ปีย์ใน รายการ new)talk ชี้ต้องให้การศึกษาประชาชนให้เข้าใจประชาธิปไตยที่แท้จริง ระบุตนคุยกับนักการเมืองได้เพียง ‘อภิสิทธิ์’ เพราะเลเวลเดียวกัน แนะ คสช.ต้องจริงจังกับ ‘การปรับทัศนติ’ ตลอดชีวิตก็ต้องทำ ชี้ก็แค่ชีวิตเดียว เพราะมีอีก 71 ล้านที่ต้องดู
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา รายการ new)talk ดำเนินรายการโดย อัญชะลี ไพรีรัก หรือ ปอง ได้สัมภาษณ์ คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ เครือแปซิฟิก ผู้รับสัมปทานดำเนินการ สถานีวิทยุ จส.100 และประธานกรรมการ บริษัท แอดวานซ์ พับลิชชิ่ง จำกัด ผู้ผลิตนิตยสารดิฉัน และ คอสโมโพลิแทน (Cosmopolitan) ซึ่งบทสัมภาษณ์ดังกล่าวถูกนำมาพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์ต่อนัยสำคัญทางการเมืองในปัจจุบัน
โดย ปีย์ เสนอว่า ควรยืดเวลาโรดแมป และควรให้การศึกษาประชาชนให้เข้าใจประชาธิปไตยที่แท้จริงก่อน รวมทั้งความเสมอภาคคืออะไร ไม่เช่นนั้นก็กลับไปเหมือนเดิม นักการเมืองซื้อเสียง เข้ามาโกงบ้านเมือง แล้วก็ประชาชนลุกขึ้นมา เกิดรัฐประหาร อีก 100 ปีมันก็เป็นแบบนี้ พร้อมเชื่อด้วยว่าหากทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญก็จะถูกคว่ำ ถ้ายังเดินตามโรดแมปเดิม
นอกจากนี้ ปีย์ ยังเสนอด้วยว่า ต้องจริงจังกับการปรับทัศนคติ เพราะถ้าใช้คำว่า ‘ปรับทัศนคติ’ ก็คือต้องปรับความคิดเห็นของเขา ถ้าเขายังปรับไม่ได้จะให้เขาออกมาทำไม ให้เขาอยู่ราบ 11 หรือโอเรียนเต็ลก็ได้ แต่ปรับจนเห็นเหมือนกัน แม้จะต้องปรับทั้งชีวิต ก็แค่ชีวิตเดียว เรามีตั้ง 71 ล้านคน ที่เราต้องดูแล
โดยมีรายละเอียดดังนี้
ปอง : ด้านหลังของเรานั่งกันอยู่ในห้องรับแขก ด้านหลังข้างในเป็นห้องรับประทานอาหาร ห้องประชุม ห้องนี้แหละค่ะ เมื่อสองสามปีก่อนเป็นข่าวครึกโครมมากว่า เป็นบ้านที่เปิดห้องแล้วนั่งประชุมกันเพื่อที่จะล้มรัฐบาลคุณทักษิณ คุณทักษิณพูดเองเลยนะคะ อยู่ในบันทึกของสื่อมวลชนเลยนะคะ กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนพุ่งเป้ามาที่คุณปีย์ ซึ่งคุณปีย์ทำ จส.100 ทำดิฉัน ทำหนังสือ คอสโมโพลิแทน (Cosmopolitan) เป็นสื่อมวลชนรุ่นใหญ่ ต้นทางของเราเป็นครูบาอาจารย์ของเรา อยู่ดีๆ ทำไมไปอยู่หน้าสื่อการเมือง และก็อยู่ในใจคุณทักษิณขนาดนั้น คุณทักษิณมองคุณปีย์เหมือนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง หัวขบวนตัวตั้งตัวตีที่ล้มรัฐบาลคุณทักษิณมาโดยตลอดในช่วง 4 ปี มานี้
ปีย์ : มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะครับ คือเราเป็นผู้ใหญ่ คุณปองยังไม่ทำเลยว่าผมอายุเท่าไหร่ ปีนี้ผม 79 ผมก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วก็ไม่รู้ สมัยจอมพล ป. สมัยอะไรต่างๆ และพ่อก็ทำงานกระทรวงต่างประเทศ แล้วมันก็รู้อะไรต่ออะไรลึกซึ้ง จะว่าลึกซึ้งก็ไม่ใช่แต่เห็นบรรยากาศของประเทศ เพราะผมเชื่อไม่มีใครรู้อะไรลึกซึ้งหรอก
ปอง : ตอนนั้นคุณปีย์จัดตั้งการประชุมกลุ่มต่อต้านคุณทักษิณ (ชินวัตร) ที่นี่จริงไหม
