วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทหารไทย....โอ้ทหารไทย เจ้าเป็นหญิงหรือไฉน!!!


วลีไพเราะกินใจมากมายมีแรงดลใจมาจากทหารไทยนี่แหละ
  • อย่าง "ตบเด็ก เตะหมา หาเรื่องคนแก รังแกผู้หญิง ยิงคนมือเปล่า"
  • อย่าง "ทหารผู้กล้าจงหลับให้สบาย ประชาชนไทยจะปกป้องท่านเอง"
  • อย่าง "ทหารไทยไม่เคยรบชนะใคร นอกจากคนไทยมือเปล่า"
  • อย่าง "ของเถื่อน ยาเสพติด ธุรกิจผิดกฎหมาย ทหารไทยมีเอี่ยวทั้งนั้น"

           ก่อนหน้านี้ที่ว่าทหารไทยเป็นตุ๊ดกว่าครึ่งกองทัพนั้น ไม่เป็นความจริงอีกต่อไปแล้ว ปัจจุบันทหารไทยกลายเป็นเพศเมียไปหมดแล้ว ฆ่าได้แต่คนไทยมือเปล่าเท่านั้น หากปล่อยให้ไปรบกับทหารข้าศึกรูปหล่อ ล่ำบึก คงทิ้งปืนวิ่งเข้าไปแบให้ทหารข้าศึก กันทั้งกองร้อย กองพันถึงฐานทัพของข้าศึกเป็นแน่

https://www.youtube.com/watch?v=AohLpGdYEz0&feature=youtu.be


         ทหารไทยมีอาการหงุดหงิดเหมือนผู้หญิงที่เลือดจะไปลมจะมา ประจำเดือนกำลังจะหมด รุ่มร้อนเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด เห็นกระดาษ A4 ก็หงุดหงิด เห็นแฮมเบอร์เกอร์ก็เกิดอาการคลื่นไส้ เห็นคนชู 3 นิ้วก็ตาขวางน้ำลายฟูมปาก เห็นเด็กนักศึกษา 2-3 คนกินแชนด์วิช ก็เกิดอาการหมั่นไส้ ยกกองกำลังกันไปเป็นโขยงหวังบดขยี้ ระบายอารมณ์ให้สาแก่ใจ

           โอ้ประเทศไทยเมืองฟ้าอมร ที่ภาษีของประชาชนนับแสนล้านบาทต่อปี ถูกนำไปเลี้ยงดูทหารและครอบครัวจนอ้วนพี แต่พวกมันกลับเห็นประชนที่เอาข้าวแดงแกงร้อนราดหัวมันเป็นศัตรู โอ้คนไทยช่างโชคดีจริงๆ ที่มีคนดีประเภทนรกส่งมาเกิด ใหญ่คับฟ้ามาครองประเทศ

            มีทหารและทุกองคาพยพของขบวนการยุติธรรมเป็นบริวารคอยรับใช้ มีพ่อค้าผูกขาด นักธุรกิจใหญ่ นายธนาคารไร้มโนธรรมเป็นผู้สนับสนุน มีนักวิชาการมักใหญ่ไฝ่สูง ไร้คุณธรรมร่วมวางแผนสมคบคิดปิดหูตาประชาชน มีข้าราชการน้อยใหญ่ร่วมบิดเบือนความจริงเพื่อชิงอำนาจอธิปไตยของประชาชน ไปครอบครอง...โอ้ประเทศไทย

           ตั้งแต่ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ประการยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยถูกตามล่า ถูกเรียกให้ไปรายงานตัว แต่บรรดาผู้ไฝ่เผด็จการ สร้างม็อบป่วนเมือง ทำให้ประเทศเสียหายนับแสนล้าน กลับใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบาย เลี้ยงฉลองกันอย่างหรูหรา ถ่ายรูปเป่าประกาศชัยชนะที่ทหารโค่นล้มรัฐบาลของประชาชน เย้ยหยันคนทั้งประเทศ แต่ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" มองไม่เห็น


            กว่า 6 เดือนที่ม็อบประชาธิปัตย์ป่วนเมือง ทำให้มีคนตายนับสิบ บาดเจ็บหลายร้อย
กรุงเทพเมืองหลวงของประเทศกลายเป็นอัมพาต ประชาชนเดือดร้อน เกิดความแตกแยก
คนพวกนี้คือผู้สร้างความร้าวฉาน ทำความเสียหายให้กับการเมืองและเศรษฐกิจไทยตัวจริง
แต่ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" มองไม่เห็น

          ทหารใต้บังคับบัญชาของกองทัพไปเป็นการ์ดให้ม็อบกบฏป่วนเมือง"ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ก็มองไม่เห็น  ทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพถูกการ์ดของม็อบประชาธิปัตย์รุมยำปางตาย "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ก็มองไม่เห็น นอกจากมีตัวแทนของกองทัพออกมาแก่ต่างให้กับม็อบว่า "เข้าใจผิด" พร้อมถือวิสาสะรับเงินค่าทำขวัญแทนเจ้าทุกข์และทำตัวเจ้ากี้เจ้าการให้อโหสิกรรมเลิกรากันไป

            "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ไม่เคยเรียกคนพวกนี้มารายงานตัว นอกจากตามไล่ ตามล่าคนเสื้อแดง สมาชิกพรรคเพื่อไทย และผู้สนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย

           "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เคร่งเครียด ตั้งหน้าตั้งตายกกองกำลังนับพันนับหมื่น ไปดักหน้าดักหลังสะกัดคนถือกระดาษ A4 คนนั่งอ่านหนังสือ คนกินแฮมเบอร์เกอร์  ประชาชนคนชู 3 นิ้ว และล่าสุดเด็กๆ นักศึกษาไม่กี่คนเอาแซนด์วิชออกมาแจกกินกัน "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ก็ไม่เว้น จนเมืองหลวงของประเทศไทยเป็นเมืองร้างกลายเป็นเมืองอันตราย เป็นเมืองที่มีแต่ความหวาดกลัวทั้งต่อคนไทยและชาวต่างประเทศ

              "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เจ้ารู้บ้างไหมว่าการทำรัฐประหารและการคุกคามกดขี่ประชาชน  คือเหตุแห่งความสูญเสียอย่างมหาศาลของประเทศหรือว่า "นายคือทหารไทยตัวจริงเสียงจริง"  ที่ไม่รู้อะไรเลย "แต่เสือกทุกเรื่อง" อยากเป็นใหญ่ด้วยกำลังอาวุธ "ที่ใช้ภาษีของประชาชน" จัดหามา

           RED USA อยากบอก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" และคณะว่า สิ่งที่พวกนายทำชาวโลกเขารับกันไม่ได้ และพวกนายได้กลายเป็นตัวตลกของโลกไปแล้ว "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายรู้ตัวบ้างไหมนายทำให้ประเทศไทยเสียศักด์ศรี คนไทยเสียหน้า

           "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" RED USA เชื่อว่าประกาศฉบับต่อไปของ คสช. ที่นายและคณะจะนำ ออกมากดหัวประชาชนน่าจะมีสาระดังต่อไปนี้คือ

ประกาศ คสช. ฉบับพิเศษ

          เนื่องจากมีวัตถุอันตรายและเป็นภัยต่อความมั่นคงของ คสช. และกองทัพไทย
อยู่ในครอบครองของประชาชนเป็นจำนวนมาก คสช.จึงขอประกาศข้อห้ามเพิ่มเติม
ให้ประชาชนรับทราบโดยทั่วกันดังต่อไปนี้คือ

  • 1. ห้ามประชาชนมีนิ้วมือเกินข้างละ 2 นิ้ว เพื่อป้องกันการชู 3 นิ้ว เนื่องจากการชู 3 นิ้วของประชาชนจะนำอันตรายมาสู่ คสช.และสั่นคลอนความมั่นคงของกองทัพไทย
  • 2. ห้ามประชาชนครอบครองกระดาษ A4 และ/หรือมีไว้เพื่อการค้า และ/หรือมีไว้เพื่อแจกจำหน่าย การที่ประชาชนมีกระดาษ A4 ไว้ในครอบครอง ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อใช้งานหรือมีไว้เพื่อการค้า หรือมีไว้เพื่อแจกจำหน่ายจะนำความหวาดผวาและอกสั่นขวัญแขวนมาสู่ คสช. และกองทัพไทย
  • 3. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ไม่เว้นแม้ศาล องค์กรอิสระและ คสช. หากมีข่าวสารและระเบียบข้อบังคับ หรือประกาศใดๆ ที่ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบ ให้ใช้การสกัดเป็นศิลาจารึกแทน
  • 4. ห้ามประชาชนบริโภคแฮมเบอร์เกอร์หรืออาหารที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันแต่ใช้ชื่ออย่างอื่น เนื่องจากแฮมเบอร์เกอร์และ/หรืออาหารที่มีลักษณะเดียวกันแต่ใช้ชื่ออย่างอื่นเป็นของแสลง ทำให้ คสช. เป็นไข้เกิดอาการหนาวสั่นและทำให้กองทัพไทยเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง
  • 5. ห้ามประชาชน นิสิตนักศึกษา ตลอดจนประชาชนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยทุกคนไม่ว่าจะถือสัญชาติใด บริโภคแชนด์วิช และ/หรือแจกจ่ายให้ผู้อื่นนำไปบริโภคและ/หรือถือติดมือให้ผู้อื่นเห็น ทั้งในที่สาธารณะและ/หรือในที่ลับตาคน เนื่องจากแชนด์วิชเป็นวัตถุอันตราย เป็นโรคระบาดที่แพร่หลายติดต่อไปสู่ประชาชนและสถาบันการศึกษาทุกระดับทั่วประเทศได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ คสช. และกองทัพไทยเกิดอาการกลัวจนสติวิปลาส และ/หรืออาจตกใจสุดขีดจนเสียชีวิต
                     ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557


(ลงชื่อ) ประยุทธ์ จันทร์โอชา

บันทึก: เนื่องจากมีเวลาจำกัดและท่านผู้นำ ยังไม่ได้เรียนรู้วิธีการใช้ถั้งสกัดหินมาก่อน จึงขอประกาศ "ข้อห้ามข้างต้น" ผ่านโซเชียลมีเดียไปพลางๆ ก่อน

RED USA June 7, 2014

Thaksin Thinks, Prayuth Acts



The coup by the National Council for Peace and Order under General Prayuth Chan-ocha will lead to an acceleration of Thaksinomics, rather than its demise.

