เจ้าของบริษัทผลิตเครื่องประมวลผลคอมพิวเตอร์ เข้าพบ ผบช.น. ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องจ้างฆ่า "เอกยุทธ" หลังถูกพาดพิง เตรียมฟ้องผู้ที่พาดพิงให้ได้รับความเสียหายด้วย ด้าน ผบช.น.วอน "ทนายสุวัตร" เข้าให้ข้อมูลตำรวจ “นพดล” เผยเตรียมฟ้อง “สุวัตร-อัจฉรา” กล่าวหา "ทักษิณ" พัวพันจ้างฆ่าลั่นดำเนินการเอาผิดถึงที่สุด
ผบช.น.วอน ทนายเอกยุทธ เข้าให้ข้อมูลตำรวจ
17 ส.ค. 56 -
เนชั่นทันข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกร้องให้
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความของ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร เข้าให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับคดีด้วยตนเอง หากมีข้อมูล และพยานหลักฐาน ยืนยัน ตำรวจพร้อมดำเนินการสืบสวนคดีอย่างตรงไปตรงมา โดยระบุว่า การแถลงข่าวและอ้างถึง นายสมชาย เป็นคนจ้างวานฆ่านั้น หากมีข้อมูลขอให้นำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าพูดผ่านสื่ออย่างเดียวเพราะไม่มีหลักฐาน อีกทั้งที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนได้พยายามสอบปากคำ นายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือ บอล ผู้ต้องหาแล้ว ซึ่งให้การรับสารภาพ
กก.สิทธิแย้งกันเอง ชี้สรุปมั่ว คดีเอกยุทธมีแต่เดา
ด้าน
ข่าวสดรายงานว่าเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ กล่าวถึงคดีนายเอกยุทธว่า กรรมการสิทธิฯทั้งหมดมีอยู่ 7 คน แบ่งหน้าที่รับผิดชอบกันตามลักษณะงาน โดยตนเป็นประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบสิทธิกระบวนการยุติธรรม คดีฆาตกรรมนายเอกยุทธจึงอยู่ในความรับผิดชอบของตน ที่ผ่านมาตนติดตามการทำงานของตำรวจมาตั้งแต่ตอนที่นายเอกยุทธหายตัวไป จนกระทั่งจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด ไม่พบว่ามีสิ่งผิดปกติ เพราะคดีนี้นครบาลให้ความสำคัญ มีพล.ต.ต.อนุชัย เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เช่นเดียวกับผบ.ตร.ก็มอบหมายให้พล.ต.อ. ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.เข้ามาควบคุมการสืบสวนสอบสวนอีกชั้นหนึ่ง
"ผมติดตามการทำงานของตำรวจมาโดยตลอด เพราะทราบว่าสังคมตั้งข้อสงสัยเรื่องการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ แต่การทำงานของตำรวจก็เป็นขั้นเป็นตอน ไม่ทิ้งขว้าง ไม่ละเลย มีพยานหลักฐานแน่นหนา และก็ยังไม่พบว่ามีผู้ร้องเรียนถึงความไม่ชอบมาพากลของตำรวจเลย" พล.ต.อ.วันชัยกล่าว และว่า กระทั่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกับกรรมการสิทธิฯฝ่ายหนึ่งลงไปตรวจสอบพื้นที่จุดฝังศพ นายเอกยุทธที่ภาคใต้ ถือว่าก้าวก่ายการทำงานของตำรวจ ต่อมาเมื่อ 2-3 วันก่อนก็ยังออกมาแถลงว่าคดีเอกยุทธเป็นฝีมือคนมีสีบ้าง ตายด้วยกระบวนท่าพิเศษ
กรรมการสิทธิฯกล่าวต่อว่า ต้องถามว่าการที่กลุ่มคน 2-3 คนลงไปตรวจที่เกิดเหตุเอง มีการกลั่นกรอง เป็นการตรวจพิสูจน์ที่ถ่องแท้หรือไม่ แต่กลับมานั่งแถลงโดยใช้การคาดคะเน คาดเดาว่าจะต้องไปอย่างนั้นอย่างนี้ ความจริงแล้วหากคนกลุ่มนี้มีข้อมูลหลักฐาน หรือมีข้อสงสัยก็ควรส่งให้ตำรวจตรวจสอบเพิ่ม เพราะความจริงคดีนี้ยังไม่ได้สรุปสำนวน ยังไม่ได้ปิดคดี นอกจากนี้ยังมีการบวนการ อื่นๆ อีก เช่น อัยการที่ต้องกลั่นกรองสำนวนว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ยังมีศาลที่ต้องไต่สวนให้ความยุติธรรมกับทั้งผู้เสียหายและจำเลย
"กลุ่ม คน 2-3 คนไปดูที่เกิดเหตุกันเอง แล้วก็มีคาดเดากันกันไปต่างๆ นานา แบบนี้จะเกิดความวุ่นวาย กระทบต่อกระบวนการยุติธรรมโดยรวม เพราะในชั้นของพนักงานสอบสวนนั้น ตำรวจทำงานกันเป็นคณะ มีทุกหน่วยงานร่วมทั้งพฐ. นิติเวช นิติวิทยาศาสตร์ การทำสำนวนก็เป็นไปตามความเห็นของรูปแบบคณะกรรมการ ไม่ใช่ทำตามความเห็นส่วนตัว อีกทั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบสิทธิกระบวนการยุติธรรม ก็ติดตามคดีนี้มาโดยตลอด ก็พบว่าการทำงานของตำรวจน่าเชื่อถือ" พล.ต.อ.วันชัยกล่าว
