วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อนุมัติหมายจับ โล้นอิสระ


ศาลอนุมัติหมายจับ "พุทธอิสระ"

          เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาอนุมัติหมายจับหลวงปู่พุทธอิสระ แกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ จากการขัดขวางเลือกตั้ง ระบุตำรวจ สน.ทุ่งสองห้องมีประจักษ์พยาน และ VCD พร้อมย้ำห้ามตำรวจเผยแพร่หมายระวังละเมิดศาล


ผกก.ทุ่งสองห้อง-รอง ผบก.น.2 เบิกความไต่สวนขอหมายจับ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ระบุนำมวลชน กปปส.ชุมนุมหน้าสำนักงานเขตหลักสี่ ขัดขวางการเลือกตั้ง ศาลนัดฟังคำสั่ง 6 ก.พ.นี้ 


วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลนัดไต่สวนหมายจับ คดีที่ พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ยื่นขออนุมัติหมายจับหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ซึ่งนำมวลชน กปปส.ตั้งเวทีการชุมนุมอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ และหน้าสำนักงานเขตหลักสี่ โดยนำพยานเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมาเบิกความ 3 ปาก






















             โดยวันนี้ พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง และ พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เบิกความสรุปว่า วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้า หลวงปู่พุทธะอิสระนำมวลชน กปปส.ไปชุมนุมที่สำนักงานเขตหลักสี่ จึงเดินทางไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ เมื่อไปถึงพบการ์ดผู้ชุมนุม กปปส.นำรถบรรทุก 6 ล้อมาปิดกั้นนบริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 และมีการขึงตาข่ายโดยรอบพื้นที่ พร้อมทั้งมีการ์ด กปปส.คอยดูแลความเรียบร้อยอยู่บริเวณประตูทางเข้า-ออกสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปภายในสำนักงานเขตหลักสี่ได้ จากนั้นจึงแจ้งให้การ์ดผู้ชุมนุมทราบว่าจะขอเจรจากับหลวงปู่พุทธอิสระ แต่ว่าถูกการ์ดขัดขวางไม่ให้เข้าพบ ทำให้ไม่สามารถเจรจาเพื่อขอเปิดทางได้ ต่อมาวันที่ 26 ม.ค. 2557 มีประชาชนเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า แต่ถูกผู้ชุมนุมและการ์ดขัดขวาง จนไม่สามารถเข้าไปลงคะแนนเลือกตั้งได้ จนกระทั่งผู้อำนวยการเขตหลักสี่ได้แจ้งงดการลงคะแนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากมีมวลชนปิดล้อมอยู่ เกรงจะเกิดอันตรายต่อประชาชนและทำให้ทรัพย์สินของราชการเสียหาย หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมจึงพากันเดินทางกลับไปชุมนุมที่เวทีแจ้งวัฒนะเช่นเดิม



                ต่อมาก่อนการเลือกตั้งทั่วไป หลวงปู่พุทธะอิสระได้นำมวลชนมาปิดล้อมสำนักงานเขตหลักสี่อีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 31 ม.ค. 2557 ซึ่งอุปกรณ์การเลือกตั้งและหีบบัตรเลือกตั้งทั้งหมดที่จะต้องกระจายไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ถูกเก็บไว้ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ และเจ้าหน้าที่จะต้องทำการขนย้ายไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 2 ก.พ. ตนในฐานะเจ้าพนักงานดูแลความเรียบร้อยการเลือกตั้ง พร้อม ผบก.น.2 และผู้เกี่ยวข้องจึงได้เข้าพบหลวงปู่พุทธอิสระเพื่อเจรจาขอเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ขนหีบบัตรและอุปกรณ์การเลือกตั้งที่อยู่ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อกระจายไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ พบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมมาขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้า-ออกสำนักงานเขตหลักสี่ได้ ครั้งนี้ยังมีการนำรถบัสมาปิดขวางทางเข้าสำนักงานเขตหลักสี่ด้วย จึงประสานกับการ์ดว่าจะเข้าไปพบเจรจากับหลวงปู่พุทธะอิสระว่านำกลุ่มผู้ชุมนุมมาชุมนุมที่สำนักงานเขตหลักสี่นั้นมีจุดประสงค์อะไร เพราะทางสำนักงานเขตหลักสี่ต้องจัดการเลือกตั้ง ก็ได้รับคำตอบจากหลวงปู่พุทธะอิสระว่าไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งเข้า-ออก หรือนำอุปกรณ์การเลือกตั้งออกไป เพราะไม่ต้องการให้มีการเลิกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนผลไม้พิษ จึงไม่อยากที่จะให้ประชาชนได้กิน ทำให้การเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ จนทาง ผอ.เขตหลักสี่จึงต้องประกาศงดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 2557 นอกจากนี้ยังได้นำพยานเอกสาร โดยเป็นภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมและหลวงปู่พุทธะอิสระ ซึ่งมีพฤติการณ์ขัดขวางการเลือกตั้งมามอบให้ศาลเพื่อประกอบการไต่สวนด้วย




