ธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ ทอม ดันดี อดีตนักร้องนักแสดง อายุ 56 ปี เป็นชาวเพชรบุรี ก่อนถูกจับเขามีอาชีพเป็นชาวสวนปลูกไผ่ขาย ในวัยหนุ่มเขาเคยไปเล่าเรียนด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ประเทศฝรั่งเศส เขาเคยเล่าด้วยว่าระหว่างศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศสได้มีโอกาสไปเยือนและร่วมรับประทานอาหารที่บ้านของปรีดี พนมยงค์ พ่อของเขาเป็นทั้งครูใหญ่และแพทย์ เคยเข้าร่วมขบวนการเสรีไทย แม่ของเขาเป็นมีอาชีพเป็นนางละคร ดูเหมือนเขาจะได้รับอิทธิพลจากทั้งพ่อและแม่ ในระยะหลังที่การเมืองไทยทวีความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น เขาออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ขึ้นเวทีปราศรัยทั้งของ นปช.และเวทีย่อยต่างๆ ที่จัดโดยคนเสื้อแดงกลุ่มอิสระมากมายหลายกลุ่ม
หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค.57 เขาถูกควบคุมตัว 2 ครั้ง ครั้งแรกกรณีไม่รายงานตัวตามประกาศ คสช. เขาถูกจับกุมที่บ้านจังหวัดเพชรบุรี วันที่ 9 มิ.ย.57 อยู่ในความควบคุมของทหาร 3 วัน ถูกควบคุมตัวที่กองปราบ 2 วัน จากนั้นถูกนำตัวไปฝากขังยังศาลทหาร และถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อีก 4 วัน ก่อนได้รับอนุญาตให้ประกันตัว
ประมาณหนึ่งเดือนถัดมา เขาถูกเจ้าหน้าที่บุกควบคุมตัวอีกครั้งจากบ้านพักในวันที่ 9 ก.ค.เพื่อนำตัวมาสอบสวนที่ บก.ปอท. พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยอ้างเหตุจากกรณีที่เขาไปปราศรัยในเวทีเล็กๆ จัดโดยสถานีวิทยุชุมชนของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ เมื่อราวเดือนพฤศจิกายน 2556 หลังจากนั้นเขาขอประกันตัว แต่ศาลทหารไม่อนุญาต
ระหว่างถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รวมถึงวันนี้ 8 เดือนเศษ ตอนแรกคดีของเขาถูกส่งฟ้องศาลอาญา ก่อนที่จะถูกโอนมาให้ศาลทหารในเวลาต่อมา และจะเริ่มการสืบพยานนัดแรกในวันพุธที่ 19 มีนาคมนี้
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเขาได้พยายามร้องเรียนกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเนื่องจากเห็นว่าคดีของเขาไม่ควรถูกฟ้องยังศาลทหาร อย่างน้อยที่สุดก็เนื่องจากการกระทำความผิดของเขาตามที่กล่าวหานั้น เกิดขึ้นก่อนประกาศของ คสช. ฉบับที่ 37/2557 ที่ให้คดี 112 ที่เกิดขึ้นหลังประกาศฉบับนี้ต้องขึ้นศาลทหาร ประกาศฉบับ 37 นี้ออกวันที่ 25 พ.ค.57 อย่างไรก็ตาม ในคำฟ้องคดีทอมระบุว่า คดีนี้ถือเป็นคดีเกี่ยวเนื่องตามประกาศคสช.ฉบับ 38/2557 เพราะแม้เขาจะปราศรัยในเดือนพฤศจิกายน 2556 (ก่อนออกประกาศ) แต่มีผู้อื่นนำเสียงของเขาไปอัพโหลดขึ้นยูทูปซึ่งเปิดให้เข้าถึงเรื่อยมาจนกระทั่งหลังวันที่ 25 พ.ค.57 จึงถือว่าเป็นการกระทำผิดร่วมกัน แม้เขาจะไม่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ และไม่ทราบว่าใครเอาไปอัพโหลดขึ้นยูทูปก็ตาม
จดหมายของทอม ดันดี ถูกส่งด้วยความยากลำบาก แต่ท้ายที่สุดก็ถึงมือคณะกรรมการสิทธิฯ
ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ผู้รับเรื่องร้องเรียนของทอม ดันดี น.พ.นิรันดร์ให้สัมภาษณ์ว่าได้รับเรื่องดังกล่าวแล้ว กรณีที่ผู้ต้องหาต้องการให้กรรมการสิทธิฯ เป็นผู้เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองว่าการส่งพลเรือนขึ้นศาลทหารเป็นการละเมิดสิทธินั้น ปัจจุบันนี้กรรมการสิทธิฯ ไม่มีอำนาจดังกล่าวแล้ว เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2550 ถูกยกเลิก อำนาจในการส่งเรื่องยังศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ หรือกระทั่งการฟ้องแทนผู้เสียหายจึงหมดไป อย่างไรก็ตาม ข้อร้องเรียนการละเมิดสิทธิต่างๆ ซึ่งได้รับเรื่องไว้ราว 30 คำร้องนั้น ทางคณะกรรมการสิทธิฯ ได้เข้าไปตรวจสอบและเตรียมเขียนร่างรายงานนำเสนอในประเด็นต่างๆ เป็นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อ คสช.และนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาเรื่องการยุติการใช้กฎอัยการศึก การให้พลเรือนขึ้นศาลทหาร การบังคับใช้คำสั่ง คสช.บางส่วนที่อาจทำให้การคุ้มครองสิทธิของประชาชนบกพร่องไป
000000
33 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ แดน 1
ถ.งามวงศ์วาน ลาดยาว จตุจักร
กรุงเทพ 10900
วันที่ 8 ธันวาคม 2557
เรื่อง ร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เรียน นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยนแห่งชาติ
ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ข้าพเจ้านายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ ทอม ดันดี อายุ 56 ปี อาชีพศิลปินนักร้องและนักแสดงภาพยนตร์ ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา โดยทหารเข้าจับกุมครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2557 ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติในข้อหาไม่ไปรายงานตัว เข้าจับกุมที่สามแยกป้อมตำรวจวังจันทร์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ในขณะที่กำลังเดินทางเอาพืชผลทางการเกษตรที่บ้านได้ปลูกไว้คือ หน่อไม้ ไปส่งให้ลูกค้าเวลาประมาณ 17.00 น.และในวันที่ 10 มิถุนายน 2557 ได้มีการเข้าตรวจค้นบ้านพักภายในจังหวัดเพชรบุรี ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ และถูกคุมขังในค่ายทหาร 3 วัน กองปราบปราม 2 วัน และที่เรือจำพิเศษ 4 วัน ได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2557 มีเงื่อนไขเป็นข้อตกลงห้ามแสดงความคิดเห็นและเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง ฯลฯ
ต่อมาในวันที่ 9 ก.ค.2557 ทางทหารได้เข้าจับกุมตัวเป็นครั้งที่สอง มีการเข้าค้นภายในบ้านพักที่จังหวัดเพชรบุรี และส่งตัวเข้ามาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฏาคม 2557
การกล่าวหาตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา โดยคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ขัดต่อหลักนิติรัฐและหลักกฎหมายโดยสิ้นเชิง จึงจะขอร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
การรัฐประหาร เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย เป็นการได้อำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการมิได้เป็นไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอาญา และละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยสิ้นเชิง ดังนั้น คำสั่ง คสช.ในการจับกุมข้าพเจ้า และคนอื่นๆ จำนวนมาก จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย
การนำคดีของข้าพเจ้าเข้าสู่การพิจารณาของศาลทหาร โดยที่ศาลทหารขึ้นอยู่กับกระทรวงกลาโหม จึงไม่เป็นอิสระและไม่เป็นกลางในการอำนวยความยุติธรรม อีกทั้งไม่มีกระบวนการพิจารณาคดีเป็นไปตามหลักกฎหมาย ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้รับสิทธและเสรีภาพในด้านต่างๆ อาทิ เช่น การจับกุมโดยไม่มีหมายจับ และมีการข่มขู่ ทรมาน ระหว่าการไต่สวน การคุมขังเกินกว่าระยะเวาที่กำหนดในกฎหมาย เช่น ฝากขังเกิน 84 วัน ส่งฟ้องลับหลังจำเลย และไต่สวนโดยไม่เปิดเผย ฯลฯ
ข้าพเจ้าไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว หรือการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการต่อสู้คดี โดยปราศจากเหตุผล เช่น อ้างว่ากลัวหลบหนีโดยไม่มีการไต่สวน หรือไม่มีประจักษ์พยาน ทำให้ไม่มีสิทธิเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมโดยง่าย สะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง ไม่มีหลักประกันการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผย ไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริง ไม่ได้ตรวจเอกสารและการโต้แย้งคดีอย่างเพียงพอ
การไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวจึงเป็นเสมือนการมัดมือชกและเป็นการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรม
การนำพลเรือนไปสู่การพิจารณาของศาลทหารเป็นการเลือกปฏิบัติ ก่อให้เกิดความแตกต่างอันเป็นการขัดต่อหลักความเสมอภาค เท่าเทียมทางกฎหมาย อาทิ เช่น คดีมาตรา 112 ที่กระทำการก่อนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 บางกรณีนำไปสู่ศาลอาญาตามปกติ แต่ในกรณีของข้าพเจ้ากลับนำมาสู่การพิจารณาของศาลทหาร
การจับกุมคุมขังทำให้ข้าพเจ้าสูญเสียอิสรภาพ ได้รับความทุกข์ทรมานและเดือดร้อนแสนสาหัส สูญเสียรายได้จากการ้องเพลงและการแสดง เดือนละ 3-4 แสนบาท ครอบครัวยากลำบาก มีหนี้สินมากมายจากการกระทำของคณะรัฐประหาร
จากที่ได้กล่าวไว้แล้ว 4 ประการข้างต้น ข้าพเจ้าจึงขอร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 5 ประการ ดังนี้
1. ให้พิจารณาในกรณีการจับกุมคุมขังข้าพเจ้าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ
2. นำเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเห็นชอบตามผู้ร้องเรียน กรณีคำสั่ง คสช. ไม่ชอบด้วยสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญ
3. เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครอง กรณีเห็นชอบตามผู้ร้องเรียนว่า คำสั่งและการพิจารณาคดีในศาลทหารเป็นคำสั่งทางการปกครอง กระทบต่อสิทธิมนุษยชน
4. ฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนข้าพเจ้า ซึ่งเป็นผู้เสียหายทั้งทางแพ่งและทางอาญา เป็นการปกป้องสิทธิมนุษยชน
5. จัดหาทนายความดำเนินการ เพื่อให้มีการประกันตัวหรือการปล่อยตัวชั่วคราว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นการเร่งด่วน เป็นการปกป้องสิทธิมนุษยชนของพลเมือง ตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง มา ณ โอกาสนี้ด้วย
ขอแสดงความนับถือเป็นอย่างสูง
นายธานัท ธนวัชรนนท์ (ทอม ดันดี)