วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อัยการร้อยเอ็ดเลื่อนนัดฟังคำสั้งฟ้อง บ.ก.ลายจุด คดี 112 เป็นปลายกันยา เหตุสอบพยานเพิ่มยังไม่แล้วเสร็จ

ภาพจาก แฟ้มภาพประชาไท

26  สิงหาคม 2558 สำนักงานอัยการจังหวัด ร้อยเอ็ด  นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ได้เข้ารายงานตัวต่ออัยการจังหวัด สืบเนื่องมาจากกรณีที่นายวิพุธ สุขประเสริฐ หรือผู้ใช้นามแฝงในโลกออนไลน์ว่า I PAD ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมบัติ ในข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
อานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ฝ่ายจำเลยได้ขอให้อัยการ สั่งให้พนักงานสอบสวนสอบพยานเพิ่มอีก 6 ปาก ได้แก่ ชาตรี ประกิตนนทการ อาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร นางประทีป อึ๊งทรงธรรม ฮาตะ อดีต สว.จากการเลือกตั้ง พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ  นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ( กสม.) นายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล เครือข่ายพลเมืองเน็ต  อัยการจังหวัดร้อยเอ็ดมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องของจำเลย และเลื่อนนัดให้สมบัติมารายงานตัวใหม่วันที่ 26 สิงหาคม 2558
อานนท์ นำภา ทนายความของสมบัติแจ้งความคืบหน้าปัจจุบัน เจ้าพนักงงานตำรวจเจ้าของคดีได้สืบพยานจำเลยเพิ่มไปแล้วเพียงสี่ปาก ยังคงเหลืออีกสองปากที่ยังไม่ได้สอบ เมื่อการสอบสวนพยานจำเลยเพิ่มเติมแล้วเสร็จ  หากมีการสอบแล้วเสร็จ  อัยการได้พิจารณาเอกสารการสอบปากคำพยานจำเลยเพิ่มแล้วจึงจะพิจารณาว่าจะส่งฟ้องศาลหรือไม่ โดยอัยการได้เลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีในวันนี้ออกไปเป็นวันที่ 29 กันยายน 2558 
โดยเหตุเกิดจากการที่ นายสมบัติได้นำภาพตัดต่อล้อเลียน กปปส. ที่ส่งต่อกันในไลน์มาโพสต์ในเฟซบุ๊ก ลักษณะภาพเป็นภาพการแถลงข่าวของ คมช. โดยมีภาพของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และภรรยาอยู่ด้านหลัง ด้านบนเป็นตราพรรคประชาธิปัตย์ ภาพดังกล่าวถูกนายวิพุธ สุขประเสริฐ ผู้แจ้งความเอาผิดได้ตีความว่าเป็นภาพตัดต่อล้อเลียนสถาบันกษัตริย์ นายวิพุธได้แจ้งความไว้เมื่อ  วันที่ 5 มกราคม 2557 และต่อมาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557 หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พฤษภาคม  2557  เป็นเวลา 18 วัน ศาลจังหวัดร้อยเอ็ดจึงได้ออกหมายจับนายสมบัติ หรือผู้เป็นรู้จักกันทั่วไปในชื่อ บ.ก.ลายจุด
สภอ.เมือง ร้อยเอ็ด ผู้รับแจ้งความเป็นเจ้าของคดี และได้ส่งฟ้องคดีดังกล่าวต่ออัยการจังหวัดเมือวันที่  22 มิถุนายน 2558

ญาติ ‘หนุ่ม ผูกคอดับ’ คาดเครียดถูกแฮกเฟซบุ๊กโพสต์เป็นมือระเบิดราชประสงค์จนถูกรุมทำร้าย


