วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

คำ ผกา : ปรากฏการณ์เขื่อน

คำ ผกา : ปรากฏการณ์เขื่อน

          เรื่องพิลึกพิลั่นของการ “ค้านเขื่อน” ที่เกิดขึ้นกับเขื่อแม่วงก์ล่าสุดและน่าสนใจสำหรับฉันอย่างเป็นส่วนตัวและเขียนจากอคติล้วน ไร้หลักการ ไร้หลักวิชา แต่อยากแลกเปลี่ยน มีดังนี้
  1. เอ็นจีโอ นักอนุรักษ์ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม นักวิชาการด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมหัวก้าวหน้า “ฟันธง” มากว่าสามสิบปีแล้วกระมังว่า “เขื่อน” ไม่แก้ปัญหาน้ำท่วม เขื่อนไม่แก้ปัญหาฝนแล้ง เขื่อนทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งเรื่องทรัพยากร ทำลายป่า ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชน สร้างผลประทบต่อระบบนิเวศน์ฯ
  2. การประท้วงเขื่อนที่ผ่านมาทุกเขื่อน – ชนชั้นกลาง โดยเฉพาะชนชั้นกลางในเมือง (ยกเว้นชนชั้นกลางข้อ 1) มักประนามชาวบ้านที่ออกมาต้านเขื่อนว่าเป็น “ม็อบรับจ้าง”
  3. ม็อบต้านเขื่อนที่สู้มายาวมากและปรากฎตัวต่อสื่อเยอะมาก มีพลังมากคือ ม็อบเขื่อนปากมูล และเราคงจำเรื่องราวของยายไฮได้
  4. การเกี้ยเซี้ยเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาเรื่องปากมูล เอ็นจีโอระดับนำ, แกนนำชาวบ้าน ถูกดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย สสส. หมอประเวศ อานันท์ – ผ่านโครงการว่าด้วยเกษตรหมุนเวียน โรงสีชุมชน การพึ่งตนเอง ภูมิปัญญาชาวบ้าน – นักต่อสู้ “ชาวบ้าน” หลายคนมีศักยภาพสูงมากจนเปลี่ยนจาก “ชาวนา” “ชาวประมง” เป็นนักกิจกรรม, นักพูด ในฐานะตัวแทนภูมิปัญญาและพลังท้องถิ่น – หลายคนที่แขกเคยพบปะ กลายเป็นนักพูดเรื่องเกษตรหมุนเวียนที่มีงานหลักคือเป็นวิทยากรมากกว่าทำการเกษตร
  5. โดยไม่ทันตั้งตัว นักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม เอ็นจีโอ แกนนำชาวบ้าน  - ซึ่งน่าจะเป็นฝ่ายซ้าย – บอกตัวเองว่าชูธงอุดมการณ์เศรษฐกิจแบบซ้าย ต่อต้านทุนนิยม ระบบตลาดเสรี ปฎิเสธอำนาจรัฐ ต้องการตรวจสอบนักการเมืองและการเมืองระบบรัฐสภา – ถูกดูดกลืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอุดมการณ์ “อนุรักษ์นิยม” ที่ไม่ใช่ ลูกเสือชาวบ้าน แต่ผ่านองค์กรที่ดูใสสะอาด ปราศจากมลทิน เคร่งศีลธรรม เน้นการชำระจิตวิญญาณ อ้างถึงการพัฒนาจิตใจเหนือวัตถุ รักชาวบ้าน ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ อย่าง สสส.
  6. เกือบทั้งหมดของกลุ่ม เอ็นจีโอ นักกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม แกนนำชาวบ้านที่ต้านเขื่อน สู้เพื่อคนจน สู้เพื่อการปฏิรูปที่ดิน โฉนดชุมชน เข้าร่วมต่อสู้ทางการเมืองกับ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีพรรค กรีน ของเยอรมันเป็น “ความฝัน”
  7. มีการต้านเขื่อนอีกเนืองๆแต่ไมได้รับความสนใจจากชนชั้นกลางนัก เช่น กรณีเขื่อนแก่งเสือเต้นที่สู้มายาวนาน
  8. คุณศศิน เฉลิมลาภ (สังกัดข้อที่ 1) เกาะติดเรื่องเขื่อนแม่วงก์มายาวนานและมุ่งมั่นตรวจสอบกรณีการสร้างเขื่อนนี้
  9. ผู้สนับสนุนการสร้างเขื่อนมายาวนานและร่วมต้านเขื่อนกับข้อที่ 1 มาโดยตลอดจำนวนหนึ่ง ไม่สมาทานอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมแบบ สสส. และหลังการรัฐประหาร 2549 พวกเขาเริ่มตั้งคำถามกับพฤติกรรมสมุนเผด็จการภายใต้หน้ากากธรรมะของ สสส. – คนกลุ่มนี้ตั้งคำถามกับเขื่อนต่างออกไป นั่นคือ เชื่อมโยงเรื่องเขื่อนกับ “อำนาจนำสูงสุด” ของรัฐไทยนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 2500 เป็นต้นมา มากกว่าจะมองว่าเขื่อนเกิดจากความเหี้ยของรัฐบาล
  10. ชนชั้นกลางจำนวนมากที่เคยออกมาด่าม็อบปากมูล ม็อบแก่งเสือเต้นว่าเป็นม็อบรับจ้าง ได้ออกมาร่วมกับคุณศศิน ต่อต้านเขื่อนแม่วงก์และเลือดรักป่ารักธรรมชาติพลุ่งพล่านเดือดดาลอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน (ถ้าพวกเขาร้อนรุ่มได้สักครึ่งหนึ่งของตอนนี้แล้วไปช่วยม็อบปากมูลในเวลานั้นบ้าง ยายไฮคงไม่ต้องมานั่งทุบเขื่อนกับมือ)
  11. ปราโมทย์ ไม้กลัด นักสร้างเขื่อนตัวยง กลายมาเป็นนักต้านเขื่อนผู้แข็งขัน (กลับตัวกลับใจ? หรืออะไร?)
  12. กรณีแม่วงก์ต่างจากปากมูลตรงที่ กรณีปากมูล คนในพื้นที่ไม่เอาเขื่อน แต่คนนอกพื้นที่บอกว่า คนปากมูลเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน (หาปลา) มากกว่าประโยชน์ส่วนรวม (ไฟฟ้า, ชลประทาน) กรณีแม่วงก์คนในพื้นที่อยากได้เขื่อน โดนด่าเหมือนกันว่าเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ส่วนรวม  (ไม่รักษาป่าเพื่อสมดุลย์ของระบบนิเวศน์)

