วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

'สุรชัย' แถลง ส.ว. พร้อมหานายกภายใต้ รธน. 'สุเทพ' ผิดหวังลั่นไม่คุย ส.ว. อีกแล้ว


'สุรชัย' แถลงการหารือนอกรอบของสมาชิกวุฒิสภาสรุปแนวทางหาทางออกประเทศ 3 ข้อ วอนรัฐบาล-นปช.ร่วมถก ย้ำหานายกฯ ใหม่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เล็งเปิดประชุมสมัยพิเศษหานายกฯ-ครม.มีอำนาจเต็มบริหารประเทศ เผยหารือกับรัฐบาล 19 พ.ค. 
 
16 พ.ค. 2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่าการประชุมวุฒิสภานอกรอบเพื่อสรุปผลการหารือทางออกประเทศ เริ่มขึ้น เวลาประมาณ 14.00 น.มีสมาชิกวุฒิสภา ทั้งเลือกตั้งและสรรหา ประมาณ 80 คนเข้าร่วม มีนายพีระศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม แทนนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา ที่อยู่ระหว่างเดินสายหารือยังไม่แล้วเสร็จ
 
อย่างไรก็ตาม นายพีระศักดิ์ ยืนยันว่าจะได้ข้อสรุปถึงทางออกของประเทศในวันนี้แน่นอน ตลอดจนจะมีแนวทางของนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาบริหารประเทศในสถานการณ์เฉพาะกิจ หลังจากที่เดินสายหารือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งแกนนำ กปปส. หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ องค์กรอิสระ ศาล หัวหน้าส่วนราชการ เหล่าทัพ

 
เมื่อเวลา 18.10 น. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา ว่าที่ประธานวุฒิสภา แถลงผลการประชุมวุฒิสภานอกรอบที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง โดยอ่านแถลงการณ์วุฒิสภา เรื่องการแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติว่า ตามที่มีกระแสเรียกร้องจากสังคมที่ต้องการให้วุฒิสภาในฐานะองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติเพียงองค์กรเดียวที่เหลืออยู่แก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ วุฒิสภาได้เร่งดำเนินการอย่างเต็มกำลังเพื่อหากรอบแนวทางแก้ไขปัญหา แล้วเห็นว่าปัญหาความขัดแย้งของชาติดังกล่าวสามารถแก้ไขให้สำเร็จเสร็จสิ้นได้ด้วยกรอบและแนวทางดังต่อไปนี้
 
  • 1.เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวบรรลุเจตนารมณ์ในการคืนความสงบสุขและความสมานฉันท์ของคนในชาติ ต้องเร่งดำเนินการจัดให้มีการปฏิรูปประเทศในทุกด้านให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่มีอำนาจเต็มเพื่อดำเนินการดังกล่าว
  • 2. ขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีผู้ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีอยู่ตามมาตรา 181 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเรียกร้องให้รัฐบาลและพรรคการเมืองให้ความร่วมมือกับวุฒิสภาในการหาทางออกให้กับประเทศภายใต้การมีส่วนร่วมของคนในชาติอย่างเต็มกำลัง เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และลดเงื่อนไขความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น
  • 3.วุฒิสภาพร้อมที่จะทุ่มเททำงานอย่างต่อเนื่อง โดยจะนำความเห็นและข้อแนะนำจากทุกภาคส่วนมาพิจารณาในการประชุมตามข้อบังคับของวุฒิสภาเป็นกรณีพิเศษเพื่อให้ได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญและประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในระดับสากลและประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทยโดยเร็ว ภายใต้หลักการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
 
วุฒิสภาเห็นว่ากรอบและแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะสำเร็จเสร็จสิ้นลงได้ด้วยความร่วมมือและร่วมใจของประชาชนที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก จึงขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจและเห็นใจในความพยายามในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติที่เกิดขึ้น และโปรดให้ความร่วมมือแก่การแก้ไขปัญหาดังกล่าวของชาติตามกรอบและแนวทางการแก้ไขปัญหาของวุฒิสภา และวุฒิสภาขอให้คำมั่นว่าจะเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวทันทีและเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อคืนความสงบและความผาสุขให้แก่ประชาชน
 
นายสุรชัย กล่าวว่า ได้รับการประสานจากรัฐบาลว่าจะร่วมหารือเพื่อหาทางออกประเทศในวันจันทร์ที่ 19 พ.ค.นี้ จากเดิมที่เป็นบ่ายวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่กำหนดสถานที่เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ส่วนรัฐบาลรักษาการจำเป็นต้องลาออกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลเองว่าหากอยู่ในหน้าที่จะทำให้การแก้ปัญหายากง่ายขึ้นหรือไม่อย่างไร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้วุฒิสภายังไม่ได้กำหนดว่าการสรรหานายกรัฐมนตรีและครม.จะใช้กฎหมายมาตราใด แต่ยืนยันว่าอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ส่วนคุณสมบัตินายกฯก็ยังไม่มีการพูดถึงเช่นกัน
 
นายสุรชัยเรียกร้องให้รัฐบาลและกลุ่ม นปช.ร่วมหาทางออกให้กับประเทศ โดยยอมรับว่ารู้สึกกดดันและเหนื่อยที่ต้องขอร้อง และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมแก้วิกฤติ เชื่อว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันก็จะทำให้ประชาชนมีความหวัง การแก้ปัญหาต่าง ๆ ก็จะง่ายขึ้น แต่ยืนยันว่าวุฒิสภาจะไม่ละทิ้งประเทศไทยอย่างแน่นอน
 
'สุเทพ' ผิดหวังลั่นไม่คุย ส.ว. อีกแล้ว
 
สำนักข่าวไทย รายงานว่า เวลา 18.15 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ติดตามฟังการถ่ายทอดเสียงของวุฒิสภา ที่บริเวณหน้าประตูประสาทเทวฤทธิ์ จากนั้นได้เดินขึ้นปราศรัยที่หน้าประตู 1 โดยมีสีหน้าเคร่งเครียด ว่า ได้ยินคำตอบจากวุฒิสภาแล้วว่าให้รอต่อไป วินาทีนี้รู้สึกดีใจที่ไม่ต้องพบกับวุฒิสภาในสภาอีกต่อไป เพราะตัดสินใจไม่ผิดที่เลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต จะได้ไม่ต้องเจอกันอีก
 
"กปปส.ไม่อยากคุยอีกต่อไปแล้ว เราไม่ต้องนั่งรอที่สภาแล้ว กลับไปกินข้าวเย็นที่เวที ไปคิดหาวิธีการของเรา" นายสุเทพกล่าว
 
จากนั้นนายสุเทพได้เดินเท้านำผู้ชุมนุมเดินกลับเวทีหน้าสำนักงานสหประชาชาติ
 
 
วุฒิสภาหารือนอกรอบล่าช้า ส.ว.เข้าร่วมกว่า 60 คน
 
ก่อนหน้านี้ในช่วงบ่ายสำนักข่าวไทยรายงานว่านายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมสมาชิกวุฒิสภานอกรอบ เพื่อสรุปประเด็นแก้ปัญหาทางออกประเทศ ที่ห้อง 306-308 อาคารรัฐสภา 2 เบื้องต้นมีสมาชิกลงชื่อเข้าร่วมประชุมกว่า 60 คน แต่ ส.ว.สายเลือกตั้งหลายคน อาทิ นายตรี ด่านไพบูลย์ ส.ว.ลำพูน แสดงเจตจำนงไม่เข้าร่วมการประชุมตั้งแต่ต้น เพราะไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่สมาชิกกำลังดำเนินการให้มีนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจ ซึ่งจะนำข้อสรุปที่คณะทำงานหารือกับฝ่ายต่างๆ มาเสนอต่อที่ประชุมในวันนี้ แต่ในวันนี้จะยังไม่ได้รายชื่อนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจ เป็นเพียงการระบุคุณสมบัติ และแนวทางการหาทางออกความขัดแย้งเท่านั้น
 
