วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ติดป้ายตามหา "สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล" ที่ธรรมศาสตร์


นอกจากใบปลิวต้านรัฐประหาร-คัดค้านอธิการบดีธรรมศาสตร์รับตำแหน่ง สนช. แล้ว ล่าสุดหลังเปิดเทอมใหม่ได้ 1 สัปดาห์ มีผู้ติดใบปลิว "Miss You SJ" ตามหาอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ "สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล"
25 ส.ค. 2557 - ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีผู้นำโปสเตอร์มาติดบริเวณบอร์ดในอาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ (SC) ระบุข้อความประกาศตามหานายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่มีการติดต่อมาตั้งแต่หลังวันที่ 22 พ.ค.
ทั้งนี้จนถึงช่วงสายของวันที่ 25 พ.ค. โปสเตอร์ดังกล่าวยังคงถูกติดอยู่ และไม่มีเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยมาปลดป้ายลงเหมือนโปสเตอร์ต่อต้าน คสช. หรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ช่วงก่อนหน้านี้
โดยข้อความในโปสเตอร์เช่น "คิดถึงเจียม" "Miss You SJ" "อ.เจียมครับ พวกผมขอให้ อ.เจียม ได้กลับมาสอนเร็วๆ นะครับ พวกผมคิดถึง อ.เจียมมากเลยครับ ไม่ว่าตอนนี้ อ.เจียม จะอยู่ที่ไหน พวกผมขอให้ อ.เจียม ปลอดภัยดีนะครับ คิดถึงและห่วงใยเสมอครับ จากประชาชนคนรักประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัยที่มีอธิการบดีรับใช้เผด็จการ"
"ประกาศตามหาคนหาย อ.เจียม นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อายุ 56 ปีครับ หายตัวไปตั้งแต่วันรัฐประหารปล้นอำนาจประชาชน (วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 2557) จากมหาวิทยาลัยที่มีเสรีภาพเป็นแค่ลมปาก"
นอกจากนี้ยังมีโปสเตอร์ที่โควตข้อความของสมศักดิ์ เช่น "ในทางกฎหมายผมพูดมากกว่านี้ไม่ได้" หรือ "เลิก 112 สิครับแล้วผมจะเล่าให้ฟัง"
โดยปกติแล้วนายสมศักดิ์จะเป็นผู้บรรยายวิชาประวัติศาสตร์ ได้แก่ ประวัติศาสตร์รัสเซีย ประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่ และปรัชญาประวัติศาสตร์ โดยอนุญาติให้ผู้มิได้ลงทะเบียนเรียนวิชานั้นเข้ามานั่งเรียน หรือที่เรียกว่า "ซิทอิน" ได้เช่นเดียวกับอาจารย์หลายรายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ก่อนหน้านี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มีคำสั่งเรียกนายสมศักดิ์ มารายงานตัว 2 ครั้ง ได้แก่คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 5/2557 ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 24 พ.ค. เวลา 13.00 น. และคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 65/2557 ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ วันที่ 14 มิ.ย. เวลา 10.00
อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานว่านายสมศักดิ์มารายงานตัวกับ คสช. และต่อมาวันที่ 16 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอศาลทหารอนุมัติหมายจับบุคคล 7 ราย รวมทั้งนายสมศักดิ์ด้วย ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ป้ายต้าน "สมคิด-นรนิติ" นั่ง สนช. พรึบรังสิต-ท่าพระจันทร์ก่อนถูกปลดเรียบ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน มีผู้นำโปสเตอร์มาติดต่อต้านการรับตำแหน่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ของนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยในโปสเตอร์ระบุข้อความระบุว่า "ขอต้อนรับนักศึกษาใหม่ทุกคน สู่ดินแดนประชาธิปไตย เสรีภาพทุกตารางนิ้ว" นอกจากนี้ยังปรากฏโปสเตอร์ต่อต้านนายนรนิติ เศรษฐบุตร นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่รับตำแหน่ง สนช. ด้วย
ทั้งนี้มติชนรายงานว่า นายสมคิด ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า คนที่ออกมาวิจารณ์ควรกล้าหาญที่จะออกมาเปิดเผยตัวตน ทำให้ในวันที่ 19 ส.ค. กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD) ออกมายอมรับคำท้าและยินดีที่จะพบกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โปรยใบปลิวที่อาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ (SC) เมื่อวันที่ 20 ส.ค. (ที่มาของภาพ: เพจ LTTD)
สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงมติสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ส.ค. (ที่มาของภาพ: เพจ LTTD)
ป้ายข้อความ "อาลัยยิ่งธรรมศาสตร์ เพราะตัดขาดประชาชน" ติดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 21 ส.ค. (ที่มาของภาพ: เพจ LLTD)

