วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

“พานทองแท้” FB ผุดโครงการประกวด "Smart Copy" (โครงการประกวด ป.ช.ป.)


“พานทองแท้” FB ผุดโครงการประกวด "Smart Copy" (โครงการประกวด ป.ช.ป.)

         วันที่ 24 กันยายน 2556 (go6TV) – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว https://www.facebook.com/oakpanthongtae โดยมีเนื้อหาดังนี้




           เพื่อให้พี่น้องประชาชน ได้มีการเรียนรู้"การลอกเลียนแบบ" โดยไม่ต้องรอไปจนถึงปี 2020 "พานทองแท้" จึงขอเสนอโครงการประกวด "Smart Copy" ครับ

          เรียกเป็นภาษาไทยว่า โครงการประกวด " ประชาชน ชอบ ปลอมแปลง" หรือเรียกย่อๆว่า โครงการประกวด "ป.ช.ป."

          โลโก้ที่ใช้ในการประกวด ก็ตามรูปที่โพสต์ให้ดูนี้เลยครับ ทีมผู้จัดทำขอยืนยันว่า เป็นโลโก้ที่ ทีมกร...เอ๊ยย..!! ทีมโอ๊ค คิดไว้เองตั้งแต่ปี53แล้ว ไม่ได้ไปก๊อปโลโก้ใครเขามา เขาต่างหากที่ก๊อปปี้ของเราไป

          และทีมงานที่นำเสนอโครงการ "สมาร์ทก๊อปปี้" นี้ ก็ได้ยอมรับแบบลูกผู้ชายแล้วว่า "คิดเองไม่เป็น" ครับ จึงได้เลียนแบบ โครงการดีๆของนายกฯปู สำหรับผู้หญิงไทยที่ชื่อโครงการ "Smart Lady" แต่ไม่ทราบว่ามีคนอิจฉา หรือไม่พอใจอะไร จึงนำไปพูดจาแบบดูถูกหญิงไทยว่าเป็นอีโง่ ถ้างั้นก็เอาโครงการ "Smart Copy" ไปแทน น่าจะเหมาะสมและถูกใจกว่า จะได้ไม่มากระแนะกระแหนกันอีกครับ

            ถือเสียว่าโครงการนี้เป็น "โครงการเงา" ก็แล้วกันครับ เดี๋ยวนี้จะทำอะไรให้คนสนใจ ถ้าไม่มีปัญญาคิดเอง ก็เป็นเงาของคนอื่นก็ยังดี มีหมดแล้วทั้ง รมต.เงา, ครม.เงา, รถไฟเงา, ปี2020ยิ่งกว่าเงาเสียอีก เหมือนกันเด๊ะ แถมโครงการยังเสร็จพร้อมกันปีเดียวกันเสียด้วย เฮ้อออ..!! บังเอิญครับ บังเอิญจริงๆ

            คนที่เลียนแบบคนอื่นจนเป็นนิสัย จะเลียนแบบโครงการอะไรของใคร ก็ดูง่ายดูเนียน และมักจะคิดไปเองว่าของตนนั้น ดูดีกว่าของต้นตำรับเสมอครับ

            เลียนแบบไป ก็ตำหนิไป, ไอ้โน่นไม่ดี แบบนี้ดีกว่า, ของเธอไม่ดี ของชั้นเจ๋งกว่า, เมื่อไหร่ที่ของหล่อนดีกว่า แปลว่าโครงการนี้เดี๊ยนคิดมาก่อน ถ้าแพ้เขาทุกประตู สู้เขาไม่ได้เลย ก็ใช้ท่าไม้ตาย ด่าเขาว่าโง่ไปเลย แปลว่าฉันฉลาดเลิศแล้ว ฉันย่อมชนะทุกสิ่งทุกคน ทำได้แค่นี้ก็ถือว่าเก่งในสังคมสลิ่ม สามารถอยู่คู่ฟ้าเมืองไทย ไปได้หลายสิบปีแล้ว คนประเภทนี้ถ้าเข้าประกวด ป.ช.ป. ด้วย รับรองชนะเลิศครับ

          สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมประกวดครั้งนี้ คอยติดตามกฏกติกาบนหน้าเพจนี้นะครับ เดี๋ยวพอทีมงานเตรียมโครงการเสร็จ ก็จะโพสต์ให้ทุกท่านได้ทราบ เราจะได้ร่วมสนุกกัน


โชคดีทุกท่านครับ


เครดิตรูป : เพจแนวร่วมทวงคืนเทือกเขาอัลไต www.facebook.com/altayparty

"ทักษิณ" FB เยือนสิงคโปร์ พบผู้นำอาเซียน


"ทักษิณ" FB เยือนสิงคโปร์ พบผู้นำอาเซียน
วันที่ 24 กันยายน 2556 (go6TV) – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว https://www.facebook.com/thaksinofficial โดยมีข้อความดังนี้



          24 กันยายน 2556 อีกไม่กี่วัน ก็สิ้นปีงบประมาณ มีข้าราชการเกษียณอายุกันหลายคน แต่ผมก็พ้นวัยเกษียณมา 4 ปีแล้ว ก็เข้าใจคนเกษียณดีเพราะปัจจุบันการแพทย์และโภชนาการทำให้คนอายุยืนและแข็งแรง บางคนก็อาจจะมีความปรารถนาที่จะได้รับใช้บ้านเมือง รับใช้สังคมต่อในแนวทางต่างๆกันไป

          ผมอยากเห็นคนที่มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ได้แบ่งปันเวลาถ่ายทอดให้คนรุ่นหลัง ไม่ว่าจะวงแคบๆคือลูกหลานตนเอง หรือสอนหนังสือบรรยายในโอกาสต่างๆ หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับภาคเอกชนหรือภาครัฐบ้าง ถ้าชอบการเมืองก็มาทำงานให้บ้านเมืองในอีกรูปแบบหนึ่ง และให้เวลาดูแลสุขภาพตัวเองมากๆนะครับ เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดคือ การมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีนะครับ

          หายไปหลายวัน ก็ขอเล่าเรื่องที่หายไปให้ฟังว่า ผมไปทำอะไรบ้าง เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ได้พบกับท่านผู้บริหารระดับสูงของประเทศอินเดีย เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและเพิ่มความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย และอาเซียน-อินเดียครับ ตอนนี้อินเดียผลิตข้าวได้เกินการบริโภคภายในมากถึง 10 ล้านตันที่จะต้องส่งออก เราเองก็ผลิตข้าวมากขึ้น เวียดนามก็ผลิตได้มากขึ้น จึงทำข้าวล้นตลาด ถ้าขืนแย่งกันขาย ชาวนาทั้ง 3 ประเทศคงลำบาก ก็คงต้องพูดคุยกันว่าขายอย่างไร ที่ราคาข้าวตลาดโลกจะไม่ตกต่ำจนเกินไป นอกจากนั้นทางอินเดียก็ยังอยากเห็นถนนเชื่อมโยงอินเดียมาไทยผ่านพม่า เหมือนกับที่จีนเชื่อมเข้าไทยโดยรถยนต์ผ่านลาว ซึ่งตอนนี้แถวเชียงใหม่ก็จะมีคนจีนขับรถมาเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆครับ

           เมื่อวันที่ 22 ที่ผ่านมา ผมก็ได้รับเชิญให้ไปดูการแข่งขันรถ Formula-1 ที่ประเทศสิงคโปร์ ก็ได้มีโอกาสพบกับประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ Sultan Bolkiah พระราชาธิบดีแห่งบรูไน เจ้าชาย Andrew แห่งประเทศอังกฤษ และ Aung San Suu Kyi จากเมียนมาร์ ก็ได้มีโอกาสทักทายพูดคุยกัน ถามทุกข์ถามสุขกัน นอกจากนี้ยังได้พบกับรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีของสิงคโปร์ นักธุรกิจรุ่นเก่าที่เคยรู้จักกันของสิงคโปร์ รวมทั้งพลเอก Fidel Ramos อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ครับ