ด้านนายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา ในฐานะโฆษกคณะทำงานประสานองค์กร และสรุปข้อมูล ของวุฒิสภา กล่าวว่า จะนำความเห็นจากทุกภาคส่วนมาหารือเป็นครั้งสุดท้าย โดยจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้แน่นอน และเป็นแนวทางที่น่าจะเป็นความหวังให้ประเทศ ลดความขัดแย้ง ไม่มีใครได้ทั้งหมด หรือเสียทั้งหมด ที่สำคัญอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
 
ส่วนกรณี กปปส.ขอทราบชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางภายในวันนี้ ขอชี้แจงว่าสมาชิกวุฒิสภานั้น ไม่ได้อยู่ภายใต้การกดดันของฝ่ายใด และสำหรับนายกรัฐมนตรีคนกลางจะไม่ยึดที่ชื่อบุคคลเป็นตัวตั้ง แต่ยึดที่คุณสมบัติ และความเหมาะสม โดยหากได้รายชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางแล้ว เป็นหน้าที่ของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
 
ขณะที่บรรยากาศด้านหน้าอาคารรัฐสภา กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ทยอยเดินทางมาปักหลักบริเวณถนนอู่ทองในเกือบเต็มพื้นที่ เพื่อติดตามรอฟังผลการหารือของวุฒิสภา
 
นอกจากนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ตั้งขบวนจากหน้ายูเอ็น เดินทางมาที่อาคารรัฐสภาด้วย

'กรวยข้าใครอย่าแตะ' รวมกรณีผู้ถูกทำร้ายหลังได้สัมผัส



ไม่ว่าจะ ‘นักบินฝึกหัด’ ‘คนส่งน้ำแข็ง’ ‘เซลเอ็นจิเนียร์’ หรือแม้แต่ ‘นายทหารยศพันเอก’ ล้วนมีอันต้องเจ็บตัวเมื่อสัมผัส ‘กรวย’ หรือสิ่งกีดขวางของกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ทั้งสิ้น
ช่วงนี้มีข่าวผู้สัญจรไปมาบนท้องถนนกลางเมืองหลวงประสบกับการบาดเจ็บหลังจากที่มีการสัมผัส เคลื่อนย้าย หรือชนกรวย ที่ถูกใช้เป็นเคลื่องกีดขวางหรือสัญลักษณ์แสดงอาณาบริเวณของการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในช่วงนี้ติดต่อกันหลายราย
พระพุทธอิสระ หนึ่งในแกนนำ กปปส. จะออกมาชี้แจงเมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุการ์ดทำร้าย หนุ่มนักบินฝึกหัดบาดเจ็บบทโทลย์เวย์ ว่า “เราเองก็ไม่อยากปฏิเสธ แต่ต้องเข้าใจต่อสถานการณ์ ซึ่งบนทางโทลย์เวย์ที่กั้นไว้รักษาความปลอดภัยมีผู้มารื้อกรวยกั้นทางออกไป การ์ดก็ต้องทำหน้ารักษาความปลอดภัยผู้ชุมนุมทุกทางไม่ใครจะมาโยนระเบิดใส่แนวด้านล่าง แต่เราก็พร้อมขอโทษคนที่ถูกกระทำไป โดยหวังให้เขาเข้าใจด้วยว่าเราต้องรักษาความปลอดภัย”
อย่างไรก็ตามในสังคมและในโซเชียลเน็ตเวิร์กก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่อง เพราะมีเหตุลักษณะเดียวกันเกิดซ้ำหลายครั้ง จนมีการนิยามเชิงล้อเลียนถึงวัตถุตั้งต้นแห่งปัญหานั้นว่า “กรวยศักดิ์สิทธิ” มีกิจกรรมถ่ายภาพกราบกรวย หรือภาพหยิบจับ การตัดต่อภาพล้เลียน รวมไปถึงท้าทายด้วยการเตะกรวย โดยณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ บนเวทีชุมนุมของ นปช. เป็นต้น นอกจากนี้เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘พจนานุกรมศัพท์การเมืองไทยร่วมสมัย’ ซึ่งจะนิยามเชิงล้อเลียนศัพท์ทางการเมืองที่เป็นประเด็นในสังคมการเมืองโดยตลอด โดยเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมาได้บัญญัติศัพท์คำว่า ‘โฮลี่กรวย’ (น) ด้วย เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายหลังสัมผัส ย้าย ชน กรวยหรือสิ่งกีดขวางของผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. เท่าที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นมีดังนี้
นายมารุต จันทร์นวล เซลเอ็นจิเนียร์ ผู้ได้รับบาดเจ็บ
เซลเอ็นจิเนียร์ ยกแผงเหล็ก ถูกอัดสาหัส แต่เป็นข่าวดวลปืน
8 มี.ค. 57  นายธรรมรัตน์ จันทร์นวล ผู้เป็นน้องชายของนายมารุต จันทร์นวล เซลเอ็นจิเนียร์ ผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส พร้อมถูกชิงทรัพย์ ยืนยันว่าพี่ชายของเขาที่เพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งของเพื่อน ในเวลาเกิดเหตุ(กลางดึกวันที 7 ต่อวันที่ 8 มี.ค.)ได้ขับรถมาส่งคนที่บริเวณแยกหลักสี่ เมื่อขับไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอแผงเหล็กกั้นมารุตจึงลงจากรถมาเพื่อที่จะได้ยกแผงเหล็กออกเพื่อที่จะได้ขับรถไปต่ออีกทางหนึ่ง แต่เมื่อลงมาจากรถมารุตก็ได้ถูกคนไม่ทราบจำนวนเข้ามารุมทำร้ายโดยไม่ได้สอบถามหรือบอกสาเหตุแห่งการทำร้ายแต่อย่างใด
น้องชายมารุต กล่าวด้วยว่าทรัพย์สินติดตัวถูกโขมยไปด้วยดังเช่น โทรศัพท์ไอโฟน  สร้อยคอทองคำหนักสองบาท พระเลี่ยมทองมูลค่าประมาณห้าหมื่นบาทและเงินสดติดตัวอีกประมาณห้าพันบาท  มารุตฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงเที่ยงของวันที่ 8  เขาไม่ทราบว่าใครนำเขาส่งโรงพยาบาล  รู้แต่ว่า รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้ส่งต่อนำร่างกายที่ไม่ได้สติของเขามารักษาที่ รพ.ศิริราช
ทั้งนี้กรณีนายมารุต เป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์วันที่ 9 มี.ค.ว่าเป็นเหตุการณ์ที่คนร้ายกราดยิงเวที กปปส. แจ้งวัฒนะ พร้อมซุกระเบิดในรถยนต์ ทำให้น้องชายต้องชี้แจงดังกล่าว

พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล  ที่มาของภาพ: เพจตรงจากสนามข่าว
นายทหาร พ.อ. ถูกยิงถูกอัดหลัง
24 เม.ย. 57 พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล รองผู้อำนวยการกองวิเทศสัมพันธ์ สํานักวิเทศสัมพันธ์ กรมข่าวทหาร  (กวส.สวส.ขว.ทหาร) ถูกยิงทำร้ายได้รับบาดเจ็บบริเวณ ซอย 7 ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ ก่อนถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ  โดยน.ท.ณัฐพล วัฒนกุล น้องชาย พ.อ.วิทวัส เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 24 เม.ย. ขณะที่พี่ชายกำลังจะเดินทางกลับบ้านพักที่เมืองทองธานี แต่พบว่ามีกรวยยางขวางบริเวณ ถ.แจ้งวัฒนะ จึงลงจากรถ ไปนำกรวยยางออก ก่อนถูกระดมยิง จากนั้นถูกการ์ด กปปส.เข้ามารุมทำร้าย
โดยอาการของ พ.อ.วิทวัส นั้น ถูกสะเก็ดลูกกระสุนปืน ฝังที่ข้อเท้าทั้งสองข้างและใบหน้ามีรอยฟกช้ำ
การ์ด กปปส. แจ้งวัฒนะมาขอขมาตัวแทนของ พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา (ที่มา: บก.ทท.)
หลังจากนั้น วันที่ 25 เม.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ผู้แทนพุทธอิสระ แกนนำและหัวหน้าการ์ด กปปส.แจ้งวัฒนะ ได้ติดต่อเพื่อเข้าขอขมา พ.อ.วิทวัส แต่เนื่องจากยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไม่สะดวก จึงขอให้ขอขมาผ่านผู้บังคับบัญชาของตนด้วย โดยฝ่ายการ์ด กปปส. แจ้งวัฒนะ รู้สึกเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว ได้สำนึกผิดและสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเป็นอันขาด โดยในข่าวของ บก.ทท. ระบุว่า พ.อ.วิทวัส รับทราบการขอขมาดังกล่าวแล้วและรู้สึกพอใจ ส่วนการดำเนินคดีให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
และวันที่ 4 พ.ค. นางบังอรรัตน์ วัฒนกุล มารดาของ พ.อ.วิทวัส ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน และนำเงินจำนวน 50,000 บาท ซึ่งได้รับเป็นค่าทำขวัญจากพระพุทธะอิสระ แกนนำ กปปส.แจ้งวัฒนะ มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อนำส่งคืนพระพุทธะอิสระ พร้อมกล่าวว่า ต้องการปกป้องลูกชาย พร้อมปฏิเสธทุกกระแสข่าวที่ออกมาว่าไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พ.อ.วิทวัส ไม่เคยดื่มสุราเมามาย และไม่เคยทำพฤติกรรมไม่ดี ขณะเดียวกันขอร้องและขอความเป็นธรรมจากพระพุทธะอิสระให้ส่งตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และขอให้พระพุทธะอิสระ ย้ายเวทีชุมนุมไปที่อื่น เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อยู่อาศัยบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ พร้อมทั้งทวงถามถึงบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติควรจะออกมาช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่แจ้งวัฒนะที่มีผู้ประสบเหตุคล้ายกันจำนวนมากแล้ว
(ที่มา : ประชาไท 25 เม.ย. 57, ประชาไท 4 พ.ค. 57)

นักบินฝึกหัดถูกอัดหลังย้ายกรวยบนทางด่วน
9 พ.ค. 57 นายสุรศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ลูกชาย นักบินฝึกหัดสถาบันวิทยุการบินพลเรือน ผู้บาดเจ็บ ระบุว่า เวลาประมาณ 12.30 น. ตนพร้อมเพื่อนสาวขับรถเก๋งยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 525 สีบรอนซ์เงิน ขึ้นทางยกระดับโทลล์เวย์จากด่านดินแดง มุ่งหน้าไปดอนเมือง เพื่อไปฟังผลสอบ ขณะที่ขับรถผ่านมายังด้านหน้าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เห็นว่ามีการปิดกั้นการจราจรทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกโดยทางกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. แต่ก็ยังมีรถบางคันที่วิ่งฝ่าด่านกั้นของทางกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ไป ตัวเขานั้นไม่ได้มีเจตนาอื่น เพียงแค่ต้องการไปยังดอนเมืองเท่านั้น จึงลงไปเปิดกรวยจราจรที่กั้นทาง
หลังจากนั้นจึงกลับมาที่รถเพื่อที่จะขับออกไป แต่จากขึ้นรถมีกลุ่มการ์ด กปปส.ประมาณ 10 คนเข้าล้อมรถของตนไว้ โดยคนที่เดินเข้ามามีทั้งที่สวมเสื้อยืดสีดำแขนสั้น สีดำแขนยาว เสื้อสีฟ้า เสื้อลายทหาร และมีผ้าพันคอสีม่วง
คลิปขณะนักบินฝึกหัดถูกอัด
นายสุรศักดิ์ ระบุด้วยว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางคนตะโกนว่าเขาเป็นคนทำ ซึ่งเขาไม่รู้เรื่องอะไร จึงนั่งนิ่งอยู่ในรถ พร้อมทั้งล็อคประตู 4 ด้าน กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยืนขวางรถตนไว้ ส่วนคนที่เหลือพยายามจะเคาะกระจกเรียกให้เปิดประตูรถ บางคนก้มลงไปปล่อยลมยาง หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีอาวุธปืนสั้นและปืนยาวได้ใช้ด้ามปืนเป็นไม้กระแทกกระจกรถฝั่งคนนั่งจนแตก จากนั้นใช้ด้ามปืนกระแทกมาที่ต้นขา ก่อนจะกระทุ้งมาที่ใบหน้าแล้วรุมทำร้ายตน พร้อมทั้งทุบตีรถ จนกระทั่งสลบไป หลังจากเกิดเหตุมีพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์พยายามเข้าช่วยเหลือ โดยได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า โหนกแก้ม ตา จมูก และต้นขาขวา
โดยหลังเป็นกระแสข่าวกรณีนี้ พระพุทธอิสระได้ออกมาขอโทษต่อผู้เสียหาย โดยขอให้เข้าใจในสิ่งที่การ์ดทำไปนั้นเนื่องจากหวั่นถูกทำร้ายเลยต้องป้องกันทุกวิถีทาง