ปีย์ : ไม่ใช่เป็นประชุม พูดง่ายๆ มาทานข้าวที่นี่ ไม่ได้ไปทานข้าวข้างนอก
ปอง : แล้วจับกลุ่มกันที่จะล้มรัฐบาลคุณทักษิณจริงไหม
ปีย์ : เอิ่ม ไม่จริงหรอกครับ เพราะว่าอย่างที่คุณพัลลภ (พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี)ไปพูดมันคนละเรื่องกัน วันที่มาคุยกันนะครับ มาคุยกันเรื่องว่าวันนั้นศาลเข้าเฝ้าและผลออกมาเป็นอย่างไร ก็มาพูดกันคุณอักขราทร มาคุยกันไม่มีทหารสักคนหนึ่ง มีทหารคนเดียวคือพล.อ.สุรยุทธ์ (จุลานนท์) ซึ่งปลดเกษียรแล้ว แต่ทีนี้การทำงานอย่างเนี่ยมันไม่มาทำกันตรงนี้หรอก ก็เป็นการคุยกันระหว่างผู้ที่
ปอง : แล้วทำไมคุณทักษิณถึงพุ่งเป้ามาที่คุณปีย์
ปีย์ : ก็อาจจะเป็นการที่คุณพัลลภเดินทางไปเมืองจีนแล้วไปเล่าอะไร ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเล่าอะไรบ้าง
ปอง: คุณปีย์คิดว่าเป็นข้อมูลที่เพี้ยน
ปีย์ : แน่นอน
ปอง : แต่มันมีข้อมูลที่เห็นในเฟซบุ๊กค่ะ ในเฟซบุ๊กเมื่อสองสามวันก่อนของคุณปีย์ เฟซบุ๊กคุณปีย์มี 3 อัน แล้วมีทวิตเตอร์อีก 1 อัน ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมาก ในเฟซบุ๊กบอกว่า “ผมชอบนายกบิ๊กตู่ โดยเฉพาะที่ให้สัมภาษณ์ใน Aljazeera ถึงเหตุที่ทำรัฐประหาร” คุณปีย์เขียนว่า “สุดยอดมาก เด็ดเดี่ยวมาก แน่วแน่มาก ทำเพื่อชาติมาก เพราะว่าถ้าไม่ทำแล้วบ้านเมืองไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป” คุณปีย์ถึงกับบอกว่า “บทสัมภาษณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไปน้อยเหลือเกิน จะต้องให้ต่างชาติได้รับรู้ ช่วยกันแชร์ให้มากๆ นะครับ” โอโหนี่พ่อยกเบอร์หนึ่งเลย
ปีย์ : มันไม่ใช่นะ มันไปอ่านเข้าไปเห็นเข้า ก็คิดว่า ถ้าชาวต่างชาติรู้อย่างนี้ เขาจะได้รู้เจตนาของประเทศไทย หลายคนทั่วโลกยังไม่รู้เลยว่าประเทศไทยจุดยืนตรงไหน และวันนั้นคุณประยุทธ์พูดได้ชัดเจนมากว่าทำไมต้องทำรัฐประหาร
ปอง : คุณปีย์เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร
ปีย์ : ใช่ครับ ก็เห็นคุณปองเหนื่อยเหลือเกิน
ปอง : คุณปีย์ไม่เป็นประชาธิปไตย เอาเสียเลย
ปีย์ : เป็นประชาธิปไตยสุดๆ เลยครับ แต่การเป็นประชาธิปไตยนะครับ ที่สำคัญที่สุดประชาชนต้องมีการศึกษา และเข้าใจระบบประชาธิปไตย งั้นก็มีการซื้อเสียงกัน แล้วพวกใครมากก็ไปจัดการโกงบ้านโกงเมืองกัน
ปอง : ทำไมคุณปีย์ถึงไว้ใจและเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ ได้มากขนาดนี้
ปีย์ : ตอนนี้มันไม่ตัวเลือกไงครับ ผมมอง พล.อ.ประยุทธ์มา 20 ปี เป็นผู้ชายนิสัยดี แล้วก็ไม่ได้เป็นอย่างที่สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ สนุกสนานไปกับอารมณ์ แต่เป็นคนที่เขียนเพลงก็ได้ แต่งเพลงก็ได้ แต่งกลอนก็ได้ แต่งกลอนนะครับ เอาใบที่เขียนอาหารไว้บนโต๊ะเสวย แล้วมีอะไรบ้าง พลิกกลับหลังว่างเขียน 10 นาทีเสร็จ เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ แต่เวลาเดียวกันเอาจริง เอาจัง
ปอง : ทำไมคุณปีย์มองว่าก่อน พล.อ.ประยุทธ์ มา มันไม่สงบสุข
