วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555


ม.เที่ยงคืน ประณามการใช้ความรุนแรงในความเห็นต่างทางการเมือง

       
 "ขอให้ทุกฝ่ายจงร่วมกันใช้ความอดทน เหตุผล และสติปัญญา ในการรับฟังความเห็นที่แตกต่างออกไป การใช้กำลังจะไม่ได้เป็นออกไปจากปัญหาแต่อย่างใด รวมทั้งจะนำไปสู่ความยุ่งยากที่เพิ่มมากขึ้นในสังคมแห่งนี้"

         หมายเหตุ: วันนี้ (1 มี.ค.) มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เผยแพร่แถลงการณ์ "ประณามการใช้ความรุนแรงในความเห็นต่างทางการเมือง" โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

แถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
เรื่อง ประณามการใช้ความรุนแรงในความเห็นต่างทางการเมือง             

               กรณีที่มีบุคคลได้ใช้กำลังทำร้ายอาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ หนึ่งในกลุ่มนิติราษฎร์เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นการคุกคามและเป็นการใช้ความรุนแรงต่อบุคคลที่มีความเห็นต่างอย่างป่าเถื่อน อันเป็นเหตุการณ์ที่สังคมไทยต้องร่วมมือกันปกป้องอย่างเข้มแข็ง โดยมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนมีความเห็นดังต่อไปนี้    

         
             
ประการแรก เป็นที่เหตุได้อย่างชัดเจนว่าการกระทำดังกล่าวนี้เป็นผลมาจากการแสดงความเห็นและความเคลื่อนไหวของอาจารย์วรเจตน์ในการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์อาจมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและผู้ที่เห็นต่าง แต่ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติในแต่ละสังคมซึ่งจะมีบุคคลซึ่งมีความเห็นไม่เหมือนกัน หนทางในการจัดการกับความเห็นต่างดังกล่าวที่ดีที่สุดก็ด้วยการใช้เหตุผลและการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างผู้คนฝ่ายต่างๆ การใช้กำลังเพื่อทำร้ายบุคคลที่มีความเห็นต่างจึงต้องควรถูกประณามรวมถึงต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายต่อไป   
          
              ไม่เพียงการลงโทษกับตัวบุคคลผู้ลงมือเท่านั้น บรรดาฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน นักวิชาการ นักการเมือง องค์กรประชาชน ที่มีส่วนต่อการ “สาดน้ำมันเข้ากองไฟ” อย่างไร้เหตุผลก็ควรต้องถูกประณามด้วยเช่นกัน ในฐานะที่เป็นที่มีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการสร้างบรรยากาศแห่งความเกลียดชังให้เพิ่มสูงขึ้น           

  
               ประการที่สอง การปกป้องเสรีภาพในความเห็นต่างทางการเมืองนั้นมิใช่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หากต้องการให้ทุกฝ่ายที่เห็นต่างในทางการเมืองสามารถแสดงความเห็นของตนได้อย่างเสรีและเป็นความเห็นที่มิได้บิดเบือนหรือให้ร้ายกับผู้คนกลุ่มอื่น การร่วมกันปกป้องเสรีภาพในการแสดงความเห็นจึงรวมถึงคนทุกกลุ่มในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง กลุ่มนิติราษฎร์ กลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น ล้วนต้องสามารถแสดงความเห็นที่ยืนอยู่บนเหตุผลได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าบุคคลใดก็ไม่สมควรจากการถูกทำร้ายหรือถูกคุกคามในการแสดงความเห็นของตน              

         มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงขอประณามการใช้ความรุนแรงในการจัดการกับความเห็นต่างในทางการเมือง และขอให้ทุกฝ่ายจงร่วมกันใช้ความอดทน เหตุผล และสติปัญญา ในการรับฟังความเห็นที่แตกต่างออกไป การใช้กำลังจะไม่ได้เป็นออกไปจากปัญหาแต่อย่างใด รวมทั้งจะนำไปสู่ความยุ่งยากที่เพิ่มมากขึ้นในสังคมแห่งนี้น    
http://redusala.blogspot.com


อย่าปล่อยให้อวิชชาเข้าครอบงำความรัก ความโลภ
ความโกรธ ความหลง การยึดมั่น ถือมั่น ทำให้คนตาบอด ไม่เกิดสติปัญญา

           ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาหลักคิดของพระพุทธองค์ในการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ด้วย  กาลามสูตร  สิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการ

           พระพุทธเจ้าแทนที่จะตรัสเหมือนกับสมณพราหมณ์เหล่าอื่นที่เคยพูดมาแล้ว พระองค์ไม่ได้ทรงสรรเสริญคำสอนของพระองค์ และก็ไม่ทรงติเตียนคำสอนศาสนาของผู้อื่นแต่       พระองค์กลับตรัสอีกแบบหนึ่ง การพูดแบบนี้เป็นลักษณะของวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน คือพระองค์ได้กล่าวถึงสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการโดยตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงฟัง
มา อนุสฺสวเนน อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา
มา ปรมฺปราย อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
มา อิติกิราย อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
มา ปิฏกสมฺปทาเนน อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา
มา ตกฺกเหตุ อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง
มา นยเหตุ อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา
มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ
มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตน
มา ภพฺพรูปตา อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้
มา สมโณ โน ครูติ อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา
สรุปแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะเหตุ 10 ประการนี้ 
---------------------------------------------------------------

             สภาอาจารย์ มธ.ออกแถลงการณ์เรียกร้อง 5 ข้อ วรเจตน์โดนตะบันหน้าเมื่อวันที่ 1 มีนาคม สภาอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์กรณีการทำร้ายร่างกายนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ ภายในบริเวณมหาวิทยาลัย ใจความดังนี้

             เหตุการณ์การทำร้ายร่างกายนายวรเจตน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณาจารย์ของ มธ. เป็นผลจากการเปิดเผยผลการประชุมกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย กรณีห้ามการจัดเวทีเสวนาแสดงความคิดเห็นภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผ่านช่องทางสังคมออนไลน์ของอธิการบดี

            โดยขณะนี้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้ถูกขยายผลกลายเป็นความขัดแย้งซึ่งไม่อยู่บนพื้นฐานของการพิจารณาด้วยเหตุและผล ดังนั้น เพื่อให้คณาจารย์และประชาคมธรรมศาสตร์ทุกคน ได้มีความมั่นใจในความปลอดภัยขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ หรือดำเนินกิจกรรมภายใน มธ. สภาอาจารย์มีความจำเป็นต้องแสดงจุดยืนและยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

          1.สภาอาจารย์ มธ. ขอประณามการกระทำดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของฝ่ายใดเพราะความรุนแรงไม่ใช่หนทางที่จะแก้ไขปัญหา

          2.ขอเรียกร้องให้อธิการบดีและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดและติดตามให้มีการดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิด ให้ได้รับโทษตามกฎหมาย เพื่อป้องปรามไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

          3.ขอเรียกร้องให้อธิการบดีหามาตรการและแนวทางเพิ่มเติมในการป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับประชาคม

          4.ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในสังคมไทย เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่ถูกต้องและครบถ้วน อย่าใช้เพียงความรู้สึกและอารมณ์ที่มีต่อข่าวสารเพียงด้านเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมกับกรณีความขัดแย้งใดๆ ขอให้ประมวลข้อมูลข่าวสารนั้นอย่างรอบด้านด้วยตนเอง ใช้สติไตร่ตรองด้วยใจที่เป็นกลาง

          5. ขอเรียกร้องให้คนไทยทุกคนที่ดำเนินการใดๆ เพื่อความพอใจส่วนตัวหรือผลประโยชน์ที่อาจจะตกกับตนเองหรือพวกพ้องได้ กรุณาฉุกคิดสักนิดก่อนว่าสิ่งนั้นจะเป็นการส่งผลเสียหายให้กับประเทศชาติโดยรวมหรือไ​ม่

นายกสมาคมนิติศาสตร์ มธ.แถลงประณามทำร้ายวรเจตน์ ไม่หวังดีต่อชาติ   

          สมยศ เชื้อไทย นายกสมาคมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ออกแถลงการณ์ ประณามการทำร้ายวรเจตน์ ระบุ เป็นผู้ไม่หวังดีต่อชาติ แต่จงใจมุ่งให้เกิดความแตกแยกและให้สังคมเกิดความโกลาหลวุ่นวายที่ยากต่อการประนีประนอม

ม.เที่ยงคืน ประณามการใช้ความรุนแรงในความเห็นต่างทางการเมือง

              "ขอให้ทุกฝ่ายจงร่วมกันใช้ความอดทน เหตุผล และสติปัญญา ในการรับฟังความเห็นที่แตกต่างออกไป การใช้กำลังจะไม่ได้เป็นออกไปจากปัญหาแต่อย่างใด รวมทั้งจะนำไปสู่ความยุ่งยากที่เพิ่มมากขึ้นในสังคมแห่งนี้"





"วรเจตน์" แถลงถูกทำร้ายเพราะเคลื่อนไหวทางวิชาการ

   สถานการณ์ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ  
Quote of the Day