สรุป
นักต้านเขื่อนมีทั้งนักอนุรักษ์ไร้สีมีทั้ง นักต้านเขื่อนเสื้อแดง เรียกร้องหามาตรฐานเดียวในการสร้างเขื่อน อยากให้สาวถึงต้นตอเขื่อนและต้านทุกเขื่อน อย่าต้านเพียงเพราะเกลียดปลอดประสพและเกลียดอีปูมึง และมีทั้ง นักเพื่งจะเริ่มต้านเขื่อนแม่วงก์ เพราะ มึง อีปูคนเดียว เกลียดพรรคเพื่อไทย นักการเมืองแม่งโกงทั้งชาติ ใครสร้างเขื่อน ทำลายสัตว์ป่าของให้โคตรเหง้ามันฉิบหาย –  ตัวอิฉันฟังแล้วจะเป็นลม อะไรจะดุเดือดขนาดนั้น ยายไฮ ทุบเขื่อนด้วยมือยังไม่เคยว่าใครแรงๆ ขนาดนั้นเลย

หมายเหตุกองบรรณาธิการประชาไท: ข้อมูลที่ถูกต้องเรื่องเขื่อนที่นางไฮ ขันจันทา ทุบคือ เขื่อนห้วยละห้า 

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ: เขื่อนแม่วงก์กับคนเสื้อแดง

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ: เขื่อนแม่วงก์กับคนเสื้อแดง