นอกจากนี้ยังมีการโปรยใบปลิวต่อต้านรัฐประหาร ป้ายเรียกร้องให้นายสมคิดลาออกจาก สนช. หรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่อาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ด้วย
และหลังจากวันที่ 21 ส.ค. ที่นายสมคิด และนายนรนิติ ลงมติในที่ประชุม สนช. เห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีผู้นำ ต่อมามีการต่อต้านหลายกรณี เช่นเมื่อวันที่ 22 ส.ค. มีผู้นำป้ายผ้าสีดำเขียนข้อความว่า "อาลัยยิ่งธรรมศาสตร์ เพราะตัดขาดประชาชน" โดยนำไปขึงที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้มีการติดใบปลิวประท้วงที่อาคารเรียน บร.4 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตด้วย

พล.อ.ประยุทธ์นั่งนายกรัฐมนตรี-เผยไม่อยากให้ทุกฝ่ายตกขบวนประชาธิปไตย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (ที่มาของภาพ: ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล)

Mon, 2014-08-25 18:09

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี อยากให้ทุกฝ่ายร่วมปฏิรูป 11 ด้านไม่ต้องการให้ใครตกขบวน ปชต.-เผยจะมุ่งมั่นทุ่มเทเต็มที่ นำความสุข-ความร่มเย็นมาสู่ ปชช.-ประเทศมั่นคงสามัคคีทุกฝ่าย-ขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือกับรัฐบาลและ คสช.


พล.อ.ประยุทธ์ รับสนองพระบรมราชโอการเป็นนายกรัฐมนตรี
25 ส.ค. 2557 - เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานวันนี้ (25 ส.ค.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งได้มีการจัดเตรียมสถานที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการฯ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคู่สมรส รศ.นราพร จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นางสาวเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร รักษาราชการแทนเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ปลัดกระทรวงต่างๆ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  รออยู่ ณ บริเวณห้องพิธี
จากนั้น นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภาทำหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ความว่า
พระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี พระปรมาภิไธยภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีพระบรมราชโองการให้ประกาศว่า
โดยที่ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช  2557 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งตามมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ลงมติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2557 เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  จึงทรงพระราชดำริว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ที่สมควรไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง แต่งตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี  บริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 24 สิงหาคม พุทธศักราช 2557 เป็นปีที่ 69 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
เสร็จแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถวายคำนับพระบรมสาทิสลักษณ์ฯ เปิดกรวยกระทงดอกไม้แล้วถวายบังคม และถวายคำนับพระบรมสาทิสลักษณ์ฯ เป็นเสร็จพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

