สุเทพ เทือกสุบรรณ นัด 9 ธ.ค. เคลื่อนขบวนทุกจุดมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล 'เป่านกหวีดครั้งสุดท้าย' ขอวัดใจประชาชนไทยและกองทัพ ใครไม่ต้องการร่วมต่อสู้ขอให้นอนอยู่บ้าน จะเดินขบวนบนถนนทุกสาย และถ้าจะต้องปิดไปทั้งเมืองก็ช่วยไม่ได้ หากแพ้ 9 แกนนำจะยอมรับโทษ
6 ธ.ค. 56 - ตามที่ในช่วงบ่ายวันนี้ (6 ธ.ค.) สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้โพสต์ในเฟซบุ๊คแฟนเพจของเขานัดหมายผู้ชุมนุมว่า "เย็นนี้ผมจะนัดหมาย กำหนดการ ปฎิบัติการทวงคืนประเทศไทย ครั้งนี้เราจะทำกันอย่างเข้มแข็ง เต็มกำลัง แต่ยังคงยึดหลักสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธครับ ขอให้ค่อยรับฟังกันครับ" นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.30 น. ที่เวทีชุมนุมศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ สุเทพได้ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งสุเทพ ได้ประกาศแนวทางการต่อสู้ว่า "ได้ตัดสินใจแล้วครับ เราเดินทางมาอย่างนี้ สู้มาอย่างนี้ เราตั้งใจของเราแน่วแน่ ทำในสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง วิธีการของเราบริสุทธิ์ ยึดแนวอหิงสา สันติ ไม่มีอาวุธ ไม่รุนแรง แต่เราก็ไม่สามารถทนเห็นญาติพี่น้องของเราบาดเจ็บ ถูกยิง ถูกขว้างระเบิด ถูกแก๊สน้ำตา การต่อสู้ที่ทำด้วยวิธีการสันติ ไม่รุนแรง ไม่มีอาวุธสำคัญข้อเดียวคือ จำนวนคนต้องมากมายมหาศาลถึงจะชนะเขาได้ ไม่อย่างนั้นชนะไม่ได้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. พี่น้องประชาชนแสดงพลังกันเป็นล้านคน ท่านก็เห็นครับว่ามีพี่น้องประชาชนนับล้านคน ที่ต้องการทวงอำนาจคืน ไม่ต้องการให้พวกโจรเอาอำนาจไปใช้ในทางที่ผิด ไปฉ้อโกงคอร์รัปชั่นจนวิบัติ ออกมาแสดงตนด้วยความกล้าหาญนับล้านคน แต่พวกมันกอดอำนาจแน่น นี่คือความหน้าด้านของมัน"
"วันที่พวกผมตัดสินใจลาออกจาก ส.ส. เพื่อมาร่วมกับพี่น้องทั้งหลาย เพราะพวกเราได้สัมผัสกับพี่น้อง ได้หยั่งรู้ถึงความคิดจิตใจของพี่น้องว่าพี่น้องทนเจ็บปวดขมขื่นกับระบอบทักษิณมาสิบกว่าปีแล้ว เห็นชาติวิบัติย่อยยับลงต่อหน้าต่อตา ทนไม่ได้แล้ว อยากขึ้นมาต่อสู้ เพียงแต่ยังไม่มีใครมาเป็นตัวตั้งตัวตีจัดการ พวกผมทั้ง 9 คนจึงตัดสินใจลาออกจากผู้แทนราษฎรมาร่วมต่อสู้กับพี่น้อง และทำให้องค์กรเครือข่ายประชาชนอื่นๆ ที่สู้อยู่ก่อนมีกำลังใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) กองทัพธรรม นักธุรกิจสีลม นักธุรกิจเพื่อสังคม เมื่อเห็นพวกเราสู้กันปึกแผ่น ทุกฝ่ายจึงมาร่วมกันเป็น กปปส. เป็นรูปร่าง เป็นขบวนการ ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย"