          ข้อมูลจากคุณนณณ์ ผาณิตวงศ์ อธิบายว่าเขื่อนแม่วงก์เป็นเขื่อนที่มีปริมาณกักเก็บน้ำ 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ค่าก่อสร้างปัจจุบัน อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท จะก่อให้เกิดน้ำท่วม 2 % ของป่าแม่วงก์ แต่บริเวณนี้เป็นป่าที่ราบริมน้ำซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการหากินและ ขยายพันธุ์ของสัตว์ป่าในฤดูแล้ง ในปัจจุบันประเทศไทยเหลือป่าในพื้นที่ราบอยู่น้อยมาก การสร้างเขื่อนทำให้ป่าถูกทำลาย 13,000 ไร่ เป็นไม้ใหญ่ 500,000 ต้น เป็นไม้สัก 50,000 ต้น ป่าแม่วงก์เป็นแหล่งสัตว์อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าราว 549 ชนิด ปลา 64 ชนิด ที่จะได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน การต่อต้านการสร้างเขื่อน จึงเป็นการรักษาป่าไม้และสภาพธรรมชาติเอาไว้
        ปรากฏว่า ในวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน เวลาราว 15.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ เสื้อแดงกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(กวป.) ได้จัดงาน“เปิดโปง สนับสนุน ผลักดัน” ในโอกาส 7 ปี รัฐประหาร เพื่อต่อต้านองค์กรอิสระและสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 และผลักดันจัดตั้งสภาประชาชนแห่งประเทศไทย” ซึ่งไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคัดค้านเขื่อนแม่วงก์ 
         แต่สำนักข่าวทีนิวส์ ได้รายงานว่า ขณะที่กลุ่มคัดค้านเขื่อนแม่วงก์เคลื่อนขบวนมานั้น “ได้มีกลุ่มเสื้อแดงชูป้ายสนันสนุนการสร้างเขื่อนแม่วงก์ หวังความปั่นป่วนขึ้น ที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์  แต่ในเวลานี้ยังไม่มีเหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้น พร้อมกับเสนอภาพกลุ่ม กวป. ที่ชุมนุมหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ทั้งที่เส้นทางเคลื่อนขบวนของกลุ่มต่อต้านเขื่อนก็ไม่ได้ผ่านเซนทรัลเวิร์ด หมายถึงว่า สำนักข่าวทีนิวส์เสนอข่าวโดยไม่ต้องมีข้อเท็จจริง ต่อมา จึงลบข่าวนี้ออกไป แต่ยังลงอีกข่าวว่า "สมศักดิ์ เจียมเฮี้ยนไม่เลิกฉะพวกค้านเขื่อนแม่วงก์อีเดียด ขณะเพจแดง ไล่ไปค้านยึดภูเขา ยึดสปก. พร้อมเย้ยถ้าไม่สร้างเขื่อน จะรักษาป่าได้ไหม” ทั้งที่ในเนื้อข่าว ก็ไม่มีสาระที่จะชี้ได้ว่า สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลจะไปโจมตีพวกต่อต้านเขื่อนแต่อย่างใด เพียงแต่ยกเพจคนเสื้อแดงมาพียงกรณีเดียวมาอ้างว่าคนเสื้อแดงสนับสนุนการสร้างเขื่อน
           ต่อมา สำนักข่าวไทยโพสต์ได้นำข่าวคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์ไปรายงานต่อโดยพาดหัวว่า  “สุดอุบาทว์ เสื้อแดงนำคนมาต้านพร้อมสนับสนุนให้สร้าง” นอกจากนี้ ยังลงอีกข่าวในพาดหัวว่า ภาพชัดๆ!! เนติวิทย์ เด็กติ่งแดง ร่วมค้านเขื่อนแม่วงก์” โดยอธิบายในเนื้อข่าวว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล บุคคลที่เคยสนับสนุนให้ปฎิรูปการศึกษา และข้อเสนอให้ยกเลิกความเป็นไทย ล่าสุด ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเข้าร่วมกับกลุ่มคัดค้านเขื่อนแม่วงก์ของนาย ศศิน ซึ่งแนวคิดต่างจากพวกเสื้อแดงและรัฐบาล
            สรุปแล้วสื่อมวลชนฝ่ายขวาเหล่านี้ พยายามสร้างภาพให้ได้ว่า คนเสื้อแดงจะต้องหนุนการสร้างเขื่อน ถ้าใครที่มีแนวโน้มทางเสื้อแดงมาต่อต้านเขื่อนหมายถึงแหกคอก และการเสนอข่าวเหล่านี้ก็ไม่ต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่รอบด้านอะไร แต่ใช้วิธีการสื่อสารมวลชนที่เรียกว่า”เต้าข่าว”เป็นหลัก
        ก่อนอื่นผู้เขียนเองในฐานะคนเสื้อแดงระดับ “กระบือแดง” คนหนึ่ง ต้องขอเรียนให้ทราบว่า กลุ่มคนเสื้อแดงนั้นเป็นคนกลุ่มใหญ่ จึงมีความเห็นที่หลากหลายได้ ไม่มีความจำเป็นเลยที่คนเสื้อแดงทั้งหมดจะต้องเห็นด้วยกับเขื่อนแม่วงก์ ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ไม่เคยเอาเขื่อนเสมอมา สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล บก.ลายจุด หรือแม้กระทั่งแกนนำ นปช.ก็ยังไม่มีใครสักคนที่ออกมาแถลงสนับสนุนเขื่อนแม่วงก์ แต่แน่นอน มีคนเสื้อแดงและ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลบางส่วน สนับสนุนการสร้างเขื่อน ซึ่งคงไม่อาจสรุปเป็นระเบียบวาระอันชัดเจนได้ว่า คนเสื้อแดงจะต้องเอาเขื่อนแม่วงก์ ความเชื่อที่ว่า คนเสื้อแดงจะต้องสนับสนุนรัฐบาลทุกเรื่องทุกนโยบาย เป็นเรื่องเข้าใจเอาเองของพวกสื่อฝ่ายขวาและกลุ่มสลิ่มหลากสี เพราะพวกนี้ไม่เคยสนใจว่า คนเสื้อแดงจำนวนมากไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐบาลในเรื่องคุมขังนักโทษการเมือง วางเฉยต่อเรื่องมาตรา 112 และปฏิรูปการเมืองล่าช้า และเรื่องคนเสื้อแดงติดคุกจะกลายเป็นประเด็นแตกหักระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดงจำนวนมากเสียด้วยซ้ำ ที่เป็นดังนี้เพราะสื่อฝ่ายขวาและกลุ่มสลิ่มหลากสี ก็ไม่เคยจนในประเด็นสิทธิของประชาชนเช่นกัน
         สำหรับเรื่องเขื่อนแม่วงก์ ขอให้ลองมาดูข้อมูลอีกด้านหนึ่ง จากรายงานข่าวเมื่อวันที่ 21 กันยายนว่า นายประสาท ตันประเสริฐ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคชาติพัฒนา ได้นำกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อ.ลาดยาว อ.แม่วงก์ อ.ชุมตาบง อ.แม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ ประมาณ 50 คน ยื่นหนังสือสนับสนุนการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยนายประสาท กล่าวว่า จะมีการจัดการชุมนุมรวมพลคนรักเขื่อน บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอแม่วงก์ ซึ่งตนคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมในหลักหมื่น และอยากเชิญให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี ไปพบกับประชาชนผู้ชุมนุมด้วย
          สำหรับ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย ได้อธิบายข้อมูลว่า เขื่อนแม่วงก์เคยเสนอเมื่อ 15 ปีก่อน ในฐานเขื่อนชลประทาน โดยกรมชลประทานประเมินไว้ว่าจะสามารถส่งน้ำไปในพื้นที่เกษตรได้สามแสนไร่ เวลานั้นก็ถูกคัดค้านเพราะทำให้สูญเสียป่าหมื่นกว่าไร่ สัตว์ป่าก็ต้องหนีน้ำท่วมจึงไม่คุ้มกับการสร้างเขื่อน ในขณะนั้น คุณปลอดประสพเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ก็ ไม่เชื่อว่าโครงการนี้จะเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ เพราะพื้นที่ในจังหวัดอุทัยธานี นั้น เป็นพื้นที่ชัน ไม่มีพื้นที่ชลประทาน คุณปลอดประสพก็คัดค้านด้วย โครงการก็ล้มไป แต่มาวันนี้โครงการเขื่อนถูกรื้อฟื้น เพราะแม่น้ำแม่วงก์ไหลลงแม่น้ำสะแกกรัง และมาไหลลงเจ้าพระยา ในฤดูน้ำ จะมีน้ำทั้งจากแม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน รวมทั้งแม่น้ำสะแกกรังมาลงแม่น้ำเจ้าพระยา จนแม่น้ำเจ้าพระยารับไม่ไหว การสร้างเขื่อนรับน้ำไว้ก่อน จะเป็นการช่วยภาระของเขื่อนชัยนาท เพื่อจะบรรเทาน้ำท่วมในที่ลุ่มแม่น้ำ คือ ปทุมธานี สิงห์บุรี อ่างทอง และ อยุธยา คุณปลอดประสพเห็นว่า การบรรเทาน้ำท่วมเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพราะความเสียหายจากน้ำท่วมเมื่อ พ.ศ.2554 เป็นจำนวน 1.4 ล้านล้าน เป็นเรื่องมโหฬารมาก รัฐบาลจึงต้องวางแผนในการแก้ไข ส่วนที่ผู้คัดค้านเห็นว่า เขื่อนแม่วงก์กักเก็บน้ำได้น้อย คุณปลอดประสพอธิบายว่า “ไปคิดแบบนั้นไม่ได้ เพราะเขื่อนเล็กเขื่อนใหญ่ มารวมกัน ก็จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ทุกเขื่อนเล็กใหญ่มีความสำคัญเท่ากัน” ในกรณีที่ทำให้ป่าเสียหาย ก็สามารถทำโครงการฟื้นฟูป่าโดยการปลูกทดแทน 3 เท่า ก็จะมีป่าที่สมบูรณ์ขึ้นได้
           สรุปแล้ว เรื่องเขื่อนแม่วงก์คงจะเป็นประเด็นที่ถกเถียงและรณรงค์กันต่อไป แต่อยากจะเสนอให้รณรงค์โดยพิจารณาคนที่เห็นต่างกันในฐานะที่เป็นมนุษย์ การไม่เห็นด้วยกับคุณปลอดประสพคงไม่เป็นปัญหา แต่ไม่ควรใช้วิธีลดคุณค่าความเป็นมนุษย์(dehumanize)ทั้งคุณปลอดประสพและคนเสื้อแดง และต้องช่วยกันปฏิเสธสื่อเต้าข่าว สังคมไทยก็จะอุดมสติปัญญาขึ้นได้
  