ปีย์ : คุณปองไม่น่าถามผมแบบนี้เลย คุณปองเหนื่อยมากกว่าคนอื่นอีก
ปอง : แต่ตอนนั้นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ก็มั่นใจว่ากำลังทำให้ประเทศพัฒนา เดินหน้าไป พล.อ.ประยุทธ ต่างหากที่ทำให้ประเทศหยุดชะงัก
ปีย์ : ผมทำนานะครับที่เชียงราย ผมรู้ว่าการซื้อข้าวมันเป็นอย่างไร รอบบ้านผมนะครับปีที่ 2 ถึงได้เงิน เขาอยู่กันยังไงหละครับ แต่เผอิญโฉนดผมมันชื่อปีย์ ผมเลยได้วันแรกเลย งั้นความไม่เท่าเทียมมันเกิดขึ้นให้ผมเห็นโครงการทั้งหมด จำนำข้าวและโครงการอื่นๆ อีกหลายโครงการ ในยุครัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ผมก็คิดว่าถ้าไปอย่างนี้ประเทศก็มีแต่พังกับพัง แล้วเมื่อคุณสุเทพก็มองเห็น คุณอภิสิทธิก็มองเห็น ก็ขึ้นมาต่อสู้ ต่อสู้ในสภาไม่ได้ ก็ออกมาต่อสู้แบบต้องออกมาข้างถนน
ปอง : คุณปีย์เห็นด้วยตอนนั้น ผบ.ทบ.ลุกขึ้นมา
ปีย์ : ถ้าไม่ลุกขึ้นมานะครับ ผมว่าไม่รู้จะจบยังไง ผมก็เริ่มว่าคนเสื้อแดงมาอยู่แล้วที่ แล้วก็เห็นคุณปองก็อยู่แล้วที่อนุเสาวรีย์ ถ้าเกิดชนกัน คุณมีอะไรจะสู้คุณมีหนังสติ๊กหรอ มีปืนกี่กระบอก มันสู้กันไม่ได้ มันก็จะมีการล้มตายกันมหาศาล
ปอง : คุณปีย์บอกว่าการทำรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น มาถูกที่ถูกจังหวะ ถูกเวลา ท่ามกลางปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานั้น คุณปีย์เห็นด้วยกับการรัฐประหารขนาดนั้นเลยหรอ
ปีย์ : ไม่ใช่ถูกที่ถูกเวลานะครับ ผมมองว่าการล้มตายจะน้อย คิดว่าน่าจะทำก่อนหน้านั้นด้วย กว่าที่คุณปองจะต้องนำคนเป็นล้านล้านคนออกมานี่
ปอง : มองว่า 1-2 ปีที่ผ่านมา ของรัฐบาล คสช. เป็นไงบ้าง
ปีย์ : ตอนนี้ผมคิดว่าเขามาจัดระเบียบ แล้วก็มาดูว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร เพราะไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วบ้านเมืองมันเป็นอย่างไร
ปอง : คุณปีย์พึงพอในในช่วง 1-2 ปีมานี้
ปีย์ : ผมพึงพอใจในระดับหนึ่ง อีกระดับหนึ่งก็ไม่พึงพอใจ เอาเรื่องสั้นๆ ง่ายๆ อย่าง 2-3 วัน รองนายกฯ 2 คนเดินทางไปรัสเซีย ไปทำไมครับ เวลานี้เรามีปัญหาโลกนะครับ ถ้าเราไปรัสเซีย จีนจะรู้สึกอย่างไรครับ ไปรัสเซีย อเมริกันจะรู้สึกอย่างไรครับ แล้วเราจะมีเพื่อนมากขึ้นหรอ แต่ในความรู้สึกผมรุ้สึกว่าทางรัฐบาลไปเพื่อจะไป make friends กับรัสเซีย ไปดินเนอร์กับปูติน แต่หารู้ไม่ว่าวันที่ดินเนอร์กับปูติน ที่จีนเขาคิดอย่างไร และที่อเมริกาเขาคิดอย่างไร โลกเดี่ยวนี้มันสื่อสารภายในไม่กี่วินาที
ปอง : คือบางเรื่องคุณปีย์ก็เห็นด้วย บางเรื่องคุณปีย์ก็ไม่เห็นด้วย แต่รวมๆ แล้วก็อย่างให้อยู่ต่อเพื่อที่
ปีย์ : จะให้พวกเราเข้าใจว่าระบบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร เมื่อเราเข้าใจแล้ว เราก็จะได้ไปเลือกตั้งเอาหรือไม่เอา หรือเปลี่ยนตรงไหน ด้วยสายตาประชาชน
ปอง : แล้วนายจะอยู่ต่อได้อย่างไร ในขณะที่ปัจจุบันถูกกล่าวหาว่า เข้ามาด้วยอำนาจพิเศษและรัฐประหารแล้วก็จะสืบทอดอำนาจ ถูกกระทุ้งทุกวันเลย