27 ส.ค.2558 ข่าวสดออนไลน์ และไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 26 ส.ค. ร.ต.ท.ประธาน วักชัยภูมิ ร้อยเวรสอบสวน สภ.คูคต รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตสาเหตุผูกคอภายในบ้าน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงรุดไปตรวจสอบร่วมกับแพทย์จากโรงบาลภูมิพล และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบ กิตติศักดิ์ มีมั่ง อายุ 36 ปี ผู้ตาย โดยใช้เก้าอี้ไม้ปีนขึ้นไปบนหลังตู้เสื้อผ้าและได้ใช้ผ้าขาวโยงกับฝ้าเพดานห้องนอนของตนเองผูกคอตาย และมีญาตินำผู้เสียชีวิตลงมานอนอยู่กับพื้นแล้ว 
จากการสอบสวน อุษา มีมั่ง อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นป้าของ กิติศักดิ์ ผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนไม่เห็นหลานลงมาทานข้าว จึงขึ้นไปตาม ก็พบว่าหลานได้ผูกคอตายแล้ว ก่อนที่หลานจะผูกคอตายนั้น เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมาหลานเล่าให้ฟังว่า ไปเล่นเฟซบุ๊กที่ร้านเกม เมื่อออกจากร้านเกม โดยลืมปิดหน้าเฟซบุ๊กของตนเอง หลังจากนั้นทราบว่าได้มีคนนำเฟซบุ๊กของตนเองไปเล่น โดยไม่รู้ว่าคนที่นำไปเล่นนั้นโพสต์อะไรไปบ้าง ตนจึงมาแจ้งความไว้ที่สภ.คูคตไว้เป็นหลักฐาน                                                         
อุษา เล่าเพิ่มเติมด้วยว่า กิติศักดิ์ ผู้ตาย ได้มาบ่นกับตนเองว่า เฟซบุ๊กของเขาโดนแฮก และคนที่แฮกนั้นก็ได้ลงรูปลงข้อความในทำนองไม่ดีๆ เกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ โดยเมื่อมีคนแฮกและลงรูป ลงข้อความ ก็ทำให้ กิติศักดิ์ ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะมีคนในโลกออนไลน์ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในทำนองด่าทอ และข่มขู่ต่างๆ นาๆ จน กิติศักดิ์ รู้สึกหวั่นกลัว ซึ่งตนเองและพี่สาวของเขาก็ได้เข้าไปช่วยลบรูปลบข้อความต่างๆ ที่ปรากฏในเฟซฯของเขา รวมทั้งเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา หลานชายได้มาบอกกับตนว่า มีผู้ชาย 3 คนคอยติดตามอยู่ตลอด จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่สภ.คูคต ไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระหว่างที่หลานชายจะไปทำงาน มีคนร้าย 2 คนขับรถมาประกบและคนร้ายได้ลงมารุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ตนจึงพาหลานชายเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.อนุสรน์ เนียมแก้ว ร้อยเวรสอบสวน สภ.คูคต ในเวลานั้นไว้เป็นหลักฐาน
โดย ร.ต.ท.อนุสรน์ ให้พาหลานชายไปหาหมอก่อน เพราะได้รับบาดเจ็บและจะสอบปากคำพร้อมกับสเกตช์ภาพคนร้ายที่มารุมทำร้ายในวันถัดไป แต่หลานชายก็มาผูกคอตายเสียก่อน การที่หลานผูกคอตายในครั้งนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับที่มีการวางระเบิดที่ราชประสงค์แต่อย่างใด แต่อาจจะเครียดเรื่องที่มีคนมานำเฟซบุ๊กของตัวเองไปโพสต์ โดยผู้ตายทำงานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านรังสิต
รวมทั้ง อัญชิษฐา พี่สาวของผู้ตาย กล่าวเสริมด้วยว่า ก่อนหน้านี้น้องชายของตนบ่นมากๆ เรื่องที่โดนแฮกเฟซบุ๊กส่วนตัว ในทำนองที่ว่า กูนี่แหละที่เป็นคนลงมือระเบิดที่แยกราชประสงค์ ซึ่งตนเองนั้นก็ได้พูดคุย และเข้าทำลบข้อความต่างๆ ในเฟซบุ๊กของน้องชาย และปิดเฟซบุ๊กไปด้วยเพื่อตัดปัญหา รวมทั้งพาน้องชายไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.คูคต ซึ่งสาเหตุน่า จะมาจากเรื่องนี้อย่างแน่นอน

กรุงเทพโพลล์เผย 1 ปี 'ประยุทธ์' นักเศรษฐศาสตร์ให้คะแนน '5.32 เต็ม 10' ผลงานเศรษฐกิจ