พล.อ.ประยุทธ์ จะทุ่มเทเต็มที่นำความสุขความร่มเย็นมาให้ประชาชน และไม่อยากให้ใครตกขบวนปฏิรูป
โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและกล่าวขอบคุณว่า ในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และนับเป็นเกียรติอันสูงสุดในชีวิตแก่ตนเองและวงศ์ตระกูลอย่างหาที่สุดมิได้
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ตระหนักดีถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง ต่อจากนี้ต่อไป ต้องรับผิดชอบในการนำพาประเทศชาติและประชาชน เพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า ซึ่งได้มีการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ได้แก่ การคัดเลือกรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยว่าการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เพื่อบริหารราชการแผ่นดินโดยเร็วที่สุด โดยจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ภายในเดือนกันยายน 2557
การบริหารประเทศในทุกๆ ด้าน ในบทบาทของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนงานเร่งด่วนเฉพาะหน้าที่ต้องการความรวดเร็วในการแก้ปัญหา โดยรัฐบาล และ คสช.  ต้องมีการหารือในการปฏิบัติ  ตลอดจนวิธีการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด รวมทั้งต้องระมัดระวังการก้าวล่วงซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบและถ่วงดุลกัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ขอให้ทุกคนอย่าได้กังวลกับตัวบุคคลมากนัก
"วันนี้เราจะต้องสร้างระบบทุกระบบให้เข้มแข็ง เพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง   ในระบบข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ส่วนราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ต้องเข้มแข็งพัฒนาปรับปรุงตนเองในทุกมิติ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการและรองรับการปฏิรูปที่จะต้องทำให้ฝ่ายการเมืองมีระบบธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศในระยะต่อไป และจะได้ร่วมกันนำพาประเทศชาติไปสู่อนาคต อย่างไรก็ตามประชาชนเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินในขณะนี้ สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศได้ ทั้งในงานด้านความมั่นคง  เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีปัญหาสำคัญอยู่หลายประการด้วยกัน ทั้งภาคเกษตรกร รัฐ ประชาชนโดยทั่วไป ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน บ้านเมืองเรามีปัญหาสะสมสำคัญ ๆ มากมายมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ทั้งนี้เพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน และการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 นี้ด้วย"
ด้านความมั่นคง ยังมีปัญหาอยู่หลายประการ อาทิ  ปัญหาชายแดน ทั้งในเรื่องการปักปันเขตแดน การหลบหนี เข้าเมือง สินค้าหนีภาษี ปัญหาความมั่นคงภายใน ในเรื่องยาเสพติด อาชญากรรม อาวุธสงคราม การพนัน แรงงานต่างด้าว และอื่นๆ
ด้านเศรษฐกิจ การเดินตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม การส่งเสริมการลงทุนในภาคต่างๆ การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และประชาชนผู้มีรายได้น้อย โครงสร้างภาษี พลังงาน สาธารณูปโภคพื้นฐาน ปัญหาปากท้องประชาชน ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้  ซึ่งพวกเราจะพยายามแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว  แต่ทั้งนี้ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาระยะยาวต่อไปในอนาคต
ด้านสังคมและวัฒนธรรม ระบบการศึกษา การปลูกจิตสำนึก การปลูกฝังอุดมการณ์ การดำรงซึ่งวัฒนธรรมไทยอย่างยั่งยืน การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ  การป้องกันการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปลูกฝังค่านิยมต่างๆ เหล่านั้น และอุดมการณ์ให้กับคนในชาตินั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้การแก้ปัญหานั้นเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัยไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศในปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับพันธะสัญญาต่าง ๆ รวมทั้งกฎหมายที่ส่วนราชการต้องแก้ไข เพื่อความสะดวกและความถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมานั้น ยังดำเนินการไม่เรียบร้อย