           ภายหลังเบิกความเสร็จ ศาลได้นัดไต่สวน ด.ต.นันทวัชร์ ประสิทธิวิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ต่อช่วงบ่ายอีก 1 ปากเสร็จแล้ว จึงนัดฟังคำสั่งจะพิจารณาอนุมัติหมายจับหลวงปู่พุทธะอิสระหรือไม่ วันที่ 6 ก.พ.นี้ เวลา 13.30 น. 

ศาลอนุมัติหมายจับ "พุทธอิสระ"

           เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาอนุมัติหมายจับหลวงปู่พุทธอิสระ แกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ จากการขัดขวางเลือกตั้ง ระบุตำรวจ สน.ทุ่งสองห้องมีประจักษ์พยาน และ VCD พร้อมย้ำห้ามตำรวจเผยแพร่หมายระวังละเมิดศาล

หึหึ สานรัดทาทำมะนวย จำหน่ายกล้วยปิ้ง

          
 

          วันที่ 5 กุมภาพันธ์ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารผลการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)  ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 (5) ประกอบมาตรา 102 (6) หรือไม่



            ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้ว เรื่องจากได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2556 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป ทำให้ความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (1) แล้ว กรณีจึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อไปจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคำร้องดังกล่าว

ศาลอนุมัติหมายจับ 19 แกนนำ กปปส. ‘สาทิตย์’ ไม่หวั่นเดินหน้าชุมนุมต่อ

ศาลอนุมัติหมายจับ 19 แกนนำ กปปส. ‘สาทิตย์’ ไม่หวั่นเดินหน้าชุมนุมต่อ
ตร.เผยความคืบหน้าคดีปะทะหลักสี่คนร้ายมี 20 ทราบชื่อ 3 ด้านคดีระเบิดบรรทัดทอง-อนุสาวรีย์ชัยฯ รอผลตรวจดีเอ็นเอคาดคนร้ายกลุ่มเดียวกัน สมัชชาพุทธบริษัทฯ ร้องเอาผิด ‘พุทธะอิสระ’
5 ก.พ.2557 สำนักข่าวไทย รายงานว่า ศาลเห็นว่าผู้ร้องเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกอบกับพยานหลักฐาน อาทิ พยานบุคคล ซีดีบันทึกภาพเคลื่อนไหว มีเหตุผลพออนุมัติหมายจับแกนนำทั้ง 19 คน อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายอิสสระ สมชัย และเมื่อสามารถจับกุมตัวได้ ให้นำไปควบคุมที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ธัญบุรีคลอง 5 กำหนดเวลาควบคุมตัวไม่เกิน 7 วัน ขณะที่พนักงานสอบสวน เตรียมส่งหมายจับให้ชุดจับกุม ที่มี พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เป็นหัวหน้าดำเนินการต่อ ส่วนทีมทนายความของ 19 แกนนำ เตรียมหารือในข้อกฎหมายเพื่ออุทธรณ์
ทั้งนี้ศาลอาญากำชับพนักงานสอบสวนห้ามเผยแพร่หมายจับแกนนำ กปปส. หรือถ่ายภาพส่งต่อในสื่อโซเชียลมีเดีย หากจับได้ให้ควบคุมตัวที่ ตชด. ภาค 1 และให้รายงานศาลภายใน 48 ชั่วโมง ด้านทีมทนายความของ 19 แกนนำ ได้กลับไปหารือในข้อกฎหมาย คาดว่าจะมีการอุทธรณ์คำสั่งศาล