27 ส.ค. 2558 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือ กรุงเทพโพลล์ เผยแพร่ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ เรื่อง “ประเมินผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ (ครบ 1 ปี)” โดยระบุว่า เนื่องด้วยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ปฏิบัติงานครบ 1 ปี กรุงเทพโพลล์ ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ จึงได้ดำเนินการสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ  27  แห่ง จำนวน 59 คน เรื่อง  “ประเมินผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ (ครบ 1 ปี)” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่  17 – 25 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ประเมินผลงานการบริหารเศรษฐกิจในภาพรวมของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาโดยให้คะแนน 5.32  คะแนน (จากเต็ม 10)  ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนที่ได้ 5.62 คะแนน แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ (ได้ 4.08 คะแนน)  และสูงกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ (ได้ 5.12 คะแนน)  โดยการประเมินครั้งนี้  รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้คะแนนมากที่สุดในด้านการบริหารจัดการค่าเงินบาท/เสถียรภาพค่าเงินบาท (5.98 คะแนน)  และได้คะแนนน้อยที่สุดในด้านการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวม (GDP) (4.57 คะแนน) 
 
สำหรับการประเมินผลงานนายกรัฐมนตรีโดยภาพรวม พบว่า  พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ได้คะแนน 6.42 คะแนน (จากเต็ม 10) ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนที่ได้ 6.62 คะแนน  
 
ในส่วนของผลงานรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ พบว่า กอบกาญจน์  วัฒนวรางกูร  รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรัฐมนตรีที่ได้คะแนนสูงสุด 6.12 คะแนน และเป็นรัฐมนตรีเพียงคนเดียวในทีมเศรษฐกิจที่คะแนนเพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนที่ได้ 5.83 คะแนน ขณะที่มีรัฐมนตรีที่ได้คะแนนน้อยกว่าครึ่งจำนวน 4 คนได้แก่ พล.อ.อ.ประจิน  จั่นตอง  รมว.คมนาคม (ได้ 4.91 คะแนน) พล.อ. สุรศักดิ์  กาญจนรัตน์  รมว.แรงงาน (ได้ 4.80 คะแนน) ปีติพงศ์  พี่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ (ได้ 4.64 คะแนน) ขณะที่ พล.อ. ฉัตรชัย  สาริกัลป์ยะ  รมว.พาณิชย์ (ได้ 4.52 คะแนน) ได้คะแนนต่ำสุด
 
สำหรับ ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นักเศรษฐศาสตร์ประเมินให้คะแนนผลงานสูงสุดเท่ากับ 7.05 คะแนน ซึ่งปรับลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ได้ 7.54 
 
รายละเอียดในการสำรวจ
 
วัตถุประสงค์
1.     เพื่อสะท้อนความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่มีต่อผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
2.     เพื่อเป็นข้อมูลสะท้อนให้รัฐบาลได้รับทราบและนำไปใช้ประกอบการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล 
กลุ่มตัวอย่าง
เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์ (กรณีสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เฉพาะปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือปริญญาเอก  อย่างใดอย่างหนึ่งจะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานด้านวิเคราะห์/วิจัย/หรืองานที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 5 ปีจนถึงปัจจุบัน) ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์  วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ จำนวน 27  แห่ง  ได้แก่  ธนาคารแห่งประเทศไทย  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง  สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม  สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร  สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์  สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI)  มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง  ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย  ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย  ธนาคารธนชาต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  ธนาคารไทยพาณิชย์  บริษัทหลักทรัพย์ภัทร บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย  บริษัททิพยประกันชีวิต คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร  สำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ  คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะพัฒนาการเศรษฐกิจสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ และคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ   
วิธีการรวบรวมข้อมูล
การสำรวจนี้เป็นการวิจัยโดยการเลือกตัวอย่างประชากรโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็น (Non-probability sampling) แต่ละหน่วยตัวอย่างที่จะได้รับการเลือก จึงเป็นการเลือกตัวอย่างประชากรแบบเจาะจง (Purposive sampling) และดำเนินการรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานชั้นนำภายในระยะเวลาที่กำหนด
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล           :  17 – 25 สิงหาคม 2558
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ                 :  27 สิงหาคม 2558