สุเทพกล่าวว่า "ในชีวิตพวกเราทุกคนไม่เคยเห็นปรากฏการณ์นี้มาก่อน ไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์ที่จะมีคนไทยลุกขึ้นมาต่อสู้ปกป้องชาติ เหมือนกับที่พี่น้องมาต่อสู้ครั้งนี้ นี่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ หลายคนพูดว่า 'กำนันสุเทพ ถ้าทำไม่สำเร็จจะน่าเสียดายมาก เพราะว่าทำให้เสียของ คนอุตส่าห์มาเป็นล้านๆ แล้วไม่สามารถทำให้ชนะได้' พี่น้องครับ พวกผมไม่ใช่พวกเพ้อเจ้อ เป็นพวกที่เคารพความเป็นจริง ผมกราบเรียนพี่น้องว่า ชีวิตพวกเราทุกคน วางเป็นเดิมพัน ทุุ่มเทหมดหน้าตัดในการต่อสู้ครั้งนี้ พี่น้องประจักษ์ชัดว่าพวกผมทุ่มจริงๆ และเคียงข้างพี่น้องตลอด ไม่คิดเป็นห่วงอนาคตตัวเอง ประกาศชัดว่าสู้ครั้งเดียว แพ้ชนะต้องยอมรับ แต่จะสู้สุดกำลัง ทำเต็มที่ ทุ่มเททุกอย่างความพยายามเป็นเรื่องของมนุษย์ ความสำเร็จเป็นเรื่องของฟ้าดิน แต่จะไม่ละความพยายามเด็ดขาด"
"แต่ผมกราบเรียนตามความเป็นจริง ถ้าพี่น้องประชาชนมีจำนวนเพียงแค่นี้ แม้จะมีหัวใจห้าวหาญอย่างไร กอดคอเหนียวแน่นอย่างไร สู้ต่อไปด้วยความมั่นคงอย่างไร จะต้องมีคนเจ็บ คนตาย เพราะไอ้พวกผู้ร้าย โจรห้าร้อยไม่เคยปราณีประชาชน มันถึงทำกับนักศึกษารามคำแหง คอกวัว กระทรวงการคลัง และจะทำต่อในวันข้างหน้า"
"ผมรู้ว่าพี่น้องก้าวพ้นความกลัวแล้ว ไม่กลัวมัน ผมก็ไม่กลัวมัน ผมยินดีที่จะสู้จนตาย แต่ชัยชนะของเรามันไม่ได้วัดที่จำนวนคนเจ็บ ที่คนตาย มันวัดที่จำนวนคนที่ลุกขึ้นมากอดคอต่อสู้ ผมถึงบอกว่าการต่อสู้เรื่องนี้ต้องกำหนดวันจบได้แล้ว และผมกำหนดแล้ว"
"วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม เรื่องนี้ต้องจบครับพี่น้อง" สุเทพกล่าว โดยผู้ชุมนุมได้โห่ร้องอย่างฮึกเหิม
สุเทพกล่าวต่อว่า "ไม่มีประโยชน์ที่เราจะต่อสู้ยืดเยื้อถึงปี 2557, 2558 เราต้องกลับไปทำมาหากิน รัฐบาลเขาก็รู้ เขาถึงใช้เล่ห์เหลี่ยม ต่อรองกับเรา ตั้งใจซื้อเวลาให้เราหมดแรง ให้เราเบื่อไปเอง กูก็รู้เท่ามึง ในขณะเดียวกัน มีพี่้้น้องประชาชนจำนวนมาก ไม่อยากเห็นความรุนแรง อยากเห็นบ้านเมืองสงบ จะเป็นขี้ข้าทั้งชาติได้ไม่เป็นไร มีพี่น้องไม่อยากตากแดด ถูกฝน นอนเชียร์ในหน้าจอที่บ้าน แล้วจะให้แนวหน้าตรากตรำทั้งปีทั้งชาติ ก็เป็นหวัดหมดแล้ว โดนแก๊สหมดแล้ว ผมถึงบอกว่า ไม่ต้องยืดเยื้อ ไม่ต้องให้ยาวนานกว่านี้ เอาให้จบเลยดีกว่า ประกาศไปเลยคราวหน้า จะเป็นจะตาย จะแพ้จะชนะ ให้รู้กันวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคมนี้"