ที่มา: โลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ 431  28 กันยายน 2556

"พานทองแท้" FB หนุน "ยิ่งลักษณ์" สร้างอนาคตไทย2020


"พานทองแท้" FB หนุน "ยิ่งลักษณ์" สร้างอนาคตไทย2020

           วันที่ 27 กันยายน 2556 (go6TV) – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวhttps://www.facebook.com/oakpanthongtae โดยมีเนื้อหาดังนี้




         "โอ๊คเอ๊ย..แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งกับคนหน้าด้าน อย่าไปแข่งนะลูก ต่อให้เราชนะมา มันยังบอกว่า ถ้วยทองเป็นของมันเลย"


         ผมเล่าคำสอนนี้ของพ่อ ให้"นายกฯปู"ฟังวันก่อน ท่านก็บอกจริงด้วยๆและหัวเราะชอบใจ แล้วจู่ๆท่านไปพูดเรื่อง "สร้างอนาคตไทย2020" โลโก้ข้างหลังท่านก็เปลี่ยนไปดังรูปที่โพสต์นี้ครับ 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5

"อาปูน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยเสียเวลาจะไปทะเลาะ ไม่ไปทำเรื่องไร้สาระ ไม่ไปแย่งอะไรกับคนอื่นแบบนี้เสมอ"


-------------------------------------------------
         เอาละครับ..!! สมมุติผมเชื่อ ว่าพรรคประชาธิปัตย์ คิดนโยบายของตัวเองเป็น ภายใต้ชื่อว่า "โครงการสร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง2020"


          และสมมุติว่าผมเชื่ออีกว่า ชื่อโครงการนี้ บังเอิญมาเหมือนกับ "โครงการสร้างอนาคตไทย 2020" ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย กำลังออกแคมเปญอยู่..!! (ผิดตรงที่ของแท้ไม่มีคำว่า "เข้มแข็ง" เท่านั้น)


          ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มคิดนโยบายเองเป็นแล้ว พี่น้องไทยทุกคนควรจะไชโยโห่ร้อง ด้วยความดีใจกันได้ว่า การเมืองไทยตั้งแต่นี้ไป น่าจะหันหน้ามาแข่งขันกัน ในเชิงสร้างสรรค์ได้แล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีประเภทที่ เดินสายโกหกปลุกระดม แอบหนุนหลังม๊อบปิดประเทศ ป่วนสภาขว้างปาสิ่งของ และด่าทอกันด้วยถ้อยคำถ่อยๆเช่น อีโง่ เหี้ย กระหรี่ พวกนี้จะต้องไม่มีเด็ดขาด


          ประเทศชาติจะเดินหน้าได้เต็มที่ครับ หลังจากการเมืองงมโข่งกันมากว่า 60 ปี คนไทยเรามีความสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลก ถ้าหลุดพ้นจากนักการเมืองน้ำเน่าไปได้ เราจะได้เป็นมหาอำนาจกันก็คราวนี้ คำที่เคยได้ยินมาว่า "ประชาธิปัตย์ชื่อเดียวล่มจมทั้งประเทศ" หรือ"พรรคประชาวิบัติ" ก็จะไม่มีให้ได้ยินอีก หรือเทคนิคทางการเมืองประเภท จ้างคนไปตะโกนในโรงหนังว่า ปรีดีฆ่าในหลวง, หรือปล่อยวาทะกรรมเช่น จำลองพาคนไปตาย ก็จะหายไปจากการเมืองไทย


         60 กว่าปีที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกตั้งขึ้นมา ประวัติศาสตร์ที่เคยจารึกไว้ว่าเป็นพรรคการเมือง ที่ช่ำชองการใช้สำนวนโวหาร และพูดจาโน้มน้าวบิดเบือนความคิดคน ให้คล้อยตามเห็นด้วยกับตน กำลังจะเปลี่ยนมาเป็นพรรคที่ช่างคิด,ช่างทำ คนไทยจะได้รู้จักโครงการอื่นๆในตระกูล "ไทยเข้มแข็ง"มากขึ้นกว่าโครงการเดิมๆ ที่คุ้นชินกันดีเช่น เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท, ไข่ไก่ชั่งกิโลขาย, ชุมชนพอเพียง และโรงพักเข้มแข็ง


          อย่างน้อยตอนนี้ก็มี 1โครงการแล้ว ที่พรรคประชาธิปัตย์คิดเองได้ โดยไม่ได้ก๊อปปี้ใครมาเลย ซ้ำคนอื่นแค่เพียง คำว่า อนาคตไทยเหมือนกัน เสร็จในปี2020พร้อมกัน และใช้งบประมาณ 2ล้านล้านเท่ากันเป๊ะ เท่านั้นเอง


         ประเทศไทยเราได้จะหลุดพ้น ออกจากวงจรการเมืองน้ำเน่า ที่จมปลักอยู่มานานกว่า 60 ปีเสียที แบบนี้ต้องฉลองกันหน่อยคร๊าบบบ....พี่น้อง..!!


ฮิ้วววววววว...!!!

ดีเอสไอส่ง 12 สำนวนเสื้อแดงตาย ให้ตำรวจนครบาลสอบสวนเพิ่มเติม


ดีเอสไอส่ง 12 สำนวนเสื้อแดงตาย ให้ตำรวจนครบาลสอบสวนเพิ่มเติม


          วันที่ 25 กันยายน 2556 (go6TV) - เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งสำนวนคดีเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 กลับมาให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สอบสวนเพิ่มเติม 12 สำนวน จำนวน 2 แฟ้ม 808 หน้า ภายหลังจากที่ พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานน่าเชื่อได้ว่า เป็นกรณีที่ความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่


         ดังนั้น ดีเอสไอ จึงขอส่งสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพดังกล่าว และบัญชีรายละเอียดผู้เสียชีวิตระหว่างการชุมนุม เพื่อให้บช.น.พิจารณามอบหมายให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ศพนั้นอยู่ พิจารณาสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนนำหลักฐานทั้งหมดให้พนักงานอัยการพิจารณาดำเนินการส่งศาลไต่สวนตามกฎหมายต่อไป


         สำหรับ 12 สำนวน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งให้บช.น.นั้น เป็นกลุ่มผู้เสียชีวิตบริเวณซอยรางน้ำ ย่านถนนราชปรารภ ประกอบด้วย


  • 1.น.ส.สัญธะนา สรรพศรี อายุ 32 ปี อาชีพล่าม อยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ 7 ต.บ้านธาตุ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี
  • 2.นายกิตติพันธ์ ขันทอง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/84 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม.
  • 3.นายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ อายุ 17 ปี นักกิจกรรมทางสังคม อยู่บ้านเลขที่ 130 หมู่ 2 ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
  • 4.นายอำพล ชื่นสี อายุ 25 ปี
  • 5.นายอุทัย อรอินทร์ อายุ 39 ปี อาชีพค้าขาย อยู่บ้านเลขที่ 100/246 ซอยประชาอุทิศ 33 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.
  • 6.นายสุภชีพ จุลทัศน์ อายุ 36 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 3 ต.โพเขลา อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
  • 7.นายมนูญ ท่าลาด อายุ 44 ปี อาชีพรปภ. อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ 5 ต.ศรีสำราญ อ.พรเจริญ จ.หนองคาย
  • 8.นายธันวา วงศ์ศิริ อายุ 26 ปี อาชีพค้าขาย อยู่บ้านเลขที่ 322/2 หมู่ 10 ต.ลำภู อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู
  • 9.นายสรไกร ศรีเมืองปุน อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 11 ต.ตะเคียนราม อ.ภูสิงห์ จ.ศีรสะเกษ
  • 10.นายบุญทิ้ง ปานศิลา อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์กู้ชีวิตวชิรพยาบาล อยู่บ้านเลขที่ 60 ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กทม.
  • 11.นายทิพเนตร เจียมพล อายุ 32 ปี อาชีพค้าขาย อยู่บ้านเลขที่ 665 ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม.
  • 12.นายเหิน อ่อนสา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/84 ซอยนวมินทร์ 74 แยก 3-9 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม.


           ด้านพล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รองผบช.ภ.1 ช่วยราชการรองผบช.น. ดูแลด้านงานสอบสวน กล่าวว่า รายละเอียดเกี่ยวกับสำนวนคดีการชันสูตรพลิกคดีเหตุการณ์สลายชุมนุมปี 53 นั้น ต้องรอผลสรุปการหารือกับ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. อีกครั้ง เนื่องจากจะมีการจัดกลุ่มของสำนวนที่จะส่งมา โดยแบ่งตามสถานที่เกิดเหตุทั้งหมด พร้อมทั้งเสนอให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ตั้งคณะพนักงานสอบสวนทำงานเพื่อพิจารณาสำนวนดังกล่าวต่อไป

"นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ส่งสาส์นแสดงความยินดี "สมเด็จฮุนเซน" โอกาสดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอีกสมัย


"นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ส่งสาส์นแสดงความยินดี "สมเด็จฮุนเซน" โอกาสดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอีกสมัย


            วันที่ 25 กันยายน 2556 (go6TV) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีสาส์นแสดงความยินดีไปยังสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาอีกวาระหนึ่ง ความโดยสรุปว่า

           รัฐบาลและประชาชนแห่งราชอาณาจักรไทย ดิฉันขอแสดงความยินดีต่อท่านที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ดิฉันเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศกัมพูชาภายใต้การบริหารของท่านจะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเป็นอย่างดี

          ดิฉันอยากใช้โอกาสนี้รับรองว่ารัฐบาลแห่งประเทศไทยและดิฉัน ยังคงร่วมทำงานอย่างต่อเนื่องไกล้ชิดกับ ฯพณฯท่าน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและสัมพันธ์ที่ดี ดิฉันมั่นใจว่าความสำพันธ์ระหว่างประเทศของเราทั้งสองจะเติบโตต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ และต่อประชาคมอาเซียนในอนาคต

ลงชื่อ

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย

(คำแปลไม่เป็นทางการ)

นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวเปิดงาน "สร้างอนาคตไทย 2020"


นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวเปิดงาน "สร้างอนาคตไทย 2020" 


           วันที่ 26 กันยายน 2556 (go6TV) - นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นประธานกล่าวเปิดงาน “สร้างอนาคตไทย 2020” ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล โดยมีใจความสรุปดังนี้

          “การพัฒนาเครือข่ายคมนาคมของไทยนั้น เริ่มต้นพัฒนาครั้งแรกเมื่อ 117 ปีที่แล้ว สมัยรัชกาลที่ 5 ที่สร้างรถไฟเชื่อมกรุงเทพ-อยุธยา เป็นครั้งแรก เชื่อมคนอยุธยาและคนกรุงเทพให้เดินทางหากัน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนั้น เหมือนกับเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่เดินทางไปยังเมืองต่างๆ เป็นโครงการเพื่อคนไทยทุกคน สามารถช่วยลดความเหลือมล้ำได้

          ที่ผ่านมา ประเทศไทยขาดการลงทุนด้านคมนาคม ดังนั้นเพื่อการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มศักยภาพให้กับประเทศ จึงต้องมีการลงทุนครั้งใหญ่

           ปัจจุบันต้นทุนพลังงานสูงขึ้นมาก การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจึงจะช่วยลดต้นทุนการคมนาคมขนส่ง อีกทั้งเชื่อมโยงอาเซียนไว้ด้วยกันได้ เป็นการลงทุนที่มีทิศทางแน่นอน เพื่อประโยชน์มั่นคงของประเทศในอนาคต อย่ามองแค่การมีรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ถนน แต่ต้องมองดูมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่จะเกิดเช่นสินค้าเกษตร ที่จะขายได้ง่ายและรวดเร็ว ลดต้นทุนด้วย

           เมื่อรถไฟไปถึงที่ใด สินค้าท้องถิ่น โอท็อป จะถูกนำมาขายในสถานี เพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น เราพาผู้บริโภคมาพบผู้ผลิตได้โดยง่าย จะเกิดการลงทุนสร้างพัฒนาโรงพยาบาล สถานศึกษา ศูนย์การค้า ดังนั้น รถไฟจึงเป็นจุดเริ่มต้นการเชื่อมโยงเท่านั้น

          การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นการเชื่อมผู้ผลิตสินค้าเกษตร ไปยังโรงงานผู้ผลิต แปรรูปสินค้า และส่งถึงมือผู้บริโภค ได้รวดเร็วมากขึ้นด้วย

         การลงทุนนี้ นอกเหนือจากเชื่อมสินค้าแล้ว ยังเป็นการเชื่อมธุรกิจบริการ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว แล้วยังเชื่อมโยงธุรกิจภาคบริการ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว หากมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี จุดเชื่อมโยงสะดวก จะทำให้นักท่องเที่ยวอยู่ไทยนานมากขึ้น สร้างรายได้ให้กับประเทศมากยิ่งขึ้น

          ดังนั้น การลงทุนบริหารจัดการน้ำ จะต้องไม่ขัดกับการลงทุนด้านคมนาคม ขณะเดียวกันก็ต้องเชี่ยมโยงเมืองสู่เมือง ภาคสู่ภาค ประโยชน์จะไม่ได้ตกอยู่แค่เมืองที่มีสถานี แต่เมืองอื่นๆที่อยู่รอบสถานีต่างได้รับประโยชน์อย่างถ้วนหน้า

           นอกจากจะเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจแล้ว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยังสร้างความอบอุ่นในครอบครัว การเดินทางไปมาหาสู่กลับบ้าน จะทำได้รวดเร็วและบ่อยมากขึ้น

          อยากให้คนไทยทุกคนช่วยกันวาดภาพอนาคตประเทศไทยปี 2020 ว่าเป็นอย่างไร คุณภาพชีวิตคนไทยจะพัฒนาขึ้นได้อย่างไร และช่วยกันคิดว่า เมื่อโครงสร้างพื้นฐานเสร็จสิ้นในปี 2020 แล้ว ชีวิตคนรุ่นใหม่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรด้วย.