          "สิ่งที่ผมทำ ผมทำในกรอบของวิชาการและเป็นการแสดงความเห็นต่อสาธารณะ เราคงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิตเราไม่ได้ ผมจะทำต่อไป เพราะผมทำในกรอบของกฎหมายทุกอย่าง อยู่ในกรอบของหลักการที่ถูกต้อง และผมก็ทำเท่าที่เวลาอำนวย ผมมีงานที่ต้องตรวจข้อสอบ สอนหนังสือ แต่เมื่อมีความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะก็ทำ"
วรเจตน์ ภาคีรัตน์
29 ก.พ. 55, แถลงที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ย้อนหลัง »
 
8 องค์กรสิทธิไทย ประณามเหตุ ''วรเจตน์'' ถูกทำร้าย ร้องรัฐต้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน

       คู่แฝดทำร้าย ''วรเจตน์'' มอบตัว รับ "ความเห็นต่าง" เป็นเหตุจูงใจ

  • -แฝดนรกชกวรเจตน์อันธพาล อยากเตะนักข่าว
  • -เกษียร:สื่อและนักวิชาการต้องรับผิดชอบที่เพาะเชื้ออวิชชา ทำให้คนบ้าเลือดสิ้นคิดหูเบาทำร้ายวรเจตน์
  • -วรเจตน์ยันไม่ยุติบทบาททางวิชาการ นครบาลจัดกำลังคุ้มครอง
''ใบตองแห้ง'' ออนไลน์: รักในหลวงต้องคลั่ง?

           ตลกร้ายคือในขณะที่พวกสลิ่มอ้างว่าไม่ใช่การกระทำของพวกตัว “คนรักในหลวงไม่ทำอย่างนั้น” พวกเขากลับแสดงความสะใจ เย้ยหยัน กระทืบซ้ำทางวาจา ทั้งในความเห็นท้ายข่าวผู้จัดการ ASTV ทั้งในเฟซบุคของวรกร ของหมอตุลย์

ทำร้ายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ คือ “ความป่าเถื่อนต่อการใช้เหตุผล”


          เมื่อเราจะร่วมกันสร้างสังคมให้น่าอยู่ หรือสร้างสังคมประชาธิปไตยแบบอารยะ เราจำเป็นต้องปกป้องแม้กระทั่ง“กลุ่มคนที่โดยธรรมชาติแล้วมีความสัมพันธ์เชิงปฏิปักษ์กับอำนาจ

จดหมายเปิดผนึกถึง รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์

           มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ส่งจดหมายให้กำลังใจวรเจตน์ ภาคีรัตน์ "พวกเราขออยู่เคียงข้างในความถูกต้อง ความกล้าหาญ และความบริสุทธิ์ใจต่อสังคมของอาจารย์ตลอดไป"
จาก นศ.มธ. เหตุจากการปิดเวทีถก 112

‘ใบตองแห้ง’ ออนไลน์: ยืนหยัดพลังที่สาม

       ชัยชนะของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เราเป็นผู้ชนะ แต่เหตุผลเป็นผู้ชนะ…เรื่องเศร้าคือ นักต่อสู้ที่แท้จริง ไม่เคยมีใครเป็นผู้ชนะ มันเป็นลักษณะพิเศษของสังคมไทย เราก็เป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ที่บ้างก็ประสบชะตากรรมจากการต่อสู้ แต่ยืดอกรับมันอย่างยิ่งใหญ่

‘ฮิวแมนไรท์ วอทช์’ กังวลกรณีนักโทษคดีหมิ่นไม่ได้สิทธิประกันตัว25 ก.พ. 55 


            - องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ “ฮิวแมนไรท์ วอทช์” ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อกรณีที่ผู้ต้องหาในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ถูกปฏิเสธสิทธิการประกันตัวอย่างต่อเนื่อง

            โดยฮิวแมนไรท์ วอทช์ชี้ว่า การที่ศาลไทยไม่อนุญาตให้นักโทษในคดีดังกล่าวประกันตัว เป็นเพราะเหตุผลทางการเมือง ซึ่งเป็นเสมือนการลงโทษที่ไม่มีเหตุผลเหมาะสมรองรับ

             ในแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า จากจำนวน 12 คดีที่อัยการสั่งฟ้องผู้สนับสนุน นปช. ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยังไม่มีกรณีใดเลยที่ได้รับการประกันตัว ซึ่งตรงข้ามกับในกรณีของสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งถูกฟ้องเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 53 และได้รับการประกันตัวแล้วในวันเดียวกัน

             ฮิวแมนไรท์ วอทช์กล่าวถึงคดีผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสามกรณีที่ถูกปฏิเสธการขอประกันตัวมาแล้วอย่างน้อยคนละ 5 ครั้ง ได้แก่ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ โจ กอร์ดอน และสมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งในกรณีของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ฮิวแมนไรท์ วอทช์ชี้ว่า การที่เขาถูกปฏิเสธการประกันตัวมาถึง 7 ครั้งและถูกส่งไปรับฟังการพิจารณาคดีใน 4 จังหวัด คือ สระแก้ว เพชบูรณ์ นครสวรรค์และสงขลา อาจเป็นการกลั่นแกล้งผู้ต้องหา และชี้ว่า อาจเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นตั้งแต่แรก เนื่องจากพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ

            “ปัญหาความไม่ยุติธรรมของคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถูกทำให้เห็นชัดเจนขึ้นโดยการปฏิเสธสิทธิประกันตัว [แก่ผู้ต้องหา] และการคุมขังที่กินเวลานานก่อนการไต่สวนคดี” แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียของฮิวแมนไรท์ วอทช์กล่าว

             ทั้งนี้ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกจับกุมคุมขังตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. 54 โดยคำฟ้องระบุว่าเขากระทำผิดตามม. 112 จากการเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ซึ่งถูกมองว่าเผยแพร่เนื้อหาที่หมิ่นเบื้องสูง เขาถูกปฏิเสธการขอประกันตัวมาแล้ว 7 ครั้งโดยศาลให้เหตุผลว่าข้อหาที่ถูกกล่าวโทษมีอัตราสูง กระทบต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชน หากปล่อยตัวชั่วคราวอาจจะหลบหนี เช่นเดียวกันกับกรณีของสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, โจ กอร์ดอน และ “อากง” หรืออำพล นักโทษคดีหมิ่นฯ ผู้ถูกตัดสินจำคุกด้วยม. 112 จำนวน 20 ปี ซึ่งล่าสุดถูกปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวเช่นเดียวกัน

             อนึ่ง ประเทศไทยลงนามและให้สัตยาบันในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองแห่งสหประชาชาติ ซึ่งระบุว่า “มิให้ถือเป็นหลักทั่วไปว่าจะต้องควบคุมบุคคลที่รอการพิจารณาคดี แต่ในการปล่อยตัวอาจกำหนดให้มีการประกันว่าจะมาปรากฏตัวในการพิจารณาคดี ในขั้นตอนอื่นของกระบวนพิจารณา และจะมาปรากฏตัวเพื่อการบังคับตามคำพิพากษา เมื่อถึงวาระนั้น"
(ประชาไท, 26-2-2555)

สมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวน เห็นว่าควรแก้ ม.112 


      27 ก.พ. 55 - “มติชนทีวี” เผยแพร่บทสัมภาษณ์ “สมชัย จึงประเสริฐ” กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวน อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โดยสมชัยระบุว่าคิดว่าหลายปีที่ผ่านมานั้น มันมีปัญหานี้ เราน่าจะแก้ไขปรับปรุงได้ ปรับปรุงไม่ได้หมายความว่าจะให้ยกเลิก หรือเลิกคุ้มครอง แต่เป็นการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งไปดึงสถาบันฯ เพื่อมาทำลายคนอื่น ตรงนี้ต้องแก้ไขปรับปรุง
http://redusala.blogspot.com


มหากาพย์ "แฝดนรก" จ็อบที่ปิดไม่ลง








 หมายเหตุ เนื่องจากเป็นการเขียนในทวิตเตอร์ จึงต้องตัดข้อความให้กระชับเหมาะกับจำนวนตัวอักษรที่กำหนด เมื่อนำมาในบล็อค จึงขออนุญาต คงข้อความดังกล่าวไว้เช่นในทวิตเตอร์

                  จริงๆแล้ว เรื่องแฝดสุพจน์ สุพัฒน์ ผมใช้เวลา "เสือก" อยู่นานพอสมควร ไม่เหมือนเอกยุทธ ที่ถอดจิกซอง่ายกว่าและมีคลิปหลักฐานชัดกว่าเรื่องยากของมหากาพย์ สุพจน์ สุพัฒน์ ไม่ใช่ "ชกหน้าวรเจตน์" แต่มหากาพย์มันคือ "รับงานใคร" หรือที่กำลังกลายเป็นประเด็นใหม่คือ "ปืนมาจากใหน" และกำลังลากยาวไป "แก๊งค้าปืนเถื่อน-สวมทะเบียน"

          แต่วันนี้ ณ วินาทีนี้ที่เริ่มร่ายมหากาพย์ เรื่องยังดำเนินอยู่ และยังเหลือ "จิ๊กซอ" จำนวนมากที่ยัง "ต่อไม่ติด" จริงๆ

                                                        เหตุที่ต้องพูดเรื่อง แฝดนรก เพื่อบอกเบาะแสและช่วยกันต่อจิ๊กซอ คนซวยไม่ใช่แค่แฝดแต่จะมีอีกจมหู