ปีย์ : โอ้ย แล้วจะถูกกระทุ้งมากกว่านี้อีก เป็นผมนะครับ ง่ายๆ ก็เปลี่ยนนายกฯอีกคน เรามีตั้ง 71 ล้านคน ไม่ใช่ทุกได้ แต่การที่ว่าถ้าคุณตู่ รับแรงนี้ไม่ไหว แต่ผมเชื่อว่าการเป็นทหารของเขาเนี่ยเขารับไหว แล้วขอให้เพื่อนๆ เขาหรือพี่ๆ เขา ช่วยหน่อย ประคับประคอง ถ้าพี่ๆ เพื่อนๆ ไม่ช่วยประคับประคอง ต่างคนต่างเดิน มันก็ไปไม่ได้
ปอง : คุณปีย์คิดว่า อะไรควรเป็นก่อนหน้าหลัง ที่นายกประยุทธ์ควรจะต้องทำในช่วงเวลานี้
ปีย์ : ผมว่าตอนนี้เรื่องเศรษฐกิจนายกจะต้องดูแล้ว เพราะว่านายกบอกว่าประชากรของเรา 70% เป็นเกษตรกร แต่ในเวลาเดียวกันที่ท่าเรือแหลมฉบัง หรือท่าเรือคลองเตย เรือที่เข้ามารับสินค้าลดลง 40% เราจะไปขายใครครับ โลกมันจนทั้งโลก เมื่อมันเป็นทั้งโลกก็ให้ประชาชนใจเข้าใจสิครับว่ามันเป็นทั้งโลก แล้วก็อยู่กันอย่างพอเพียง ผมว่ามันไม่เกิน 3 ปี หมายถึงเศรษฐกิจ ไม่ใช่ว่าเราเดินไปขอข้าวทาน คือต้องมองว่าเศรษฐกิจโลกตั้งแต่กรีซล้มมา แล้วก็สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส กู้เงินเยอรมัน ตอนนี้ดอยเชอ แบงก์ กำลังจะล้ม ภายในอาทิตย์นี้ แล้วธนาคารจีนก็กำลังจะล้ม
ปอง : ถ้าหากดูจากรูปทรง พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ให้เต็ม 10 ให้เท่าไหร่
ปีย์ : เต็ม 10 ให้ 6 พูดง่ายๆ ครับ เราจะขับเครื่องบินเราต้องใช้นักบินขับ ที่มีชั่วโมงบินสูง แต่เราเอานักบินที่มีชั่วโมงไม่สูงมันก็ต้องใช้เวลาหน่อยในการที่จะปรับ
ปอง : นายกรัฐมนตรีบอกว่า ตั้งแต่รัฐประหารมาไปชวนใครมาทำงานก็แทบไม่มีใครอยากจะมาเลย
ปีย์ : เพราะว่าทุกคนรู้สึกว่าถ้าไปร่วมด้วยแล้ว เมื่อจบแล้วตัวเองจะเอาตัวไปไว้ที่ไหน เพราะทุกคนจะมองเป็นศัตรู เพราะฉะนั้นต้องสอนคนไทยหน่อยว่า ไม่ใช่นะ มาช่วยเป็นครูสอน สอน แล้วก็ช่วยชาติ หลังจากนั้นแล้วเราจะเชิดชู ความรู้สึกจะเปลี่ยนทันทีเลยครับ
ปอง : รัฐประหารครั้งนี้ทำให้มันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปหน่อยเถอะ ปฏิรูปให้มันดีก่อนเลือกตั้ง ประเด็นคือเราจะเดินผ่านมันไปอย่างไร ขณะปัจจุบันนี้รัฐมนตรีเราถูกไล่เช้าไล่เย็น
ปีย์ : ผมผ่านปฏิวัติมาหลายหนแล้ว ทุกคนก็จะโดนแบบนี้ แล้วก็ต้องหนี หรือไม่ก็ไปตายต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะไม่เป็นอย่างนี้คือจะทะเลาะกันเอง คุณเผ่ากับจอมพลสฤษดิ์ก็ทะเลาะกันเอง แล้วก็จอมพล ป. ก็หนีไป มันไม่ได้จบสิ้นที่ว่าเราต้องให้การศึกษากับประชาชน ให้ประชาชนเข้าใจว่าระบบประชาธิปไตยเป็นอย่างไร ไม่ใช่มานั่งซื้อเสียงกัน ใครมีเงินก็เข้ามาบริหารประเทศ แล้วก็มาโกงประเทศจนคนทนไม่ไหวก็ลุกหือ แล้วก็ปฏิวัติอีก อีก 100 ปีมันก็เป็นแบบนี้
ปอง : ถ้าหากปฏิวัติแล้วไม่ผ่าตัดรักษาโรคให้กับประเทศไทย เดี๋ยวมันก็ต้องมีอีก ฉีกรัฐธรรมนูญอีก เขียนกันอีก วันก่อนอาจารย์มีชัย บอกว่าอีกทีไม่ทำแล้วนะ
