเมืองให้ระงับไว้เป็นการชั่วคราวรวมทั้งให้ระงับการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมืองของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไว้เป็นการชั่วคราวด้วยในกรณีมีข้อสงสัยให้หารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง
- 3.ให้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปโดยมิได้สะดุดลงจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก
- 4.บรรดาคำร้องสำนวนอรรถคดี หรือการใดที่ดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญข้อ 1,2,3 ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของ กกต. นายทะเบียนพรรคการเมือง หรือศาลก่อนวันที่ 22 พ.ค. 2557 ให้ยังมีอำนาจดำเนินการพิจารณาและวินิจฉัยต่อไป
- 5.ให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งนี้วิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากำหนด โดยต้องใช้ระบบไต่สวนและเป็นไปโดยรวดเร็ว
ในกรณีที่กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งแล้วถ้ากกต.เห็นควรให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2557
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ฉบับที่ 58/2557
เรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น
ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/ 2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เรื่องการสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น เพื่อให้การพิจารณาและวินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่นของศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
- ข้อ1 ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 53/2557 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 เรื่องการพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น
- ข้อ2 ในกรณีที่ได้มีประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นแล้ว และศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาคได้รับคำร้องของคณะกรรมการเลือกตั้ง เพื่อขอให้วินิจฉัยว่าควรให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้ใดให้ศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาคซึ่งมีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ส.2550 ยังคงมีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีเรื่องนั้นต่อไปเช่นเดิม ทั้งนี้วิธีพิจารณาคดีและวินิจฉัยคดีดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลืกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2550
- ข้อ3 เมื่อศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาคได้รับคำร้องของคณะกรรมการเลือกตั้งตามข้อสองแล้ว สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นนั้นจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้ จนกว่าศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาคจะมีคำสั่งยกคำร้อง แต่หากศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาคมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งใด หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้ใดให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่นในเขตเลือกตั้งนั้นสิ้นสุดลง และให้คำสั่งของศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาคเป็นที่สุด
- ข้อ4 ในกรณีที่สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้ใดปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้ มิให้นับบุคคลดังกล่าวเข้าในจำนวนรวมของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภาท้องถิ่นหรือคณะผู้บริหารท้องถิ่น
- ข้อ5 ให้ยกเลิกความในข้อ 3 แห่งประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 32 ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2549 เรื่องอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ในการเลือกตั้วสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ส.2545 คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องประกาศผลการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งต้งไม่เกิน 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
ทั้งนี้ข้อ 1 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2557 ส่วนข้อ2 ข้อ 3 ข้อ4 และข้อ5 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป
ประกาศ ณวันที่ 6 มิถุนายน 2557
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