The junta has already embraced key elements of the Thaksin’s dual track development policy, combining international economic liberalism with domestic populist schemes, by reviving the 2-trillion baht infrastructure program and rapidly making payments to farmers under the rice-pledging program. As hypocrisy knows few boundaries, Democrat and former Finance Minister Korn Chatikavanij has quickly hailed the junta’s payments to farmers under the rice scheme, after years of criticizing the same program when implemented by Yingluck.

A key message in the 2012 election campaign was that “Thaksin Thinks, Puea Thai Acts” and the junta seemingly tries to adapt a “Thaksin Thinks, Prayuth Acts” model when restoring key economic policies of the party they just overthrew.

Economic policies may be a minor issue compared to the gross human rights violation in the aftermath of the coup, including arbitrary detentions, restrictions on free speech, and the suspension of democracy. Yet, reviving the ailing economy is top priority for Thailand military junta and its success in reinitiating growth will have a major impact on events in the aftermath of the coup.

Realizing that the complexities of a modern economy is beyond the grasp of aging generals, the junta quickly brought in a policy making team largely made up of former Thaksin loyalists. Somkid Jatusripitak a co-founder of Thai Rak Thai that held both commerce and finance positions in Thaksin cabinets will oversee foreign affairs for the military government. Pridiyathorn Devakula overseeing the juntas economic policy, was appointed Governor of Bank of Thailand during the first Thaksin administration. He also served as finance minister in the military government following the 2006 coup that introduced disastrous capital controls leading to a collapse of the stock market. Narongchai Akrasanee, a former Minister of Commerce that served as an advisor to the Thaksin government, will assist Pridiyathorn.

The rapid adoption of Thaksinomics by the junta, is a reflection of the model’s total dominance within Thailand’s policy circles. It’s dual track nature – with economic liberalism to attract foreign capital combined with populist domestic programs to attract broad domestic support – is attractive to policy makers seeking to both maintain Bangkok centered economic growth and appease the largely rural electorate. Thaksinomics is likely to continue to dominate the country’s economic policies given the repeated electoral success of Thaksin’s political parties and the lack of credible alternative models, as the elitist sufficiency economy has failed to attract widespread rural support.

The junta’s economic team faces a difficult task with an economy in contraction. Political uncertainty has stalled investment and consumer sentiment fell to a 12-year low in the months before the coup. Key economic decisions will put the military government at a test. While future support to rice farmers will be difficult to swallow for the Bangkok-based supporters of the military takeover, removing all subsidies is out of the question. With market prices at a third of the price guaranteed under the Yingluck government program, ending rice subsidies would ensure a quick demise of any rural support for the junta. We are most likely to see a continuation of rice support and other populist programs under new names, in moves similar to the rebranding of Thaksinite policies done after the 2006 coup and the Abhisit government.

The suspension of all checks and balances under direct military rule opens up opportunities for gross corruption. A country with a long history of military power grabs, Thai generals inevitably amass huge fortunes while in power. Resumption of the 2 billion-baht infrastructure program, appointment of generals to the boards of state-owned enterprises and the inevitable increase of the military budget will ensure that the junta leaders not only grab political power, but also a fair share of the Thailand’s riches.

