วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

นรม.ออสเตรเลียกล่าวไว้อาลัยเหตุระเบิด-อุปทูตสหรัฐฯ วางดอกไม้ที่ศาลพระพรหม


(ซ้าย) โทนี แอ็บบ็อต กล่าวต่อรัฐสภาเพื่อไว้อาลัยเหตุระเบิดในประเทศไทย เมื่อ 18 ส.ค. (ที่มา: คัดลอกจาก The Guardian) (ขวา) อุปทูตสหรัฐอเมริกา ดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี และคณะร่วมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตและแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ เมื่อ 19 ส.ค. (ที่มา: เพจสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย)

อุปทูตสหรัฐร่วมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่ศาลพระพรหม - นรม.ออสเตรเลียแถลงต่อสภาเพื่อไว้อาลัย และขอให้ชาวออสเตรเลียยังคงมาเมืองไทย เพราะผู้วางระเบิดต้องการทำให้คนกลัวจนสูญเสียความเป็นตัวเอง "และเราไม่ควรถูกข่มขู่เช่นนั้น" ด้านโฆษก กต.จีนขอให้ฝ่ายไทยสืบหาความจริง และประกันความปลอดภัยชาวจีนในไทย
20 ส.ค. 2558 - ปฏิกิริยาจากนานาชาติต่อเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ เมื่อ 17 ส.ค. นั้น ล่าสุด เมื่อวานนี้ (19 ส.ค.) อุปทูตสหรัฐอเมริกา ดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี พร้อมคณะผู้แทนชาวไทยและชาวอเมริกันจากหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย เดินทางมาร่วมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตและแสดงความเสียใจกับครอบครัวและมิตรสหายของผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดหน้าศาลท้าวมหาพรหม เอราวัณ เมื่อวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม
“เรามาที่นี่เพื่อร่วมไว้อาลัย สหรัฐอเมริกาและประชาชนชาวอเมริกันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับประเทศไทยและประชาชนชาวไทยทุกคน เราขอประณามการใช้ความรุนแรงดังเช่นที่เกิดขึ้นนี้ ชาวอเมริกันและชาวไทยมีมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ให้แก่กัน และนี่คือเหตุผลที่พวกเรามาที่นี่ในวันนี้ด้วยหัวใจเดียวกัน” อุปทูตเมอร์ฟีกล่าว ทั้งนี้ตามรายงานของเพจสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย

จีนขอให้ทางการไทยมีมาตรการดูแลความปลอดภัยชาวจีน
สำหรับปฏิกิริยาจากนานาชาตินั้น ในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศจีน เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ฮัว ชุนยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวถึงเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯ เมื่อ 17 ส.ค. ว่า จีนขอประณามอย่างแข็งขันต่อเหตุระเบิด แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหยื่อ รวมทั้งประชาชนชาวจีน และขอแสดงความเห็นใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของผู้สูญเสียและต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ
"ภายหลังเกิดเหตุ กระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตจีนในประเทศไทย ได้ตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินนั้นทันที และพยายามอย่างไม่ลดละที่จะจัดการในเรื่องที่เกี่ยวข้อง สถานทูตจีนได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังสถานที่เกิดเหตุและโรงพยาบาลในท้องที่เพื่อตรวจสอบสภาพของชาวจีนที่ได้รับผลกระทบ และได้ติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย และเรียกร้องให้ฝ่ายไทยค้นหาข้อเท็จจริง และทำอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บ จัดการต่อผู้ที่เสียชีวิตอย่างเหมาะสม และมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการประกันความปลอดภัยแก่ชาวจีนและองค์กรสถาบันที่อยู่ในประเทศไทย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุด้วยว่า ในเช้าวันที่ 18 ส.ค. รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ หวังอี้ ได้จัดการประชุมฉุกเฉินระหว่างกระทรวงเพื่อรวบรมข้อมูลของชาวจีนและวิเคราะห์สถานการณ์ความมั่นคงในไทย และในช่วงบ่ายวันที่ 18 ส.ค. เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมกิจการเอเชีย กระทรวงการต่างประเทศ แต่พบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถานทูตไทยประจำประเทศจีน โดยฝ่ายจีนได้ขอให้ไทยดูแลผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุด และเตรียมมาตรการดูแลระยะต่อไปอย่างเหมาะสม นำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และวางมาตรการเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับประชาชนจีนและองค์กรสถาบันของคนจีนในประเทศไทย
"จีนจะยังคงติดต่อฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด และจัดการอย่างดีที่สุดต่อผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีมาตรการที่ตื่นตัวเพื่อสร้างหลักประกันความปลอดภัยและผลประโยชน์ของชาวจีนและสถาบันของชาวจีนในประเทศไทย"

นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรไว้อาลัยต่อนักศึกษาฮ่องกงผู้เสียชีวิต


ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้โพสต์ทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ไว้อาลัยต่อเฉิน อิงเยี่ยน หรือวิเวียน เฉิน (Chan Wingyan / Vivian Chan) ชาวฮ่องกง อดีตนักศึกษาวิชากฎหมายที่ลอนดอน ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯ โดยเขาเขียนข้อความไว้อาลัยว่า "รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งเมื่อได้ทราบว่าพลเมืองสหราชอาณาจักรเสียชีวิตในเหตุระเบิดเขย่าขวัญในกรุงเทพฯ ขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวของเธอและผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด"
นายกรัฐมนตรีแถลงไว้อาลัย และยังคำแนะนำให้ชาวออสเตรเลียยังคงมาประเทศไทย
เพราะผู้ก่อเหตุระเบิดต้องการทำให้เรากลัวจนสูญเสียความเป็นตัวเอง และเราไม่ควรถูกขู่เช่นนี้
คลิปโทนี แอ็บบ็อทท์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียแถลงต่อรัฐสภาเพื่อไว้อาลัยเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 18 ส.ค. (The Guardian)
ด้าน โทนี แอ็บบ็อทท์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แถลงต่อรัฐสภาที่กรุงแคนเบอร์รา มีรายละเอียดตามที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ดังนี้
"ท่านประธานสภา ผมเสียใจอย่างสุดซึ้งในการแจ้งต่อรัฐสภาว่าเกิดเหตุการณ์โจมตีอันเลวร้ายในกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา
ผู้วางระเบิดหนึ่งคนหรือหลายคนก่อเหตุบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม การก่อเหตุนั้นชัดเจนว่ามุ่งต่อผู้บริสุทธิ์ และในขณะที่รายละเอียดทั้งหมดนั้นยังไม่เป็นที่รับทราบ เราทราบว่าผู้คนอย่างน้อย 20 คน เสียชีวิต และอย่างน้อย 125 คนบาดเจ็บ
นี่เป็นอีกหนึ่งการโจมตีต่อผู้บริสุทธิ์ที่ต่างดาเนินชีวิตประจำวันของพวกเขา
ผมขอแจ้งต่อสภาว่า สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียในกรุงเทพฯ ยังคงทางานอย่างใกล้ชิดกับทางการไทยเพื่อระบุว่ามีชาวออสเตรเลียได้รับผลกระทบจากความโหดร้ายนี้หรือไม่
จนถึงขณะนี้ เราไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าชาวออสเตรเลียเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ
ผมขอแจ้งต่อสภาว่า ตารวจสหพันธ์ออสเตรเลีย ได้เสนอความช่วยเหลือทางเทคนิคต่อตารวจของไทย นอกจากนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นยยังได้เสนอความช่วยเหลือต่อหน่วยงานของไทย
เรียนท่านประธานสภา ทุกๆ ปีมีชาวออสเตรเลียจำนวน 900,000 คน เดินทางไปยังประเทศไทย ประเทศไทยเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร ชาวออสเตรเลียหลายล้านคนมีประสบการณ์ที่มีความสุขในขณะท่องเที่ยวในประเทศไทย
ชาวออสเตรเลียควรยังคงเดินทางมายังประเทศไทย เพราะสิ่งที่ผู้ก่อเหตุระเบิดในเมืองที่คับคั่งด้วยผู้คนต้องการคือทำให้เรากลัวจนสูญเสียความเป็นตัวเอง และเราไม่ควรถูกข่มขู่เช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ชาวออสเตรเลียในต่างประเทศควรใช้ความระแวดระวัง และควรติดตามเว็บไซต์ smart traveller และควรใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสม
เรียนท่านประธาน ในเหตุการณ์อันเศร้าสลดนี้ เอกอัครราชทูตไทยประจำออสเตรเลียให้เกียรติมาร่วมการประชุม และผมขอต้อนรับท่านสู่การประชุมวันนี้ ชาวออสเตรเลียทุกคนเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เราชิงชังความโหดร้ายนี้และขอแสดงความเสียใจ และส่งความเห็นใจไปยังรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ผมขอกล่าวปิดท้ายว่า การโจมตีเช่นนี้มีแต่จะทาให้รัฐบาลออสเตรเลียและผู้คนออสเตรเลีย และเจ้าหน้าที่และรัฐสภาออสเตรเลีย มุ่งมั่นยิ่งขึ้นในการพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบโต้ลัทธิสุดโต่ง และต่อสู้กับการก่อการร้าย"