          จากกล้องวงจรปิดของ มธ. จับภาพแฝดนรกได้ครั้งแรก ก่อนวันเกิดเหตุ ๒ วัน เพราะแฝดนรกเดินมองกล้องทุกตัวในคณะนิติฯ แถมแสดงท่าทางลิงโลดได้เล่นกล้อง
 มธ.ขึ้นชื่อเป็นมหาลัยที่กล้องวงจรปิด เยอะที่สุด มีทุกจุดไม่เว้นแม้แต่ซุ้มขายกาแฟสดข้างคณะ แม่ค้าขายกาแฟบอกเจอมาซื้อกาแฟรอกิน ๒ วันล่วงหน้า



              วันเกิดเหตุ แฝดนรก รอแต่เช้า รอจนหายไปแล้วกลับมารอใหม่จนบ่าย 15.30 น. ก็พบ อ.วรเจตน์เดินลงจากรถ แฝดคนแรกพุ่งชกด้าน หน้าข้างอย่างไม่ทันรู้ตัว

            ดอกแรกซัดไปสามสี่หมัดล้มลง แว่นตาหลุด อ.วรเจตน์บอกว่า "มองไม่เห็นเพราะแว่นหลุดไปทำให้มองไม่ชัด" อีกแฝดมาด้านหลังซัดเข้ากกหูไปอีกล้มโครม

            เสร็จภารกิจ สองแฝดนรกก็ปรี่ขึ้นมอไซด์ บึ่งหนีออกไปโดยที่ไม่มีใครได้ตั้งตัว ต่อหน้าคณาจารย์และนักศึกษาทั้งคณะอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิด

           จากการสืบสวน ตำรวจชนะสงครามซึ่งคุ้นเคยกับ "ทุกม็อบ" พูดเหมือนกันอย่างแปลกใจว่า "แฝดนรก" ไม่อยู่ในสารบบของทุกม็อบ มันโผล่มาจากใหนว่ะ

           สื่อฯ หลายสำนัก ถึงขนาดย้อนกลับไปดู "ภาพม็อบเก่าๆ" ย้อนหลังไปถึงปี 49 ต่างก็ "ไม่คุ้น" การนำเสนอตัวของแฝดนรกรายนี้

           ผู้ต้องหา ติดต่อมอบตัวเมื่อกลางดึกคืนเกิดเหตุ โดยไม่กล้ากลับไปบ้าน และนัดเข้ามอบตัวรุ่งเช้าหลังเกิดเหตุที่ สน. ชนะสงครามด้วยรถยนต์ส่วนตัว

           วันมอบตัว มารถยนต์ส่วนตัวสีดำ (รู้สึกจะโตโยต้า) มีคนฉลาดจดทะเบียน แอบเช็คแล้ว ประวัติรถคันนี้ ของใคร มากจากใหน แต่เริ่มสงสัยว่า ทะเบียนปลอม?

           เรื่องรถที่พามา พิรุธแรก ในขณะขับรถจาก สน.ชนะสงคราม ไป บช.นครบาล ไม่ต้องขึ้นรถตำรวจแต่ไปรถส่วนตัว และถ่ายรูปอัพขึ้นเว็บตลอดเวลาด้วย เริ๊ด

           จากภาพในสื่อฯ แฝดนรก ไม่ได้สะทกสะท้านใดๆเลย กลับ อยากชกสื่อฯ ซึ่งแสดงว่า มันมีแบล็คดีมาก จนไม่กลัวอะไรเลย ในข่าว ตำรวจรีบตัดตอนแบบมีพิรุธ

           หลังจากกลับจาก บช.นครบาลมา ชนะสงครามก่อนปล่อยตัวไป แฝดนรกให้สัมภาษณ์ว่า กราบขอพร ร.๕ ก่อนชกหน้า อ.วรเจตน์ ซึ่งสมดังประสงค์เพื่อปกป้องสถาบัน

         ระหว่างวันที่จับ แฝดนรก ได้ปรากฏว่าในโซเชี่ยวออนไลน์ โกซิ คเปิดประเด็น FB สุพจน์ ศิลารัตน์ มีปืนในครอบครอง เป็นแชมป์ยิงปืนหลายเวทีและ ๑๙ คลิป

          ไทยรัฐลงรายละเอียดปืนผิด ของจริงคือ แฝดนรกถือปืนรุ่น kimber custom target ii คนละกระบอกจริง

           ปืนดังกล่าว หากซื้อ "ปืนสวัสดิการข้าราชการ กระทรวงมหาดไทย" จะอยู่ราคา 7-8 หมื่น บ. แต่หากซื้อร้านปืนจะราคาสัก แสนสาม แต่!!!!