คุกแฉทีมฆ่า“เอกยุทธ” ไม่เคยให้ทนายสุวัตรเข้าเยี่ยม
ด้าน
เดลินิวส์รายงานเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า รายงานข่าวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระบุถึงกรณีที่ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ออกมาเปิดเผยว่าส่งทีมทนายเข้าพบกับนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล ผู้ต้องหาฆ่านายเอกยุทธ และมีการให้ข้อมูลใหม่กับทีมทนายโดยกลับคำให้การว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่านายเอกยุทธ แต่คนมีสีเป็นผู้ลงมือนั้น
จากการตรวจสอบรายละเอียดการเข้าเยี่ยมนายสันติภาพพบว่า มีทีมทนายติดต่อเข้าเยี่ยมนายสันติภาพจริง แต่นายสันติภาพไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม ซึ่งถือเป็นสิทธิผู้ต้องขังว่าจะสมัครใจให้บุคคลใดเข้าเยี่ยมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามกับนายสันติภาพระบุว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่ตำรวจออกมาเปิดเผย ไม่ได้มีการกลับคำให้การ สำหรับสภาพความเป็นอยู่ภายในเรือนจำของนายสันติภาพเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีปัญหา และปลอดภัย
เจ้านายเก่ามือฆ่าเอกยุทธ แสดงความบริสุทธิ์ใจเข้าพบ ผบช.น.ยันไม่เกี่ยวคดี
มติชนออนไลน์รายงานว่าเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 สิงหาคม นายสมชาย จิตปรีดากร กรรมการบริษัท ทรีวิว จำกัด และทีมทนายความ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เเละ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. เพื่อเเสดงความบริสุทธิ์ใจ ภายหลังจากที่ถูกนายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความนายเอกยุทธ อัญชันบุตร กล่าวหาว่าเป็นเจ้านายเก่าของนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล รวมทั้งมีส่วนพัวพันและจ้างวานนายสันติภาพและคนมีสีให้ฆ่านายเอกยุทธ เป็นจำนวนเงิน 3 ล้านบาท
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า หลังจากที่เมื่อช่วงเช้าของวันที่นายสุวัตรได้ยื่นหนังสือมาถึงตน และตั้งข้อสังเกตไว้ 5 ข้อ พร้อมมีการระบุชื่อว่าใครมีส่วนในการจ้างวานฆ่า รวมทั้งระบุยอดเงิน 3 ล้านบาทนั้น ทำให้ตนต้องรีบดำเนินการโดยเร็ว นั่นคือตั้งกรรมการขึ้นมา โดยให้กองสืบกระทำการสืบสวนหาข้อเท็จจริงไปตามอำนาจหน้าที่ โดยตนได้จำกัดระยะเวลาเพื่อขอทราบผลภายในวันที่ 25 สิงหาคม แต่ขณะเดียวกันวันนี้และตอนนี้นายสมชาย ซึ่งมีชื่อพัวพันอยู่ด้วยได้ติดต่อขอเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งตรงนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า วันนี้นายสมชายต้องการมาแสดงความบริสุทธิ์ทั้งกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ และตน โดยยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น กับการที่ติดต่อว่าคนมีสีได้จ้างวานให้นายบอลฆ่านายเอกยุทธ และหากนายสมชายพร้อมเมื่อไหร่ ทางตนจะทำการบันทึกปากคำไว้ในฐานะเป็นผู้ให้การ
ด้านนายสมชาย กล่าวว่า สิ่งที่ตนได้อ่านจากทางหนังสือและทางเว็บไซต์ข่าวที่ได้ลงไปหมดนั้นไม่จริงทั้งสิ้น เรามีความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ร้ายแรงและทำให้เสียชื่ออย่างมาก โดยยอมรับว่านายสันติภาพเคยมาสมัครทำงานที่บริษัท ซึ่งทำอยู่ประมาณ 1 เดือน ก่อนจะลาออกไป ส่วนสาเหตุที่ทำให้นายบอลกล่าวอ้างถึงตนนั้น ตนก็ไม่ทราบจริงๆ เพราะส่วนตัวแล้วมักจะทำงานอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก และมีเดินทางค้าขายในเมืองจีนบ้าง ซึ่งภายใน 1 ปี ตนจะกลับมาเมืองไทยเพียง 3-4 ครั้งเท่านั้น อีกทั้งไม่เคยทำงานร่วมกับนายสันติภาพมาก่อนเลย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายสมชายรู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่นั้น นายสมชายกล่าวว่า ตนรู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณตามสื่อหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และการรับข่าวสารทั่วๆ ไป แต่ไม่ได้รู้จักหรือสนิทเป็นการส่วนตัว และไม่เคยทำธุรกิจร่วมกันแต่อย่างใด