สิ่งต่างๆ ที่เป็นปัญหาที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น รัฐบาล คสช. และประชาชนทุกคน ต้องมาร่วมกันแก้ปัญหา  ซึ่งเราไม่ปิดกั้นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือต้องการกำจัดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่าในสภาปฏิรูปแห่งชาติ สมาชิกสภาปฏิรูปฯ  ไม่ได้มีข้อกำหนด ข้อห้ามต่างๆ เหมือนกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทุกประการ และต้องยึดหลักการหลายอย่างในการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ในส่วนสภาปฏิรูปแห่งชาติ ต้องการให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุดในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ทั้งกลุ่มการเมือง กลุ่มพลังประชาชน นักเศรษฐกิจ นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อมวลชน และผู้แทนส่วนต่างๆ  ทั้งนี้ไม่ต้องการให้ส่วนหนึ่งส่วนใดตกขบวนประชาธิปไตย เพื่อสร้างอนาคตของชาติให้มั่นคงและยั่งยืน ไม่ให้เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้คำมั่นต่อประชาชนว่า จะมุ่งมั่น ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน นำความสุข ความร่มเย็นมาสู่พี่น้องประชาชน และทำให้ประเทศชาติมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงพร้อมไปกับการสร้างความรักสามัคคีในทุกกลุ่มทุกฝ่าย พร้อมขอบคุณสำหรับความร่วมมือที่ทุกคนในชาติจะมอบให้กับรัฐบาล และ คสช. ในการปฏิบัติงานในห้วงต่อไป
000
นอกจากนี้เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล ได้เผยแพร่ประวัติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
ประวัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 29
วัน/เดือน/ปีเกิด 21 มีนาคม 2497
ตำแหน่งปัจจุบัน : ผู้บัญชาการทหารบก
การศึกษา
พ.ศ. 2514 – โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 12
พ.ศ. 2519 – โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 23
พ.ศ. 2519 - หลักสูตรชั้นนายร้อย รุ่นที่ 51
พ.ศ. 2524 – หลักสูตรชั้นนายพัน รุ่นที่ 34
พ.ศ. 2528 – หลักสูตรหลักประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 63
พ.ศ. 2550 – หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 20
ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2533 – ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารบกที่ 21 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.21 พัน 2 รอ.)
พ.ศ. 2541 – ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.21 รอ.)
พ.ศ. 2546 – ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล. ร 2 รอ.)
พ.ศ. 2549 – แม่ทัพภาพที่ 1 (มทภ. 1 )
พ.ศ. 2551 – เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.)
พ.ศ. 2552 – รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.)
พ.ศ. 2553 – ผู้บัญชาการการทหารบก (ผบ.ทบ.)
พ.ศ. 2557 – หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พ.ศ. 2529 – เหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้นที่ 2 ประเภทที่ 1
พ.ศ. 2533 – เหรียญรามมาลา เข็มกล้ากลางสมร
พ.ศ. 2542 – ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว)
พ.ศ. 2548 – ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
พ.ศ. 2551 – มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
พ.ศ. 2553 – มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์/เครื่องอิสริยาภรณ์ ต่างประเทศ
พ.ศ. 2554 – Honorary Malaysian Armed Forces Order for Valour (First Degree)
Gallant Commander of Malaysian Armed Forces (มาเลเซีย)
พ.ศ. 2555 – Pingat Jasa Gemilang (Tentera) (สาธารณรัฐสิงคโปร์)
พ.ศ. 2555 – Bintanng Kartika Eka Pakci Utama (สาธารณรัฐอินโดนีเซีย)
พ.ศ. 2556 – Region of Merit (Degree of Commander) (สหรัฐอเมริกา)
ราชการพิเศษ ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท
พ.ศ. 2530 – มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น ราชองครักษ์เวร
พ.ศ. 2542 – ปฏิบัติหน้าที่ ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารเสริมกำลังพิเศษ
พ.ศ. 2444 – ปฏิบัติหน้าที่ รองหัวหน้านายทหารเสริมกำลังพิเศษ
พ.ศ. 2552 – มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น ราชองรักษ์พิเศษ
พ.ศ. 2555 – มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น ตุลาการศาลทหารสูงสุด
ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายทหารพิเศษฯ ประจำหน่วย
พ.ศ. – 2545 นายทหารพิเศษประจำ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. – 2547 นายทหารพิเศษประจำ กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
พ.ศ. – 2549 นายทหารพิเศษประจำ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ
พ.ศ. – 2554 นายทหารพิเศษประจำ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ฯ
รางวัลทางสังคม
พ.ศ. 2548 – ได้รับรางวัลคนดีสังคมไทย สาขาส่งเสริมและพัฒนาความมั่นคงของชาติ
พ.ศ. 2549 – รางวัลเกียรติยศจักรดาว สาขาการทหาร
พ.ศ. 2553 – รางวัลมหิดลวรานุสรณ์ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
พ.ศ. 2554 – ได้รับการลงคะแนนให้เป็นอันดับ 1 สุดยอดซีอีโอของภาคราชการและเจ้าหน้าที่รัฐแห่งปี 2554 จากผลการสำรวจของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์