Anders Engvall is a Research Fellow at the Stockholm School of Economics

จักรภพ-สุณัย เปิดตัวกลุ่มต่อต้าน รปห.-กต รุดถก เอกอัครราชทูตกัมพูชา


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา อ้างอิงการสัมภาษณ์นายจักรภพ เพ็ญแข และนายสุนัย จุลพงศธร  ซึ่งเปิดเผยว่า กลุ่มผู้นำทางการเมืองราว 15 คนมีแผนการจะเคลื่อนไหวจากภายนอกประเทศเพื่อรณรงค์อารยะขัดขืนต่อระบอบทหาร โดยยืนยันว่าการต่อต้านจะเป็นไปอย่างสงบสันติ และจุดมุ่งหมายของการก่อตั้งกลุ่มก็เพื่อเติมเต็มช่องว่างที่หายไปของการเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการทหารโดยไม่มีแกนนำ
“เราเห็นว่าระบอบประชาธิปไตยของไทยนั้นถูกทำลายลงอย่างเป็นระบบ” นายจักรภพกล่าวผ่านการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ และว่ากล่าวด้วยว่าประชาชนถูกตามล่า ถูกข่มเหงโดยปราศจากความเป็นธรรม การจัดตั้งกลุ่มดังกล่าวขึ้นก็เพื่อจะดำเนินการต่อต้านการรัฐประหารทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม นายจักรภพปฏิเสธว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งลี้ภัยอยู่นอกประเทศนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งกลุ่มดังกล่าว
ในอีกด้านหนึ่ง รอยเตอร์ได้รายงานคำสัมภาษณ์ของพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ซึ่งยอมรับว่ากฎหมายของไทยอาจจะไม่สามารถครอบคลุมไปถึงต่างประเทศไทย “แต่หากเรารู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เราก็จะร้องขอความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อนนำตัวพวกเขากลับมา” โฆษก คสช. กล่าวและว่า ขณะนี้ทาง คสช. ได้จับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านการรัฐประหาร และสำหรับคนที่ถูกเรียกให้รายงานตัวแต่ไม่มารายงานตัวจะต้องถูกดำเนินคดีและนำตัวขึ้นศาลทหาร
จักรภพ เพ็ญแข เผยว่า ขบวนการดังกล่าวอาจจะใช้ชื่อว่า “ขบวนการเสรีไทย” ซึ่งเป็นการนำเอาชื่อขบวนการใต้ดินต่อต้านฝ่ายอักษะของไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาใช้ ขณะที่สุนัยระบุว่ายังไม่ได้ตกลงกันในเรื่องชื่อของกลุ่ม
สำหรับท่าทีของทางกระทรวงการต่างประเทศของไทย วันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา มติชนอนไลน์รายงานว่านายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวเพื่อจัดตั้งองค์กรต่อต้านการรัฐประหารของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า นายดำรง ใคร่ครวญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ได้หารือกับนางยู ออย เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดังกล่าวแล้ว โดยเอกอัครราชทูตกัมพูชาได้ยืนยันท่าทีของกัมพูชาอย่างชัดเจนว่าไม่สนับสนุนให้ใครใช้กัมพูชาเป็นฐานเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองในลักษณะที่เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของมิตรประเทศ
นายเสขกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำแนวทางชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับภาคประชาสังคมของต่างประเทศ หลังจากที่องค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนชั้นนำ อาทิ ฮิวแมนไรท์วอช ได้แสดงความสนใจและเฝ้าติดตามสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิด โดยได้มอบหมายนายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ชี้แจงทำความเข้าใจที่สำนักงานใหญ่ของฮิวแมนไรท์วอชในนครนิวยอร์กแล้ว
"ขณะเดียวกันในสัปดาห์หน้า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปร่วมประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ และจะใช้โอกาสนี้เพื่อชี้แจงให้ชาติสมาชิกเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดในไทย รวมถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ทำให้กองทัพต้องเข้ามาคุมอำนาจในการบริหารประเทศด้วย" นายเสขกล่าว

คสช. ติง 'ฮิวแมนไรท์วอทช์' ทำสับสน เรียกทูตไทยทำความเข้าใจสถานการณ์ 11 มิ.ย. นี้


รองโฆษก คสช. ติง “ฮิวแมนไรท์วอทช์” อย่าใช้ความรู้สึกกล่าวหา คสช.ละเมิดสิทธิ์จับกุม “บก.ลายจุด” - หมิ่นศาลทหาร สร้างความสับสนให้สังคม ย้ำมีมาตรฐานกระบวนการกฎหมาย ปลัด กต. เผยเรียกเอกอัครราชทูตไทย-กงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศแถบยุโรป-สหรัฐ พบ หน.คสช. 11 มิ.ย.นี้ ยอมรับชาติตะวันตกกังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทยเป็นพิเศษ
 
 
7 มิ.ย. 2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่าพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชี้แจงกรณีสื่อมวลชนนำเสนอความเห็นของนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการองค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย ที่กล่าวหาว่า การจับกุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ของ คสช.เป็นการปฏิเสธที่จะตระหนักถึงสิทธิพื้นฐานในการแสดงออกและการชุมนุม และหลังจากนี้จะเห็นระบบยุติธรรมจอมปลอมในการใช้ศาลทหาร ว่า คสช.ไม่ปรารถนาให้การแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลดังกล่าว ที่อาจพิจารณาโดยใช้ทัศนคติส่วนตัว หรือมองด้านเดียว ตามธงที่อยู่ในใจ ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรเอกชน และสร้างความสับสนให้สังคม
 
“เป็นการให้ความสำคัญเรื่องสิทธิกับบางบุคคลเท่านั้น ไม่ได้มองบริบทที่เกิดขึ้นจริงของสังคม เพราะคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยขณะนี้ มีความเข้าใจในเหตุผลความจำเป็นที่ คสช.ต้องเข้ามาบริหารราชการและดูแลสถานการณ์ประเทศในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อปลดล็อกปัญหาต่างๆ โดยคนอื่นที่เห็นตรงกับ คสช.ส่วนใหญ่ต้องการความสงบเรียบร้อย อีกทั้งสถานการณ์ขณะนี้ไม่อยู่ในสภาวะปกติ การแสดงออกจึงจำเป็นต้องมีข้อจำกัดให้เป็นไปตามกฎหมาย หรือเน้นเชิงสร้างสรรค์ ไม่ขัดต่อแนวทางการรักษาความสงบ เพราะที่ผ่านมาการให้ความเห็นในบางลักษณะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย” รองโฆษก คสช. กล่าว
 
พ.อ.วินธีย กล่าวว่า คสช.บริหารสถานการณ์ต่างๆ ตามความจำเป็น และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าประชาชนที่ไม่มีเจตนากระทำผิดกฎหมาย จะไม่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการ คสช. และอาจเป็นการไม่เหมาะสมที่มีการกล่าวพาดพิงถึงกระบวนการยุติธรรมของศาลทหาร โดยการใช้ความรู้สึก ยืนยันว่าการพิจารณาคดีความของศาลทหารเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่แตกต่างจากมาตรฐานของศาลทั่วไป อาจมีเพียงเรื่องของระยะเวลาที่กระทำที่รวดเร็วกว่า  โดยการพิจารณาคดีต่าง ๆ ในขณะประกาศกฎอัยการศึก ธรรมนูญศาลทหารกำหนดให้พิจารณาคดีด้วยศาลชั้นเดียวเท่านั้น” พ.อ.วินธัย กล่าว
 
กต.เชิญทูตพบ หน.คสช.ทำความเข้าใจสถานการณ์ไทย 11 มิ.ย.
 