ปีย์ : ท่านก็ไม่ไหวแล้วครับ แล้วผมเชื่อว่า ท่านประยุทธ์มีความอดทนสักนิดนึง ทนหน่อยและทำให้มันเรียบร้อย ถ้าคุณตู่ทนไม่ได้ ก็ไปสิครับ แล้วมันก็กลับมาอีก ลูกคุณตู่ก็ต้องเจอรัฐประหารอีก แล้วก็หลานคุณตู่ มันต้องเด็ดขาดแล้วเคลียร์กันตอนนี้ มันเป็นโอกาสที่จะเคลียร์ได้ แต่ถ้าใจไม่ถึงที่จะไม่เคลียร์จะเอาตัวรอดไปก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียวครับ ต้องนึกถึงรอบๆ ข้าง พล.อ.ประยุทธ์เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทุกคนใจถึงร่วมกัน คนเดียวทำไม่ได้หรอกครับ อย่าไปเสียเวลากับเรื่องไม่เข้าเรื่อง อย่าไปทะเลาะกัน อย่าไปขัดคอกัน
เรื่องที่ควรทำคือต้องให้การศึกษากับประชาชนว่ารัฐธรรมนูญที่จะออกมานี้เป็นอย่างไร มีประโยชน์อย่างไรต่อประเทศ แล้วคุณจะเลือกหรือไม่เลือก ไม่ช่ให้คนมาซื้อเสียงว่าคุณไปโหวตสิไม่เอาหรือไปโหวตสิว่าเอา
ปอง : ถ้ารัฐประหารมันกินเวลายาวนานออกไป สภาพของพรรคการเมือง สภาพของนักการเมืองจะเป็นอย่างไร ไม่ถูกตอน ไม่ถูกทำหมั่น
ปีย์ : นักการเมืองตอนนี้ก็เดือดร้อนสิครับ เพราะเงินเดือนก็ไม่ได้ งานที่ไหนก็ไปทำไม่ได้ ก็ต้องออกไปเดินหาเสียงไปอะไร รายได้ตกไป มันเป็นธรรมชาติ เราควรมองประเทศเป็นหลักก่อน ให้ประชาชนของเราเป็นประชาธิปไตยให้ได้
ปอง : ถ้าหากรัฐบาลอยู่ต่อไป การเมืองมันจะเป็นอย่างไร มันจะวุ่นวายไหม
ปีย์ : อันนี้มันขึ้นอยู่กับหลายๆ คนที่อยู่รอบๆ ข้างนายก ต้องช่วยกันไม่ให้เป็นอย่างนี้ แล้วก็ต้องจริงจังนิดหน่อย ตอนแรกๆ ที่รัฐประหารรู้สึกว่าจริงจังมาก แต่เดี่ยวนี้รู้สึกจริงจังน้อยลงไปหน่อย โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้น 2-3 วันนี้ เรื่องปรับทัศนคติ มันไม่จริงจังแล้วมันดูเป็นเรื่องเล่นแล้ว ผมอยากให้จริงจังแบบที่ว่า จิตใจของผมคือต้องการให้ประชาชนเข้าใจรัฐธรรมนูญที่ออกมาและเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ แล้วก็ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงมา ถ้าได้มามันจะไม่มีปฏิวัติอีกแล้ว แต่ผมเชื่อว่าคุณประยุทธ์นี่กำลังจะปรับอันนี้ ให้ประชาชนเข้าใจว่าระบบการเลือกตั้งที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างไร ผมถึงบอกว่าผมไม่เห็นด้วยกับโรดแมปที่ตั้งไว้สั้นๆ นี่ ถ้าโรดแมปนี่ถ้ามันเป็นโรดจริงๆ ก็ต่อถนนให้มันยาวหน่อย ให้ความรู้กับประชาชน ให้เข้าใจระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง เพื่อได้เลือกตั้ง แล้วเราจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข
ปอง : การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ คุณปีย์ก็เลยมองว่าอย่าพึ่งเลยหรอ
ปีย์ : สำหรับผมนะครับ ถ้าผมมีอำนาจแล้วก็สั่งใครได้ก็บอกอย่าพึ่งเลยครับ เพราะถ้าเลือกตอนนี้ มันก็หมายความว่ารัฐธรรมนูญออกมาว่าจะเอาหรือไม่เอารัฐธรรมนูญอันนี้ที่คุณมีชัยร่าง ถ้าคนไม่ชอบไปบอกประชาชนทั้งหมด ไม่เอาอย่าเลือก ประชาชนก็ไม่เลือก ถามว่าไม่เลือกเพราะอะไร ก็เพราะเขาบอกมา ถามว่ารู้ไหมว่ารัฐธรรมนูญเขียนว่าอะไร ไม่รู้
ปอง : แสดงว่าคุณปีย์มั่นใจว่าเป็นไปตามโรดแมปของนายกรัฐมนตรี อีกไม่ช้าไม่นานการทำประชามติคว่ำแน่
