วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ศาลทหารเชียงรายไม่ให้ประกันตัวคดี 112 ช่างตัดแว่น ปมโพสต์เฟซบุ๊ก


ศาลทหารจังหวัดเชียงรายไม่ให้ประกันตัว ช่างตัดแว่น เหตุทหารแจ้งความ พบโพสต์เฟซบุ๊กเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ด้านทนายยื่นประกัน ระบุผู้ต้องหามีภาระเลี้ยงดูบุตรอายุ 3 เดือน
11 ต.ค. 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ข้อมูลว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงราย ได้ออกหมายเรียกตัว สราวุทธิ์ อายุ 32 ปี อาชีพช่างตัดแว่นในจังหวัดเชียงรายมารับทราบข้อกล่าวหาฐานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) และ (5) จากการโพสต์ภาพในเฟซบุ๊ก 2 ภาพ ซึ่งอาจเข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร โดยสราวุทธิ์ ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อเสร็จการบันทึกรับทราบข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว สราวุทธิ์ ไปยังศาลทหารจังหวัดเชียงราย เพื่อขออำนาจศาลในการฝากขังผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และมีพยานบุคคลที่ต้องสอบสวนอีก 6 ปาก ศาลทหารได้อนุมัติการฝากขัง ขณะนี้ทนายความกำลังยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้โฉนดที่ดิน มูลค่า 4 แสนบาทเป็นหลักทรัพย์ในการประกันตัว ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. ศาลทหารไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
สำหรับคดีดังกล่าวทนายความให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้น พร้อมยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ของสราวุทธิ์ โดยอ้างอำนาจตามหมายศาลอนุญาตให้เข้าตรวจค้นและยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2559 เพื่อส่งให้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ตรวจสอบ ก่อนจะนำมาซึ่งการเรียกรับทราบข้อกล่าวหา
ข้อกล่าวหาดังกล่าวเกิดจากการเข้าแจ้งความดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่ทหาร มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช โดยระบุว่าพบเห็นการโพสต์ภาพที่เข้าข่ายการกระทำผิดตามมาตรา 112 ในเฟซบุ๊กของสราวุทธิ์ เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2559
ทนายความให้ข้อมูลอีกว่า ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยระบุว่าผู้ต้องได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดีในทุกขั้นตอน และไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี ทั้งยังมีภาระครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูบุตร 2 คน โดยคนโตอายุ 5 ปี ส่วนคนเล็กอายุ 3 เดือนแต่ศาลก็ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

'ศรีวราห์' รับการข่าวแจ้งเตือนก่อการร้ายเตรียมคาร์บอมบ์ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 25-30 ต.ค.นี้


11 ต.ค. 2559 จากกรณเมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รองผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมด้านความมั่นคง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังมีการข่าวแจ้งว่าจะมีกลุ่มก่อการร้ายเตรียมก่อเหตุคาร์บอมบ์ 3 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 25-30 ตุลาคมนี้ โดยมีเป้าหมายหรือพื้นที่เสี่ยงคือ ห้างสรรพสินค้า ลานจอดรถ และแหล่งท่องเที่ยว ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการก่อการร้าย และการก่อวินาศกรรม
 
โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยอมรับว่า การข่าวได้แจ้งเตือนเหตุก่อการร้ายในพื้นที่กรุงเทพฯ ช่วงปลายเดือนตุลาคมจริง โดยการข่าวระบุว่าผู้ที่จะมาก่อเหตุเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการก่อการร้าย และการก่อวินาศกรรม โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงตามห้างสรรพสินค้าและแหล่งท่องเที่ยว
 
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (11 ต.ค.59) ได้มีการวางกำลังสนธิกำลังระหว่างตำรวจจากกองบังคับกานสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ 191 นำชุดอรินทราช ชุดจู่โจม กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ทหารจาก ร.12 พัน2 รอ. รวมแล้ว กว่า 100 นาย ก่อนที่จะลงพื้นที่ตรวจค้นป้องปรามย่านรามคำแหงที่อาจจะเป็นสถานที่ที่มีส่วนเชื่อมโยงการก่อความไม่สงบ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
 
โดยเนชั่นทีวี รายงานด้วยว่า จุดที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นคือร่มเกล้าอพาร์ทเม้น มีความสูง 8 ชั้น ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะเก็บซิมโทรศัพท์มาตรวจสอบเนื่องจากบุคคลส่วนใหญ่อยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้
 
พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล4 บอกว่าทางกองบังคับการตำรวจนครบาล4 ได้มีการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมเพื้อกวาดล้างอาชญากรรมซึ่งได้กระทำมาโดยตลอด การปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายในวันนี้ เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่องป้องกันอาชญากรรมและก่อเหตุความไม่สงบ และในวันนี้กระจายกำลังไป 9 จุด ซึ่งเป้าหมายคือกลุ่มค้ายาเสพติดและคดีความมั่นคงจึงได้ขอกำลังเสริมจากหน่วยอริทราชตำรวจท่องเที่ยว เจ้หน้าที่ทหารจาก ร.12 พัน2.รอ. โดย ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ 3 ราย
 
ขณะที่ สำนักข่าวไทย รายงานว่า รักษาราชการแทนผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ซึ่งสนธิกำลังกันระหว่างตำรวจท้องที่ เข้าตรวจค้นตามจุดต่างๆ ในพื้นที่นครบาล 4 ระบุว่าเป็นการปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมตามปกติ ไม่เกี่ยวข้องกับการข่าวที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุคาร์บอมบ์ 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดังกล่าว ส่วนการเฝ้าระวังรถต้องสงสัยที่จะก่อเหตุคาร์บอมบ์นั้นทุกหน่วยงานได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่แล้ว

ประยุทธ์ชวนถวายพระพรให้ "ในหลวง" มีพระพลานามัยแข็งแรง ย้ำไทยต้องอยู่กับสถาบันฯ


เพจดังชวนสวด 'โพชฌังคปริตร' ตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพร และร่วมใจกัน "สวมเสื้อสีชมพู " ให้ชมพูทั้งประเทศ เพื่อเสริมดวง เสริมบารมีพระองค์ท่าน ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว
11 ต.ค. 2559 วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Wassana Nanuam' ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เชิญชวนประชาชนคนไทย ร่วมถวายพระพร ให้ "ในหลวง" ทรงมีพระพลานามัยแข็ง พร้อมยืนยันประเทศไทย ต้องอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนนำครม.ไปลงนามถวายพระพร ที่ ศาลาสหทัยสมาคม ณ พระบรมมหาราชวัง
ขณะที่เพจดังอย่าง Siriwanna Jill - New โพสต์ข้อความเชิญชวนตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพร และร่วมใจกัน "สวมเสื้อสีชมพู " ให้ชมพูทั้งประเทศ เพื่อเสริมดวง เสริมบารมีพระองค์ท่าน ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว
วานนี้ เพจ เครือข่ายเฝ้าระวัง พิทักษ์และปกป้องสถาบันฯ โพสต์ข้อความเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยทุกท่านร่วมสวดบทโพชฌังคปริตร ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระอาการดีขึ้น หายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน ด้วยเช่นัน

ประยุทธ์เตือนระวังการเสนอข่าวคาร์บอมบ์ ทำปชช.ตระหนก ภาพลักษณ์ประเทศเสีย



ครม.อนุมัติชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยครอบครัวละ 3,000 บาท แล้ว ขอระวังการกระจายข่าวคาร์บอมบ์ ทำประชาชนตระหนก ภาพลักษณ์ประเทศเสีย ยัน จนท.ดำเนินงานกันอย่างเต็มกำลัง 
 
 
11 ต.ค. 2559 เมื่อเวลา 13.45 น. ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงข่าวการแจ้งเตือนการก่อเหตุความไม่สงบที่อาจจะเกิดขึ้นว่า รัฐบาลได้รับการแจ้งเตือนการวางระเบิดมาโดยตลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบสวนทางด้านการข่าวแล้ว จึงขอให้ระมัดระวังในการกระจายข่าวที่อาจจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนจนมากเกินไป อีกทั้งจะก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์แก่ประเทศได้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินงานกันอย่างเต็มกำลัง และจะมีการแจ้งให้ทราบอย่างต่อเนื่อง
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน และยังไม่ทราบว่าการแจ้งเตือนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัดเมื่อวันที่ 11-12 สิงหาคมที่ผ่านมาหรือไม่ เนื่องจากต้องรอให้การข่าวทำงานก่อน ขณะเดียวกันขออย่าให้ความสำคัญว่าการแจ้งเตือนจะเชื่อมโยงสอดคล้องกับวันคล้ายวันสถาปนาของกลุ่มบีอาร์เอ็น
 