วันเดียวกันนี้ (7 มิ.ย.) สำนักข่าวไทยยังรายงานอีกว่านายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า วันที่ 11 มิ.ย.นี้ กระทรวงการต่างประเทศเชิญเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ที่ประจำการอยู่ในประเทศแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา 22 แห่ง พบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เพื่อทำความเข้าใจความจำเป็นของการเข้าควบคุมอำนาจและแนวทางคืนความสงบให้ประเทศ
 
“ยอมรับว่าชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐ ออสเตรเลีย และอียู กังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทยเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนและการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ โดยมีกว่า 20 ประเทศเข้าร่วมประชุม ซึ่งได้ใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจสถานการณ์การเมืองไทยด้วย” ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
 
นายสีหศักดิ์อยู่ระหว่างเดินทางมาร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในหลายกรอบการประชุมที่นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ กล่าวว่า ให้ความสำคัญกับการมาร่วมประชุมครั้งนี้ เพราะนอกจากเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนแล้วยังมีผู้แทนจากประเทศคู่เจรจาอีกมาก ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย เชื่อว่าคงจะมีการหยิบยกประเด็นของเราขึ้นมาพูดคุยซึ่งไทยไม่มีปัญหา เราพร้อมและเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้พูดคุยชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทยเพื่อให้เขามีความเข้าใจดียิ่งขึ้น ขณะนี้ไทยมีพัฒนาการที่น่าจะทำให้ประเทศตะวันตกมั่นใจ เพราะจากการแสดงท่าทีประเทศตะวันตกส่วนใหญ่มีความคาดหวังว่าไทยจะกลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว อยากเห็นแผนการและกรอบเวลาที่ชัดเจนซึ่งก็ได้มีการประกาศโรดแมป 3 ขั้นแล้ว คือการสร้างความปรองดอง การปฏิรูปประเทศ แและการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม
 
นายสีหศักดิ์ยังได้หารือกับนายหลิว เจิ้น หมิน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศจีน และนางสเตฟานี ลี หัวหน้าคณะผู้แทนนิวซีแลนด์ ซึ่งนายสีหศักดิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า จีนถือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในของไทยและเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความคาดหวังว่าสถานการณ์ในไทยจะกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และอยากให้ความสัมพันธ์สองประเทศเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ จีนพร้อมที่จะสนับสนุนไทยหากมีการหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับไทยมาพูดคุยในเวทีต่างๆ
 
ส่วนกรณีนิวซีแลนด์ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ได้ชี้แจงให้ทราบถึงพัฒนาการล่าสุดของไทย และแจ้งว่าไทยรับทราบความห่วงกังวลของนิวซีแลนด์ และทราบว่าเขาใช้ประชาธิปไตยเป็นหลักในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ แต่ขออย่าให้ใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับทุกประเทศ เพราะแต่ละประเทศมีปัญหาและสภาพสังคมต่างกัน จึงขอให้คำนึงถึงข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในไทยด้วย
 
“ขณะนี้เป็นเวลาที่มิตรประเทศของเราควรมองไปข้างหน้า นิวซีแลนด์ควรสนับสนุนและอยู่เคียงข้างไทยระหว่างที่เรากำลังแก้ไขปัญหาต่างๆ แม้ที่ผ่านมาไทยจะเป็นประชาธิปไตยจริง แต่ก็เป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีเสถียรภาพ และไม่อาจขับเคลื่อนประเทศได้ ขณะนี้เป็นโอกาสของไทยที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้ประชาธิปไตย เพื่อนำพาประเทศให้กลับเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และยั่งยืน” นายสีหศักดิ์ กล่าว

ตั้ง 'ประยุทธ์' นั่งประธานบอร์ดคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน


7 มิ.ย. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกประกาศ คสช. ฉบับที่ 55/2557 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2557 เรื่องการ แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยระบุว่าเพื่อให้การดำเนินการส่งเสริมการลงทุนเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จึงให้แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ดังต่อไปนี้
  • 1.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธาน
  • 2.พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) รองหัวหน้า คสช. หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นรองประธาน  
  • 3.พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองผบ.ทบ. รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.  กรรมการ
  • 4.นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม  กรรมการ
  • 5.นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กรรมการ
  • 6.นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์  กรรมการ
  • 7. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)   กรรมการ  
  • 8.นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กรรมการ
  • 9.นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กรรมการ
  • 10.นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กรรมการ
  • 11.นายประสาร  ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการ
  • 12.นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ กรรมการ
  • 13. นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษา
  • 14.นางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด  นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย ที่ปรึกษา
  • 15.นายสมชาย  หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ที่ปรึกษา
  • 16.นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย ที่ปรึกษา
  • 17.นายภัคพล งามลักษณ์ สมาคมผู้ค้าปลีก ที่ปรึกษา
  • 18.นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เลขาธิการ