คสช.เตือนประชาชนรับฟังสื่อวิเคราะห์เหตุระเบิดอาจคลาดเคลื่อน-ต้องฟังราชการเท่านั้น


ศูนย์ติตดามสถานการณ์ คสช. แถลงว่าได้ติดต่อครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุระเบิดแยกราชประสงค์รวม 20 ราย เพื่อขอรับความช่วยเหลือแล้ว พร้อมเตือน ปชช. รับฟังสื่อ-นักวิเคราะห์ไทยเทศ อาจมีการชี้นำและคาดเคลื่อน เพราะสืบค้นเอง แหล่งอ้างอิงไม่ครบ จึงต้องติดตามข้อมูลจากทางราชการเท่านั้น
27 ส.ค. 2558 - เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ ศูนย์ติดตามสถานการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. แถลงความคืบหน้าปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภายหลังเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์-สาทร โดยมี ร.ต.หญิง ปริยา เนตรวิเชียร แถลงเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนพงศ์พิสุทธิ์ วงศ์วีรสิน แถลงเป็นภาษาจีน (รับชมคลิปทาง ThaiPBS)
พ.อ.วินธัย อ้างว่าเป็นที่น่ายินดีว่าองค์การท่องเที่ยวโลก ได้ออกมาแสดงความชื่นชมรัฐบาลและภาคเอกชนของไทยที่สามารถจัดการต่อปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังคงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวเช่นเดิม
ด้านการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ สำหรับในด้านการสืบสวนทางคดี พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ขอยืนยันว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด และด้วยสาเหตุใด เนื่องจากต้องการให้การสืบสวนครอบคลุมในทุกมิติ
ส่วนการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่เสียชีวิต เมื่อวานนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดให้มีการประชุมหารือกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาปรับอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกับเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ให้มีความเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันยิ่งขึ้น โดยในชั้นต้นที่ประชุมมีมติให้นำข้อมูลอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากหลายๆ ประเทศมาประกอบการพิจารณา
โดยยึดหลักการสำคัญคือ ต้องให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติของผู้เสียชีวิตอย่างเหมาะสมและรวดเร็วภายใต้กรอบของกฎหมาย ทั้งนี้ ที่ประชุมกำหนดให้มีการหารือกันอีกครั้ง ในวันศุกร์นี้ (28 ส.ค.)
สำหรับผลความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือผู้เสียชีวิตจำนวน 20 รายนั้น ปัจจุบันมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือจำนวน 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรุงเทพมหานคร มูลนิธิสิริวัฒนภักดี สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว และเงินพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 20 ราย ได้รับการติดต่อเพื่อมาขอรับเงินตามสิทธิที่กำหนดเรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบันประชาชนยังคงให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สื่อมวลชนและนักวิเคราะห์ทั้งในและต่างประเทศได้ออกมาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ในหลายมุมมอง รวมถึงจัดทำสื่อเผยแพร่ในลักษณะของแผนผังหรือคลิปวีดีโอเหตุการณ์จำลอง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าว มักถูกจัดทำขึ้นบนพื้นฐานความคิดเห็นส่วนบุคคลและการสืบค้นข้อมูลด้วยตนเอง ซึ่งอาจมีแหล่งอ้างอิงไม่ครบถ้วน ก่อให้เกิดการชี้นำหรือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลที่ถูกเผยแพร่โดยหน่วยงานของทางราชการเท่านั้น พ.อ.วินธัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้เนื้อหาการแถลงของ คสช. วันนี้ เกิดขึ้นหลังจากสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ต่างๆ นำเสนอข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ รวมทั้งหลักฐานที่พบจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ โดยเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ไดจัดเสวนาหัวข้อ "ระเบิดในกรุงเทพฯ: ที่จริงแล้วเรารู้อะไรบ้าง" (The Bangkok Bombing: What do we really know?) โดยเชิญแอนโทนี เดวิส นักวิเคราะห์ประจำประเทศไทยของนิตยสาร IHS Jane's Intelligence Review
โดยแอนโทนี่ ให้ความสนใจกับรูปแบบของระเบิดที่ใช้ ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบอุตสาหกรรม (industrial type) คือใช้เทคโนโลยีสูง และเทคนิคที่ใช้ไม่ได้เป็นแบบภาคใต้ และเขาให้ความสนใจกับกลุ่ม "Grey Wolves" ซึ่งเป็นกลุ่มเชื้อชาติเติร์กนิยมสุดโต่ง และเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงในหลายประเทศ และมีบทบาทสนับสนุนการโจมตีสถานทูตไทยในตุรกีหลังเหตุการณ์ส่งกลับชาวอุยกูร์ไปประเทศจีน

ศาลแพ่ง ส่งประเด็นสืบพยานคดีพลทหารสมชาย ถูกซ้อมทรมานตาย ไปศาล จ.เชียงใหม่

27 ส.ค.2558 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (Cross Cultural Foundation - CrCF) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลา 09.00 น ศาลแพ่ง รัชดา นัดสืบโจทก์ในคดี พ.289/2558 ซึ่งเป็นคดีระหว่าง สายสุดา ศรีเอื้องดอย มารดาผู้ตายคือพลทหารสมชาย ศรีเอื้องดอย โจทก์  กับ กระทรวงกลาโหม จำเลยที่ 1  กองทัพบก จำเลยที่ 2 และ สำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 3 ในข้อหา ละเมิดเรียกค่าเสียหาย โดยการสืบพยานฝ่ายโจทก์ในวันดังกล่าว เป็นการสืบพยานฝ่ายโจทก์ผู้ฟ้องคดี 3 ปาก มี สายสุดา ศรีเอื้องดอยมารดาผู้ตาย ซึ่งสืบพยานผ่านล่ามภาษาปกากะญอ  ชไมพร ศรีเอื้องดอย พี่สาวของผู้ตาย และ นิตยา หว่างไพบูลย์  ทนายความ โดยคดีนี้สภาทนายความและสถาบันพัฒนานักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เป็นผู้จัดหาทนายความให้ความช่วยเหลือทางคดีแก่ สายสุดาและครอบครัว
หลังจากที่ศาลฟังการสืบพยานฝ่ายโจทก์แล้ว  ศาลแพ่งได้ส่งประเด็นไปสืบโจทก์และจำเลยต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 8, 9 และ11 ธ.ค. 2558
สำหรับข้อเท็จจริงคดีนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21-23 ม.ค. 57 ผู้ตายชื่อพลทหารสมชาย ศรีเอื้องดอย อายุ 20 ปีเศษ เป็นทหารประจำค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่ ถูกซ้อมทรมานโดยเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย ลงโทษด้วยการใช้ปี๊บคลุมศีรษะ ใช้อาวุธตีที่ศีรษะ แผ่นหลัง หน้าอก จำนวน 20 ครั้ง หลังจากนั้นพลทหารสมชาย ฯ ได้แจ้งให้มารดาทราบว่าตนถูกซ้อมทรมาน จนกระทั่งต่อมาวันที่ 28 ม.ค. 57 พลทหารสมชายถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ ด้วยอาการไอ เจ็บคอ มีอาการเหนื่อย หอบ และเหงื่อแตก เจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลกาวิละ ตรวจสอบอาการแล้ว เห็นว่ามีอาการหนัก เข้าใจมีอาการติดเชื้อ จึงส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเทพปัญญา จังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งพลทหารสมชาย ฯ ถึงแก่กรรมลงเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 57 เวลา 10.40 น.
โดย แพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ ผลการชันสูตรพลิกศพ ระบุว่า ร่างกายไม่มีบาดแผล สาเหตุการตาย ติดเชื้อไข้หวัดนก ปอดอักเสบ ในระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลเทพปัญญา จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า มีคนไข้ติดเชื้อไข้หวัด จำนวน 20 ราย แต่มีพลทหารสมชาย ฯ เสียชีวิตเพียงผู้เดียว โดยก่อนหน้าที่พลทหารสมชายฯ มีสุขภาพร่างกาย แข็งแรง หากไม่ถูกซ้อมทรมาน จนเป็นเหตุให้ร่างกายอ่อนเพลียจนร่างกายติดเชื้อ เป็นผลโดยตรงจากการถูกซ้อมทรมาน

จำคุก 3 พิธีกรสายล่อฟ้า 1 ปี-ปรับ 5 หมื่น รอลงอาญา คดีหมิ่นยิ่งลักษณ์ กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์


สั่งจำคุกสามพิธีกร “สายล่อฟ้า” 1 ปี พร้อมปรับ 5 หมื่นบาท รอลงอาญา 2 ปี คดีหมิ่นประมาทยิ่งลักษณ์ กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ 
27 ส.ค. 2558 มติชนออนไลน์ รายงานว่า ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 1 ปี พร้อมปรับ 5 หมื่นบาท 3 พิธีกร “สายล่อฟ้า” ในคดีหมิ่นประมาท ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
คดีนี้อัยการยื่นฟ้อง นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต นายเทพไท เสนพงศ์ และ นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงานตามหน้าที่ กรณีร่วมกันจัดรายการ “สายล่อฟ้า” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย เมื่อวันที่ 10 และ 15 กุมภาพันธ์ 2555 มีเนื้อหาทำนองใส่ความนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นว่าโดดภารกิจการประชุมของรัฐสภา ทำภารกิจ ว.5 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
ศาลพิจารณาจากถ้อยคำของจำเลยทั้งสามคน เห็นว่ามีเจตนาให้ผู้ชมรายการเข้าใจว่านางสาวยิ่งลักษณ์ หนีการประชุมรัฐสภา ไปทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น เป็นการใส่ความทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง มีความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ไม่ใช่การตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหรือติชมด้วยความเป็นธรรม ตามที่จำเลยกล่าวอ้าง พิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสามคน คนละ 1 ปี พร้อมปรับ 5 หมื่นบาท แต่จำเลยทั้งสามคนไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญา 2 ปี และให้ยึดเทปรายการดังกล่าวมาทำลาย และลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ ติดต่อกัน 7 วัน
ส่วนความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงานตามหน้าที่ พยานหลักฐานยังมีข้อสงสัย จึงยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย
นอกจากคดีนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนายชวนนท์ ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณี ว5 โฟร์ซีซั่นอีก 1 คดี ซึ่งศาลได้พิพากษายกฟ้อง ไปเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา

ตำรวจสั่งห้ามชาวบ้านฉายคลิป เปิดแผลปิโตรเลียมอีสาน อ้างต้องขออนุญาตก่อน


เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสั่งห้ามชาวบ้าน กลุ่มรักษ์สิ่งแวล้อม ต.หนองใหญ่ จ.กาฬสินธุ์ ฉายคลิปรายการเปิดปม ตอนเปิดแผลปิโตรเลียมอีสาน อ้างต้องขออนุญาตอำเภอก่อน ด้านอำเภอบอกให้ไปขอ TPBS แล้วเอามายื่นกับอำเภอ
27 ส.ค. 2558 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อวันที่  24 ส.ค. 2558 ประชาชนกลุ่มรักษ์สิ่งแวล้อม ต.หนองใหญ่ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ เดินทางไปยื่นหนังสือ ณ ที่ว่าการอำเภอหนองกุงศรี เพื่อขออนุญาตฉายคลิปรายการเปิดปม ตอน เปิดแผลปิโตรเลียมอีสาน หลังจากคืนวันที่ 23 ส.ค. 2558 ระหว่างที่ กลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม ต.หนองใหญ่ กำลังฉายคลิปดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้หยุดฉาย โดยอ้างว่าอาจผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ให้ขออนุญาตจากทางอำเภอก่อน
ทั้งนี้วันที่ 23 ส.ค. 2558 ประมาณ 21.00 น. กลุ่มรักษ์สิ่งแวล้อม ต.หนองใหญ่ ได้ฉายคลิปวิดีโอรายการเปิดปม ตอน เปิดแผลปิโตรเลียมอีสาน ออกอากาศทางช่องไทยพีบีเอส เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2558 มีเนื้อหาเกี่ยวกับผลกระทบจากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้ข้อมูลกับชาวบ้านหนองไม้ตาย ต.โคกเครือ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ประมาณ 20 คน ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบประมาณ 8-9 นาย จาก สภ.หนองกุงศรี และ สภ.ห้วยเม็ก อ้างว่า มีผู้แจ้งว่ามีการฉายคลิปผลกระทบจากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ขอให้ตำรวจเข้ามาดำเนินการ
ตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่า คลิปข่าวที่เอามาเปิดนั้นผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ก่อนถามว่าที่ชาวบ้านเอาคลิปข่าวมาเปิดนั้น  ได้รับอนุญาตการฉายมาจากไหน ต้องไปขออนุญาตจากอำเภอก่อนเอามาฉาย เพราะไม่รู้ว่าข้อมูลที่อยู่ในคลิปข่าวจะจริงหรือเท็จ และได้ขอให้หยุดฉายคลิปดังกล่าว ซึ่งกลุ่มรักษ์สิ่งแวล้อม ต.หนองใหญ่ ก็ไม่ได้ฉายคลิปรายการเปิดปมต่อ
รายการเปิดปม ตอนเปิดแผลปิโตรเลียมอีสาน ออกอากาศทางช่อง TPBS เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2558
ต่อมา เช้าวันที่ 24 ส.ค. 2558 กลุ่มรักษ์สิ่งแวล้อม ต.หนองใหญ่ เดินทางไปยื่นหนังสือ ณ ที่ว่าอำเภอหนองกุงศรี เพื่อขออนุญาตฉายคลิปรายการเปิดปม  ตอน เปิดแผลปิโตรเลียมอีสาน แต่ทางอำเภอแจ้งกับชาวบ้านด้วยวาจา ให้ชาวบ้านไปขออนุญาตจากทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสก่อนแล้วค่อยมายื่นกับอำเภอ
ด้านประชาชนกลุ่มรักษ์สิ่งแวล้อม ต.หนองใหญ่ ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการฉายคลิปรายการของช่องไทยพีบีเอส ที่ดาวน์โหลดมาจาก YouTube  ว่าสิ่งที่ดาวน์โหลดมา คือข่าวที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ให้ข้อมูลด้านผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมจากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ทางกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงดาวน์โหลดมา เพื่อเดินสายเปิดฉาย ให้ความรู้และข้อมูลอีกด้านหนึ่งกับชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้กับหลุมขุด เจาะ  ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่จึงต้องให้ไปขออนุญาตฉายจากอำเภอ ทั้งที่เป็นข้อมูลข่าวสาร และสงสัยว่าการเอาคลิปรายการที่ดาวน์โหลดมาเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชนจาก YouTube จะกระทบลิขสิทธิ์ของคลิปหรือไม่
ขณะที่ก่อนหน้า ในค่ำวันที่  19 ส.ค. 2558 มีเจ้าหน้าที่ 3 คน เดินทางมาถามหาแกนนำของกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม  ต.หนองใหญ่ ที่บ้านพักแต่ไม่พบเจ้าของบ้าน มีแค่ภรรยากับลูก และไม่ทราบว่าเจ้าของบ้านไปไหน เจ้าหน้าที่จึงขอชื่อ บ้านเลขที่ รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของบ้านและภรรยาไว้ด้วย
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ มาตรา 32 ระบุว่า การกระทําแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่ขัดต่อการแสวงหา ประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบ กระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง การกระทําอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง มิให้ถือว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทําดังต่อไปนี้
(1) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทําเพื่อหากําไร
(2) ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท
(3) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนําผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(5) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
(6) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอน เพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
(7) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันศึกษา เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร
(8) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
(9) ทำซ้ำ หรือดัดแปลง เพื่อประโยชน์ของคนพิการที่ไม่สามารถเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์อันเนื่องมา จากความบกพร่องทางการเห็น การได้ยิน สติปัญญา หรือการเรียนรู้ หรือความบกพร่องอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร ทั้งนี้ รูปแบบของการทำซ้ำหรือดัดแปลงตามความจำเป็นของคนพิการ และองค์กรผู้จัดทำ รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการเพื่อทำซ้ำหรือดัดแปลงให้เป็นไปตามที่ รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา