ลึกแต่ไม่ลับ
ไม่ลับ แต่คนไทยคิดไม่ทัน
คิดไม่ทัน เลยกลายเป็นเสี้ยนหนามตำหัวใจรัฐบาล (ชุดนี้) อย่างไม่มีทางเลี่ยง นั้นก็คือการไต่สวนที่ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 5-6 กรกฎาคม 2555 รวม 2 วัน เป็นการ “นำตัวผู้ต้องหา” ขึ้นศาลในข้อหาการ ใช้มาตรา 291แก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการ ล้มล้างระบอบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุข ?!
เป็นเล่ห์เหลี่ยมของพวกอำมาตย์ชั่วที่จะพากัน “ลาก” รัฐบาลขึ้นศาลให้ได้
เรื่องนี้นะ..มันไม่ลึกลับอะไร แต่มันลึกลับอย่างยิ่ง นั้นก็คือได้มีการกล่าวหา พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ว่าเป็นภัยต่อสถาบัน ไฝ่อยากเป็นประธานาธิบดี แล้วก็ได้กล่าวหาเลยไปถึงคนเสื้อแดงทั้งหมดว่าเป็นพวกที่ไม่จงรักภักดี ด้วยการตั้งข้อหาตาม “ภาษาตลาด” ว่าเป็นพวกล้มเจ้า
ข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นการกล่าวหา “นอกระบบศาล” ไม่มีโจทย์เป็นตัวเป็นตน
ไม่มีผู้ใดตกเป็นผู้ต้องหา “ล้มเจ้า” ในกระบวนการกฎหมายที่จะเอาตัวเข้าคุกได้
คนที่ติดคุกทั้งหลายที่กำลังได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ในเรือนจำ ณ เวลานี้เป็นการถูกจองจำในข้อหา ”หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับกระบวนการล้มเจ้า
ดังนั้น ข้อหา “ล้มเจ้า” ทั้งหมด จึงเป็นเพียงการกล่าวร้ายป้ายสี อันเป็นการพูดจาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่คณะบุคคลฝ่ายตรงกันข้ามที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองเพียงด้านเดียวเท่านั้น
กล่าวหาแล้วก็เอาเข้าคุกไม่ได้
พวกเขาจึงคิดหาหนทางใหม่ที่จะกล่าวหาแล้วเอาตัวขึ้นศาล
พยายามและแสวงหาหนทางเพื่อจะทำให้เป็น “จำเลย” ตามตัวบทกฎหมายให้ได้
พวกอำมาตย์ชั่วจึงได้ยกระดับข้อกลาวหาด้วยการถือโอกาส “ใช้วาระแก้รัฐธรรมนูญ” เอามาเป็นจุดแข็งให้แก่พรรคประชาธิปัตย์เอาไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยข้อหาว่ารัฐบาลกำลังกระทำการอันเป็นอันตรายต่อระบอบการปกครอง จึงกล่าวหาว่าการขอแก้รัฐธรรมนูญ (ทั้งฉบับ) เป็นการล้มล้างระบอบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุข
แปลความโดยตรงแปลได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังตั้งข้อหากล่าวโทษรัฐบาลด้วยการกล่าวหาว่าจะล้มล้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 รวมไปถึงการข้อกล่าวหาที่หนักและน่าสยดสยองขึ้นไปอีกว่ารัฐบาลกำลังจะล้มล้าง “ระบอบการปกครองแบบกษัตริย์” โดยจะอาศัยรัฐธรรมนูญฉบบใหม่เป็นเครื่องมือ “ล้มล้างการปกครอง” แบบปัจจุบันไปสู่ระบอบอื่น
ความพยายามของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความสมหวัง
สมหวัง...เพราะสามารถนำตัว “จำเลย” ขึ้นศาลได้สำเร็จ
ความสำเร็จในครั้งนี้ จะเป็นปมเงื่อนให้พวกอำมาตย์ชั่วและพรรคประชาธิปัตย์สามารถใช้เป็นเครื่องมือกล่าวโจมตรีให้พลพรรคคนเสื้อแดงได้รับความเสียหายทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นหากปรากฏว่าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 ที่จะถึงนี้ เกิดชี้ขาดอันเป็นคุณแก่ผู้ร้อง (โจทย์)แล้วละก็.. ก็จะทำให้ผู้ถูกร้อง (จำเลย) ตกเป็นเบี้ยล่างในทุกด้าน
จะเป็นเบี้ยล่างให้ถูกตามกระทืบให้ยุบพรรคเพื่อไทยขนาดนั้น
นี้เป็นความแยบยลที่ฝ่ายอำมาตย์ชั่วสามารถปั้นน้ำเป็นตัวได้สำเร็จอย่างไมน่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้วมันเป็นไปตามเส้นทางของความเพียรพยายามที่จะบ่อนทำลาย พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ให้ย่อยยับ รวมไปถึงการบ่อนทำลายคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินให้พังจากความแข็งแกร่ง
ความจริงแล้ว ไม่ใช่แต่พวกอำมาตย์ชั่วและพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่พากันทำแบบนี้ ยังมีองค์กรอื่นอีกหลายหน่วยงาน ต่างพากัน “รุมฟ้อง” รุมรับเรื่องเป็นปี่เป็นขลุ่ย และสุดท้ายก็รุมซักถามแบบจะเอาให้ตกเป็นผู้ต้องหาในข้อ “ล้มล้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ให้จงได้
ท่านครับ ...ผมผู้เขียน (สอาด จันทร์ดี) เป็นพสกนิกรของพระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลปัจจุบัน คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 กระผมใช้สติปัญญาพิจารณาไตร่ตรองการใช้ถ้อยคำฟ้องร้องรัฐบาล ที่ไม่ได้เอ่ยพระนามของพระองค์ท่านก็ตาม
แต่ความหมายของคำว่า “ระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุข” หมายถึงพระจ้าแผ่นดินของพวกเราชาวไทยอย่างแน่นอน
จึงไม่ต้องตีความให้ลำบาก หากแต่ความหมายที่แท้จริงหมายถึงการล้มล้างองค์พระมหากษัตริย์ ให้หมดไปจากประเทศไทย ผมรู้สึกร้อนลึกเข้าไปในหัวใจ ถึงขั้นต้องรำพันว่า..มันช่างร้ายเหลือ...?!
ด้วยเหตุนี้ผมจึงว่า ลึกแต่ไม่ลับ
ในเวลาเดียวกันผมก็ว่า “ไม่ลับแต่คิดไม่ทัน”
แล้วผมก็ขอพูดจาต่อไปว่า “คิดไม่ทันเพราะคิดไม่เป็น” ?
เหตุที่คิดไม่เป็นเพราะไปหลงเชื่อว่าพวกอำมาตย์ (ชั่ว) เลิกอาฆาต...เลิกพยาบาท แล้วก็คิดไปเองว่าพวกเขาจะเมตตาปราณีคนเสื้อแดง จะยินยอมให้ประชาชนได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
แท้ที่จริงหาใช่ไม่..?!
ความจริงก็คือพวกอำมาตย์ชั่วยังคงมองหาหนทางเอาทักษิณและคนเสื้อแดงขึ้นสู่หลักประหารโดยจะอาศัยกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญเป็นด่านที่ 1 ซึ่งดูไม่ออกว่าด่านที่ 2 จะเป็นอย่างไร ? จะเป็นหมู่หรือจ่า ไม่อาจเดาได้เลย?!
รู้แต่ว่า สันดานอำมาตย์ชั่วไม่ยอมเปลี่ยน
ถ้าไม่ตายไปข้างหนึ่ง คงไม่เลิก...เข้าใจว่าจะเป็นอย่างนั้น ?!
“สอาด จันทร์ดี”
|