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียประณามเหตุระเบิด และขอให้ชาวมาเลเซียในไทยตื่นตัวมากยิ่งขึ้น

 

ด้านนายกรัฐมนตรีนาจิป ราซัก โพสต์ข้อความใน เฟซบุ๊คเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า "มาเลเซียประณามเหตุเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพลเรือนผู้บริสุทธิ์เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้มีชาวมาเลเซีย 2 คนเสียชีวิต (หมายเหตุ: ยอดปัจจุบันหลังการพิสูจน์เอกลักษณ์เพิ่มเป็น 5 ราย) และชาติอื่นๆ"
"กระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตมาเลเซียในประเทศไทยจะยังคงติดต่อหากันและให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวเหล่านั้น ขอแสดงความห่วงใยและภาวนาให้กับพวกเขา" นาจิปกล่าว และยังกล่าวอีกว่า "ผมขอเตือนชาวมาเลเซียซึ่งกำลังเดินทางอยู่ในกรุงเทพฯ ให้มีความตื่นตัวยิ่งขึ้นและติดต่อกับสถานทูตมาเลเซียเพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีจำเป็น"
ในอีกสเตตัสหนึ่งของนาจิป เปิดเผยด้วยว่าเขาได้โทรศัพท์ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยเพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุระเบิด นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียชาวมาเลเซียด้วย โดยนายกรัฐมนตรีของไทยยังให้ความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถจับผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมาย

คสช.ยังไม่เชื่อว่าเป็นก่อการร้ายสากล-ผบ.ตร.บอกทำเป็นขบวนการ-มีคนไทยร่วมด้วย


โฆษก คสช. แถลงยังมีผู้เสียชีวิต 2 รายรอพิสูจน์ ใครเป็นญาติโปรดให้ข้อมูล ส่วนคดีหน่วยข่าวว่าเหตุระเบิดไม่น่าเชื่อมโยงก่อการร้ายสากล - ด้าน ผบ.ตร. ระบุทำกันเป็นขบวนการ มีไม่ต่ำกว่า 10 คน สำรวจเส้นทางเป็นเดือน มีคนไทยเกี่ยวแน่นอน เชื่อผู้ก่อเหตุยังอยู่ในไทยแต่ห่วงถูกตัดตอน พร้อมตั้งรางวัลตุ๊กตุ๊ก 3 หมื่นบาท หากมาให้เบาะแส
20 ส.ค. 2558 - ในการแถลงข่าวสถานการณ์รอบ 24 ชั่วโมง ผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเมื่อช่วงเที่ยววันนี้ (20 ส.ค.) นั้น พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงความคืบหน้าเหตุระเบิด บริเวณแยกราชประสงค์ โดยยืนยันว่า สถานการณ์โดยภาพรวมกลับเข้าสู่ความเรียบร้อย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่และหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้ง ทหาร ตำรวจ และพลเรือน ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน ดูแลพื้นที่สำคัญต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับเหตุการณ์บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS นานา ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (19 ส.ค.) เป็นเพียงเหตุการก่อกวน หวังให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกเท่านั้น
เรื่องการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต ญาติผู้ที่เสียชีวิต 20 ราย ได้ติดต่อญาติ เพื่อให้มายื่นเอกสารหลักฐานแล้ว 16 ราย โดยมีการจ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว 9 ราย สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ได้ติดต่อให้มายื่นเอกสารแล้ว 70 ราย และได้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือบางส่วนแล้ว สำหรับการรักษาพยาบาล ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข ยอดผู้บาดเจ็บช่วงเช้าวันนี้ ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 56 ราย ยังคงเหลือรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ จำนวน 67 ราย สำหรับผู้ที่เสียชีวิต ได้มีการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้วเป็นส่วนใหญ่ เหลือเพียง 2 ราย ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ จึงขอความร่วมมือให้ผู้ที่สงสัยว่าเป็นญาติของตนเอง เข้าติดต่อ รพ.ตำรวจ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ในส่วนการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ ด้านการสืบสวนคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบสวนและสอบพยานบุคคลแวดล้อม ทั้งในส่วนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่เห็นเหตุการณ์ จึงสามารถนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องสงสัย ตามที่ปรากฏภาพข่าว จนสามารถสรุปในชั้นต้นว่าเหตุดังกล่าวมีการดำเนินการอย่างเป็นขบวนการ ด้านการข่าวหน่วยงานด้านความมั่นคง ได้รับความร่วมมือจากหน่วยข่าวของมิตรประเทศ ซึ่งมีความเห็นไปทิศทางเดียวกันว่า เหตุดังกล่าวไม่น่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มการก่อการร้ายสากล และเป้าหมายของกลุ่มก่อเหตุไม่ได้มุ่งกระทำต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนโดยตรง เนื่องจากมีบุคคลสัญชาติอื่นได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
พร้อมกันนี้ คสช. ได้ขอบคุณประชาชน ที่ได้ร่วมกันแสดงออกถึงความมีน้ำใจและการเป็นเจ้าบ้านที่ดี เช่น การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ การช่วยเหลือของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง การร่วมบริจาคโลหิตให้กับโรงพยาบาลต่างๆ และการให้กำลังใจและร่วมไว้อาลัยแก่ญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิต สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อทำให้เห็นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนไทยและประเทศไทยไม่เคยปล่อยปละละเลยหรือทอดทิ้งคนชาติใดหรือศาสนาใด อย่างไรก็ตามเพื่อให้สามารถติดตามผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ จึงขอความร่วมมือประชาชน หากพบเบาะแสของผู้ต้องสงสัยขอให้แจ้งตำรวจทันที และขอแจ้งให้ทราบว่าเจ้าหน้าที่จะเพิ่มระดับการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้เผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ และผู้สร้างเหตุก่อกวนจนทำให้สังคมสับสนหรือตื่นตระหนกอย่างจริงจังมากขึ้น
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันนี้ (20 ส.ค.) ระบุว่า ผู้ร่วมก่อเหตุวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ มีการทำเป็นขบวนการไม่ต่ำกว่า 10 คน เชื่อมีการวางแผนสำรวจเส้นทางนานเป็นเดือนก่อนก่อเหตุ มั่นใจมีคนไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะจากการสืบสวน เชื่อว่าผู้ก่อเหตุทราบเส้นทางที่ใช้หลบหนีเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้เช่นเดียวกันว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ในกล้องวงจรปิด เป็นคนไทย หรือต่างชาติ เพราะจากการสอบพยาน แม้จะให้การยืนยันว่า หนึ่งในสามผู้ต้องสงสัย ซึ่งใส่เสื้อสีเหลือง และศาลออกหมายจับแล้ว ไม่ใช้ภาษาไทยในการสื่อสารกับคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ส่วนผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นผู้ชายใส่เสื้อสีแดงและใส่เสื้อสีขาว ในกล้องวงจรปิด ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาให้ข้อมูล จึงยังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด ส่วนประเด็นการก่อเหตุยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งประเด็นการสร้างสถานการณ์ การก่อการร้าย แต่ทั้งนี้ ก็ยังมั่นใจว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุยังอยู่ในประเทศไทย และยอมรับว่า เป็นห่วงเรื่องถูกตัดตอนความผิด
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังต้องการให้พยานที่อยู่ในจุดเกิดเหตุวันดังกล่าว เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามผู้ก่อเหตุ ส่วนเหตุที่แยกประสงค์ จะเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่บริเวณท่าเรือสาทร หรือไม่ เบื้องต้นพบว่าระเบิดมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งจะต้องตรวจสอบการจุดชนวนอีกครั้ง
ในรายงานของ วอยซ์ทีวี พล.ต.อ.สมยศ ระบุด้วยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องการให้พยานที่อยู่ในจุดเกิดเหตุวันดังกล่าวเข้ามาให้เบาะแสในการติดตามผู้ก่อเหตุ โดยเฉพาะคนขับตุ๊กตุ๊ก ที่รับผู้ต้องสงสัยมาส่งที่ศาลท้าวมหาพรหม โดยตั้งเงินรางวัล 30,000 บาทให้กับคนขับตุ๊กตุ๊ก หรือใครก็ตามที่เข้ามาให้เบาะแส โดยทางตำรวจจะรับรองความปลอดภัย และปกปิดข้อมูลสำหรับผู้ที่เข้ามาให้ข้อมูล  หากผู้ใดต้องการแจ้งเบาะแส สามารถติดต่อได้ที่ พ.ต.อ.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ติดต่อได้ตลอด 24 ชม

กอ.รมน.บุกคุมตัวมือโพสต์ข่าวระเบิดพร้อมเพื่อนที่บ้าน ล่าสุดปล่อยตัวแล้ว



20 สิงหาคม 2558 เวลา 11.00 น. นายพิจิตร บุญสารี น้องชายของ นายพงศ์ภพ บุญสารี  ได้แจ้งว่าได้มีเจ้าหน้าที่ทหารจาก กอ.รมน.ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่าสิบคนได้เข้าควบคุมตัว ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'วิชเวช พรพรหมรักษา'  หรือ นายพงศ์ภพ บุญสารี ชายวัย 36 ปี อาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่บ้านพักย่านอำเภอเมือง ฉะเชิงเทรา   โดยได้นำตัววิชเวช  และเพื่อนไปควบคุมตัวไว้ที่สภอ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

เวลา 17.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัว ชายทั้งสองอยู่โดยที่ยังไม่อนุญาตให้ญาติที่ติดตามมาได้เข้าพบและผู้ถูกควบคุมตัวทั้งสองคนยังไม่ได้พบกับทนายความ

น้องชายของวิชเวช หรือ พงศ์ภพ บุญสารี ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วิชเวช จบการศึกษาพาณิชการในระดับ ปวส.และเคยเรียปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ร่วมกับเพื่อนที่ถูกควบคุมตัวอีกคนหนึ่ง วิชเวช เป็นคนงานสัญญาจ้างในรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งมีรายได้เดือนละหกถึงเจ็ดพันบาท วิชเวช เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ชอบทรงเจ้า ศรัทธาในท้าวเวชสุวรรณ

ล่าสุดเมื่อ 17.30 น. วิชเวชและเพื่อนได้รับการปล่อยตัวเป็นที่เรียบร้อยโดยที่ยังไม่แจ้งข้อหา

โปรดเกล้าฯ ครม.ชุดใหม่ ปรับเข้า 10 - เด้งออก 10 รวมทั้งหม่อมอุ๋ย-นพ.รัชตะ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ/เว็บไซต์รัฐบาลไทย)

โปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว โดยปรับเข้ามาใหม่ 10 คน รวมทั้ง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกฯ - อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็น รมว.คลัง - ปรับออก 10 คนรวมทั้ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล - สมหมาย ภาษี - นพ.รัชตะ ขณะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ - พล.อ.อ.ประจิน - พล.ร.อ.ณรงค์ พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการเหลือตำแหน่งรองนายกฯ
20 ส.ค. 2558 - ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ครม.ประยุทธ์ 3) ดังนี้
พระบรมราชโองการ
ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี      
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 24 สิงหาคม พุทธศักราช 2557 และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 30 สิงหาคม พุทธศักราช 2557 และประกาศครั้งสุดท้ายลงวันที่ 18 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2557 นั้น
บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า สมควรปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่งเพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2558 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
1. ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายรัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายสมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
2. ให้แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นรองนายกรัฐมนตรี
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง เป็นรองนายกรัฐมนตรี
พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายอุตตม สาวนายน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
นายปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นางอรรชกา สีบุญเรือง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 19 สิงหาคม พุทธศักราช 2558 เป็นปีที่ 70 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

เผยปรับเข้าใหม่ 10 ราย ปรับออก 10 ราย สลับตำแหน่ง 7 ราย
ทั้งนี้ รายชื่อคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 3 ที่มีการปรับเข้ามาใหม่จำนวน 10 คน ประกอบด้วย  1) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี 2) นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็น รมว.การคลัง 3) นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ เป็น รมช.คมนาคม 4) นายอุตตม สาวนายน เป็น รมว. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5) พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็น รมว.พลังงาน
6) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เป็น รมว.แรงงาน 7) นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ 8) นายปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็น รมว.สาธารณสุข 9) นางอรรชกา สีบุญเรือง เป็น รมว.อุตสาหกรรม 10) นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็น รมช.พาณิชย์
ส่วนผู้ที่ถูกปรับออก 10 คน ประกอบด้วย 1) ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ 2) นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ 3) นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง 4) นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ 5) นายพรชัย รุจิประภา รมว.ไอซีที
6) นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน 7) นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศึกษาธิการ 8) นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข 9) นายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข 10) นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม

ส่วนคณะรัฐมนตรีเดิมยังอยู่ในตำแหน่งเดิม 15 คน สลับตำแหน่ง 7 คน
ส่วนรายชื่อคณะรัฐมนตรีเดิมที่ถูกปรับสลับตำแหน่งมี 7 คน ได้แก่ ส่วนรายชื่อผู้ที่ปรับสลับตำแหน่ง 7 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง จาก รมว.คมนาคม เป็นรองนายกฯ 2) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เป็นรองนายกฯ 3) นายดอน ปรมัตถ์วินัย จาก รมช.ต่างประเทศ เป็น รมว.ต่างประเทศ 4) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จาก รมว.พาณิชย์ เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ 5) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ จาก รมช.คมนาคม เป็น รมว.คมนาคม
6) นางอภิรดี ตันตราภรณ์ จาก รมช.พาณิชย์ เป็น รมว.พาณิชย์ 7) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ จาก รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น รมว.ศึกษาธิการ