           ๑. บ้านแฝด เป็นทาวเฮ้าสองชั้น บางยี่โถ สามโคก ปทุม ราคาตลาดไม่กี่แสน แต่เป็นชื่อคนอื่น ไม่ใช่บ้านของแฝดนรก

           ๒. แฝดนรกไม่มีอาชีพชัดเจน บ้างว่าเร่ขายเสื้อผ้าตลาดนัด บ้างว่าขายน้ำหอม บ้างว่าเป็นการ์ดคุมผับ แต่ที่ชัดเจนคือ หายตัวไปก่อนน้ำท่วมใหญ่ปี ก่อนช่วงก่อนน้ำท่วม จน "หลังน้ำท่วม" ปรากฏ "คลิปสบายๆสไตล์สามโคก" ของคู่แฝดฝึกยิงปืน และสอนยิงปืนพร้อมโชว์รุ่นปืนชื่อดังราคาแพงอย่างชัดเจน"

           ๓. มีภาพการรับถ้วยรางวัล นักแม่นปืนหลายรางวัล และการเข้าเล่นเว็บปืนชื่อดัง ซื่งเป็นขวัญใจนักเล่นปืนระดับ สตาร์ เลยทีเดียว

            ข้อสงสัยวันนี้ คลิปและภาพปืน กลายเป็นธนุปักเข่า แฝดนรกเข้าให้เพราะจากเหตุไม่มีบ้านไม่มีอาชีพ แต่เก่งปืนระดับพระกาฬ ถามว่า เอาเงินมาจากใหนเล่น

           ๑. อย่าเพิ่งคุยเรื่อง "ทะเบียนปืน" เพราะนี่คือจุดตาย ไปเรื่องราคาปืนก่อน ไม่มีหลักแหล่งเอาเงินจากใหนซื้อปืนกระบอกละ 8 หมื่นคนละกระบอก????

          ๒. ยิงปืนทุกครั้ง ราคากระสุน 50 นัด กล่องละ 1400 ต่ำสุด ยิงทีนึงใช้ ๑ กล่องแหง๋ๆ ยังไม่นับจุกจิกเช่น เป้ากระดาษ ใบละ ๑๐ บ.

         ๓. เช็คจาก "ความถี่" ใช้บริการจากเว็บปืนชื่อดังที่เค้าพูดกันว่า อย่างน้อยเข้าใช้สนาม "เดือนละ ๒ หน" ซึ่งต้องมีเงินไม่ต่ำกว่าสามสี่พันแหง๋ๆ

         ๔. หากไม่รู้เรื่องปืน อยากเรียน เพื่อสอบใบอนุญาต ต้องไปหัดเรียน ค่าเรียน ๒ สัปดาห์ ค่าเรียนบวกกระสุน (ไม่นับปืน) 5000 บ.

         ๕. ข้อสังเกตุข้อแรก น้ำท่วมสามโคกจมหมด ไม่มีตลาดให้ขายเสื้อผ้าแน่ แต่ดันมีเงินไปยิงปืนช่วงระหว่าง กันยา 2011-มกรา 2012 บ่อยพี่จนน่าสงสัย

        ข้อ ๒ วันนี้ ชัดเจนแล้วว่า กำลังซวยเพราะ "ปืน kimber custom target ii " ที่แฝดนรกมี เป็นทะเบียนปลอม หรือทะเบียนสวม หรือทะเบียนจริง

        ตามทะเบียน ณ วันนี้ แฝดนรกถือปืนในโควต้าของทหาร โดยใช้สิทธิ์ทหารพราน ซื้อปืนสวัสดิการ ซึ่งแฝดนรกไม่ได้เป็นข้าราชการ และไม่ได้เป็นทหาร

       กม.บอก http://gun4you.com/ คุณต้องเป็นข้าราชการ และต้องมีเอกสารรับรองจากผู้บังคับบัญชา และสอบเรียนยิงปืนได้จึงไปขอยื่นต่อนายทะเบียน

        เท่ากับ "ปืนแฝดนรก" ทำ "แก๊งค้าปืนเถื่อน" เดือดร้อนกันแล้ว เพราะเค้ากำลังสาวว่า "ใช้ชื่อใครขอ ใครเป็นทหารพรานที่เซ็นรับรอง ใครออกทะเบียนให้"

       เท่ากับ ลากทั้งแก๊ง ตั้้งแต่คนแรกที่เซ็นรับรองยันคนขายปืน เข้าตารางกันหมด และที่สำคัญ ทำเอกสารราชการปลอมกันยกขบวนการ โดยที่ จนท.รัฐรู้เห็น

      ประเด็น "สลิ่ม" ในเว็บปืน อันนั้นเด็กๆ เพราะนั้นก็เห่าไปวันๆ แต่ "แฝดนรก" จะซวยโดนเก็บก่อน ไม่ใช่เพราะแดง แต่ "แก๊งค้าปืนเถื่อน" จะเก็บแฝด

       เพิ่มอีกชั้นที่น่าสงสัย ตอนขอใบอนุญาต ป.๓ เพื่อมีปืน เค้าต้องค้นประวัติอาชญากรรม ตอนได้ปืนนี้ ในFB ระบุว่า สุพจน์ได้ปืนใหม่ตอนปลายปีก่อน