"คณะกรรมการ กปปส. ทุกคน แกนนำทุกคน ทุกเครือข่าย ปรึกษากันเรียบร้อยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ประกาศกับพี่น้องว่า วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคมต้องทำให้การต่อสู้คราวนี้จบลงให้ได้ ต่อสู้จนมันต้องยอมแพ้จริง ๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้น ทุกคนในประเทศไทยต้องตัดสินใจเลือกข้าง เกิดมาจนป่านนี้ ต้องตัดสินใจให้เลือกข้าง ถ้าตัดสินใจเป็นเสรีชน ปกปักรักษาบ้านเมือง รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ต้องออกมา" หลังจากนั้น ผู้ชุมนุมตะโกนว่า "ออกมา ออกมา ออกมา" อย่างกึกก้อง
สุเทพปราศรัยว่า "แต่ถ้าทำใจได้ว่าชาตินี้ ชาตินี้จะยอมตัวเป็นขี้ข้าระบอบทักษิณก็นอนเสพสุขที่บ้าน ไม่ต้องมา ไม่เสียใจกัน ไม่โกรธเคืองกัน ไม่ต้องฆ่ากัน ถ้าพวกคุณยอมออกมา เพราะคุณเลือกข้างถูก เลือกข้างประเทศไทย เลือกข้างประชาชนส่วนใหญ่ เลือกลูกหลาน เราชนะโดยไม่มีคนเจ็บ คนตาย เราชนะตลอดไป"
เลขาธิการ กปปส. ยังเชิญชวนให้ข้าราชการว่า "ถ้าเห็นแก่อนาคตของประเทศไทย เห็นแก่อนาคตลูกหลานเรา หยุดทำงานไม่ต้องไปทำงาน ให้มาร่วมกับประชาชน" สุเทพระบุว่าได้ข่าวว่ารัฐบาลจะเกณฑ์ข้าราชการแต่งชุดสีกากี เกณฑ์เด็กนักเรียน มาเดินอ้อนวอนให้เลิกชุมนุม เพื่อให้บ้านเมืองสงบ และถ้าไม่เลิกชุมนุม ทักษิณสั่งไว้ให้ปราบปรามรุนแรงแบบไม่ให้เหลือผู้ชุมนุมและแกนนำ
"ผมจึงประกาศเลย เอาเลย วันที่ 9 ให้เห็นดำเห็นแดงกันเลย" สุเทพลั่นวาจา และกล่าวว่า "พี่น้องข้าราชการถ้าจะแต่งเครื่องแบบก็แต่งได้ แต่มาแล้วต้องอยู่ข้างเดียวกับประชาชน เอาอย่างนี้ครับ นัดหมายเลย คืนนี้เลย จะได้เตรียมตัวล่วงหน้า นอนให้เต็มอิ่ม พักผ่อนให้เต็มตา วันจันทร์ 09.39 น. ลุกฮือทั้งประเทศ ทวงอำนาจอธิปไตยคืน ลุกขึ้นให้พร้อมกันทั่วประเทศ คนอยู่ต่างจังหวัดเดินขบวนในอำเภอ มุ่งหน้าไปศาลากลาง ไม่ต้องบุกรุกเข้าไป ปิดทางเข้าไม่ให้มันเข้าไปทำงาน วันที่ 9 ธ.ค. นี้แหละ นิสิต นักศึกษา นักเรียนทุกแห่ง ลุกขึ้นพร้อมกัน 9.39 น. ปฏิเสธไม่รับรัฐบาลนี้ ไม่รับระบอบทักษิณ เอาอำนาจเราคืนมา