          ที่เล่ามายืดยาวก็เพราะอยากตั้งคำถามว่า ไทยควรจะจัดให้มีการแข่งขันรถ Formula-1 หรือไม่ เราจะได้ประโยชน์คุ้มค่าเงินที่ลงทุนหรือไม่ รัฐหรือเอกชน ใครควรทำและรัฐควรสนับสนุนแค่ไหน ประโยชน์ที่ว่าคงจะไม่ใช่เฉพาะรายได้โดยตรงเพียงอย่างเดียว แต่รวมทั้งภาพพจน์ประเทศ และการท่องเที่ยว เป็นต้น และเราควรจะลงทุนแค่ไหน เพราะที่สิงคโปร์เขาใช้ถนนปกติเป็นที่แข่งขัน โดยการปิดถนนส่วนใหญ่แทนการสร้างทั้งหมด แต่บางแห่งก็สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะเช่นที่ The Marina Bay Street Circuit เป็นต้น ที่พูดมาเพียงเล่าให้ฟัง ไม่ได้บอกว่าผมเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนะครับ

"พานทองแท้" FB แฉประชาธิปัตย์ ก็อปปี้โลโก้ไทยแลนด์ 2020


"พานทองแท้" FB แฉประชาธิปัตย์ ก็อปปี้โลโก้ไทยแลนด์ 2020

         วันที่ 24 กันยายน 2556 (go6TV) – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว https://www.facebook.com/oakpanthongtae โดยมีเนื้อหาดังนี้







ปลามังกรณ์ กินเบ็ดอีกแล้วคร๊าบบ พี่น้อง..!!

            คราวนี้เป็นการกินเบ็ด ในโครงการ"สร้างอนาคตไทย2020" ของรัฐบาล ซึ่ง "พานทองแท้" พึ่งโพสไปเมื่อวานนี้ ถึงความคลาสสิคของการค้านในสไตล์พรรคประชาธิปัตย์ ที่เริ่มจาก การโจมตีไม่เห็นด้วยกับโครงการฯ เมื่อไม่สำเร็จก็ทำเป็นเห็นด้วยแบบสร้างเงื่อนไข และในที่สุดเมื่อไม่สำเร็จอีกก็พลิกกลับมาเป็น "ประชาธิปัตย์ เป็นคนริเริ่มโครงการฯนี้มาก่อน" หาคะแนนตีกินกันง่ายๆแบบนี้ก็เอา..เฮ้ออ..!!

         ปลากินเบ็ดครั้งนี้ ติดมากันเป็นพวง ยังกับตกเบ็ดราวเลยครับ นั่งแถลงข่าวกันยกแผง พร้อมกับโลโก้โครงการที่อ้างโดยใช้มุกเดิมๆ ว่าพรรคประชาธิปัตย์คิดมาก่อน พรรคเพื่อไทยเลียนแบบ แต่ทีมงานดันก๊อบปี้ อาร์ตเวิร์คตรงตัวเลข 2020 มาทั้งดุ้น สีก็ยังใช้สีโทนเดียวกับพรรคฯเพื่อไทยอีก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ลงทุนกันเล๊ยยย..!!

         พอโดนทีมเพื่อนโอ๊คสะกิดในเฟสบุ๊ค เปรียบเทียบรูปให้ดูว่าลอกการบ้านกันเห็นๆ ดิ้นพล่านกันทั้งพรรคฯเลยครับ ตอนแรกสายข่าวรายงานว่า เอ็ดตะโรกันพรรคฯแทบแตกประมาณว่า นโยบายคล้ายกันยังพอตะแบงไปได้ แต่โลโก้ดันไปลอกเขามาทั้งดุ้นจะแก้ตัวอย่างไร เท่านั้นหละ ไปกันคนละทิศละทางเลยครับ