"ม็อบควนหนองหงษ์" ตระบัดสัตย์ สลายตัวชั่วโมงเดียว กลับมาชุมนนุมปิดแยกใหม่


"ม็อบควนหนองหงษ์" ตระบัดสัตย์ สลายตัวชั่วโมงเดียว กลับมาชุมนนุมปิดแยกใหม่

           บรรยากาศการชุมนุมกลุ่มเกษตกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันวันเดียวกัน ที่บริเวณแยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ดร.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ประธานสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย 2556 พร้อมนายสุริยะไสย กะตะศิลา และคณะเดินทางมาเพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุมกันอยู่ เพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปิดถนนตามปกติ


             เวลา 16.00 น. นายภานุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมชาวสวนยางอีกครั้ง โดยนายภานุ ได้ทำความเข้าใจถึงมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล เป็นค่าชดเชย จำนวน 2,520 บาท แก่เกษตรกรชาวสวนยางที่มีสวนยางเปิดกรีดในพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์ รายละไม่เกิน 25 ไร่ ซึ่งเกษตรกรชาวสวนที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าว จะได้รับการช่วยเหลือครบทุกบาทตามจำนวนไร่ที่มี โดยไม่มีการหักค่าภาษี หรือค่าธรรมเนียมใดๆ ตามที่มีการแอบอ้างจากคนบางกลุ่ม ทั้งนี้ หากมีเกษตรกรรายใดประสบกับเหตุการณ์ดังกล่าวจริงก็สามารถเข้าแจ้งกับนายอำเภอในพื้นที่ได้ทันที


           นอกจากนี้ในการเจรจาทางแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นข้อเรียกร้อง คือ ให้ภาครัฐยอมรับว่าการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหายางพาราและปาล์มน้ำมันเป็นการชุมนุมที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550, ทางราชการต้องอำนวยความเป็นธรรมและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ชุมนุม ในเรื่องคดีความ, ทางราชการและตัวแทนประชาชนรับที่จะดูแลในการจัดกิจกรรมเสริมความสัมพันธ์อันดี ระหว่างข้าราชการกับประชาชนในพื้นที่ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม, ให้สภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะคนกลางเข้าช่วยเหลือเรื่องคดีและให้คำปรึกษาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาการชุมนุม และทางราชการยืนยันว่าตั้งแต่ทำบันทึกข้อตกลง จะไม่มีการออกหมายจับในคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม นอกเหนือจากที่ออกไปแล้ว เมื่อวันที่ 23 ส.ค. จำนวน 6 ราย และเมื่อวันที่ 26 ส.ค. จำนวน 5 ราย ส่วนวันที่ 16 ก.ย. ไม่มีการออกหมายจับแต่อย่างใด กลุ่มผู้ชุมนุมพอใจและขอให้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน หลังจากนั้นนายณัฐวุฒิ สัตตาคม หัวหน้ากลุ่มลูกขวานลอยลม ได้แถลงยอมรับข้อตกลงพร้อมเปิดเส้นทางการชุมนุมบริเวณแยกควนหนองหงษ์ให้รถสัญจรไปมาได้


          แต่ต่อมาเวลา18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนไม่พอใจ ได้ฮือเข้าปิดถนนที่สี่แยกควนหนองหงษ์ซ้ำอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้นำรถพว่ง 18 ล้อมาขวางกั้นถนนทั้งสองฝั่ง มีผู้ชุมนุมประมาณ 200 คนมารวมตัวกัน ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังอารักขาอย่างเข้มงวด

ขอขอบคุณข่าวสดออนไลน์

"แม่น้องเกด" เผชิญหน้า "อภิสิทธิ์" ประชุมร่างนิรโทษ คืบหน้าพอสมควรแล้ว


"แม่น้องเกด" เผชิญหน้า "อภิสิทธิ์" ประชุมร่างนิรโทษ คืบหน้าพอสมควรแล้ว


          เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 26 กันยายน ที่รัฐสภา มีการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ... โดยมี นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เป็นประธานคณะ กมธ. กมธ.ได้เชิญนายคารม พลพรกลาง และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าชี้แจง

           ทั้งนี้ กลุ่มญาติวีรชน เมษายน-พฤษภาคม ปี 2553 นำโดย นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในวัดปทุมนารามในเหตุสลายการชุมนุมในปี 2553 พร้อมด้วย นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดานายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือ น้องเฌอ เยาวชนนักกิจกรรมที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุม และนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานกลุ่มญาติวีรชนพฤษภาฯ 35 ขอเข้าร่วมรับฟังการประชุมด้วย


          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการประชุมทาง กมธ. สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้มีการซักถามและขอเอกสารทางคดีกับนายคารม ซึ่งนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ปชป. กล่าวว่า ในการทำคดีที่ผ่านมา คดีใดที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้มีการประกันตัวชั่วคราว ขอให้นำคำสั่งนี้มาให้ กมธ.ด้วย เพื่อที่จะนำมาเป็นกรอบให้กับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ว่า ความผิดใดที่ศาลเห็นว่าไม่ควรได้รับการประกันตัวชั่วคราว อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่ค่อนข้างที่ตึงเครียดขึ้นเป็นระยะๆ เนื่องจาก นายสามารถได้พยายามจะตัดบทการซักถาม เพราะเห็นว่า การเชิญนายคารมและนายวิญญัติมาเพื่อเป็นการถามความเห็นในการออกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่ใช่เชิญมาเพื่อให้ไต่สวน หากอยากได้เอกสารให้มาบอกจะได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการไปขอมาให้ แต่ กมธ.พรรค ปชป.หลายคนทักท้วงเพราะเห็นว่า ที่ประชุมควรเปิดให้มีการสอบถามนายคารม และนายวิญญัติได้อย่างเต็มที่

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมเสร็จ นางพะเยาว์ พร้อมทั้งกลุ่มญาติ และนายอดุลย์ ได้รอ กมธ. ที่กำลังทยอยกันเดินออกจากห้องประชุมที่บริเวณด้านหลังห้องประชุมเพื่อขอสอบถามความคืบหน้าของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นไปด้วยความล่าช้า ทั้งที่มีการประชุมไปแล้วถึง 5 ครั้ง โดยเห็นว่า ส.ส.สัดส่วนรัฐบาลไม่ใส่ใจอย่างเต็มที่เพื่อต้องการให้เดินหน้าร่างฉบับนี้ให้แล้วเสร็จ อีกทั้งยังเห็นว่า คณะ กมธ.ควรนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชนมาพิจารณาควบคู่ด้วย เนื่องจากเห็น่ว่าประชาชนที่อยู่ในเรือนจำเดือนร้อนมาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว

         ทั้งนี้ ระหว่างที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ในฐานะ กมธ. กำลังเดินออกไป นางพะเยาว์ได้เข้าสอบถามถึงสาเหตุที่การพิจารณาของคณะ กมธ.ล่าช้า ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ด้วยการประชุมสภาฯที่มีวาระสำคัญหลายเรื่อง จึงทำให้ กมธ.เดินหน้าช้า ทั้งนี้ ตนไม่สามารถตอบแทน กมธ.สัดส่วนของ พท.ได้ว่า เหตุใดจึงไม่ตื่นตัวในการผลักดันร่าง พ.ร.บ.เท่าที่ควร ทั้งนี้ ตนมีเห็นด้วยกับแนวคิดร่าง พ.ร.บ.ฉบับประชาชนของกลุ่มญาติวีรชนอยู่แล้วว่า ไม่ควรนิรโทษกรรมให้แก่ผู้มีเจตนาประทุษร้าย โดยขณะนี้ เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯที่พิจารณาอยู่ในขณะนี้มีประเด็นอยู่ที่เนื้อหาว่าจะนิรโทษครอบคลุมใครบ้าง

           ต่อมา นายสามารถ ได้เข้ามาชี้แจงต่อนางพะเยาว์ว่า เหตุที่ไม่สามารถเดินหน้าได้เร็วเพราะต้องรับฟังความเห็นจาก กมธ.ทุกคน เพราะหากเร่งรีบจะโดนครหาว่ารัฐบาลใช้เสียงข้างมากในการเร่งรัด เร่งรีบ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยขณะนี้ กมธ.ได้พิจารณาจนได้ความชัดเจนในเบื้องต้นแล้วว่า จะไม่นิรโทษฯ ให้แกนนำเป็นหลัก ไม่รวมแกนนำผู้สั่งการ และนักโทษคดี ม.112 แต่ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ คาดว่าการประชุม กมธ.จะพิจารณาลงรายละเอียดในรายมาตราได้

ขอขอบคุณมติชนออนไลน์

ตัดต่อเป็นอาชีพ! "ทีมกรณ์" ตัดต่อภาพนักร้องดัง Justin Bieber ใส่ข้อความประท้วงเขื่อน


ตัดต่อเป็นอาชีพ! "ทีมกรณ์" ตัดต่อภาพนักร้องดัง Justin Bieber ใส่ข้อความประท้วงเขื่อน

 
                 วันที่ 26 กันยายน 2556(go6TV) ตัดต่อก็อปปี้อีกแล้ว "ทีมกรณ์" Team-Korn Chatikavanij English ได้เผยแพร่ภาพนักร้องวัยรุ่นชื่อดังที่กำลังเปิดคอนเสิร์ตบ้านเรา Justin Bieber โดยนำภาพจากอินสตาแกรมของนักร้องชื่อดัง มาตัดต่อแล้วใส่ข้อความในภาพว่า "Justin Bieber NO DAM แม่วงก์"

           โดยในภาพดังกล่าว ทีมกรณ์ ได้เขียนข้อความภาษาอังกฤษ กำกับด้วยว่า "Wow, even the Bieber is following Thai politics" แปลได้ว่า "ว้าวววว! บีเบอร์ก็ติดตามการเมืองไทยด้วยเว้ยยย"

สมาคมสื่อมวลชนนครศรีฯ แถลงการณ์ประณาม “ม็อบยางพาราคุกคาม ทำลายทรัพย์สินสื่อมวลชน”

สมาคมสื่อมวลชนนครศรีฯ แถลงการณ์ประณาม “ม็อบยางพาราคุกคาม ทำลายทรัพย์สินสื่อมวลชน”


              วันที่ 27 กันยายน 2556 (go6TV) - สมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช ออกประกาศแถลงการณ์ฉบับที่ 1 วันที่ 22 กันยายน 2556 ประณามการชุมนุมเคลื่อนไหวม็อบยางพารา อำเภอชะอวด นครศรีธรรมราชว่าผู้ชุมนุม ก้าวร้าว คุกคาม ทำลายทรัพย์สินอุปกรณ์การทำข่าวของสื่อมวลชน ม็อบสวนยางมีพฤติกรรมปลุกปั่นยุยงและคุกคามสื่อฯกันเองด้วยการบันทึกภาพและนำไปสร้างกระแสข่าวผิด ๆ ทำนองว่าเป็นคนของทางการ จึงออกแถลงการณ์ดังนี้

  • 1. สมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช เสียใจเป็นอย่างยิ่งกับพฤติกรรมของกลุ่มสื่อสารมวลชนในพื้นที่ ที่มีพฤติกรรมยุยง ปลุกปั่น สร้างความหวาดระแวงให้กับผู้ชุมนุมจนไม่มีท่าทีเป็นมิตรกับผู้สื่อข่าวหลายสำนักในขณะปฏิบัติหน้าที่
  • 2. สมาคมฯ ขอยืนยันว่าผู้สื่อข่าวทุกสำนักนั้นต่างมุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อเสนอข่าวสาร ภาพข่าวให้ดีที่สุด และรอบด้านเพื่อความเป็นธรรม

          ทั้งนี้ ภายหลังจากออกแถลงการณ์ดังกล่าวเผยแพร่กับกลุ่มผู้ชุมนุม ได้เกิดปฏิกิริยาด้านลบ จากเพจม็อบสวนยางในทันทีด่ากราดด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อต้านการแถลงการณ์ในครั้งนี้ด้วย