ขับรถส่งน้ำแข็งชนกรวย-ถูกการ์ด กปปส. แทงที่เวทีสนามเป้า
10 พ.ค. 57 เวลา 23.30 น. นายธนกฤต (ขอสงวนนามสกุล) อาชีพคนส่งน้ำแข็ง และแฟนสาวตระเวนขับรถกระบะส่งน้ำแข็ง และต่อมาได้ขับรถชนกรวยจราจรของผู้ชุมนุม กปปส. จนกระทั่งถูกทำร้าย ถูกของมีคมที่ท้องและหน้าอก
และต่อมา น.ส.นันทวดี (ขอสงวนนามสกุล) แฟนสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.เกษม พิพิธกุล พงส.ผนก.สน.พญาไท เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ว่า แฟนหนุ่มถูกการ์ด กปปส. ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณตรงข้ามสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ถนนพหลโยธินขาออก แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. เมื่อเวลาในเวลาดังกล่าว
นายธนกฤต (ขอสงวนนามสกุล) อาชีพคนส่งน้ำแข็ง ภายหลังถูกทำร้ายบริเวณใกล้ BTS สนามเป้า ถ.พหลโยธิน เมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค. (ที่มาของภาพ: วอยซ์ทีวี)
        โดยทั้งสองคนมีอาชีพส่งน้ำแข็ง ก่อนเกิดเหตุได้ตระเวนขับรถกระบะส่งน้ำแข็งตามร้านอาหารต่างๆ ก่อนหน้านี้ได้ไปส่งน้ำแข็งที่ร้านอาหารแถวสถานีรถไฟฟ้าพญาไท จากนั้นขับรถออกมาตามถนนพหลโยธินขาออกเพื่อไปส่งน้ำแข็งต่อที่ย่านสะพานควาย เมื่อมาถึงตรงข้ามสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ตั้งเวทีอยู่ ขณะนั้นฝนเกิดตกอย่างหนักทำให้มองไม่เห็นทาง รถจึงไปชนเข้ากับกรวยของกลุ่มผู้ชุมนุมที่กั้นถนน จากนั้นทางการ์ด กปปส.ได้ตะโกนด่า น.ส.นันทวดี บอกให้แฟนหนุ่มจอดข้างทางเพื่อลงมาขอโทษ แต่เมื่อลงจากรถ ทางการ์ด กปปส. กลับวิ่งกรูกันเข้ามาทำร้าย นายธนกฤต ทันที น.ส.นันทวดี จึงวิ่งหนีทั้งๆ ที่กำลังตั้งครรภ์ 5 เดือน ต้องวิ่งไปร้องขอความช่วยเหลือจนกระทั่งมีพลเมืองดีมาช่วยเหลือ
         น.ส.นันทวดี กล่าวต่อว่า จากนั้นจึงกลับมาดู นายธนกฤต ก็พบว่านอนหายใจรวยรินกลางถนน มีถุงดำพยายามจะคลุมร่าง นายธนกฤต เหมือนกำลังจะห่อเอาไปทิ้ง จึงรีบนำตัว นายธนกฤต ส่ง รพ.ราชวิถี เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาอย่างเร่งด่วน ตามร่างกาย นายธนกฤต พบว่า มีรอยฟกช้ำหลายแห่ง และมีบาดแผลถูกของมีคมแทงเข้าที่ปอดและตับอาการสาหัสยังไม่รู้สึกตัว วันนี้จึงได้เดินทางมาแจ้งความที่ สน.พญาไท ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองที่ไหน เพียงแต่ทำมาหากินทั่วไปเท่านั้นและตอนเกิดเหตุก็ได้บอกให้แฟนหนุ่มจอดรถเพื่อลงไปขอโทษไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อยากถามว่าทำไมบ้านเมืองถึงเป็นแบบนี้
          ด้าน พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี แกนนำของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท. ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่ม กปปส. นั้น) ชุมนุมอยู่จุดดังกล่าว ยืนยันในเวลาต่อมาว่ากลุ่มที่ก่อเหตุไม่เกี่ยวข้องกับการ์ด กปท. แต่อย่างใด
         อย่างไรก็ตามการบาดเจ็บและเสียชีวิตจาการชุมนุมทางการเมืองช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา นอกจากจะมีเหตุมาจากการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ หรือกลุ่มที่เห็นต่างแล้ว การสัมผัสสิ่งกีดขวางทางจรจรอย่าง ‘กรวย’ หรือแผงเหล็กดังที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นอีกสาเหตุของการถูกทำร้าย และยังมีผู้ที่ถูกกลุ่มการ์ดของผู้ชุมนุมทำร้าย จากการใส่สัญลักษณ์ทางการเมืองที่แตกต่าง การมีปากเสียงกับผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปหาข่าวในที่ชุมนุม  ผู้สื่อข่าวที่รายงานตัวเลขกไม่ตรงตามที่ผู้ชุมนุมคิด หรือสวมสัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ หลายสิบราย รวมไปถึงผู้สื่อข่าวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นอีกฝ่ายทางการเมือง อย่างกรณี นิค นอสติทซ์ ช่างภาพและผู้สื่อข่าวชาวเยอรมัน ซึ่งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา นิค ได้เดินทางพบ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อร้องเรียนหลังถูกการ์ด กปปส. คุกคาม ด้วย

จับแล้วก็ปล่อย ศาลยกคำร้องขอฝากขัง 'สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ' แกนนำ กปปส. หลังถูกจับ


 
           16 พ.ค. 2557 มติชนออนไลน์รายงานเมื่อว่าเวลา 13.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.ไกรวิทย์ อรสว่าง รองผบ.สำนักการเงินและธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสยบไพรี ของ บช.ปส. ประมาณ 10 นาย พร้อมอาวุธครบมือ ควบคุมตัวนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์  แกนนำกปปส.  และอดีตอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาในข้อหาร่วมกันก่อกบฏและข้อหาอื่นๆรวม 8 ข้อหา มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 16 พ.ค. – 27 พ.ค. นี้  เนื่องจากต้องรอผลการตรวจสอบพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหาและอื่นๆ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะไปขึ้นเวทีปราศรัยปลุกระดมมวลชนและกระทำผิดซ้ำอีก
 
         ขณะเดียวกันนายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความของกลุ่มกปปส. เดินทางมายื่นประกันเพื่อขอปล่อยชั่วคราว โดยใช้ตำแหน่งอธิการบดี นิด้า ของรศ.ดร.ประดิษฐ์ วรรณรัตน์  เพื่อให้ศาลพิจารณาปล่อยชั่วคราว
 
        ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับผู้ต้องหาโดยระบุในหมายจับว่า “ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมผู้ถูกจับได้เพียงเท่าที่จำเป็นในการนำตัวส่งฟ้องต่อศาลเท่านั้น"  เจ้าพนักงานตำรวจจึงมีหน้าที่ต้องส่งตัวผู้ต้องหาให้แก่พนักงานอัยการเพื่อให้พนักงานอัยการนำตัวมาฟ้องคดีต่อศาลเท่านั้น พนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนต่อหรือสอบสวนเพิ่มเติมไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่จะขอฝากขังผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง
 
        ด้านนายวันธงชัย ชำนาญกิจ ทนายความ กล่าวว่าศาลได้มีคำสั่งยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ดำเนินการผิดจากที่เคยแถลงต่อศาลว่า ทางอัยการพร้อมจะนำสำนวนและผู้ต้องหายื่นฟ้องต่อศาลทันทีหากได้ตัวมา  ทั้งนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกำลังอยู่ระหว่างประสานอัยการในการยื่นฟ้องต่อศาลให้ทันภายในวันนี้ แต่ถ้าหากอัยการยื่นฟ้องไม่ทันก็คงจะต้องปล่อยตัวนายสมบัติไป เพราะเจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจในการควบคุมตัว

กรรมการสิทธิฯ เรียก 'องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน' ชี้แจงหลังถูกร้องเรียน


         กรรมการสิทธิฯ ร่วมประชุม เรื่ององค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ของ 'พล.ต.นพ.เหรียญทอง' หลัง 'เนติวิทย์' ยื่นหนังสือร้องเรียน ด้าน 'จ่าประสิทธิ์' ปัดปราศัยใช้ถ้อยคำจ้วงเบื้องสูง
 
         16 พ.ค. 2557 น.พ.นิรันดร์  พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วย คณะอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และหน่วยงานอื่นๆ ได้ร่วมประชุม กรณีที่ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และเลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ถึงจุดยืนเกี่ยวกับองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน

       โดย พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และฐานะผู้ก่อตั้งองค์กรดังกล่าว เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ถึงวัตถุประสงค์การจัดตั้งองค์กรขึ้น เพื่อนำบุคคลที่มีพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูงเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย โดยย้ำว่า ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังองค์กรนี้ และองค์กรนี้อยู่ระหว่างการจดทะเบียน เพื่อก่อตั้งเป็นมูลนิธิด้วย
 
       ซึ่ง คณะอนุกรรมการ ได้สอบถาม พล.ต.นพ.เหรียญทอง ถึงกระแสข่าวว่า มีองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน มีกองกำลังติดอาวุธ โดย พล.ต.นพ.เหรียญทอง กล่าวว่า มีคนร้ายลอบยิงที่บ้านพัก จึงมีการประกาศลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อป้องกันตนเอง และยอมรับว่ามีพรรคพวกที่คอยดูแลตนเองอยู่บ้าง ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็พบหัวกระสุนขนาด 9 มม. ห่างจากห้องทำงานตนที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เพียง 10 เมตร และยืนยันว่าองค์กรเก็บขยะแผ่นดินไม่มีกองกำลังติดอาวุธแน่นอน
 