ทั้งนี้ให้มีอำนาจและหน้าที่ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน ประกาศเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2557
 

ทหารระบุเชียงใหม่เรียบร้อยดีอาจเลิกเคอร์ฟิว ปล่อยตัว 'เพชรวรรต' แล้ว


ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ระบุ จังหวัดเชียงใหม่สงบเรียบร้อยดี คาดว่าอีกไม่นานจะยกเลิกเคอร์ฟิว เวทีคืนความสุขให้คนไทย 7 มิ.ย. จัดที่ถนนคนเดินวัวลาย  8 มิ.ย. ถนนคนเดินราชดำเนิน หลังข่วงประตูท่าแพ ปล่อยตัว "เพชรวรรต" แกนนำแดงรักเชียงใหม่ 51 แล้ว
 
7 มิ.ย. 2557 สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์รายงานว่าพลตรีศรายุธ รังษี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 กล่าวว่า ทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ให้ความร่วมมือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นอย่างดี เชียงใหม่มีความสงบเรียบร้อยดี ไม่มีการซ่องสุมกำลัง หรือเคลื่อนไหวทางการเมือง ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้ยกเลิกประกาศเคอร์ฟิวนั้น หากสถานการณ์สงบเรียบร้อยดี อีกไม่นานก็คาดว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะพิจารณาประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวจังหวัดเชียงใหม่ โดยขณะนี้สำหรับผู้ใดที่ครอบครองอาวุธสงคราม ให้นำมามอบที่มณฑลทหารบกที่ 33 ภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2557 หลังจากนั้นหากเจ้าหน้าที่ตรวจค้น ผู้ครองครองจะมีความผิดตามกฎหมายและเป็นโทษหนัก
 
สำหรับเวทีคืนความสุขให้คนไทยอย่างยั่งยืน ในเย็นวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2557 จะย้ายไปจัดที่ถนนคนเดินวัวลาย ส่วนเย็นวันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน 2557 จะไปจัดที่ถนนคนเดินราชดำเนิน หลังข่วงประตูท่าแพ
 
คสช.ปล่อยตัว "เพชรวรรต" แกนนำแดงรักเชียงใหม่ 51 แล้ว
 
เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า ช่วงเช้าวันที่ 7 มิ.ย. นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง รักเชียงใหม่ 51 โพสต์แจ้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "เช้านี้ที่พิษณุโลก เพิ่งได้รับอิสะภาพมาครับ หลังสิ้นไปนาน "การเมืองวันนี้" คงต้องคอยดูการทำงานของคสช.ต่อไปว่าจะทำได้อย่างตามที่แผน"โรดแมป"หรือไม่? แต่งานช่วยเหลือชุมชนที่มีปัญหายังต้องเดินหน้าทำงานต่อไปครับ ถึงแม้ว่าจะขาดซึ่งอำนาจในการบริหารจัดการ (4m) ก็ตามทีเพราะพี่น้องทั่วประเทศที่รอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในข้อกฎหมายและอื่นๆอีกหลายพันชุมชนครับ"
 
จับกว่า 600 ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนของกลางเพียบ
 
วันเดียวกันนี้ (7 มิ.ย.) ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่าที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พล.ต.ศรายุธ รังษี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 และ พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกันแถลงผลการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองและทหารกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 2-6 มิ.ย.57 ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา และของกลางได้จำนวนมาก
       
 ทั้งนี้ จากผลการดำเนินการเข้าปิดล้อม ตรวจค้น และจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 613 คน แบ่งเป็น ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืน 66 คน ของกลางอาวุธปืน 63 กระบอก กระสุน 200 นัด, การจับกุมบุคคลตามหมายจับคดีค้างเก่า ได้ผู้ต้องหา 65 คน, ผู้ต้องหาคดีการพนันและอบายมุขต่างๆ 180 คน และผู้ต้องหาคดียาเสพติด ทั้งผลิต จำหน่าย ครอบครองและเสพ รวมทั้งสิ้น 302 คน ของกลางเป็นยาบ้า 93,573 เม็ด กัญชา 40 กิโลกรัม ฝิ่น 340 กรัม เฮโรอีน 17 กรัม และเมล็ดฝิ่น 1.5 กิโลกรัม
       
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และทหารกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นไปตามนโยบายของ คสช. ซึ่งจากการดำเนินการถือว่าได้ผลเป็นอย่างดี และเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม จะยังคงมีการดำเนินการของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อความสงบสุขเรียบร้อย