ปีย์ : ถูกต้อง ผมมองว่าไม่ผ่าน หรือผ่าน ก็ผ่านแบบล่อแล้ มันก็จะเป็นสมัย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปถึงจุดนั้นเลย เพราะประเทศไทยตั้งแต่กบฏแมนฮัตตันมา มันก็มารูปนี้ล่ะครับ มาอยู่ได้พักนึงมันก็ยุ่งเหยิงเพราะความไม่เข้าใจ คุณปองรู้ไหมครับว่าอย่างนี้นะครับ 2475 ตรงกับปี พ.ศ.อะไร ตรงกับปี ค.ศ.1932 หรือ 30 ซึ่งตอนนั้นเกิด World Recession ในอเมริกาต้องขอข้าวไปกิน ต้องเดินขอข้าว ทางเราไม่รู้เรื่องเลย เพราะเราห่างการสื่อสารเราไม่มีเลย เราก็ไม่รู้มันเป็นอะไร ท่านก็ปลดข้าราชการ ท่านดึงนักศึกษาที่เรียนต่อกลับ ความเข้าใจของ Recession มันเกิดขึ้นแล้วมันก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ รัฐประหารจอมพล ป. เสร็จแล้วก็เปลี่ยนแปลงเปลี่ยนแปลง ผมอยู่มาไม่รู้กี่รัฐประหารแล้ว มันกลับมาอีก ไม่ได้แก้ปัญหา ผมอยากให้เป็นรัฐประหารสิ้นสุดไม่ต้องมีรัฐประหารอีก คือให้ความรู้คน ให้ความรู้ประชาชน เข้าใจจริงๆ เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ และวิธีการปกครองประเทศ ประเทศทุกประเทศมีความเห็นต่าง คำว่าแตกแยกแรงไปหน่อย และในความเห็นต่าง นั้นรอ 4 ปี เลือกรัฐบาลใหม่ มันก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่นุ่มนวล
ปอง : แต่รัฐบาลที่มาจากรัฐประหารในยุคปัจจุบันนี้ จะถูกต่างชาติ มองด้วยสายตาตะวันตก
ปีย์ : นี่ก็เป็นอันหนึ่ง ที่เราต้อศึกษาต่างชาติ
ปอง : ท่าทีที่อเมริกาจะบีบให้ไทยไปสู่การเลือกตั้งให้ได้ ตอกย้ำบ่อยๆ คุณปีย์มองอย่างไร
ปีย์ : ผมว่าอเมริกันเกี่ยวกับการมองโลก อเมริกันไม่ฉลาดเลย ถ้าอเมริกันฉลาดในมิดเดิลอีสต์คงไม่ฆ่ากันขนาดนี้ คงไม่เสียทหาร ไม่เสียงบประมาณ ขนาดนี้ที่ทำให้ซีเรียรบกัน หรือเกิดการแตกแยกในมิดเดิลอีสต์ เพราะฉะนั้นการมองโลกของอเมริกัน ผมว่าแคบมาก
ปอง : ถ้าหากเราจะตอบอเมริกาว่าสถานการณ์บ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้ เราจะเลือกตั้งแน่ๆ เราควรจะต้องตอบเขาว่าอย่างไร
ปีย์ : อย่ามายุ่งได้ไหม เมืองใครก็เป็นเมืองมัน
ปอง : ถ้าหากยืดออกไปพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เลือกตั้ง อย่างที่เคยบอกเอาไว้ว่าสิ้นปี 60 นี่ คุณยิ่งลักษณ์ถามเลยนะ
ปีย์ : ก็ไม่ต้องตอบ คุณยิ่งลักษณ์ก็เป็นนักการเมือง สิ่งที่น่าจะทำที่สุดก็คือเชิญคุณยิ่งลักษณ์มาแล้วอธิบายให้คุณยิ่งลักษณ์ฟังว่าประเทศต้องไปอย่างไร คุณยิ่งลักษณ์ตอนนี้ก็อาจมีความรู้แล้วว่าข้างบนเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อก่อนนี้อาจจะไม่มี ก็อธิบายให้ฟังว่าเราจะทำอย่างนี้ ไปกันได้ไหม ถ้าทุกคนคุยกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน
ปอง : คุณปีย์บอกว่าให้ตั้งวงเลย เรียกนักการเมืองมา แล้วคุยเลยว่า เราขอปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งก่อนนะ แล้วอาจจะใช้เวลาหน่อยนะ มันคงไม่ใช่เวลามันสั้นไป โรดแมปมันสั้นไปขอยืด คุณปีย์ว่านักการเมืองเขาฟังไหม