          นายกรณ์ รองหัวหน้าพรรคฯจอมเนียน (ฉายานี้ได้มาตั้งแต่บุกไปหมู่บ้านเสื้อแดง แล้วบอกได้เสื่อมา1ผืน โพสต์ท่าถ่ายรูปทำพิธีมอบอย่างเท่ ที่จริงไปขอซื้อเขามาตั้ง1,000บาท) นำทีมงับเหยื่อตัวแรกอีกแล้วครับ ออกตัวนิ่มๆว่าตั้งใจทำให้โลโก้คล้ายกับของรัฐบาล อ้าว..!! คล้ายกันทั้งโครงการฯ คล้ายกันทั้งชื่อ คล้ายกันทั้งโลโก้ แถมเสร็จพร้อมกันในปี 2020 อีก สลิ่มทั้งหลายเชื่อกรณ์นะจ้ะ ไม่ได้ลอกจ้ะ คิดเองแน่นอน

         ทีมงานระดับล่างๆ งับเหยื่อกันเรียบ อย่างกับปลาหลงน้ำ ไปคนละทิศละทาง กลับพรรคฯกันไม่ถูกแล้วครับ บ้างก็ปฏิเสธดื้อๆว่าไม่เห็นเหมือนกันเลย บ้างก็ว่าจงใจทำให้เหมือนกันเพื่อเปรียบเทียบ "รายที่หน้าด้านสุด ๆ บอกว่า เป็นคนออกแบบโลโก้เอง รัฐบาลเป็นคนลอกไป" โห...พี่..!! โคดแมนเลยวะ ได้ใจสลิ่มไปแต็มๆ

         หัวหน้าพรรคฯยังไงก็ต้องเจ๋งสุดครับ มาเหนือเมฆแต่ดันงับเหยื่อดังพั่บ พูดออกไมค์ด้วยท่าทางที่เชื่อมั่น กล่าวด้วยสำเนียงอักขระชัดเจน โดยไม่ต้องอ่านโพยแม้แต่นิดเดียวว่า

         "ยินดีให้รัฐบาลนำโครงการไทยเข้มแข็ง ของพรรคประชาธิปัตย์ ไปปรับใช้.... และยืนยันว่า โครงการไทยเข้มแข็ง ที่นำเสนอในวันนี้เป็นโครงการที่พรรคดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพิ่งริเริ่มเพื่อแข่งกับรัฐบาล"

           จบเอาดื้อๆแค่นี้ละครับ ผมซาบซึ้งตื้นตันใจ ในวิสัยทัศน์ของสมาชิกพรรคฯเก่าแก่ ที่ชื่อ"ประชาธิปัตย์" ที่คิดโครงการฯเองเป็น โดยเฉพาะซาบซึ้งมากที่หน.พรรคฯปชป. ยินดีให้รัฐบาลนำโครงการไปปรับใช้ จนเขียนอะไรไม่ออกแล้วครับ

          ปล. จู่ๆวันนี้ ผมเกิดนึกถึงคำสอนของพ่อขึ้นมาครับ ถึงแม้ท่านจะอยู่ห่างไกล แต่ผมยังจำคำสั่งสอนของท่านได้เสมอ คุณพ่อสอนผมว่า "ลูกเอ๊ย..แข่งอะไรก็แข่งได้ แม้แต่แข่งบุญแข่งวาสนาก็ยังพอจะแข่งได้ แต่แข่งกับคนหน้าด้าน อย่าไปแข่งนะลูก ต่อให้เราชนะมา มันยังบอกว่า ถ้วยทองเป็นของมันเลย"


ไม่ได้ฮิ้ว..มานานละคร๊าบบบพี่น้อง เรามาฮิ้ววกันหน่อย

เอ้า 1..2..3......ฮิ้วววววว.....!!!

"นายกฯ ยิ่งลักษณ์" แถลงผลการดำเนินการของครม.ฯ ปีที่ 1


"นายกฯ ยิ่งลักษณ์" แถลงผลการดำเนินการของครม.ฯ ปีที่ 1 


             วันที่ 24 กันยายน 2556 (go6TV) – ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร ถึงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี ตามนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของรัฐบาลปีที่ 1 โดยมีถ้อยคำแถลงดังต่อไปนี้

              กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ดิฉันนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ขอเรียนท่านสมาชิกที่เคารพว่า ดิฉันขอใช้เวลาเล็กน้อยในเบื้องต้นในการกล่าวถึงผลการดำเนินงาน 1 ปีของรัฐบาลต่อสภาแห่งนี้ กราบเรียนว่าตั้งแต่วันแรกที่รัฐบาลนี้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ปี 2554 ท่านคงทราบดีว่าบนบรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังคงมีอยู่ และปัญหาสังคมต่างๆ ที่ยังคงมีอยู่ ปัญหายาเสพติด ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็มีปัญหาในเรื่องของอุทกภัยครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นในปี 2554 และในช่วงจังหวะเดียวกันนั้น รัฐบาลได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแห่งนี้ในวันที่ 23 สิงหาคม 2554 โดยได้ยึดหลักการบริหาร จุดมุ่งหมาย 3 ประการด้วยกัน เรื่องแรก คือการสร้างเศรษฐกิจสมดุลเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศ ประการที่สอง คือการสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นที่จะมุ่งไปสู่สังคมของการปรองดองบนหลักของความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ประการที่สาม คือการเตรียมพร้อมการก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน

          ฉะนั้นในการส่วนการบริหารงานของรัฐบาลก็ขอเรียนท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของความท้าท้ายในการบริหารประเทศที่เข้ามาของรัฐบาลในหนึ่งปีแรกนั้น จะเห็นว่าโครงสร้างทางเศรษฐกิจในส่วน จีดีพี ของภาครัฐ หรือรายได้ของภาครัฐนั้น เรายังพึ่งพาการส่งออกอยู่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การเติบโตในประเทศนั้น ต้องมีการพัฒนาในการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศจึงเป็นที่มาของการที่เราได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาว่า เราอยากเห็นการช่วยกันปรับปรุงพัฒนาให้เกิดความสมดุล และเสริมสร้างเศรษฐกิจในประเทศให้แข็งแรง

          ถ้าเรามาดูในส่วนของรายได้ครัวเรือน ก็จะเห็นว่าถ้าดูจากอัตราการกระจายตัวของผู้ที่มีรายได้น้อยเทียบกับผู้ที่มีรายได้สูงนั้น ยังมีช่องว่างที่ยังมากอยู่ ดังนั้น ถ้าเรากลับไปดูรายได้เป็นรายครัวเรือนของพี่น้องประชาชน จะเห็นว่ามีจำนวนหนี้นอกระบบเกิดขึ้นมากมาย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ภาครัฐต้องพยายามช่วยกันแก้คือทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนทีเป็นต้นทุนถูก ทำให้ลดในเรื่องของค่าใช้จ่ายไปได้ ขณะนั้น ปัญหายาเสพติดก็เกิดขึ้นทั่วบ้านทั่วเมือง จึงเป็นวาระที่รัฐบาลได้เสนอเป็นวาระแห่งชาติในการที่เราจะร่วมมือร่วมใจกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด

         ส่วนความเหลื่อมล้ำทางสังคมนั้นก็ยังมี ก็จะมีทั้งความเหลื่อมล้ำทางด้านของโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในส่วนของสาธารณูปโภค ในส่วนของคมนาคม การศึกษา สาธารณสุข และสังคม ดังนั้นโจทย์จึงเป็นความท้าทายที่ว่าเราจะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนนั้นได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมกันและลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่อยู่ในจังหวัดห่างไกลต่างๆ นั้น ถ้าเรามาช่วยกันในการบูรณาการอย่างนี้ และนอกจากนั้นการขาดความต่อเนื่องในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แน่นอนค่ะ ความผันเปลี่ยนความผันแปรทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการบริหารอย่างบ่อยครั้ง มีผลทำให้ความต่อเนื่องในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขาดการติดต่อ ประเทศเรายังไม่เคยมีการลงทุนครั้งใหญ่เป็นเวลา 7 ปี ทำให้ขีดพัฒนาความสามารถในการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคมนาคม หรือเรื่องอื่นๆ ต้องการการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม

         สำหรับการเปลี่ยนแปลงถ้าเราดูจากระดับในประเทศไปแล้ว ก็มองว่าการเปลี่ยนแปลงในระดับภูมิภาคหรือในระดับโลก ก็จะเห็นว่าเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนและมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ในขณะเดียวกันโอกาสในการเติบโตนั้น ก็ก้าวเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคมีความเปลี่ยนที่พิถีพิถัน และซับซ้อนคำนึงถึงสุขภาพ สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ

          วันนี้หลายครั้งที่เราเริ่มพูดกันในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม รักษาสุขภาพ และสุขภาวะต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เราต้องคำนึงถึงในเรื่องของความท้าทายในการที่จะนำเข้ามาสะท้อนในการบริหารประเทศโดย โครงสร้างความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย มีผลในเรื่องของภัยคุกคามใหม่ ๆ และมีผลการต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเรื่องของการทำงานต่าง ๆ ในวันนี้เปลี่ยนจากโครงสร้างที่เป็นระบบเทคโนโลยีที่อยู่ตามออฟฟิต เปลี่ยนมาเป็นเทคโนโลยีที่อยู่ล้อมรอบตัวเองไม่ว่าจะเป็น แท็บเล็ตพีซี หรือระบบมือถือต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงมีการพัฒนามากขึ้นเพื่อให้คนนั้นสามารถใช้เทคโนยีเพื่อตอบสนองกับชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงไปจึงทำให้มีผลกับบางอุตสาหกรรมที่จะต้องปรับตัวในเรื่องของเทคโนโลยี อย่างเช่น ทางด้านอุตสาหกรรมหลายคอมพิวเตอร์เป็นลักษณะพีซีตั้งโต๊ะ เปลี่ยนมาเป็นมือถือ แท็บเล็ต ไอแพ็ด นี่คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่รัฐบาลต้องนำเอาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ความท้าทายที่เกิดจากปัจจัยภายนอกนั้นมา

          ถ้าเรามาดูเรื่องของโครงสร้างประชากร ถ้าเราดูในระยะยาวประเทศจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ การเตรียมมิติต่าง ๆ ที่จะต้องดูแลผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือแรงงาน หรือฝึกแรงงาน หรือการดูแลผู้สูงอายุ วิธีการอย่างไรนั้นก็คงต้องมาสะท้อนในส่วนนี้ด้วย และสุดท้ายการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2558 คือการรวมตัวก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียน

          จากความท้าทายต่าง ๆ นั้น มาถึงในส่วนปีแรกของการบริหารงานของราชการชุดนี้ รัฐบาลชุดนี้เข้ามาเราคงไม่ต้องพูดซ้ำว่า ขณะที่เข้ามาเราเผชิญกับปัญหาภาวะอุทกภัยครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ รัฐบาลได้ประกาศตั้งศูนย์ ศปภ.ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านโครงสร้าง ขณะนั้น ถ้าท่านสมาชิกรัฐสภาคงจำกันได้ว่าในวันนั้น เมื่อปี 2554 รัฐบาลนี้ต้องจัดทำงบประมาณประจำปี พ.ศ.2555 วันนั้น เราไม่มีใครรู้ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นเท่าไหร่ ไม่มีรู้ว่าจะต้องดูแลพี่น้องประชาชนอย่างไร แต่เราทราบแต่เพียงว่ารัฐบาลต้องหางบประมาณในการจัดสรรเพื่อช่วยเหลือเยียวยาไม่วาจะเป็นเรื่องของอุทกภัยต่อชีวิต ผู้คน ทรัพย์สินในส่วนราชการ เราจึงตัดสินใจในการขอตัดงบประมาณปกติจากทุกกระทรวงลงพื้นมาเป็นงบหนึ่งแสนสองหมื่นล้านนั้นเอง ก็จะเป็นงบประมาณที่เราใช้เพื่อการดูแลเยียวยาความเสียหายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ไร่นา ทรัพย์สินต่างๆ รวมถึงภาครัฐ ดังนั้นเงินในส่วนนี้มีเพียงประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ที่ใช้เพื่อการป้องกันอุทกภัยไว้ระดับหนึ่ง เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาในปีต่อ ๆ ไป เพื่ออย่างน้อยชลอในส่วนของการทำสิ่งก่อสร้างที่จะป้องกันเพื่อไม่ให้น้ำไหล เข้าสู่ปลายน้ำอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจ

          นอกจากนี้ รัฐบาลได้มีการออกพ.ร.ก.กู้เงิน 3 แสน 5 หมื่นล้านบาท ที่จะแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งวันนั้นถ้าเราไม่มีการประกาศพ.ร.ก. กู้เงิน 3 แสน 5 หมื่นล้านบาทนั้น เราก็เชื่อว่าความมั่นใจของนักลงทุนจะขาดความความมั่นใจ เพราะนักลงทุนต้องการเห็นความชัดเจนของรัฐบาลว่า เราจะดูแลปกป้องโดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจหรือการลงทุน วันนั้นเราตัดสินใจเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิต และได้มีการบูรณาการการแก้ไขข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เป็นเอกภาพ มีการจัดตั้งกบอ. เพื่อที่จะทำให้เป็นศูนย์วิเคราะห์ในการสั่งการให้เป็นจุดเดียว รวมถึงการปรับปรุงบูรณาการข้อกฎหมายต่างๆ ซึ่งในขณะนี้ประเทศได้ประสบปัญหาอุทกภัยอีก รัฐบาลก็ได้ใช้ศูนย์ฯ ในการบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ ที่เรียกว่า กบอ. หรือ Single Command Center ในการประกาศเป็นศูนย์ส่วนหน้าที่จะคอยดูแลช่วยเหลือประชาชน อันนี้ก็เป็นเนื้อหาทั้งหมดในส่วนของการแก้ไขและป้องกันในช่วงของการเริ่มต้น

          แต่ขณะเดียวกันด้วยความที่เราก็ได้ร่วมมือร่วมใจกันก็ทำให้รัฐบาลนี้สามารถที่จะผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ถ้าดูจากGDP จะเห็นว่า ตัวเลขการเติบโตของ GDP ในปี 2554 ขณะที่เกิดวิกฤตนั้นก็ถดถอยลงไปประมาณ 0.8 ถึง 0.9% ในขณะเดียวกันได้ก่อขึ้นมาใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ถ้าดูจากผลภาพรวมของ GDP ก็จะอยู่ประมาณ 6% กว่า ในปี 2555

          ด้วยการที่ประเทศไทยต้องฟื้นฟูวิกฤตหลังเกิดปัญหาอุทกภัย เวลาของรัฐบาลที่ควรจะต้องแก้ปัญหานั้นก็เกิดต้องแก้ปัญหาในเรื่องของอุทกภัยไป ก็หายไปแล้ว ประมาณ 5- 6 เดือนแล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนี้ก็ยังมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาในการสร้างความเชื่อมั่นและการเริ่มมีเรื่องของนโยบาย 16 ข้อที่ได้มีการแถลงไว้ต่อรัฐสภา

           สำหรับเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นนั้น รัฐบาลได้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศโดยการเร่งออกนโยบายเร่งด่วนทั้งหมด 16 ข้อ เพื่อที่จะเสริมสร้างเศรษฐกิจให้มีความเข็มแข็ง และที่สำคัญพื้นฐานของความสงบและพื้นฐานของการแก้ปัญหาในประเทศก็เป็นพื้นฐานการเติบโตของเศรษฐกิจ

           รัฐบาลนี้ร่วมกันในการที่จะสร้างบรรยากาศของการปรองดองและไม่ตอบโต้ รวมถึงการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ทางด้านอุทกภัย ภาวะอุทกภัยและภัยทางการเมืองด้วย