สมาคม อบจ.นัดแต่งดำชน "ม.ล.ปนัดดา" หลังเขียนพาดพิงผู้บริหารท้องถิ่น


หลัง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พาดพิงผู้บริหารท้องถิ่นไม่ระบุชื่อ กล่าวหาว่ามีบ้านในยุโรป-บินเฟิร์สคลาส-ดื่มไวน์หลักแสน-เรียกหากะปิน้ำปลา ทำให้สมาคม อบจ. ออกแถลงการณ์ประท้วงว่าทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย ขอความร่วมมือ อบจ. แต่งชุดดำมาทำงานวันจันทร์
25 ส.ค. 2557 - ตามที่เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คพาดพิงผู้บริหารองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) รายหนึ่งโดยไม่ระบุชื่อ โดยกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมนั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาส ดื่มไวน์ขวดละเป็นแสน แต่เรียกหากะปิน้ำปลาบนเครื่องบินนั้น
ล่าสุด สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่แถลงการณ์ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 24 ส.ค. มีใจความว่า "ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 24 ส.ค. 57 มีข้อความของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สท์คลาส ซดไวน์แพงขวดละเป็นแสน ซื้อบ้านในยุโรปไว้ตากอากาศ เป็นต้น ทางสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย เห็นว่าการกระทำดังกล่าวของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยส่วนรวม ในชั้นนี้จึงขอความร่วมมือให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้ง 76 แห่ง โดยให้ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่แต่งกายชุดสีดำมาปฏิบัติหน้าที่ในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค. และนายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทยจะทำการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในเวลา 10.00 น."
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ม.ล.ปนัดดา ได้โพสต์บทความในเฟซบุ๊คหัวข้อ "ความจริงที่หลายคนไม่ทราบ น่าตกใจ ! บ้างบอกไม่อยากเชื่อ" โจมตีผู้บริหารจากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นโดยไม่ระบุชื่อกล่าวหาว่ามีผู้บริหาร อปท. รายหนึ่งว่านั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาส ดื่มไวน์ขวดละเป็นแสน แต่เรียกหากะปิน้ำปลาบนเครื่องบิน โดยบรรยายว่า
"เมื่อวันพิธีมอบรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่นประจำปีเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ณ หอประชุมใหญ่ (ชั้น 3) กรมประชาสัมพันธ์ กรุงเทพฯ กระผมได้ทราบความจริงประการหนึ่งว่า ทุกๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้รับเชิญให้เข้าประกวด แต่จะผ่านการคัดเลือก รอบ 1-2-3 หรือไม่ จำต้องอยู่ที่พฤติกรรมตามหลักธรรมาภิบาลและผลงานขององค์กรและผู้บริหารระดับสูงเป็นสำคัญ ซึ่งคณะกรรมการคัดสรรฯ จะออกไปตรวจสอบถึงพี้นที่ด้วยตนเอง (Self inspection and quality audits)"
"บาง อปท. ในบางจังหวัดที่ผมถามถึงกับคณะกรรมการสรรหาฯ ท่านบอกกับกระผมว่า "ตกไปตั้งแต่รอบแรกแล้ว" กระผมกลับไม่รู้สึกแปลกใจเพราะถ้าดันซื้อลอตเตอรี่ก็คงถูกแล้ว เพราะเท่าที่กระผมทราบ อปท.แห่งนี้ใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือยมากอย่างกับเป็นเงินของครอบครัวตนเอง เห็นใครบอกกระผมว่าตัวผู้บริหาร (นายก อบจ.) นั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจไม่พอ ต้องนั่ง First Class ประเภทของ Wine ที่ดื่มราคาขวดละเป็นแสน แต่เรียกหากะปิน้ำพริกน้ำปลาบนเครื่องบินวุ่นวายไปหมด ลูกเรือลมขึ้นตามกัน เลขาคู่ใจนั่งอยู่ชั้น Y ต้องมานั่งคุกเข่ารับคำสั่งที่ข้างเก้าอี้ชั้นหนึ่งเป็นชั่วโมง หนักกว่านั้นยังให้เพื่อนรักซื้อบ้านพักแทนชื่อตนที่ทวีปยุโรปไว้สำหรับไปพักผ่อน ซึ่งกระผมและทุกๆ คนที่ได้ฟังรู้สึกตกใจว่าเขาทำอะไรได้ถึงขนาดนั้นเพราะเป็นเพียง อปท. แล้ว Politicians (นักการเมือง) ในระดับชาติจะขนาดไหนกัน !"
"ก้าวผ่านขั้นตอนนี้ไปให้ได้ ปรับทัศนคติเสียใหม่บรรดานักบริหารทั้งหลาย ไม่ใช่เฉพาะ อปท. แต่ทุกๆ กลุ่มในแวดวงราชการและรัฐวิสากิจ"
"ผู้ใดก็ตามอยากใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยไม่อายประชาชน น่าจะคิดออกไปดำรงสัมมาชีพส่วนตัว อย่ามาเป็นนักการเมืองหรือรับราชการให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิสถาบันข้าราชการไทย"