ส่วนความคืบหน้าเหตุปะทะที่แยกหลักสี่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผย เบื้องต้นมีคนร้ายประมาณ 21 คน ทราบชื่อและตัวบุคคลแล้ว 3 คน  และยังอยู่ระหว่างตรวจสอบติดตามรถขนอาวุธที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ ขณะที่คดีระเบิดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและถนนบรรทัดทอง กำลังรอผลตรวจดีเอ็นเอคาดว่าทั้ง 2 คดีเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ยืนยันไม่ใช่คนในเครื่องแบบและเป็นคนไทย

ด้านกลุ่มสมัชชาพุทธบริษัทแห่งประเทศไทย เข้าร้องทุกข์พร้อมมอบหลักฐานต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีพระสุวิทย์ ธีรธมโม หรือ หลวงปู่พุทธะอิสระ ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินและขัดขวางการเลือกตั้ง พร้อมกล่าว "ปกาสนียกรรมภาคประชาชน" ต่อพระพุทธะอิสระ มีเนื้อหาว่ากระทำผิดต่อพระธรรมวินัย และการกระทำของพระพุทธะอิสระเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ใช่แนวทางสงฆ์
สำหรับรายชื่อผู้ถูกออกหมายจับทั้ง 19 คน ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 2.นายสาธิต วงศ์หนองเตย 3.นายชุมพล จุลใส 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5.นายอิสสระ สมชัย 6.นายวิทยา แก้วภราดัย 7.นายถาวร เสนเนียม 8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 11.นายนิติธร ล้ำเหลือ 12.นายอุทัย ยอดมณี 13.เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ 14.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 15.นายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี 16.นายกิตติชัย ใสสะอาด 17.นายสำราญ รอดเพชร 18.นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และ 19.นายพานสุวรรณ ณ แก้ว
 
‘สาทิตย์’ ไม่หวั่นเดินหน้าชุมนุมต่อ
หลังศาลออกหมายจับ เมื่อเวลา 15.05 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. กล่าวปราศรัยบนเวทีแยกปทุมวัน ว่า แกนนำ กปปส.19 คนไม่มีใครใจเสีย ที่ศาลอนุมัติออกหมายจับแกนนำ ฐานกระทำผิดข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษยื่นขอต่อศาล ซึ่งขณะนี้ทนายความของ กปปส. อยู่ระหว่างการยื่นขออุทธรณ์ โดยที่ผ่านมานายสุเทพ ได้ถูกออกหมายจับมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังยืนหยัดที่จะสู้ต่อไปเพราะฉะนั้นการออกหมายจับวันนี้จึงไม่มีผลใด ๆ กปปส.จะเดินหน้าชุมนุมต่อไป ซึ่งแกนนำจะไม่หลบหนี แต่ที่ยังไม่เข้ามอบตัวเพราะการชุมนุมยังไม่บรรลุเป้าหมาย และทันทีที่นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งแกนนำทั้งหมดจะเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าทันทันที


นายสาทิตย์ กล่าวว่า การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีเหตุร้ายแรงเพียงพอ ซึ่งการใช้กฎหมายดังกล่าวมีการเลือกปฏิบัติ ไม่เคยจับตัวผู้กระทำความผิดได้แม้แต่รายเดียวทั้งที่บางเหตุการณ์มีภาพถ่ายเผยแพร่ปรากฏทางโลกออนไลน์เห็นใบหน้าชัดเจน "วันนี้เราเคารพกฎหมาย แต่กฎหมายถูกใช้โดยคนที่นำกฎหมายไปใช้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองเราจึงคัดค้าน การต่อสู้ของเรายังคงอยู่ต่อไปและจะเข้มข้นมากขึ้น แกนนำทุกคนสู้เกินล้านแพ้ไม่ได้ต้องชนะอย่างเดียว"

นายสาทิตย์ กล่าวว่า กปปส.จะไม่คืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทย แม้ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) จะขอคืนพื้นที่ในวันนี้ และจะนำมวลชนจากเวทีแยกปทุมวันไปสมทบทันทีหากมีเหตุจำเป็น

หม่อมอุ๋ย ปรีดิยาธร เทวกุล ... ชีวิตคลุกวงใน "เผด็จการ" มี "ตำแหน่ง" หลัง "รัฐประหาร" แทบทุกครั้ง!!!


หม่อมอุ๋ย ปรีดิยาธร เทวกุล ... ชีวิตคลุกวงใน "เผด็จการ" มี "ตำแหน่ง" หลัง "รัฐประหาร" แทบทุกครั้ง!!!



              ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล (หม่อมอุ๋ย) ออกมาจับมือกับ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แถลงการณ์ผ่านการถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์บลูสกาย ของม็อบกบฏ กปปส. เรียกร้องให้ “รัฐบาล” ยุติบทบาท โดยอ้างว่ามีประชาชนจำนวนมากนับสิบล้านคนไม่ไว้วางใจ ส่งผลให้การดำเนินนโยบายต่างๆของรัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จและประเทศไม่สามารถเดินหน้าไปได้ แต่หากรัฐบาลยุติบทบาท ผู้ชุมนุมม็อบ กปปส.ก็จะยุติบทบาท และประกาศชาติจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ที่สำคัญคือสถานการณ์ต่างๆ ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม้จะมีการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี และจะมีรัฐบาลมาบริหารประเทศได้ โดยเฉพาะการที่กว่า 28 เขตพื้นที่ที่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง

             โดย “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” ไม่ได้กล่าวถึงหรือแสดงความใส่ใจประชาชนจำนวนมากกว่า ที่มาใช้สิทธิใช้เสียงเลือกตั้ง ในวันที่ 2กุมภาพันธ์ 2557 ว่าต้องการให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และต้องการให้มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ

             โดย “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” นั้นแม้จะมีชื่อเสียงเป็น “อดีตผู้ว่าการการธนาคารแห่งประเทศไทย” และเป็น “อดีตรัฐมนตรี” หลายสมัย แต่ก็เป็น “บุคคลหนึ่ง” ในสังคมไทย ที่เข้ามามีตำแหน่งและอำนาจ รวมไปถึงก้าวขึ้นสู้เก้าอี้ “รัฐมนตรี” ได้ทุกครั้ง...ภายหลังเกิดการรัฐประหาร

เรียกได้ว่า “ชีวิต” มี “อำนาจ” ร่วมกับ “เผด็จการ” มาโดยตลอด !!!

           โดย “10 กรกฎาคม พ.ศ. 2534” ขึ้นดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์” ใน “รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน” หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 2534 โค่นล้ม “รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน”

           จากนั้น “14 เมษายน 2535” ขึ้นดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์” ใน “รัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร” .. "รัฐบาล" ในคราบของ "พรรคเสรีธรรม" พรรคการเมืองที่ถูกตราหน้าว่าเป็น "ทายาทคณะรัฐประหาร รสช." (คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ)

           และเมื่อเกิดเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” โค่นล้ม “รัฐบาล รสช.” ส่งผลให้มีผู้คนล้มตายจำนวนมากแล้ว ใน “วันที่ 10 มิถุนายน 2535” มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล ก็กลับเข้ามารับตำแหน่ง “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์” อีกครั้งในยุค “รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน”

            หลังจากนั้นเมื่อประเทศไทยเริ่มมีแสงสว่างแห่งประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งจากประชาชน ชื่อของ“มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล” ก็หายไปจากสาระบบการเมือง โดยกลับไปรับตำแหน่ง าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

           จากนั้นก็กลับเข้ามารับตำแหน่ง “รัฐมนตรี” อีกครั้ง ภายหลังเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โค่นล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทย โดยก้าวเข้ามารับตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ใน “รัฐบาล คมช.” ที่มี “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 8 ตุลาคม 2549

แดกซะโยม จะได้ไม่โง่












"พุทธะอิสระ"กับรหัสนัยทางการเมือง