ท่านผู้นำคสช. ใช้เวลาเพียง 1 ชม. แต่งเพลง "คืนความสุขให้ประเทศไทย" ด้วยลายมือ


ผู้บังคับการกองดุริยางค์ทหารบก เผย ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ได้แต่งเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย สื่อความหมายจากใจทำตามสัญญา โดยใช้เวลาแต่งเนื้อเพลงเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ด้วยลายมือ
7 มิ.ย.2557 หลังจากที่สถานีวิทยุกองทัพบก ได้เปิดเพลง "คืนความสุขให้ประเทศไทย" ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เป็นผู้แต่งเพลง และได้เปิดในรายการในรายการใต้ร่มธงไทยเมื่อเย็นวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีความยาว 4 นาที และมอบให้นายวิเชียร ตันติพิมลพันธุ์ นักร้องนักแต่งเพลงประกอบละครชื่อดัง เป็นผู้เรียบเรียงเนื้อร้องประกอบทำนอง และให้ขับร้องโดยกองดุริยางค์ กองทัพบก
ด้าน พ.อ.กฤษฎา สาริกา ผู้บังคับการกองดุริยางค์ทหารบก เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่งเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย เพื่อสื่อความหมายจากใจที่ต้องการคืนความสุขให้ประชาชน โดยใช้เวลาแต่งเนื้อเพลงเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งท่านเขียนด้วยลายมือ และบอกว่าต้องการสื่อความหมายในแนวคืนความสุขให้กับประชาชน โดยให้ไปตีโจทย์กิจกรรมคืนความสุขสู่ประชาชน ที่จัดกิจกรรมในช่วงนี้ ท่านระบุว่าต้องการให้มีสัก 1 เพลงที่สื่อความหมายจากความรู้สึกของท่านถึงประชาชน แต่จริงๆ ท่านเขียนเนื้อเพลงที่มีเนื้อหามากกว่านี้ แต่พอเราเรียบเรียงใหม่ ก็ออกมาตามที่ปรากฏ ท่านอยากได้เพลงที่แบบฟังแล้วทำให้คนไทยได้รักกันโดยเร็ว
ผบ.กองดุริยางค์ทหารบก กล่าวต่อว่า สำหรับเนื้อเพลงคืนความสุขให้ประเทศ ไทยนั้น มีว่า วันที่ชาติและองค์ราชา มวลประชาอยู่มาพ้นภัย ขอดูแลคุ้มครองด้วยใจ นี่คือคำสัญญา วันนี้ชาติเผชิญพาลภัย ไฟลุกโชนขึ้นมาทุกครา ขอเป็นคนที่เดินเข้ามา ไม่อาจให้สายไป เพื่อนำรักกลับมา ต้องใช้เวลาเท่าไร โปรดจงรอได้ไหม จะข้ามผ่านความบาดหมาง เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา เราจะทำอย่างซื่อตรง ขอแค่เธอจงไว้ใจและศรัทธา แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน วันนี้ต้องเหน็ดเหนื่อยก็รู้ จะขอสู้กับอันตราย ชาติทหารไม่ยอมแพ้พ่าย นี่คือคำสัญญา วันนี้ชาติเผชิญพาลภัย ไฟลุกโชนขึ้นมาทุกครา ขอเป็นคนที่เดินเข้ามา ไม่อาจให้สายไป แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ความสุขจะคืนกลับมา ประเทศไทย


โดยเพลงดังกล่าวมีเนื้อร้องดังนี้

“วันที่ชาติและองค์ราชา มวลประชาอยู่มาพ้นภัย
ขอดูแลคุ้มครองด้วยใจ นี่คือคำสัญญา
วันนี้ชาติเผชิญพาลภัย ไฟลุกโชนขึ้นมาทุกครา
ขอเป็นคนที่เดินเข้ามา ไม่อาจให้สายไป

* เพื่อนำรักกลับมา ต้องใช้เวลาเท่าไร
โปรดจงรอได้ไหม จะข้ามผ่านความบาดหมาง

** เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน
แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา
เราจะทำอย่างซื่อตรง ขอแค่เธอจงไว้ใจและศรัทธา
แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน
      
วันนี้ต้องเหน็ดเหนื่อยก็รู้ จะขอสู้กับอันตราย
ชาติทหารไม่ยอมแพ้พ่าย นี่คือคำสัญญา
วันนี้ชาติเผชิญพาลภัย ไฟลุกโชนขึ้นมาทุกครา
ขอเป็นคนที่เดินเข้ามา ไม่อาจให้สายไป

(ซ้ำ *, **)

แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ความสุขจะคืนมา..ประเทศไทย"

'ตำรวจ-ทหาร' ประชุมรับมือกลุ่มต้าน คสช.ชุมนุม 5 จุดพรุ่งนี้


ตำรวจประชุมร่วมฝ่ายทหาร หามาตรการรับมือกลุ่มต่อต้าน คสช.ที่นัดชุมนุมตามสถานที่ต่าง ๆ วันพรุ่งนี้ 5 จุด พร้อมจับตาสื่อต่างประเทศบางสำนักนำเสนอภาพความขัดแย้งทำให้เสียภาพลักษณ์ประเทศ ถกหากทหารคุมตัว 'บก.ลายจุด' ครบ 7 วันแล้วจะส่งหน่วยไหนต่อ 
 
7 มิ.ย. 2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่าพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับฝ่ายทหาร หามาตรการรับมือกลุ่มต่อต้านการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วันพรุ่งนี้ ในพื้นที่ต่างๆ จำนวน 5 จุด คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สยามพารากอน สนามบินสุวรรณภูมิ ร้านแมคโดนัลด์ในห้างอัมริมทร์พล่าซ่า และวัดพระแก้ว ซึ่งตำรวจ ทหารจะสนธิกำลัง 42 กองร้อย ดูแลรักษาความปลอดภัยและคัดกรอง สกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมหากมีการแสดงสัญลักษณ์การต่อต้านบนทุกสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส รวมทั้งจะมีเจ้าหน้าที่ประจำการบนรถไฟฟ้าทุกขบวน และจะบันทึกภาพของผู้ชุมนุมเพื่อรวบรวมไว้ดำเนินคดีหากกระทำผิด ยืนยันจะไม่ปิดการจราจรในทุกพื้นที่
     