เมื่อถูกถามว่าเคยพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณบ้างหรือไม่ นายสมชายก็ยืนยันคำเดิมว่าพบเจอเพียงในสื่อหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์เท่านั้น ซึ่งตนยังสงสัยว่านายเอกยุทธเป็นใคร เพราะไม่เคยรู้จักมาก่อน
ต่อข้อซักถามที่นายสันติภาพเข้ามาสมัครทำงานกับนายสมชายในตำแหน่งอะไร นายสมชาย กล่าวว่า เป็นตำแหน่งคนขับรถให้ผู้จัดการฝ่ายการเงินที่บริษัท ซึ่งไม่ได้ใกล้ชิดกับตนหรือมีเหตุให้ต้องเกี่ยวข้องพัวพันกันแม้แต่น้อย
ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มีการพาดพิงว่านายสันติภาพบอกว่าเคยติดตามนายสมชายเข้าไปในพรรคเพื่อไทยนั้น นายสมชายยืนยันว่า ไม่มีเด็ดขาด เนื่องจากตนไม่เคยไปไหนมาไหนและไม่เคยใช้งานนายสันติภาพมาก่อนดังที่กล่าวไปแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้สอบถามไปยังผู้จัดการฝ่ายการเงินที่เป็นเจ้านายเก่าของนายสันติภาพถึงสาเหตุที่นายสันติภาพลาออกไปหรือไม่ นายสมชายว่าได้สอบถามไปแล้ว หลังจากเดินทางกลับจากประเทศจีนเมื่อคืน (16 สิงหาคม) โดยโทรศัพท์ไปสอบถามได้ความว่านายสันติภาพอ้างว่าเงินเดือนได้น้อย อยากทำงานที่อื่นซึ่งได้เงินมากกว่า แต่ตนไม่ได้ถามถึงพฤติกรรมระหว่างที่นายสันติภาพทำงานกับผู้จัดการฝ่ายการเงินแต่อย่างไร และตนก็ไม่รู้จักว่านายสุวัตรคือใคร
ทั้งนี้ ทางทีมทนายของนายสมชายจะเตรียมรวบรวมเอกสารในการฟ้องร้องต่อไปอีกชั้นหนึ่ง ส่วนจะฟ้องผู้ใดบ้างนั้น และในข้อหาอะไรนั้น จะพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
“ทักษิณ” ส่งทนายฟ้อง “สุวัตร-อัจฉรา” กล่าวหาพัวพันจ้างฆ่า “เอกยุทธ” ลั่นดำเนินการเอาผิดถึงที่สุด
เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่าเมื่อวันที่ 17 ส.ค.นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
ตามที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความนายแอกยุทธ อัญชันบุตร และน.ส.อัจฉรา แสงขาว ทนายความกลุ่มพันธมิตรฯ ร่วมแถลงข่าวว่านายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง ให้การว่านายสมชาย จิตปรีดากร เป็นคนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นผู้ว่าจ้างให้นายบอลไปฆ่านายเอกยุทธ ล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น เป็นการบิดเบือนใส่ร้ายโดยใช้จินตนาการของนายสุวัตร และน.ส.อัจฉรา เพื่อใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ หวังให้คนเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการสังหารนายเอกยุทธ ซึ่งข้อย้ำว่าเป็นความเท็จ และเป็นเรื่องที่น่าละอายเป็นอย่างยิ่ง ที่ใช้ความเท็จมาทำลายคนอื่น เพื่อหวังผลทางการเมือง
“ผมขอเรียนว่านายสมชาย ไม่ใช่คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่เคยเห็นกันในต่างประเทศ เพราะนายสมชายเป็นคนไทยที่ไปอยู่ในสหรัฐอเมริกา และมีกิจการขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกไปทั่วโลก พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยสั่งการหรือขอให้นายสมชายไปฆ่านายเอกยุทธ นายสมชายเป็นคนที่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ประกอบอาชีพสุจริต และไม่มีเหตุขัดแย้งกับนายเอกยุทธ ผมได้ขอให้ทีมทนายไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ เอาผิดกับนายสุวัตร และน.ส.อัจฉรา และทราบว่านายสมชาย ก็จะไปแจ้งความดำเนินการเอาผิดจนถึงที่สุด โดยจะไม่มีการยอมความใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างที่เลวในสังคมไทย” นายนพดล กล่าว.