จ่าประสิทธิ์ ปัดปราศัยใช้ถ้อยคำจ้วงเบื้องสูง

 
         จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต ส.ส. จังหวัดสุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทำหนังสือเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อตน ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากกรณีที่กล่าวปราศรัยที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าตนไม่ได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหา โดยมีหลักฐานและได้ถอดคลิปออกมาแล้ว ไม่พบว่ามีคำใดที่ละเมิดเบื้องสูง
 
         "อีกทั้งเจตนาของคนเสื้อแดงและตนนั้น เป็นการต่อสู้ตั้งแต่อำมาตย์ลงมา สำหรับสถาบันเบื้องสูงเราจะไม่เกี่ยวข้อง เราเคารพบูชาอยู่แล้ว" จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ระบุ
 

ภาคประชาชนอีสานเสนอฝ่าวิกฤติการเมืองไทย เดินหน้าเลือกตั้งก่อนปฏิรูป


Fri, 2014-05-16 20:43

ชาวบ้านปากมูน ร่วมกับนักกิจกรรมในจังหวัดอุบล ได้ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์วิกฤติการเมืองไทย เสนอในการฝ่าวิกฤติการเมืองไทย ให้การจัดการเลือกตั้งให้ดำเนินไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย เพื่อเป็นการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติ แล้วค่อยปฏิรูป
 
 
 
 
           16 พ.ค. 2557 เวลา 13.00 น. ณ ห้องบัวพิสุทธิ์ คณะมนุษยศาสตร์ ฯ ม.ราชภัฎอุบลราชธานี ชาวบ้านปากมูน ร่วมกับนักกิจกรรมในจังหวัดอุบล ได้ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์วิกฤติการเมืองไทย โดยมีข้อเสนอในการฝ่าวิกฤติการเมืองไทย 
 
           โดยบางส่วนของแถลงการณ์ระบุ "ในฐานะประชาคมหนึ่งในสังคมไทย  เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจการเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ทุกๆชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่า และมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อคนอันเป็นที่รัก และขอเรียกร้องให้แก้ปัญหาโดยยึดหลักการตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และหลักการตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย พวกเราขอเรียกร้องไปยังทุกภาคส่วนในสังคมไทย เพื่อฝ่าวิกฤติการเมืองไทยสู่ทางออกร่วมกัน ดังนี้
 
แถลงการณ์ร่วม “ฝ่าวิกฤติการเมืองไทย เคารพความหลากหลาย ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย”
 
         สภาพความแตกแยกทางความคิดครั้งใหญ่ในสังคมไทยปัจจุบัน กำลังพัฒนาไปสู่ขั้นแตกหัก และกลายเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งจะนำหายนะมาสู่ประเทศไทยอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้
 
         ความแตกแยกครั้งใหญ่คราวนี้ มีรากฐานมาจากเหตุปัจจัยซับซ้อน โดยเฉพาะปัญหาเชิงโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต จนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ความอยุติธรรม และความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสในการพัฒนาด้านต่างๆ
 
          เหตุปัจจัยต่างๆเหล่านั้น ก่อให้เกิดโลกทัศน์ทางการเมืองที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างคนในเมืองใหญ่ และคนในชนบท นำมาซึ่งความขัดแย้งที่เริ่มต้นจากความเห็นที่แตกต่างกันในด้าน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม จนพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งในการให้คุณค่าเรื่อง ศีลธรรม และวิถีการดำรงชีวิต เช่น วาทกรรมเรื่อง ความไม่เท่ากันของคนเมืองกับคนชนบท การที่คนชนบทถูกหลอกลวงจากนายทุนสามานย์ เพื่อแลกกับผลประโยชน์เฉพาะหน้า การเมืองที่ต้องการคนดีมีศีลธรรมเป็นผู้นำ
 
           ความจริงแล้ว ความแตกต่างทางความคิดเหล่านี้ เป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมที่มีผู้คนจำนวนมาก และมีพื้นฐานของชีวิตที่แตกต่างกันไปตามแต่สภาพของแต่ละกลุ่ม การมีชีวิตอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่าง จึงเป็นเรื่องที่มีการค้นคว้าและพัฒนาในสังคมมนุษย์มาตามลำดับ จนเป็นที่ยอมรับในหลักการของการใช้เสียงข้างมากในการตัดสินใจ โดยเคารพความเห็นของเสียงข้างน้อย
 
            ประชาธิปไตย ที่ใช้เสียงข้างมากอย่างเสมอภาคในการกำหนดกติกาของการอยู่ร่วมกัน ที่ไม่คำนึงถึงความยากดีมีจน ความฉลาดหรือโง่ เป็นคนดีหรือคนเลว จึงเป็นหลักการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติภายใต้ความแตกต่างหลากหลาย
 
           หากไม่ใช้หลักการนี้ในการอยู่ร่วมกันในสังคม โดยอ้างเหตุแห่งความชอบธรรมใด ๆ ก็ตาม ก็จะกลายเป็นระบบเผด็จการ ที่คนส่วนน้อยที่คิดว่าตนเองเป็นคนดี คนเก่ง กดขี่คนส่วนใหญ่ในสังคม
 
          สถานการณ์ในปัจจุบัน ชนชั้นนำบางส่วนได้ร่วมมือกับนักวิชาการในการบิดเบือนหลักการทางกฎหมาย เพื่ออ้างความชอบธรรมในการเข้าควบคุมอำนาจรัฐ โดยไม่เคารพหลักการประชาธิปไตย
 
          การกระทำดังกล่าว จะสร้างความแตกแยกและนำสังคมไทยไปสู่ความขัดแย้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในอนาคตสังคมไทย จะไม่หลงเหลือหลักการใดๆที่คนในสังคมจะยอมรับร่วมกันอีกต่อไป จะมีการต่อต้าน การตีความ การแปลความหมายที่แตกต่างกันตามแต่สภาพของชุมชนต่าง ๆ
 
         เป็นการเข้าสู่ภาวะอนาธิปัตย์และความล่มสลายของสังคมไทยโดยสมบูรณ์ วิกฤติการเมืองไทยในขณะนี้ซึ่งรุนแรงและแบ่งขั้วความคิดทางการเมืองมากกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา และเดินทางมาถึงจุดที่จะทำให้สังคมไทยเปลี่ยนขั้นสูงสุด ต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้ ย่อมส่งผลต่ออนาคตของคนในสังคมไทยทุกภาคส่วน รวมถึงพวกเราด้วย ในฐานะหุ้นส่วนของสังคมไทย พวกเรามีความเห็น ดังนี้
 
  • 1.) เราเชื่อมั่นในการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งแม้ว่าจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ข้อบกพร่องดังกล่าวก็สามารถแก้ไขได้ด้วยกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย และที่สำคัญการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด และสังคมสมัยใหม่ในทั่วโลกให้การยอมรับ ดังนั้นการได้มาซึ่งผู้ปกครองประเทศด้วยวิธีพิเศษ (นายกคนกลาง) ที่ไม่เป็นไปตามครรลองวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย ย่อมไม่สามารถสร้างการยอมรับในระดับสากล และพวกเราก็ไม่สามารถยอมรับได้
  • 2.) การเปลี่ยนแปลงใด ใด ที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบัน จะกลายเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้กับสังคมไทยในอนาคต ดังนั้นการเรียกร้องให้มีผู้ปกครองมาด้วยวิธีพิเศษ ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็เปรียบเสมือนการ “เว้นวรรคประชาธิปไตย” และต่อไปในอนาคตข้อเสนอนี้ก็จะถูกนำมาผลิตซ้ำ ซ้ำ ทำให้ประชาธิปไตยไม่สามารถเติบโตขึ้นได้
  • 3.) การได้มา ได้มีผู้ปกครองด้วยวิธีพิเศษ ใด ใด (นายกคนกลาง) ก็ตาม ไม่มีหลักประกันได้ว่าจะทำให้ความขัดแย้งที่มีอยู่ลดลง หรือหมดไปจากสังคมไทย ได้
 