       แต่ทั้งสุพจน์ และสุพัฒน์ มีคดีติดตัวกันคนละคดี คือคดีทำร้ายร่างกาย และคดีครอบครองปืนผิด กม. แต่ดันขอ ใบอนุญาต ป.๓ จากกระทรวงมหาดไทยผ่านได้ไง


       ลำพังพ่อค้าขายเสื้อเร่ตลาดนัดอาจจะ "รวย" แต่ก็คงไม่มีอิทธิพล ไปสั่งให้ข้าราชการ "ทั้งกระทรวง" ร่วมกันออก "ใบอนุญาต" ให้ตนเป็นแน่

       ค้นต่อไป เราพบจิ๊กซอ ที่ "น่าสงสัย" แต่ยังไม่ "ฟันธงใดๆ" เราพบว่า พ่อของแฝด ทำงานเป็น "หัวหน้าลานจอดรถ" สถานีน้ำมันของเครื่องบินในสนามบิน

        คงเคยได้ยินว่ามีปัญหาเรื่องผลประโยชน์มหาศาล และอิทธิพลทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกท่าอากาศยานและลานจอดรถสารพัดวุ่นวายขนาดยกพวกตีกันมาก่อน

        ลึกไปกว่านั้น มีคนนามสกุล "ศิลารัตน์" เหมือนกับคู่แฝด เป็นทหารยศ พันเอก หรืออาจจะเป็นพลโทแล้วก็ได้ ทำงานระดับสูงอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ

         ต้องบอกตรงๆว่า อายุของทหารคนนี้ กับพ่อของฝาแฝด ที่ชื่อสุรศักดิ์ อายุ "ไล่เลี่ย" กัน แต่เราไม่ฟันธงหรือสันนิษฐานใดๆทั้งสิ้น

         เมื่อลากดูเครือข่าย "แฝดนรก" กับบุคคลรอบข้างตัวเบื้องต้น พร้อมอาการ "พินอบพิเทา" ของตำรวจสอบสวนวันนั้นแล้ว "ยิ่งสงสัย" มากขึ้นว่า....

         และบวกกับ "กลยุทธ์" ของเหล่าอำมาตย์ที่ "เปลี่ยนหน้าตัวละคร" ไม่เอาหน้าเก่ามาจัดฉาก เพราะหน้าช้ำ น่าจะมีเหตุผลอยู่ที่เลือกแฝดนรกที่ หน้าใหม่

         ส่วนตัวจึงฟันธงว่า "แฝดนรก รับงาน" และ "ปิดจ็อบ" ทันทีว่าบันดาลโทสะ แต่ซวยพลาดตรงที่ "อาวุธปืน" โผล่มาจากกระแสโซเชี่ยว ทำให้เรื่องปิดไม่ลง

        ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่จะติดตามต่อไปในประเด็น "ปืน" ว่าแฝดนรกได้ปืนมา ในนามของใคร และจะลาก "แก๊งค้าปืนเถื่อน " สวมทะเบียนปลอม" มาเข้าตารางไม๊

       วันนี้ ผมจึงไม่ห่วง แฝดนรก ข้อหาชกหน้าวรเจตน์ แต่ผม "กำลังห่วงชีวิตแฝดนรก" ว่าจะโดนแก๊งค้าปืนเถื่อนเก็บก่อนจะโดนสาวถึงตัวหรือเปล่า

       หากจากนี้ "แฝดนรก" โดนเก็บ ก็โปรดอย่ามาใส่ร้ายว่าเสื้อแดงไปยิงหรือกระทืบ เพราะดูๆแล้ว ผมเสียวว่าเค้าจะโดนแก๊งค้าปืนฆ่าตัดตอนเสียก่อน
http://redusala.blogspot.com

เกษียร : สื่อและนักวิชาการต้องรับผิดชอบที่เพาะเชื้ออวิชชา
ทำให้คนบ้าเลือดสิ้นคิดหูเบาทำร้ายวรเจตน์

เราคงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิตเราไม่ได้ ผมจะทำต่อไป (ที่มา:ประชาไท)

โดย เกษียร เตชะพีระ
ที่มา facebook 

ก่อนที่หมัดเถื่อนนั้นจะชกออกมา คือคำโกหกเถื่อน ๆ เรื่อง "ล้มเจ้า" ของผู้เรียกตัวเองว่าสื่อและนักวิชาการ

ก่อนจะมีคนร้าย ๒ คนเข้ามาทำร้ายร่างกายอ.วรเจตน์อย่างอุกอาจในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว แต่ไม่สามารถแม้แต่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้บุคลากรที่ถูกข่มขู่คุกคามก่อนหน้านี้ของตัวเองนั้น

สิ่งบัดซบที่เรียกตัวเองว่า "สื่อมวลชน" และ "นักวิชาการ" ได้ปูพื้นเตรียมการทางความคิดให้คนบ้าเลือดสิ้นคิดหูเบาที่ไหนก็ได้ที่หลงเชื่อคำใส่ร้ายป้ายสีโกหกบิดเบือนของพวกเขาเตรียมทำร้ายอ.วรเจตน์กับพวกมาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อพวกคุณรุมป่าวร้องโกหกว่าอ.วรเจตน์กับพวกคิด "ล้มเจ้า" พวกคุณกำลังร้องเชียร์ให้คนร้ายทั้งคู่ชกอ.วรเจตน์อยู่ปาว ๆ ทุก ๆ ถ้อย ทุก ๆ คำอย่างขี้ขลาดตาขาวที่สุดและไม่มีความรับผิดชอบที่สุด

ถ้าผมคิดว่าพวกคุณยังมีมโนธรรมสำนึกเหลืออยู่ ผมคงหวังว่าพวกคุณจะออกมารับผิดว่าโกหกและเรียกร้องให้ยุติการพยายามทำร้ายอ.วรเจตน์กับคณะด้วยความรุนแรง แต่ผมไม่หวังแล้ว และมันก็ออกจะสายไปแล้วด้วย พวกคุณต้องรับผิดชอบที่หว่านเพาะเชื้ออวิชชา มุสาวาทาและความเกลียดชังเพิ่มพูนขึ้นแก่สังคมไทย ลูกหลานครอบครัวของพวกคุณจะอยู่ในสังคมเดียวกันนี้ที่คุณหว่านเพาะอวิชชา มุสาวาทาและความเกลียดชังจนกลายเป็นความรุนแรงไปแล้ว ผมหวังว่ากรรมจะตามสนองพวกคุณทุก ๆ คน ทุก ๆ ถ้อย ทุก ๆ คำ

ขอให้ธรรมะจงปกป้องคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม ขอให้กรรมจงตามสนองผู้ก่อความรุนแรงและผู้ยั่วยุโกหกบิดเบือนให้เกิดความรุนแรงทุกคน

*********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:

-8 องค์กรสิทธิไทย ประณามเหตุ 'วรเจตน์' ถูกทำร้าย ร้องรัฐต้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน

-วรเจตน์ยันไม่ยุติบทบาททางวิชาการ นครบาลจัดกำลังคุ้มครอง
-แถวนี้แม่งเถื่อน!บุกทำร้ายวรเจตน์ถึงในธรรมศาสตร์
http://redusala.blogspot.com

แฝดนรกชกวรเจตน์อันธพาล อยากเตะนักข่าว


ตำรวจนำแฝดนรกชกวรเจตน์แถลงข่าว-จากกรณีนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิก "กลุ่มนิติราษฎร์" ถูกคนร้ายชก ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยคนร้ายมาดักรอทำร้ายร่างกาย ที่บริเวณลานจอดรถของคณะนิติศาสตร์ เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม รายงานล่าสุดระบุว่า คนร้ายที่ทำร้ายร่างกาย นายวรเจตน์ ชื่อ นายสุพจน์ ศิลารัตน์ และนายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ อายุ 30 ปี พี่น้องฝาแฝด เป็นชาว อ.ธัญญบุรี ปทุมธานี ได้เดินทางมาเพื่อให้ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) นำตัวมาแถลงข่าว ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล 

ผู้ต้องหากล่าวว่าที่ทำร้ายดร.วรเจตน์เพราะเห็นต่างทางการเมือง เกิดความไม่พอใจ ไม่ได้สังกัดไหน ไม่ได้รับจ้างใครมา

ผู้ต้องหาทั้งสองไม่มีทีท่าสะทกสะท้านหรือสำนึกผิด เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอยากพูดอะไรไหม 1 ใน 2 แฝดนรกตอบว่า"อยากเตะนักข่าว"

ส่วนพ่อของแฝดนรกบอกกับนักข่าวว่า "อ.วรเจตน์สมควรโดนแล้ว ลูกตนเป็นพวกหัวรุนแรง"

รูปของ สุพจน์ ศิลารัตน์ ในfacebookของเขา

รูปของสุพัฒน์ ศิลารัตน์ ในfacebookของเขา

จากการตรวจสอบประวัตินายสุพัฒน์ น้องชาย พบว่าเคยถูกจับในข้อหาทำร้ายร่างกาย ในท้องที่ สน.สายไหม สน.ดอนเมือง สน.ธัญญบุรี มาก่อน เนื่องจากเป็นคนมีนิสัยใจร้อน ไม่พอใจอะไรก็จะแสดงออกด้วยการชกต่อยอยู่บ่อยครั้ง
http://redusala.blogspot.com