           สำหรับต่างประเทศแน่นอนว่า รัฐบาลได้เร่งการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่มประเทศอาเซียนหรือพันธมิตรต่าง ๆ รวมถึงการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งเราก็ได้มีการเร่งการในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตอนนี้ในกลุ่มแรก รัฐบาลได้เร่งการสร้างความเชื่อมมั่นและสร้างความสัมพันธ์ด้วยการเยือนในกลุ่มของอาเซียนและผู้เจรจา การเยือนนี้ก็เพื่อที่จะแก้ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ แก้ไขปัญหาในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน ซึ่งวันนี้อัตราการเติบโตของการค้าระหว่างอาเซียนนั้นก็มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันในกลุ่มต่อไปก็ได้มีเยือนในกลุ่มประเทศมหาอำนาจ เพื่อที่กระชับความสัมพันธ์และรักษาฐานของเราให้คงอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นฐานสำคัญและในการหารือที่จะเพิ่มจำนวนตัวเลขของการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนให้สูงขึ้น ต้องเรียกว่า การสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่เดิมนั้นหรือข้อขัดแย้งเหล่านั้นให้หมดไป พร้อมรักษาฐานใหญ่ๆ ของประเทศเพื่อที่จะให้คงอยู่ขณะที่เศรษฐกิจต่างๆ มีความผันผวน นอกจากนั้น เราก็เปิดฐานใหม่ อย่างเช่น กลุ่มประเทศแถบแอฟริกา ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหม่ การที่เราจะไปเปิดตลาดใหม่นั้น แน่นอนการที่จะเข้าไปเริ่มต้นก็ต้องเริ่มต้นจากการสร้างความสัมพันธ์ เริ่มจากการให้ความช่วยเหลือ แล้วถึงจะเป็นเรื่องของการเปิดช่องทางในการที่จะมีการติดต่อระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ดังนั้น ลำดับจึงเป็นแบบนี้

         นอกจากนั้น ในเรื่องของการเยือน หรือการสร้างความเชื่อมั่นก็ยังมีอีกหลาย ๆ ประเทศที่ต้องการการสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องของความเป็นประชาธิปไตยของ ประเทศ และกระบวนการต่าง ๆ ของประเทศว่ามีความโปร่งใส เช่น ประเทศในทวีปยุโรป ประเทศกลุ่มใหญ่ ๆ ได้มีการสร้างความเชื่อมั่นทางด้านของการเป็นประชาธิปไตย หรือแม้กระทั่งกลุ่มคณะมนตรีความมั่นคงรัฐอาหรับ จะเป็นกลุ่มที่รัฐบาลต้องสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานเพื่อเสริมสร้างจุด ยุทศาสตร์ของประเทศก็คือความมั่นคงทางอาหาร ดังนั้นจึงเป็นแนวทางของรัฐบาลที่จะต้องมองในเรื่องของมิติ เช่น เรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นในประเทศ และจะทำอย่างไรที่จะเสริมสร้างเศรษฐกิจในประเทศให้แข็งแรง ตลอดจนเสริมสร้างความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่ต้องเริ่มจากประเทศในกลุ่ม ที่ใกล้ชิดประเทศไทยมากที่สุด และกลุ่มที่มีการค้ากับประเทศไทยมากที่สุด

           ขณะเดียวกันการค้าต่าง ๆ ของประเทศใหญ่ ๆ จำนวนอัตราทางเศรษฐกิจถดถอยลงก็ต้องหาฐานใหม่ จึงเป็นที่มาของยุทธศาสตร์ในการเยือนต่างประเทศทั้งหมด ขออนุญาตท่านประธานและสมาชิกฯ ในการกล่าวเรียนภาพรวมเบื้องต้นดังนี้ และคณะรัฐมนตรีพร้อมในการที่จะให้รายละเอียดและชี้แจงต่อท่านสมาชิก


ขอบคุณค่ะ