สุเทพนัดหมายผู้ชุมนุมใน กทม. ว่า ในช่วงหยุดยาวนี้ "ให้พาครอบครัวไปเที่ยว วันอาทิตย์ที่ 8 รีบกลับบ้าน นอนแต่หัวค่ำ วันที่ 9 ลงถนนทุกคน ใครนอนบ้านถือว่าทรยศต่อประเทศไทย ทานข้าวเช้าเรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 9 เอาน้ำขวด เอาข้าวห่อใส่เป้ ใส่ถุง และเดินขบวนไปบนถนนทุกสายในกรุงเทพฯ เดินขบวนครั้งใหญ่ให้โลกจารึก ให้คนกรุงเทพฯ ทุกคน เดินขบวนพร้อมกัน 09.39 น. ฤกษ์ดีของประชาชน ออกมาทุกคน เดินขบวนบนถนนทุกสาย ไม่ใช่ล้านเดียว เอาทุกล้าน ออกมาหมด ทุกคนทุกคน"
"ถ้าพี่น้องออกมาทุกคน โลกทั้งโลกจะเห็น ไม่มีใครปฏิเสธมวลมหาประชาชนหลายล้านคนได้แล้ว มากันกลางวันแสกๆ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. เรามากลางคืน แต่วันที่ 9 ธ.ค. เรามากลางวัน ให้รู้ว่าเราทวงอำนาจเราคืน"
"พี่น้องทั้งหลายได้ต่อสู้กันมาเดือนกว่าแล้ว หลายคนตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ยังไม่ได้กลับบ้านเลย หลายคนมีภรรยา สามีมีพี่น้องมาเปลี่ยน แต่พรุ่งนี้ มะรืนนี้ คนที่อยู่ต่างจังหวัดที่ได้กลับบ้าน ให้กลับมาราชดำเนินได้แล้ว มาศูนย์ราชการได้แล้ว มาใหม่ ยกสุดท้ายแล้ว พี่น้องชาวกรุงเทพฯ ก็เตรียมตัว รวมพลังกันครั้งสุดท้าย ชนะเขาได้ ก็เป็นไท แพ้เขาก็ก้มหน้าก้มตาเป็นขี้ข้าเขาชาตินี้ ไม่ต้องร้องไห้"
สุเทพระบุว่ามติดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการพูดคุยกับแกนนำ กปปส. "ผมตัดสินใจแล้วพี่น้องครับ พูดกับพี่ๆ น้องๆ แกนนำ กปปส. จะไม่ให้พี่น้องทุกข์ยากทรมานกว่านี้ แพ้เป็นแพ้ ชนะเป็นชนะ ถ้าพี่น้องมาหลายล้าน เราจะประกาศว่าอำนาจอธิปไตยได้กลับมาถึงมือประชาชนแล้ว เราจะจัดการบริหารประเทศ จนประเทศไทยเดินหน้าได้แบบอารยะประเทศ มีกฎหมายรองรับทั้งรัฐธรรมนูญมาตรา 3 และมาตรา 7 ดังนั้นขออย่ามาบิดเบือน โดยเราจะเดินตามนี้ เราจะไม่ยึดอำนาจ เราใช้อำนาจของเราพิทักษ์รัฐธรรมนูญ"
"ทั้งนี้ผู้ชุมนุมจะไม่มีอาวุธอื่น นอกจากหัวใจที่รักชาติ มากันให้พร้อม ถ้าพี่น้องไม่มา พี่น้องที่สู้ทั้งหมดนี้ก็พร้อมจะยอมรับความพ่ายแพ้ ชีวิตจะร้องไห้ครั้งนี้มากที่สุดจะยินดี จะไม่เสียใจอีก เพราะถือว่าชาตินี้ได้สู้อย่างเต็มที่แล้ว ผมขอประกาศว่านี่คือเป่านกหวีดครั้งสุดท้าย ถ้าพี่น้องประชาชนทั้งหลาย ข้าราชการทั้งหลาย ถ้าไม่เลือกข้าง พวกผมยอม ถ้าประชาชนไม่ออกมา ผมจะไปเข้าคุก ไม่สู้กับมันแล้ว จะได้ไม่ต้องทรมาน ถ้าชาตินี้จะชนะให้ได้ต้องวันที่ 9 ธ.ค. ถ้าไม่ชนะก็ไม่ต้องฝันเป็นอย่างอื่นแล้ว ยอมมันไปเลย ผมและพี่ๆ น้องๆ ปรึกษากันแล้ว ยอมติดคุกข้อหากบฎ จะเอาโทษถึงประหารชีวิตก็ได้ เพราะเป็นชีวิตพวกผม 9 คน ดีกว่าเอาชีวิตพี่น้องไปเสี่ยงกับผู้คนที่เป็นฆาตกรในรัฐบาล จึงกำหนดวันชีชะตาคือวันที่ 9 ธ.ค. นี้"
"เรามาดูใจพี่น้องชาวไทย สายเลือดเดียวกับเราในวันที่ 9 ธ.ค. ว่าใจใครมันจะใหญ่กว่าใคร มาพิสูจน์กัน จะได้จบเสียที ประเทศชาติจะได้ไม่เสียหายไปมากกว่านี้ และจะได้ไม่มีเหตุที่เกิดการบาดเจ็บล้มตายของประะชาชน เอาอย่างนี้นะครับพี่น้อง ตกลงไหมครับ" โดยผู้ชุมนุมตะโกนว่า "ตกลง" หลังจากสุเทพระบุว่าผู้ชุมนุมที่ศูนย์ราชการจะยังคงปักหลักอยู่จนถึงคืนวันอาทิตย์ "และคืนวันอาทิตย์นอนแต่หัวค่ำเก็บข้าวทุบหม้อข้าวเลย ตื่นเช้าวันจันทร์ เดินทางไกลครั้งสุดท้าย ผมจะเดินนำหน้าพี่น้องไปทำเนียบรัฐบาล และจะไม่กลับมาที่นี่อีก ไปตัดสินผลแพ้ชนะที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ไม่เข้าไปในทำเนียบ เพราะจะให้เกียรติทหาร แต่จะดูใจทหารในเช้าวันที่ 9 ธ.ค. เหมือนกัน"
"เพราะฉะนั้น พี่น้องที่สะดวกไปราชดำเนิน ไปสมทบกระทรวงการคลัง ใครมาจากต่างจังหวัดจะมาค้างคืนที่นี่ศูนย์ราชการ แล้วเดินไปด้วยกัน ขอกราบเรียนพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ใครที่ไม่ต้องการมาต่อสู้ร่วมกับเรา นอนอยู่ที่บ้าน เพราะถ้าท่านออกมานอกบ้านรถจะติด เพราะเราเดินทุกถนน ถ้าท่านจะโกรธเราก็ยอม ถ้าจะต้องปิดไปทั้งเมืองก็ช่วยไม่ได้ เพราะชีวิตนี้เราจะยอมแล้ว"
พี่น้องถ้าเห็นว่าสมุนทรราชย์ระบอบทักษิณใช้ความรุนแรง ท่านจะจอดรถกั้นตรงไหนตามใจชอบ ทุกคนมีเสรีภาพ ในการเดินขบวนทางไกลจากที่นี่ไปทำเนียบ 17-18 กม. คนหนุ่ม คนสาว มีเรี่ยว มีแรง เดินไป คนที่เดินแล้วเหนื่อย จะมีรถมารับขึ้น เชียร์เพื่อนไป ไม่เป็นไร เราไปด้วยกัน แล้วบอกพี่น้องจากแจ้งวัฒนะ วิภาวดี ขาเข้า ขาออก วันนั้นอย่าคิดใช้ถนน เราเดินหมดทุกเลน พี่น้องที่สุขุมวิทให้เดินทางบ้านตัวเอง เดินไปสุขุมวิท เป้าหมายคือทำเนียบรัฐบาล พี่น้องสีลม ประตูน้ำ บึงกุุ่ม ฝั่งธน เดินมาจากจุดนั้นเป็นเสรีชนเอาอำนาจคืนมา วันเดียว ขอวันเดียวถูกต้องนะครับ แล้วก็พิสูจน์อนาคตประเทศไทยกันเลย ว่าจะเป็นประเทศไทยที่เป็นฟ้าสีทองหรีอไม่ ผมไม่ต้องการเอาความทุกข์ยากพี่น้องไปลงทุนแล้ว ผมเห็นใจ ผมยอมมอบตัวข้อหากบฎให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ถ้าแพ้มันเป็นข้าทาสในสังคม หรือติดคุกก็เหมือนกัน ดังนั้นนัดเลยนะครับ 9.39 น. วันจันทร์ที่ 9 รู้กัน ตัดสินกันวันนั้นเลยครับ