ปีย์ : พูดอย่างนั้นเขาก็ไม่ฟังครับ ต้องบอกคุณทำอย่างไรถึงจะยืดได้ ถ้าเขาไม่ยอมประเทศก็เป็นแบบนี้ ผมเชื่อว่าวันนี้เรานั่งกันนี้ เราไม่รู้เลยว่าเราจะไปกันทางไหน บ้านผมพูดง่ายๆ ครับ ผมมีคนทำงานที่บ้านสัก 8-9 คน ช่วงเลือกตั้ง ทุกคนลากลับบ้านกันหมดไปเลือกตั้ง ถามไปทำไม ไปรับเงิน ถ้าตราบใดมันเป็นอย่างนี้ประเทศจะเป็นอย่างไร เราต้องแก้ปัญหาเริ่มที่ให้การศึกษา ให้คนเราเข้าใจจริงๆ ว่าประชาธิปไตยคืออะไร ความเสมอภาคคืออะไร ความเหลื่อมล้ำมันต้องมีขนาดนั้น ไม่ใช่เหลื่อมล้ำกันจนขนาดนี้
ปอง : เขาบอกว่าคุณปีย์ คือนักเจรจา และก็ครองตำแหน่งนี้มานานหลายสมัยมาก ไม่มีใครล้มแชมป์นี้ได้ ถ้าหากคุณปีย์จะทำหน้าที่เจรจาแทนนายกรัฐมนตรี ไปพูดกับบรรดาเหล่านักการเมืองทั้งหมด ว่าฉันจะยืดออกไป คุณปีย์จะพูดว่า
ปีย์ : ผมไม่ไป ผมนอน เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง เพราะเขาเห็นแก่ตัว ผมจะเลือกไปกับคุณอภิสิทธิ์เพราะผมสื่อในเลเวลเดียวกัน แต่ถ้าผมไปคุยกับอดีตคุณสมัคร คุยกันไม่รู้เรื่อง ไปคุยกับคุณยิ่งลักษณ์ผมไม่มีโอกาสครับ แกอาจจะสวยเกินไปมั้ง
ปอง : เดี๋ยวต้องไปคุยกับคุณวัฒนา เมืองสุข คุณปีย์คิดว่าคุณวัฒนา ไปรับทัศนะคติเที่ยวนี้ดีไหม
ปีย์ : ไปปรับอะไรกันเช้าถึงเย็น ผมไม่ได้พูดถึงคุณวัฒนา ผมพูดถึงว่าถ้าใช้คำว่า ‘ปรับทัศนคติ’ ก็คือต้องปรับความคิดเห็นของเขา ถ้าเขายังปรับไม่ได้จะให้เขาออกมาทำไม ให้เขาอยู่ราบ 11 หรือโอเรียนเต็ลก็ได้ครับ แต่ปรับจนเห็นเหมือนกัน
ปอง : โอ้โห อาจจะต้องทั้งชีวิต
ปีย์ : ก็แค่ชีวิตเดียว เรามีตั้ง 71 ล้านคน ที่เราต้องดูแล คุณประยุทธ์มีคน 71 ล้านกว่า ที่ต้องดูแล
ปอง : ถ้าเอาเข้าไปปรับทัศนคติทั้งชีวิต ชีสักวิตหนึ่ง
ปีย์ : มันจะอะไรกัน แต่อาจจะปรับได้นะครับ ให้รอบด้านให้ดูหนัง ให้อ่านหนังสือ ให้รู้ว่าโลกเขาเป็นยังไง อาจจะปรับได้
ปอง : ทัศนคติคุณปีย์ต่อนักการเมืองไทย ถ้าจะบอกว่าไม่สู้จะดีนัก ใช่ไหม
ปีย์ : ก็เห็นแก่เงิน และคอรัปชั่น
ปอง : อุปสรรคของประเทศนี้คือนักการเมือง
ปีย์ : พูดแบบนี้เดี๋ยวเขาโกรธผมนะ แต่ก็คงจะใช่ล่ะครับ ผมมองว่านักการเมืองที่เข้ามาเล่นการเมือง ควรจะมี ความรู้เรื่องโลก เรื่องประเทศไทยมากกว่านี้ ไม่ใช่กลับมาแล้ววันเสาร์อาทิตย์ก็ไปดอนเมืองขึ้นกลับไปท้องถิ่น รู้เฉพาะรอบตัวเล็กๆ คุณภาพคือต้องรู้แบบกว้าง อย่างคุณอภิสิทธิ์มานั่งคุยด้วย รู้ว่าคุณอภิสิทธิ์รู้เรื่องโลก แต่ไปคุยกับหลายคนในพรรคไม่รู้หรอก นึกออกไหมครับ รู้ว่าเมืองเพชรเป็นอย่างไร นักการเมืองต้องมองโลกให้กว้างกว่านี้
ปอง : คุณปีย์มองท่าทีของคุณทักษิณในช่วงนี้อย่างไรบ้าง
ปีย์ : ก็วนไปวันมา จะไปไหนล่ะครับ มนุษย์มันก็เหมือนต้นไม้ เอาไปอยู่ที่ไม่มีรากมันก็ทรมาน แล้วก็โวยวายไปทั่ว
ปอง : คุณปีย์มองว่าการใช้สื่อต่างประเทศ ของคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์อย่างไรบ้าง
ปีย์ : ศูนย์ครับ คนกี่คนอ่านรู้เรื่องครับ คุณทักษิณพูดแต่นักข่าวเป็นคนเขียน คำถามที่นักข่าวถาม คุณทักษิณตอบ มันยัง ไปไม่ได้