ตำรวจจับ 8 รายรวมทั้ง "วีระ สมความคิด" เดินปฏิรูปพลังงาน


กลุ่มหนุนปฏิรูปพลังงาน-ทวง ปตท. เดินรณรงค์หนุน "ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน" ที่เพิ่งถูกจับที่สงขลา - ก่อนถูกควบคุมตัวที่พหลโยธินซอย 2 รวม 8 ราย และถูกตั้งข้อหาฝืนกฎอัยการศึก ชุมนุมเกิน 5 คน
25 ส.ค. 2557 - เมื่อบ่ายวานนี้ (24 ส.ค.) ผู้ชุมนุมในนามแนวร่วมเดินรณรงค์ปฏิรูปพลังงานไทย ได้จัดกิจกรรมสนับสนุนกลุ่มขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน โดยนัดรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเดินขบวนไปที่สวนจตุจักร แต่เมื่อถึงปากซอยพหลโยธิน 2  ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารควบคุมตัวไว้ โดยมีรายงานว่า พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการศึกษา ช่วยราชการ บช.น. ด้านความมั่นคง เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์
โดยผู้ถูกควบคุมตัวประกอบด้วย 
  • 1. นายวีระ สมความคิด 
  • 2. นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา 
  • 3. น.ส.บุญยืน ศิริธรรม 
  • 4. น.ส.ดาลิน สิริสุวรรณกิจ 
  • 5. น.ส.ภาณี ถิรังกูร 
  • 6. น.ส.จงกลนีย์ หล่อพานิช 
  • 7. นางอาภรณ์ ถิ่นวัฒนากูล และ 
  • 8. น.ส.นวพร มัชฌเวทย์

ทั้งหมดถูกควบคุมตัวมาที่สโมสรกองทัพบก เพื่อนำตัวมาฝากขังที่กองปราบปราม ในข้อหาฝ่าฝืนประกาศกฎอัยการศึก และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน
ก่อนหน้านี้ ในรายงานของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกระแสการรวมตัวของชาวสวนยางที่บริเวณวิคตอรี่ มอลล์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และการชุมนุมของกลุ่มคน กทม.หนุนขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ในช่วงเย็นวันที่ 24 ส.ค.) ว่าเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังแกนนำผู้ชุมนุมถึงเงื่อนไขและขอบเขตการชุมนุมที่จะสามารถกระทำได้ โดยจะต้องคำนึงถึงการประกาศใช้กฎหมายพิเศษภายในประเทศที่มีอยู่ขณะนี้ ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้มอบหมายให้ใช้วิธีการและแนวทางในการปฏิบัติด้วยความละเอียดและไม่ใช้กำลัง เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ หากผู้ชุมนุมกระทำผิดสามารถใช้กฎหมายดำเนินการจากเบาไปหาหนัก และให้ดูแลความสะดวกด้านการเจรจา แต่หากพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่สามารถนำมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้ได้ทันที
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 และ 20 ส.ค. ขบวนเดินเท้า "ขาหุ้นปฎิรูปพลังงาน" ได้เดินขบวนเพื่อรณรงค์ปฏิรูปพลังงานเริ่มต้นจาก จ.สงขลา มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร แต่ต่อมาถูกทหารเข้ามาควบคุมตัวเข้าค่ายทหาร ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำให้ในวันที่ 24 ส.ค. มีการจัดกิจกรรมในกรุงเทพฯ เพื่อสนับสนุนกลุ่มดังกล่าว (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)