วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ประยุทธ์ งัด ม.44 ปลดสุขุมพันธุ์และทีมรองฯ ตั้ง 'อัศวิน ขวัญเมือง' เป็นผู้ว่าฯ กทม.



 
18 ต.ค. 2559 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 64/2559 เรื่อง การให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพ้นจากตําแหน่ง และการแต่งตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.
 
ตามที่มีคําสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 50/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 6 ลงวันที่ 25 ส.ค. 2559 โดยให้ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในกรุงเทพมหานครของ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว นั้น เนื่องจากการตรวจสอบหรือการสอบข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาต่าง ๆ ขององค์กรที่มีอํานาจหน้าที่ตรวจสอบตามกฎหมายยังต้องดําเนินไปอีกระยะหนึ่งในขณะที่วาระการดํารงตําแหน่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครใกล้จะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
 
ซึ่งก็จะยังไม่สามารถจัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ได้ตามนัยแห่งประกาศคสช. และคําสั่งหัวหน้าคสช.ที่ยังใช้บังคับอยู่ แต่โดยที่มีความจําเป็นต้องเร่งจัดการบริหารราชการกรุงเทพมหานครให้เป็นที่เรียบร้อย เกิดความต่อเนื่อง สามารถประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และภาคประชาชนอย่างมีเอกภาพ
 
โดยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีอํานาจการตัดสินใจแก้ปัญหาหรือดําเนินการต่างๆ และสามารถบริหารงบประมาณ บังคับบัญชาบุคลากรตลอดจนบริหารงานบุคคลได้โดยเด็ดขาดตามกฎหมาย สร้างความเชื่อมั่นแก่ข้าราชการกรุงเทพมหานครและประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย การรักษาความสะอาด การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การแก้ปัญหาการจราจร การพัฒนาชุมชน การอํานวยความสะดวกแก่ประชาชนในช่วงเวลาที่มีงานพิธีสําคัญ และการตรวจสอบการทุจริตและประพฤติมิชอบในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนในขณะนี้ หากมิได้รับการแก้ไขโดยเร็ว จะเกิดเป็นความเสียหายต่อราชการแผ่นดินอาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคสช. โดยความเห็นชอบของคสช.
 
จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ้นจากตําแหน่ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ผู้ดํารงตําแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ พ้นจากตําแหน่ง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
 
ข้อ 2 ให้พลตํารวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และให้มีรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไม่เกินสี่คนตามที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้งตามมาตรา 49 (3) และมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ทั้งนี้ จนกว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือคสช. มีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นประการอื่น การแต่งตั้งและถอดถอนรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้กระทําได้เมื่อได้รับความเห็นชอบ จากนายกรัฐมนตรี
 
ข้อ 3 ภายใต้บังคับมาตรา 49 (3) และมาตรา 52 นายกรัฐมนตรีอาจสั่งให้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครออกจากตําแหน่งได้เมื่อมีกรณีแสดงให้เห็นว่าได้กระทําการอันเสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ของตําแหน่งหรือปฏิบัติการหรือละเลยไม่ปฏิบัติการอันควรปฏิบัติในลักษณะที่เห็นได้ว่าจะเป็นเหตุให้เสียหายอย่างร้ายแรงแก่กรุงเทพมหานครหรือแก่ราชการโดยส่วนรวมหรือแก่การรักษาความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน
 
ข้อ 4 นายกรัฐมนตรีอาจเสนอให้คสช.มีคําสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกคําสั่งนี้ได้ ข้อ 5 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
 
 

 
สั่ง ณ วันที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาต

คสช. สั่งจนท.ป้องกันความรุนแรง ดำเนินการตามกรอบกฎหมายปมโพสต์หมิ่นฯ


คสช. สั่งจนท. ปฏิบัติอย่างรอบคอบ ระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ปล่อยปละละเลย ไม่นำตัวไปขอขมาในสถานที่ที่ล่อแหลม เสี่ยงที่จะถูกทำร้าย รมว.ยุติธรรมระบุ ส่งหนังสือขอตัวคนหมิ่นสถาบัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ชี้ไม่มีอะไรดีกว่ามาตรการทางสังคม หลายคนที่ไปเคลื่อนไหวต่างประเทศคงมีประชาชนที่เคารพรักเขาทำอยู่
18 ต.ค. 2559 พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังที่มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช. ได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบการปฏิบัติให้เกิดความเรียบร้อย โดยเวลา 08.00 น. จะมีการประชุมที่กองบัญชาการที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรวิหาร ซึ่งมีกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) เป็นหน่วยรับผิดชอบเพื่อสรุปภาพรวม และอุปสรรคของการปฏิบัติงานในแต่ละวัน และช่วงเย็นเวลา 15.00 น. จะเป็นการประชุมระดับกองทัพภาค โดยกองทัพภาคที่ 1 เป็นหน่วยหลักในการสรุปการทำงานแต่ละวันอีกครั้งที่ กองบัญชาการกลางท้องสนามหลวง สำหรับกองบัญชาการติดตามสถานการณ์ กองทัพภาคที่ 1 (บก.ศตส.ทภ.1) จะมี พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ดูแล ประสานงานกับ นายกรัฐมนตรีและรับมอบนโยบายและคำสั่งการจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยตรง โดย บก.ศตส.ทภ.1 จะเป็นหน่วยหลักในการประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการตำรวจนครบาง มูลนิธิ อาสาสมัคร ภาคเอกชน เป็นต้น ทั้งนี้ คสช.มีความมุ่งมั่นที่จะดูแลพี่น้องประชาชนที่มาถวายอาลัยอย่างดีที่สุด โดยการอำนวยความสะดวกให้การเดินทางและการเข้าถวายอาลัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่สับสน
พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการป้องกันความรุนแรงที่เกิดจากกลุ่มคนที่เข้าไปล้อมกรอบบุคคลที่โพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น เท่าที่ตรวจสอบพบว่า เกิดเหตุดังกล่าวแล้ว 3 กรณีที่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และพังงา ซึ่ง คสช.มีความเป็นห่วงเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลและดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย โดยใช้มาตรการที่เหมาะสม รวดเร็ว แยกตัวบุคคลที่โพสต์หมิ่นออกมาเพื่อไม่ให้ถูกทำร้าย ในขณะนี้คงไม่มีใครอยากเห็นคนไทยใช้กำลังทำร้ายกัน หรือทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างรอบคอบ ระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการนำบุคคลนั้นไปขอขมาในสถานที่ที่ล่อแหลม เสี่ยงที่จะถูกทำร้าย หากเห็นว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยก็ควรเลือกเวลาที่เหมาะสมในห้วงเวลาอื่น
ขณะที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการกับกลุ่มคนที่โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า ขณะนี้ได้นำข้อมูลจากคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 ที่ตนเป็นประธานอยู่ มาประสานกับ ศตส. โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นคนประสานข้อมูล โดยรายชื่อทั้งหมดก็เป็นรายชื่อเก่า 
 
“ผมได้สั่งไปแล้วว่าให้ไปดูว่าผู้กระทำผิดมาตรา 112 อยู่ประเทศอะไรบ้าง แล้วให้ร่างหนังสือมาให้ผม และผมจะเซ็นหนังสือไปยังเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย แต่เราต้องมั่นใจว่าคนพวกนี้มันเคลื่อนไหวอะไร ผมก็เห็นใจคนทำงาน เพราะมักจะติดในแง่ของกฎหมายต่างประเทศ เราต้องเคารพอำนาจอธิปไตยของประเทศอื่นเหมือนกัน ผมทำหนังสือโดยตรงไปยังสถานทูตแล้ว วันนี้ผมจะทำซ้ำอีกที ใช้ความเห็นอกเห็นใจ ใช้ความเป็นมิตรประเทศ ใช้ความรู้สึกความเคารพซึ่งกันและกัน เราไม่เคยละเมิดกฎหมายเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นความรู้สึกของคนไทยที่รับไม่ได้ เราก็ต้องช่วยกัน โดยรายชื่อที่มีก็จะแบ่งเป็น 7 กลุ่ม แต่ไม่อยากให้ประชาชนไปเผยแพร่ต่อ ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว 
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ครั้งนี้มีโอกาสที่ประเทศต่าง ๆ จะส่งตัวผู้กระทำผิดให้เราหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า มันไม่ง่าย เราก็ต้องเคารพอำนาจอธิปไตยของเขา แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด 
 
ส่วนกรณีที่เกิดเหตุประชาชนล้อมบ้านคนโพสต์หมิ่นสถาบัน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนพูดหลายครั้งแล้วว่าไม่มีอะไรดีกว่ามาตรการทางสังคม หลายคนที่ไปเคลื่อนไหวต่างประเทศคงมีประชาชนที่เคารพรักเขาทำอยู่
 

ประยุทธ์กวดขันการส่งต่อโพสต์หมิ่นฯ ย้ำมีกฏหมาย แนะใช้ความเข้าใจ พร้อมแจงปมสืบสันตติวงศ์


ประยุทธ์ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกวดขันการส่งต่อโพสต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ชี้มีกฏหมายอยู่ แต่อยากให้ใช้ความเข้าใจ พร้อมชี้แจงการสืบสันตติวงศ์ ระบุเมื่อพระราชพิธีบําเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นช่วงเวลา 7 วัน 15 วัน ก็น่าจะเป็นเวลาอันสมควรดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ม. 23 ต่อไป รัฐบาลนำไปยังสภานิติบัญญํติแห่งชาติเพื่อมีมติตาม รธน.
 
18 ต.ค. 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงว่าส่วนเรื่องการสวมเสื้อดำที่มีปัญหา ตนบอกไปว่าต้องเห็นใจผู้ที่มีรายได้น้อย อาจไม่มีเงินซื้อ เพราะตอนนี้ราคาแพงตัวละหลายร้อย รัฐบาลก็พยายามทำทุกอย่างแนะนำแม้กระทั่งสอนการย้อมผ้า ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะเปิดขายราคาถูกที่สุดเพื่อให้เข้าถึง ระหว่างนี้อาจมีปัญหาอยู่บ้างก็ใช้ริบบิ้นสีดำไปก่อนได้ แต่ขอให้ลดโทนสีเสื้อผ้าที่สวมใส่ลง ขออย่าไปติติง คนที่ไม่ใส่เสื้อดำว่าไม่รักพระเจ้าอยู่หัวฯ เดี๋ยวก็ตีกันอีก พอได้แล้ว วันนี้ไม่มีสักสี วันนี้เป็นสีแห่งความจงรักภักดี เชื่อว่าทุกคนอยากมาด้วยใจ เขาพร้อมแค่ไหนก็ให้เขามา ถ้าเขายังไม่พร้อมตรงไหน เราก็ไปช่วยเขาไม่ดีกว่าหรือ บางครั้งข้าราชการ พนักงานต่างๆ แอร์โฮสเตส เขาก็ต้องทำงาน เครื่องแบบอาจมีสีสันก็ติดริบบิ้นได้ แต่ถ้านอกเวลาเขาก็ใส่ชุดดำอยู่แล้ว ทุกคนรู้หน้าที่ ไม่ใช่ไปคอยไล่ล่าใครใส่ไม่ใส่ เดี๋ยวมีปัญหาอีก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องการจัดงานรื่นเริง บันเทิงในช่วงนี้ ขอว่าในช่วง 30 วันแรกนับจากวันที่ 14 ต.ค. ขอให้มีการพิจารณาตามความเหมาะสม โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำลังหารือกันในเรื่องนี้ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เพราะมีผลกระทบหลายๆอย่างด้วยกัน ซึ่งไม่อยากให้ใครเดือดร้อน แต่ต้องดำเนินการด้วยความเหมาะสม อาจจะต้องงดในส่วนที่เป็นมหรสพหรือความบันเทิง ดนตรี ร้องรำทำเพลง แต่การจัดประชุม งานมงคลสมรส ทอดกฐิน ลอยกระทง งานบำเพ็ญกุศล หรือศาสนกิจตามประเพณี สามารถกระทำได้ในรูปแบบที่เหมาะสม เชื่อว่าทุกคนเข้าใจอยู่แล้ว แต่เรื่องการเลี้ยงสังสรรค์ที่ทำในอาคารเฉพาะกลุ่ม ที่จัดปกติเนื่องจากได้เตรียมการไว้แล้ว ก็ต้องลองพิจารณาถ้าจำเป็นก็ดำเนินการได้ รวมถึงการรับนักท่องเที่ยวหรือผู้เข้าร่วมประชุม สามารถจัดได้ตามความเหมาะสม และคำนึงถึงความรู้สึกประชาชน และสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้เป็นหลัก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกวดขันระมัดระวังการแพร่ภาพหรือข้อความที่เข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ยุยงให้เกิดความแตกแยก และทำให้เกิดผลสะเทือนจิตใจของประชาชนในช่วงนี้ ดังนั้นขอความร่วมมืออย่าแพร่ภาพ หรือข้อความดังกล่าวต่อไปเป็นอันขาด เพราะจะเป็นการเหยียบย่ำจิตใจคนไทย และผิดกฎหมายด้วย 
"เราก็ระมัดระวังนะ ไม่อยากใช้กฏหมายในช่วงนี้นะครับ ก็ขอความร่วมมือทุกคน เข้าใจแล้วล่ะ ผมเห็น แต่อย่าไปสร้างความขัดแย้งกันอีก ไม่ใช่ว่าใช้มาตรการรุนแรง ผมว่ามันมีกฏหมายมีอะไรอยู่แล้วนะครับ ทำอย่างไรเขาจะเข้าใจ ทำอย่างไรเขาจะไม่ทำ นั่นเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องรวมพลังกันให้ได้ อาจจะเกิดจากเข้าจผิด หรือตั้งใจไม่ตั้งใจต้องไปดูให้ดีนะ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเรื่องการสืบสันตติวงศ์ด้วยว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ชัดเจน มีกฎมณเฑียรบาลและมีจารีตประเพณี ขอทุกคนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่าได้มีความกังวลใดๆ หรือสงสัยใดๆ เมื่อขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า เมื่อพระราชพิธีบําเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นช่วงเวลา 7 วัน 15 วัน ไประยะหนึ่ง ก็น่าจะเป็นเวลาอันสมควรดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 23 ต่อไป คือขั้นตอนที่รัฐบาลนำไปยังสภานิติบัญญํติแห่งชาติเพื่อมีมติตามรัฐธรรมนูญ ระหว่างนี้ตามกฏหมายหรือตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้วว่าก็มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน ในส่วนเฉพาะเท่าที่จำเป็นเร่งด่วน เรื่องใดที่สำคัญก็จะเป็นเรื่องที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่จะทรงลงพระปรมาภิไธย ภายนกรอบเวลาที่กำหนดไว้ 

ขอความร่วมมือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากพบเว็บหมิ่นฯ

วันเดียวกัน เวลา 13.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงกรณีมีเว็บไซต์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า หากประชาชนหรือบุคคลใดพบเจอเว็บไซต์เผยแพร่ข้อมูลในลักษณะดังกล่าวทั้งการเผยแพร่ผ่านทางเฟสบุ๊ค ยูทูป หรือลิงค์ข้อมูลต่าง ๆ  ขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อที่จะช่วยกันสกัดกั้นเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่าง ๆ เหล่านี้ เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการทำลายความรู้สึกและหัวใจของประชาชนคนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน ในส่วนเว็บไซต์ต่างประเทศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามแม้การดำเนินการเกี่ยวกับเว็บไซต์ต่างประเทศที่เผยแพร่ข้อมูลในลักษณะดังกล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้พยายามทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อดูแลหัวใจคนไทยในสิ่งที่ประชาชนคนไทยเคารพรักและเทิดทูนอย่างที่สุด
 
ดังนั้น ขอประชาชนอย่าได้ตั้งข้อรังเกียจหน่วยงานราชการคิดว่าเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ เพราะในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีการแชร์ข้อมูลจะดำเนินการฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่ ถ้าหากไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด จึงขอเรียนให้ทราบว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนพยายามทำงานอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเป็นข้อมูลที่มาจากต่างประเทศ