ปอง : ความพยายามของคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ที่จะใช้พื้นที่สื่อในต่างประเทศ เป็นการเอาโลกล้อมไทยบีบคุณประยุทธ์ มันจะได้ผลไหมคะ ในฐานะที่เป็นนักสื่อสาร
ปีย์ : มันไม่ได้ผล ดูที่คุณประยุทธ์พูดภาษาไทยแต่คนถามเป็นภาษาอังกฤษ คุณประยุทธ์พูดออกมาจากใจและออกมาจากเจตนา จะดีจะเลวอย่างไรมันออกมาคนไทยฟังรู้เรื่อง ถ้าพรุ่งนี้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษนะครับ แล้วคนแปลหละครับ เขาก็แปลตามใจเขา มันไม่ได้แปลตามใจคุณทักษิณ
ปอง : คุณปีย์คิดอย่างไรกับหมายเรียกกรณี พล.ร.อ.พระจุณณ์ ตามประทีป
ปีย์ : เราพูดไม่ได้ว่าจะเป็นสารวัต ต่างจังหวัดต้องจ่ายเท่าไหร่ ในกรุงเทพต้องจ่ายเท่าไหร่ เราพูดไม่ได้ เพราะเราไม่เห็นตอนเขาจ่าย
ปอง : แต่มันมีจริงไหม
ปีย์ : มาถามอะไรผม มีใครในห้องนี้ที่นั่งกันอยู่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จริง
ปอง : ถ้าจะบอกว่าตำรวจบ้านเราที่เลื่อนตำแหน่ง ไม่ต้องเสียเงินเสียทองเลยจริงไหม
ปีย์ : มันก็มีแหละครับ แต่ทั้งนี้มันคงน้อย
ปอง : ถ้ามีใครสักคนพูดว่า ยุคผมการเลื่อนตำแหน่งไม่เสียเงินเสียทอง คุณปีย์เชื่อไหม
ปีย์ : ผมเชื่อ ถ้าหลานผมได้เป็นอธิบดีตำรวจ ยังอีกนานครับ
ปอง : ได้คุยกับ พล.ร.องพะจุณณ์ ไหมคะ หลังถูกหมายเรียก
ปีย์ : ได้คุยครับ ให้กำลังใจสู้ๆ
ปอง : คุณธรรม จริยธรรมของสื่อมวลชน คุณปีย์มองยังไง
ปีย์ : อาย มันหลายเรื่องอย่างเรื่อง มันไม่ใช่สมัยนี้ มันก็มีอยู่คนเดียวเท่านั้นที่ผมคิดว่าผมจะกราบไหว้ได้ ว่ามีจรรยาบรรณสูง ก็คือพระพุทธเจ้าไง นอกนั้นไม่ใช่เอียงซ้ายเอียงขวา จ่ายหน้าจ่ายหลัง มันเป็นกฏของคนไทยธรรมดา
ปอง : ในรอบ 10 ปีที่มีปัญหาบ้านเมืองขาดนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากสื่อมวลชนด้วย คุณปีย์คิดอย่างไร
ปีย์ : ความสัมพันธ์ของนักการเมืองและสื่อมวลชน ผมอยาจะบอกว่าดีมากเลย เพราะว่าการสัมพันธ์ สื่อมวลชนกับนักธุรกิจ นักธุรกิจจ่ายสื่อมวลชนเป็นรายๆ ใครทำผิดมากๆ เราก็ไม่ด่าเขา เพราะว่าถ้าขืนด่าเดี่ยวไม่ได้รับ เนื่องจากผมทำสื่อมานาน คนนั้นไปอยู่นั้น อยู่นี้ บรรณาธิการบริหารมีอำนาจน้อยกว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจน้อยกว่านายกรัฐมนตรี การปกครองก็ลำบาก
ปอง : หมายถึงสื่อมวลชนถูกใช้ ถูกมวลชนถูกซื้อ ไปเป็นกระบอกเสียงให้นักการเมืองและนักธุรกิจ แต่ก็ไม่ทั้งหมดก็มีบางส่วน
ปีย์ : นักธุรกิจถ้าไม่ใหญ่จริงก็ไม่มีประโยชน์ที่จะซื้อ ถ้าใหญ่จริงเขาก็ต้องซื้อพวกสื่อมวลชนไว้
ปอง : ถ้าถามคุณปีย์ว่า ณ วันนี้ถ้าเดินออกไปเจอพล.อ.ประยุทธ์ คุณปีย์อย่างจะพูดว่า
ปีย์ : สวัสดีครับ จบ
ปอง : แล้วถ้าเจอคุณทักษิณ
ปีย์ : สวัสดีครับ จบ
ปอง : เจอคุณยิ่งลักษณ์
ปีย์ : ไม่รู้จัก
ปอง : เจอคุณอภิสิทธิ์
ปีย์ : สวัสดีครับ จบ
ปอง : เพราะ
ปีย์ : จะไปพูดอะไรครับต่างคนก็ต่างรู้ว่าตัวเองรู้หมดทุกอย่างแล้ว เชื่อเถอะถ้าผมโทรไปหานายกฯตอนนี้ เขาจะตอบว่า พี่ครับพี่แก่แล้วพี่อยู่เฉยๆ เถอะ เราอ่านเกมส์ออก ทุกคนมีข้อมูลหมด