ต่อสถานการณ์วิกฤติการเมืองไทย พวกเราขอแสดงจุดยืน ดังนี้
 
  • 1.) เราขอประนามความรุนแรง การทำให้เกิดความรุนแรง ทั้งการพูดใส่ร้าย กล่าวหา ยั่วยุ และแม้แต่การลอบทำร้าย การเผชิญหน้ากันทุกรูปแบบ เราคัดค้านการรัฐประหาร และต่อต้านสงครามกลางเมือง
  • 2.) เราขอให้ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนในสังคมไทยได้เคารพสิทธิ เสรีภาพ ในความเห็นที่แตกต่างกัน แม้ว่าความเห็นที่แตกต่างกันจะอ้างความชอบธรรม หรืออ้างความชอบด้วยกฎหมายก็ตาม ซึ่งความชอบธรรมหรือการชอบด้วยกฎหมายตามความคิดเชื่อนั้น ก็ไม่มีใครที่ได้สิทธิ์แห่งความเชื่อนั้นในการทำร้าย ต่ออีกฝ่ายที่เห็นต่างกันได้
 
             ในฐานะประชาคมหนึ่งในสังคมไทย เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจการเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ทุกๆชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่า และมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อคนอันเป็นที่รัก และขอเรียกร้องให้แก้ปัญหาโดยยึดหลักการตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และหลักการตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย พวกเราขอเรียกร้องไปยังทุกภาคส่วนในสังคมไทย เพื่อฝ่าวิกฤติการเมืองไทยสู่ทางออกร่วมกัน ดังนี้
 
  • 1.) แก้ไขกติกาการเลือกตั้ง และออกเป็น พระราชกฤษฎีกา เสนอไปพร้อมกับ พระราชกฤษฎีกา จัดการเลือกตั้ง (ดำเนินการไม่เกิน ๒ สัปดาห์)
  • 2.) ให้การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย เพื่อเป็นการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติ
  • 3.) ดำเนินการปฏิรูปประเทศไทย ให้บรรลุเป้าหมาย โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมไทย
          พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่ขัดแย้ง และภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมไทย จะตระหนักว่า ในสังคมประชาธิปไตยที่มีความแตกต่างหลากหลาย เรามิอาจเบียดขับหรือกำจัดผู้ที่เห็นต่าง ให้ออกไปจากสังคมเดียวกันได้ แต่การอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ และเคารพความแตกต่างที่หลากหลาย นั่นคือสังคมประชาธิปไตย ที่เป็นประชาธิปไตย
 
ด้วยจิตคารวะ
16 พฤษภาคม 2557 
ณ ห้องบัวพิสุทธิ์ คณะมนุษยศาสตร์ ฯ ม.ราชภัฎอุบลราชธานี
 
รวมแถลงโดย
สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล
สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตย (สปป.) อีสานใต้

นายพันโดนยิง ผบ.ทบ.นิ่ง การ์ดกบฏโดนยิง ผบ.ทบ.ฮึ่ม! ประกาศจะใช้กำลังทหาร "จำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้าคลี่คลายสถานการณ์อย่างเต็มรูปแบบ"




           เมื่อเวลาประมาณ 15.20 น. วันที่ 15 พ.ค. พันเอก วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ. เปิดเผย คำแถลงการณ์ 7 ข้อ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ดังนี้


  • 1.ขอเป็นกำลังใจให้ทุกพวกทุกฝ่ายที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมือง เพื่อนำประเทศชาติไปสู่ความสงบเรียบร้อย ทั้งด้วยวิธีการทางกฎหมายก็ดี หรือการพูดคุยเจรจาก็ดี หรือสันติวิธีอื่น ๆ ก็ดี 
          อย่างไรก็ตาม การใช้ช่องทางตามกฎหมาย หรือการพูดคุยประชุมหารือกัน อาจไม่ประสบผลมากนักในห้วงเวลานี้ เพราะมีข้อถกเถียงและโต้แย้งมากมาย และอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทุกฝ่ายควรดำเนินการด้วยวิธีการอันสงบสันติ ไม่สร้างเงื่อนไขและปัญหาเพิ่มมากขึ้น ต้องหยุดสร้างความรุนแรง และช่วยกันนำพาประเทศชาติออกจากความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว
  • 2.จากสถานการณ์การใช้อาวุธเมื่อคืนวันที่14 พ.ค.57 ซึ่งมีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้กระทำ ล้วนแต่เป็นการกระทำผิดกฎหมายทั้งสิ้น จึงขอให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ช่วยกันประณามทุกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง และใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งขอให้ส่งข้อมูลหรือเบาะแสให้กองทัพบกทันทีเมื่อได้รับทราบ
  • 3.การที่หลายฝ่ายกล่าวพาดพิงผบ.ทบ และผบ.เหล่าทัพ ว่า อยู่เฉย ไม่ดำเนินการใด ๆ ขอเรียนว่า กองทัพได้ดำเนินการทุกอย่าง มาด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาในครั้งนี้ มีความซับซ้อน และมีผลกระทบในหลายมิติ
  • 4. ขอเตือนผู้ที่กล่าวให้ร้ายกองทัพ ให้ระมัดระวังคำพูด ซึ่งถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของกองทัพ ทหารทุกคนไม่สามารถยอมรับได้
  • 5.ขอเตือนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ให้หยุดการกระทำนั้นตั้งแต่บัดนี้ เพราะหากสถานการณ์ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทหารอาจจำเป็น ต้องออกมาระงับเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติโดยรวม
  • 6.หรือหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นจนมีแนวโน้มถึงขั้นจะเกิดการจลาจลเพื่อความสงบเรียบร้อย กองทัพอาจมีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ในขั้นนั้นหากมีผู้หนึ่งผู้ใด หรือกลุ่มบุคคล หรือกองกำลังติดอาวุธ ตอบโต้กองทัพ หรือทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อีก บุคคลผู้นั้น หรือกลุ่มบุคคลนั้น จะต้องถูก จนท.ใช้มาตราการทางกฏหมายปราบปรามอย่างเด็ดขาด โดยผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าวอาจจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ได้ เช่นกันกับกลุ่มบุคคลที่มีความคิดจะบุกรุกหรือปิดล้อมหน่วยทหาร ขอให้ยุติแนวคิดการกระทำดังกล่าวโดยทันที
  • 7. กองทัพเป็นของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนคนไทยทุกคน มิได้เป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่กองทัพก็ต้องปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ และประชาชน เมื่อมีความจำเป็น อย่างเต็มความสามารถ

จึงขอเรียนให้ทราบโดยทั่วกัน

"วงซูซู" แรงส์! ถาม "แอ๊ด คาราบาว" ไม่ยอมออกมาร่วมสู้กับ กปปส.ว่า "นายยังเป็นคนไทยหรือเปล่า?"



            นักร้องดัง วงซูซู โพสต์ภาพเพื่อน "แอ๊ด คาราบาว" เขียนข้อความเรียกให้แอ๊ด คาราบาว มาร่วมกับกลุ่ม กปปส. ขับไล่รัฐบาล ล้มล้างระบอบทักษิณ โดยเขียนรุนแรงถึงขั้นถาม แอ๊ด คาราบาวว่า "นายยังเป็นคนไทยหรือเปล่า"



            ไอดีเฟสบุ้คส่วนตัวของวงซูซู @ZuPutichat ได้โพสต์ภาพแอ๊ดคาราบาว และเขียนข้อความเรียกให้ แอ๊ดคาราบาว ออกมาร่วมกับ กปปส. ความว่า "ออกมาเถอะเพื่อน ถึงวันนี้ลูกนายคงไม่อดตายหรอก พวกเราร้อน เหนื่อย ล้ากลางแดด ล้มหายไปหลายคนแล้ว นายยังเป็นคนไทยหรือเปล่า?"

ขณะเดียวกัน ก็เขียนถึง "ทอม ดันดี" ถามว่า ตอนนี้ยังเป็นเสื้อแดงอยู่ไหม?

จับ "สมบัติ ธำรงธัญวงศ์" กบฏ กปปส. คา "นิด้า" นำตัวไปสอบสวนที่ ศอ.รส.แล้ว





              มีรายงานว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ หรือ ศอ.รส. เปิดเผยว่าได้จับกุมนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ( นิด้า) และนักวิชาการที่เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในข้อหากบฎ ตามที่ศาลอนุมัติหมายจับเพื่อควบคุมตัวสอบสวนก่อนหน้านี้ได้ที่นิด้า โดยอยู่ระหว่างการควบคุมตัวไปสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต


           ทั้งนี้ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็น1 ใน 30 แกนนำกปปส. ที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับเพื่อนำตัวมาส่งฟ้องคดีในความผิดฐานกบฎ และข้อหาอื่นๆ รวม 8 ข้อหา

ตำรวจรวบ "ยศศักดิ์ โกไศยกานนท์" ตามหมายจับศาลอาญา ฐานกบฏแล้ว



             ตำรวจรวบ "ยศศักดิ์ โกไศยกานนท์" อจ.นิติฯ ตามหมายจับ 30 แกนนำกปปส. ต้องข้อหากบฎเมื่อวันที่ 16 พ.ค. มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ นักวิชาการคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เป็นหนึ่งใน 30 แกนนำม็อบกปปส. ที่ถูกศาลอาญาออกหมายจับในข้อหากบฏและความผิดอื่นรวม 8 ข้อหา

           ล่าสุด มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่กำลังควบคุมตัวนายยศศักดิ์ไปสอบสวนที่ศอ.รส.ทั้งนี้ นายยศศักดิ์ เคยรับสมัครเลือกตั้งสว.ที่จังหวัดสงขลา ร่วมการชุมนุมกับกลุ่มกปปส. มีบทบาทขึ้นเวทีปราศรัยที่ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และระบอบทักษิณ นอกจากนั้น ตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์จัดชุมนุมบริเวณสถานีสามเสน เมื่อปลายปีก่อน นายยศศักดิ์ ก็เคยขึ้นเวทีปราศรัยคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฯ เพื่อช่วยเหลือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมแสดงพลังต้านโกงที่สามเสน

"เทือก" จบเห่! วุฒิสมาชิกไม่ตั้งนายกฯ ม.7



           สมชาย แสวงการ ได้แถลงข่าวในฐานะตัวแทนที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภา ได้แถลงข่าวอย่างไม่เป็นทางการ ที่ประชุมเห็นพ้องในการแก้ไขวิกฤติของชาติ เพื่อให้ประเทศก้าวหน้าต่อไปได้ ได้รับฟังความเห็นกับภาครัฐและเอกชน วุฒิสภา ขอเรียกร้องรัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้อง
  • ๑. ให้มีการแก้ไขวิกฤตของชาติ อย่างรวดเร็ว ให้มีการปฏิรูปในทุกด้าน ต้องมีรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มในการดำเนินการ
  • ๒. ให้รัฐมนตรีทุกคน พรรคการเมืองทุกพรรค ร่วมมือกับวุฒิสภา ในการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
  • ๓. วุฒิสภา พร้อมทุ่มเทการทำงาน นำความเห็นทุกภาคส่วนประกอบ หากจำเป็น อาจเปิดประชุมวุฒิสภา เป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรี ในกรอบประเพณี อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

วุฒิสภา หวังให้ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือกับวุฒิสภาในการฝ่าฟันวิกฤตของชาติ

"กรวยยักษ์" โผล่กลางสกายวอร์ค! ย้ำปณิธาน "การเสนอนายกฯคนกลาง คือการมองข้ามหัวประชาชน"



             วันที่ 16 พ.ค. ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ นักศึกษาและประชาชนในนามกลุ่ม เครือข่ายนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยประมาณ 200 คน จัดกิจกรรม ‘หยุดล้ำเส้น เล่นตามกติกา เดินหน้าเลือกตั้ง’ มีการเขียนข้อความบนนกกระดาษสีขาว แขวนติดไว้บริเวณทางเดินสกายวอล์ก หน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง อีกทั้งยังมีกิจกรรมนำกรวยสีส้มมาตั้งตรงกลางระหว่างทางเดินและตั้งโต๊ะหมู่บูชาเป็นการแสดงออกเชิงสัญญลักษณ์ในลักษณะล้อเลียนว่าที่ผ่านมามีประชาชนถูกการ์ด กปปส. ทำร้ายเพราะได้ย้ายกรวยออกจากที่ตั้ง โดยมีคนที่เดินผ่านไปมาจำนวนยมากแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

           นอกจากนี้ ยังมีการนำป้ายขนาดใหญ่เจาะช่องให้ผู้ร่วมงานเข้ามาถ่ายรูป โดยระบุข้อความว่าประชาชนคือคนกลาง ทั้งนี้ มีนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาร่วมกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญญลักษณ์ด้วยการนำป้ายข้อความ ประชาชน คือ คนกลาง ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยสวมไว้ที่ตัวและนำหมอนข้างมาทำเป็นหุ่น ระบุข้อความ ‘นายกคนกลาง’ มาผูกเชือกเดินลากไปกับพื้น สร้างอารมณ์ขันให้คนที่พบเห็น

         นายเจษฎา กล่าวว่า กลุ่ม กปปส. และส.ว. สรรหา จำนวนหนึ่งมีท่าทีชัดเจนที่ไม่เคารพกติกา พยายามเสนอนายกรัฐมนตรีคนกลาง เป็นการมองข้ามหัวประชาชน หารู้ไม่ว่านี่คือการปฏิเสธการปฏิรูปตั้งแต่ต้น อีกทั้งท่าทีของกองทัพที่ออกมาทำนองว่าจะเข้าควบคุมสถานกาณ์หากมีสถานการณ์รุนแรง ซึ่งเป็นท่าที่ที่แข็งกร้าวเกินไป ทำให้ประชาชนที่ไม่ได้ร่วมชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย วิตกกังวล ว่ากองทำอาจทำรัฐประหาร ความจริงกองทัพควรอยู่ใต้คำสั่งของรัฐบาลรักษาการณ์และแสดงออกให้ชัดเจนว่าเคารพในกติกาประชาธิปไตย

          ด้านนายกิตติชัย งามชัยพิสิฐ ตัวแทนเครือข่ายนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ประชาชนที่ต่อต้านความรุนแรง ควรออกมาแสดงพลังเพราะขณะนี้มีความพยายามจากฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย จะทำให้เกิดสุญญากาศซึ่งมีความน่ากังวลว่าสิ่งที่ตามมาจะมีผู้ใช้ความรุนแรงเป็นข้ออ้าง อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปเป็นสิ่งที่ควรทำ มีประชาชนจำนวนมากที่เห็นด้วยแต่การไม่เคารพกติกาประชาธิปไตย การล้มการเลือกตั้ง ไม่มีทางที่จะทำให้การปฏิรูปสำเร็จ เวลานี้ สิ่งที่น่ากังวลคือท่าทีของผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย ต้องควรมีความอดทนอดกลั้นที่จะไม่ใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะช่วงที่ผ่านมามีคนบาดเจ็บล้มตายไปมากแล้ว