“อย่าให้ความสำคัญ ไม่อยากพูดเป็นประเด็นรุงแรง เดี๋ยวจะทำให้เกิดการตอบโต้กันไปมาอีก” พล.อ.ประยุทธ์  กล่าว
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปถึงเรื่องการชดเชยเยียวยาให้เกษตรกรที่ประสบอุทกภัยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติให้ ครอบครัวละ 3,000 บาท แล้ว ในส่วนของเกษตรกรที่ตกค้างนั้น เจ้าหน้าที่กำลังเร่งพิจราณาตามขั้นตอน และจะมีการแจ้งให้ทราบโดยเร็ว สำหรับการแก้ปัญหาอุทกภัยนั้น นายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ได้ทำการกักเก็บน้ำและปล่อยน้ำออกจากไร่อย่างเป็นระบบตามแผนการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งอาจจะต้องมีพื้นที่ทางการเกษตรบางแห่งที่จะเกิดผลกระทบ แต่รัฐบาลได้มีมาตรการรองรับไว้แล้ว รวมทั้งมีมาตราการเยียวยาพื้นที่ทางการเกษตรอย่างต่อเนื่องด้วย ทั้งหมดนี้ เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างเชื่อมโยงเพื่อประโยชน์ของประชาชน ควบคู่กับการสั่งให้มีการตรวจสอบสาเหตุการตายของปลากระเบนยักษ์และสัตว์น้ำทั้งหมด เพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงคุณภาพน้ำและธรรมชาติอีกด้วย
 

ศานิตย์ วอนปชช.อย่าวิตก

ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประชุม ร่วมกับ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการ ที่รับผิดชอบด้านความมั่นคง และตำรวจ 191 หลังการข่าวแจ้งเตือน จะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณทลใน  ระหว่างวันที่ 25-30 ตุลาคมนี้  เบื้องต้น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการให้ทุกพื้นที่เตรียมพร้อมกำลัง และให้ผู้บังคับการทุกพื้นที่ ลงไปเอ็กซเรย์พื้นที่  ขับเคลื่อนกำลังพล ทั้ง 88 สน. ตรวจสอบ ให้ทุกพื้นที่เป็นเซฟตี้โซน  และเน้นตรวจตราแหล่งพักพิง อาทิ หอพัก อพาร์ทเม้นท์ โรงแรม  อู่ซ่อมรถยนต์  ร้านขายเคมีภัณฑ์  ว่ามีบุคคลแปลกหน้า ชาวต่างชาติมาพักอาศัย มาดัดแปลงรถยนต์ หรือไม่ และให้รายงานข้อมูลและรูป ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์  ให้รับทราบทุกวัน
 
นอกจากนี้ ตำรวจจะสนธิกำลังร่วมกับอาสาสมัครตำรวจบ้าน (Home guard) ช่วยสอดส่องดูแลทุกพื้นที่ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ   และขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ยืนยันว่ารัฐบาล ทหาร ตำรวจ พร้อมดูแลประชาชนอย่างเต็มที่

ศาลอาญาสั่งถอนประกันตัว จตุพร แกนนำ นปช. นอนคุกทันที


ศาลอาญานัดฟังคำสั่ง หลังอัยการร้องถอนประกันตัว 5 แกนนำ นปช. เหตุพูดพาดพิงประเด็นทางการเมือง สั่งถอนประกัน จุตพร พรหมพันธุ์ นำตัวเข้าเรือนจำทันที ที่เหลือรอด ด้านณัฐวุฒิระบุ ขอวางชีวิตกับอิสระภาพเอาไว้บนเส้นทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
11 ต.ค. 2559 ที่ศาลอาญา รัชดา เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญามีคำสั่งถอนประกันคดีก่อการร้าย ตู่ จตุพร แกนนำนปช. เหตุออกทีวีวิจารณ์บุคคลอื่นจนเกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง และมีถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรงกระทบความรู้สึกของประชาชน
การคำสั่งถอนประกันตัวชั่วคราวดังกล่าวเป็นไป การร้องขอของพนักงานอัยการโจทก์ ในคดีก่อการร้าย เลขดำ อ.2542/2553 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ในศาลอาญา โดยอัยการได้ยื่นขอให้เพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวของ วีระ หรือ วีระกานต์ มุสิกพงษ์ จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เหวง โตจิราการ และ นิสิต สินธุไพร จำเลยที่ 1-4 และ จำเลยที่ 8 ตามลำดับ
โดยอัยการกล่าวอ้างในคำร้องว่า จำเลยที่ 2 พูดในทางเสียดสี ประชดชัน ตำหนิการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ บิดเบือนการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี  กล่าวหาหน่วยงานของรัฐกระทำโดยมิชอบ คุกคาม และกดดันการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ พูดโจมตีบุคคลต่างๆ ในลักษณะดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท พูดยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดมเพื่อให้เกิดความปั่นปวนในบ้านเมือง และจำเลยทั้ง 5 โต้แย้งคัดค้านเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญผ่านรายการโทรทัศน์ทางสถานนีโทรทัศน์ Peace TV และสื่อสาธารณะอื่นๆ ซึ่งถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลที่กำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว
ศาลได้วินิจฉัยแล้วว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีการออกรายการทางโทรทัศน์ และมีการเผยแพร่ทางสื่อสาธารณะอื่น โดยพูดกล่าวพาดพิงบุคคลอื่นในอันที่จะส่อให้เกิดความเสียหายต่อเกียรติยศ และชื่อเสียง และมีข้อความค่อนข้างรุนแรง หรืออาจกระทบต่อกระเทือนต่อความรู้สึกของประชาชนที่ได้รับทราบข้อความดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลที่ถูกพาดพิง ถือว่าจำเลยที่ 2 กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวตามที่ศาลกำหนดไว้ ส่วนการกระทำของจำเลยที่ 1 , 3 , 4 และ 5 เป็นการแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต และความเป็นธรรมตามวิสัยของประชาชนทั่วไปยังไม่ถึงกับเป็นการดูหมิ่น หรืออาจกระทบต่อสิทธิ เกียรติยศ หรือชื่อเสียง และความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น
ที่มาภาพจาก : เพจ Banrasdr Photo
ด้าน ณัฐวุฒิ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เคารพในคำวินิจฉัยของศาล แต่อย่างไรก็ตามเชื่อมั้นว่าการแสดงความคิดเห็นเรื่องประชาธิปไตย เรื่องสิทธิเสรีภาพ เป็นสิ่งที่กระทำได้ และยืนยันจะทำหน้าที่ต่อไป สำหรับเรื่องเงือนไขการประกันตัวเป็นสิ่งที่เคารพมาโดยตลอด และไม่จะทำให้ผิดเงื่อนไขการประกันตัว พร้อมทั้งฝากไปยังประชาชนที่ต่อสู้ร่วมกันมาว่า วันนี้คือความสูญเสียครั้งสำคัญของ นปช. แม้จะไม่ใช่การสูญเสียชีวิต แต่การสูญเสียอิสระภาพ สูญเสียเสรีภาพในการแสดงออก ก็ถือว่าเป็นเรื่องหนักหนา
“อย่างไรก็ตาม ตัวคุณจตุพร ยังคงเข้มแข็ง และให้กำลังใจพวกเราข้างนอกให้สู้ต่อไปตลอดเวลา ตอนระยะเวลาที่ผ่านมาใน
ฐานะประธาน นปช. คุณจุตพร พรหมพันธุ์ ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ และสง่างามมาโดยตลอด พวกผมภูมิใจที่มีประธาน นปช. ชื่อจตุพร พรหมพันธุ์” ณัฐวุฒิ กล่าว
ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ขอให้ประชาชนอดทน และตั้งสติให้มั่น ความสูญเสียและความเจ็บปวด จะต้องแปรเปลี่ยนให้เป็นพลังเพื่อที่จะเดินหน้าต่อไปให้ได้ โดยวันนี้เป็นอีกบททดสอบหนึ่งของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่เดินหน้ามากว่า 10 ปี ว่าเราจะแข็งแรงพอที่จะเดินต่อไปหรือไม่
“วันนี้เป็นคิวของ จุตพร พรหมพันธุ์ ผมก็ไม่แน่ใจว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับใครอีกบ้าง แต่ก็ขอวางชีวิตกับอิสระภาพเอาไว้บนเส้นทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เราจะยืนอยู่ที่เดิมจนกว่าคนชื่อจตุพร พรหมพันธุ์ จะได้รับอิสระภาพ และกลับมาต่อสู้ร่วมกันอีกครั้ง” ณัฐวุฒิ กล่าว
โดยในช่วงบ่ายวันนี้ ณัฐวุฒิ เผยว่า จะเดินทางไปเยียม จตุพร ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และเตรียมแนวทางการต่อสู้ด้านคดีความต่อไป โดยเบื้องต้นจะยื่นหลักฐานเพื่อขอประกันตัวอีกครั้ง
ที่มาภาพจาก : เพจ Banrasdr Photo
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากศาลวินิจฉัยเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ควบคุมตัว จตุพร ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที โดยไม่อนุญาตให้แกนนำ และประชาชนที่มารอให้กำลังใจได้เข้าเยียมจตุพร
ด้าน วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจากสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า จตุพรจะถูกขังยาวหรือไม่เพียงไรอยู่ที่ศาลจะพิจารณาว่ารับผลจากเหตุที่ถูกถอนประกันพอประมาณหรือยัง ทีมทนายคาดว่าหลังจาก 2 สัปดาห์ผ่านไปจะร่วมกันพิจารณาอีกครั้งถึงการยื่นประกันตัว จตุพร
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2559 ก่อนขึ้นห้องพิจารณาคดี จตุพร ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ถูกยื่นเพิกถอนประกันตัว ครั้งนี้ เริ่มต้นจากการที่พระพุทธอิสระ ยื่นหนังสือขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ดำเนินการ ยื่นหนังสือขอให้อัยการยื่นเพิกถอนการประกันตัว รวมถึงตั้งข้อสังเกตถึงการดำเนินการครั้งนี้