ส่วนการปฏิบัติจะให้ทหารเป็นผู้กำหนกแผนการปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายจากเบาไปหาหนัก โดยมีตำรวจจะเป็นแนวหน้า เน้นหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ให้มากที่สุด รวมทั้งจับตามองสื่อต่างประเทศบางสำนักที่เน้นนำเสนอภาพข่าวที่มีการเผชิญหน้าของกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย
      
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ช่วยราชการรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงการควบคุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด หลังถูกจับกุมได้ที่บ้านพัก จ.ชลบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือฝ่ายทหาร ที่ควบคุมตัวครบ 7 วันแล้วจะส่งตัวให้ฝ่ายใดดำเนินคดี เบื้องต้นเตรียมแจ้งข้อหาขัดคำสั่งไม่มารายตัวต่อ คสช. และชักชวนประชาชนให้ล่วงละเมิดกฎหมาย รวมทั้งเตรียมพิจารณากับผู้ที่ให้ที่พักพิงในการหลบหนีด้วยว่ามีเจตนาหรือไม่ หากมีเจตนาก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ล็อคตัว ‘สาวตรี’ ที่สนามบิน เจ้าตัวเพิ่งกลับจากดูงานหวังรายงานตัวจันทร์นี้




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 12.45 น. สาวตรี สุขศรี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และสมาชิกกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งมีรายชื่อเรียกรายงานตัวในประกาศ คสช.ฉบับที่ 5 ได้เดินทางกลับเข้าประเทศหลังจากไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา โดยด่านตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินได้เชิญสาวตรีไปที่ห้องรับรองและประสานกับเจ้าหน้าที่ทหาร ล่าสุด เวลาประมาณ 15.00 น.ได้รับแจ้งว่าสาวตรีอยู่ในความควบคุมของกองพันสารวัตรทหาร (ทอ.) ระหว่างที่รอการประสานจากกองทัพบก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงช่วงเย็นยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพิ่มเติม


ผู้ใกล้ชิดสาวตรีแจ้งว่า สาวตรีได้รับคำเชิญจากสถานทูตสหรัฐอเมริกาให้เดินทางไปดูงานเรื่องสิทธิมนุษยชนในช่วงก่อนที่จะมีการทำรัฐประหาร และเมื่อมีรายชื่ออยู่ในประกาศเรียกรายงานตัวก็ตั้งใจจะกลับมารายงานตัวทันทีหลังเสร็จสิ้นโปรแกรมในสหรัฐอเมริกา โดยเตรียมจะเดินทางเข้ารายงานตัวที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ในวันจันทร์นี้ ( 9 มิ.ย.) ก่อนหน้านี้สาวตรีได้ประสานกับทางคณะนิติศาสตร์ มธ. และทางคณะได้แจ้งเรื่องดังกล่าวเพื่อขอผ่อนผันกับทางคสช.แล้ว

สั่งด่วน! ตำรวจรับมือ “ชูสามนิ้วจรยุทธ” ที่เชียงใหม่ ส่งทหารเปลี่ยนทัศนคติ



7 มิ.ย.2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเฟซบุ๊กมีการแชร์เอกสารคำสั่งของตำรวจจังหวัดเชียงใหม่เกี่ยวกับการรับมือการชุมนุมต้านรัฐประหารในวันอาทิตย์ที่ 8 มิ.ย.นี้ โดยหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือ “ด่วนที่สุด” ถึงผู้รับปฏิบัติคือ ผกก.และหัวหน้า สภ.ทุกแห่งในสังกัด ลงวันที่ 7 มิ.ย.2557 ระบุว่า 

1.ด้วยมีสถานการณ์ด้านการข่าวความเคลื่อนไหวมวลชนในพื้นที่ ผ่านทางระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คว่าจะมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์การต่อต้านคณะรัฐประหาร (ชูสามนิ้ว) ซึ่งมีการนัดหมายจะดำเนินการในรูปแบบจรยุทธ ถ่ายภาพการแสดงสัญลักษณ์ในสถานที่สำคัญของพื้นที่ในวันอาทิตย์นี้

2.จึงให้ สภ.ทุกแห่งในสังกัด ทำแผนปฏิบัติการในการดูแล หามาตรการป้องกันกลุ่มบุคคลที่อาจมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ของตน เช่น หน้าสภ. สถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญ หรือห้างสรรพสินค้าในพื้นที่

3.หากพบการแสดงเชิงสัญลกัษณ์ในพื้นที่ให้ดำเนินการควบคุมตัว พร้อมทั้งประสานฝ่ายทหารมารับตัวเพื่อให้ฝ่ายทหารจัดอบรมปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อไป แล้วรายงานเหตุให้ ภ.จว.เชียงใหม่ ผ่านงาน ปอ.เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันที

4.เพื่อทราบและถือปฏิบัติ

พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์
รอง ผบชฯ รรท.ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่