            นายธนพร ศรียากูล หัวหน้าพรรคคนธรรมดา ที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ กล่าวว่า แถลงการณ์ของ ผบ.ทบ. ชัดเจนว่าพร้อมจะทำให้กระบวนการประชาธิปไตยหยุดนิ่ง คนทั่วไปที่เคารพสิทธิ์ของตัวเองต้องออกมาแสดงพลัง ถือว่าเป็นการร่วมกันปฏิรูปตั้งแต่เริ่มต้น คือ การยืนยันว่า คนเท่ากัน ไม่ต้องการให้ใครก็ตามอ้างว่าเป็นคนดี หรือรักประเทศชาติมากกว่ามาลิดรอนสิทธิ์ของตัวเองไป พรรคฯ ประกาศว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษากติกาประชาธิปไตยไว้เพราะวิกฤติครั้งนี้เกิดจากคนกลุ่มน้อยอธิบายกฎหมายอย่างผิดเพี้ยนจนนำไปสู่ความรุนแรง อย่างไรก็ตาม กองทัพมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายใต้คำสั่งของ ศอ.รส. ซึ่งเป็นอำนาจตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง หากกองทัพทำนอกเหนือจากนี้ แสดงว่า กองทัพต้องการก้าวก่ายอำนาจรัฐบาลรักษาการณ์

           ต่อมาเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มจัดกิจกรรมได้ร่วมกันจุดเทียน และยืนแปรอักษรเป็นรูปสัญลักษณ์สันติภาพ และร่วมกันร้องเพลงพอกันที บรรเลงโดยวงดรตรีไฟเย็น จากนั้นต่างชูเทียนและตะโกนคำว่าหยุดความรุนแรง สันติภาพ และเลือกตั้ง ทั้งหมด 3 ครั้ง ก่อนแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ

นปช.ถาม "ปลัด สธ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์-ถวิล เปลี่ยนศรี-คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์" จะไปรายงานตัวกับ "กบฏสุเทพ" หรือไม่?



           เมื่อเวลา 18.50 น. วันที่ 16 พ.ค. ที่ถนนอักษะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. รอความหวังจากวุฒิสภา เพราะย้ำว่าหากวุฒิสภาไม่จัดการให้ พรุ่งนี้ เวลา 14.00 น. ได้เรียกประชุมแกนนำกปปส.ทั้งประเทศที่ทำเนียบรัฐบาลไว้แล้ว จากคำแถลงของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานวุฒิสภา ที่ระบุว่า ขอให้รัฐบาลคืนความสงบเรียบร้อย ต้องการให้มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม และให้รัฐบาล รวมถึงพรรคการเมืองต่างๆ ร่วมกันหาทางออก และสุดท้าย วุฒิสภาจะเปิดการประชุม เลือกนายกฯ ตามประเพณี แต่เมื่อปรากฏว่ายังไม่สามารถให้นายกฯ ได้ในวันนี้ นายสุเทพ ก็ขึ้นรถปราศรัยตัดญาติขาดมิตร หมดความหวังกับส.ว.

         นายจตุพร กล่าวต่อว่า หากตัวละครทางการเมือง มีเพียงนายสุรชัย นายสุเทพ รัฐบาล และนปช. เหตุการณ์คงผ่านไปได้อย่างสงบเรียบร้อย แต่สถานการณ์จะไม่ได้จบลงแค่เพราะนายสุเทพ หรือนายสุรชัย แต่ยังมีตัวละครอื่นๆ อีก เมื่อเช้า ตนเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พูดว่าจะเป็นนายกฯ คนกลาง ตามข่าวที่ตนได้รับมาหรือไม่ ปรากฏว่าพล.อ.ประยุทธ์ ที่ปกติจุดเดือดต่ำ ยังเงียบสนิทอยู่ ครั้งนี้ ฝ่ายข่าวยังได้แจ้งว่า ที่บังคับการทางยุทธวิธี กองทัพ ภาคที่ 1 และฝ่ายเสนาธิการ กองทัพ ภาคที่ 1 ย้ายมาประจำการ และเตรียมพร้อมที่ ร.1 พัน.1 รอ. ซึ่งปรากฏการณ์นี้ จะเกิดขึ้นทุกครั้งก่อนที่จะมีการรัฐประหารตามมา จึงถือเป็นอีกเรื่องใหญ่ของวันนี้

         นายจตุพร เปิดเผยว่า วันที่ 17-19 พ.ค. จะระดมพลที่ถนนอักษะ ส่วนจะยกระดับการชุมนุมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

          ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า คำตอบนายสุรชัยวันนี้เป็นการปฏิเสธนายสุเทพที่ระมัดระวังที่สุดแล้ว ถือเป็นการปฏิเสธที่นึกถึงการชุมนุม และอารมณ์ไม่พอใจของมวลชนเอาไว้เสร็จสรรพ หลังจากสัปดาห์นี้ นายสุรชัย จะพบปะหารือกับบุคคลต่างๆ และคงมีชั้นตอนต่างๆ ตามมา ตนขอบอกนายสุเทพว่า วันนี้ไม่มีใครจะมารับเผือกร้อนจากนายสุเทพอีกต่อไปแล้ว ขอให้นายสุเทพใช้ความเป็นแกนนำมวลมหาประชาชน พูดความจริงกับมวลชนสักครั้ง ถ้าประกาศว่าจะชุมนุมวันที่ 17-18 พ.ค. เป็นครั้งสุดท้าย ก็ประกาศมาให้เต็มที่ จะได้ยุติกันเสียที เพราะตนเห็นใจมวลมหาประชาชนที่เฝ้ารอวันสุดท้ายของนายสุเทพมาโดยตลอด ขอให้นายสุเทพอาละวาดเสียให้เต็มที่ เพราะตนอยากดูหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะทำอย่างไร ในวันที่มีคนประกาศยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ หากนายสุเทพ เรียกข้าราชการไปรายงานตัวได้จริง พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะฉวยโอกาสเข้าฮอร์สทางการเมือง หรือจะจัดการนายสุเทพหรือไม่

           นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า หากวันจันทร์ที่นายสุเทพเรียกข้าราชการรายงานตัว และประกาศยอมรับอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ แต่นายสุเทพไม่ลงมือยึดอำนาจจริง หรือข้าราชการระดับสูงที่เคลื่อนไหวไม่ไปรายงานตัว แสดงว่าคนพวกนี้รวมหัวกันต้มประชาชนที่ชุมนุมกันมา ตลอด 6 เดือน ตนขอให้นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ นายถวิล เปลี่ยนศรี พญ. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ประกาศให้ชัดเจนว่าจะไปรายงานตัวตามที่นายสุเทพประกาศ หลังจากนั้น ภาระในการปราบกบฏ จะเป็นของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต่อไป

         นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมวุฒิสภา ไม่เหลือความหวังใดๆ ให้นายสุเทพอีกต่อไปแล้ว หนทางขึ้นสู่อำนาจทางเดียวที่เหลืออยู่ คือ การสร้างสถานการณ์ให้กองทัพยึดอำนาจไปจากประชาชน และอาจจะเห็นได้ชัดเจนในห้วง 2-3 วันนี้ จึงมีความจำเป็นที่ ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต้องหลั่งไหลมารวมตัวกันที่ถนนอักษะ หากสถานการณ์วิกฤติคับขัน จะได้ชวนกันข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา