วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

แถลงการณ์ ฉ.2 สำนักพระราชวัง 'ในหลวง' พระอาการดีขึ้น


?สำนักพระราชวังแถลงการณ์ พระอาการประชวร "ในหลวง" ดีขึ้น?

            สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 พระอาการในหลวง ระบุคณะแพทย์ฯ ผ่าตัดถุงพระปิตตะ (ถุงน้ำดี) พระอาการทั่วไปดีขึ้น ถวายพระโอสถปฏิชีวนะ และยังคงถวายน้ำเกลือทางหลอดพระโลหิตต่อไป
            6 ต.ค.2557 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ระบุคณะแพทย์ฯ ผ่าตัดถุงน้ำดีอักเสบ พระอาการทั่วไปดีขึ้น ถวายพระโอสถปฏิชีวนะ และยังคงถวายน้ำเกลือทางหลอดพระโลหิตต่อไป
            เนื้อหาแถลงการณ์ระบุว่า คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รายงานว่า อัตราการเต้นของพระหทัยเร็วในบางช่วงเวลา ความดันพระโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ อุณหภูมิพระวรกายในรอบ 24 ชั่วโมง (จากช่วงเย็นวันที่ 4 ตุลาคม ถึงวันที่ 5ตุลาคม) ส่วนใหญ่ต่ำกว่า 38 องศาเซลเซียส แต่มีพระปรอทสูง ถึง 38.5 องศาเซลเซียส ครั้งหนึ่ง
            เย็นวานนี้ (วันที่ 5 ตุลาคม 2557) คณะแพทย์ฯ ได้ขอพระราชทานงดพระกระยาหาร ถวายน้ำเกลือทางหลอดพระโลหิต และได้ถวายตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ร่วมกับการฉีดสารกัมมันตภาพรังสี (FDG-PET CT) เข้าทางหลอดพระโลหิต พบว่า ถุงพระปิตตะ (ถุงน้ำดี) อักเสบบวมมาก เมื่อคืนนี้เวลา 21.45 น. คณะแพทย์ฯ ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ถวายพระโอสถระงับความรู้สึกทั่วพระวรกาย และส่องกล้องเข้าในช่องพระนาภี (ช่องท้อง) ตัดเอาถุงพระปิตตะ (ถุงน้ำดี) ออก การผ่าตัดใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที การผ่าตัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พระอาการหลังผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจ ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับห้องที่ประทับ เวลา 00.20 น.ของวันที่ 6 ตุลาคม 2557
             เช้าวันนี้พระอาการทั่วไปดีขึ้น อัตราการเต้นของพระหทัยลดลง ความดันพระโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปรกติ พระปรอทต่ำลง คณะแพทย์ฯ ได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะ และยังคงถวายน้ำเกลือทางหลอดพระโลหิตต่อไป

‘วิภา ดาวมณี’ 17 ปี กับการขยายพื้นที่ ‘6 ตุลา’ ในวันที่ถูกกระชับพื้นที่กิจกรรม


สัมภาษณ์ ‘วิภา ดาวมณี’ กับ 17 ปีการขยายพื้นที่ประวัติศาสตร์เหตุการณ์ 6 ต.ค.19 ผ่านกิจกรรมรำลึก ในวันที่ถูกกระชับพื้นที่จัดงาน พร้อมมองความรับรู้ต่อสังคมไทย ยิ่งประชาชนตื่นตัวยิ่งรับรู้และเข้าใจเหตุการณ์มากขึ้น
สวนประติมากรรม หน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สถานที่จัดงานรำลึก 6 ตุลา
วันพรุ่งนี้(6 ต.ค.57) จะเป็นวันครบรอบ 38 ปี เหตุการณ์กวาดล้างสังหารหมู่นักศึกษาและประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ภายหลังเหตุการเข้ายึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เมื่อ พ.ค.ที่ผ่านมา กิจกรรมที่มีความหมายทางการเมืองโดยเฉพาะในลักษณะส่งเสริมประชาธิปไตยจะถูกระงับตลอดมา และกิจกรรมรำลึก ‘6 ตุลา’ นี้ก็เช่นกัน เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 32 ได้แจ้งขอให้งดกิจกรรมที่กลุ่มเกลียวแห่งธรรม ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาอิสระที่ทำกิจกรรมด้านจิตอาสาภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง จะจัดงานรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ในชื่อกิจกรรมงานรำลึก “6 ตุลา วันฟ้าเปลี่ยนสี” โดยทหารให้เหตุผลว่ากิจกรรมมีลักษณะเป็นกิจกรรมทางการเมือง ล่อแหลมต่อการสร้างความแตกแยก (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : ทหารห้ามนักศึกษา มธ.ศูนย์ลำปาง จัดงานรำลึก 6 ตุลา)
โดยก่อนหน้ากลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ด้านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วิภา ดาวมณี คณะกรรมการรับข้อมูลและสืบพยานเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ผู้ซึ่งจัดกิจกรรมรำลึก เหตุการณ์ดังกล่าวมา 17 ปี ออกมาเปิดเผยว่าในปีนี้ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะขอให้มีการงดการจัดกิจกรรม ในงานรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดยจะไปรวมเป็นกิจกรรมวันเดียวกันกับการรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 แทน
ซึ่ง Voice TV ได้ สอบถามไปยัง ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ชี้แจงต่อกรณีดังกล่าว โดยกล่าวว่าการงดจัดกิจกรรมในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 จะงดเพียงกิจกรรมเสวนาทางวิชาการและการแสดงที่ใช้พื้นที่หอประชุม เนื่องจากในปีที่ผ่านมามีการใช้สถานที่จนเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้น ทางมหาวิทยาลัยในฐานะผู้อำนวยการสถานที่จึงต้องขอให้งดจัดเวทีในปีนี้ ทั้งนี้ กิจกรรมในช่วงเช้า คือพิธีกรรมทางศาสนา และการกล่าวรำลึกโดยตัวแทนญาติวีรชน 6 ตุลาฯ และองค์กรต่างๆ จะยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ส่วนกิจกรรมเวทีต่างๆ จะไปรวมกับการรำลึกวันที่ 14 ตุลาคมในปีนี้เป็นวันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม วิภา กล่าวว่า มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย และมูลนิธินิคม จันทรวิทุร ซึ่งเป็นองค์กรร่วมจัด จะยังคงขอเดินหน้าจัดกิจกรรม ในงานรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ต่อไป โดยยังคงอยู่ระหว่างการประสานงานกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อขอใช้พื้นที่ในการจัดงานดังกล่าว
ประชาไท จึงได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ‘วิภา ดาวมณี’ อายุ 59 ปี ผู้ผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ในฐานะผู้พยายามขยายพื้นที่การรับรู้ข้อมูลประวัติศาสตร์เหตุการณ์ดังกล่าว ผ่านการจัดกิจกรรมรำลึกมา 17 ปี อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำความเข้าใจจุดมุ่งหมายของการจัดกิจกรรม และมุมมองต่อการเมืองในปัจจุบัน

วิภา ดาวมณี
00000
ประชาไท : ทำไมถึงเข้าไปจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลา มา 17 ปี?
วิภา : เนื่องจากปี 2538 อาจารย์ธงชัย วินิจจะกูล มาพูดเรื่องสิ่งที่อยากจำกลับลืม สิ่งที่อยากลืมกลับจำ เมื่อได้ฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก รู้สึกเหมือนกับว่าเราลืมเรื่องนี้ไปเลย หลังจากที่ออกจากป่าแล้วก็มาทำงานมีรายได้ฐานะที่ดีแล้วทำให้ลืมเหตุการณ์ดังกล่าว จึงเข้าร่วมและรวบรวมคนที่ผ่านเหตุการณ์จัดกิจกรรมรำลึก 20 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดยได้คุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ มาเป็นผู้ช่วยประสานในการจัดงาน
คิดว่าเป็นผลสะเทือนต่อเนื่องหลังจากเหตุการณ์ พฤษภา 35 ส่งผลให้ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง ตรงนี้คิดว่าเป็นเครื่องฉุดเรากลับเข้ามาสู่การเมืองและยุคที่เรียกร้องประชาธิปไตย เป็นกระแสขึ้นมา
เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา นั้น ต้องให้เกียรติและความสำคัญกับเหตุการณ์พฤษภา 35 เพราะหากไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว การจัดงาน 20 ปี 6 ตุลา คงไม่ได้ ผลจากเหตุการณ์พฤษภา 35 มีคนส่วนหนึ่งที่จะลงเล่นการเมือง สร้างพรรคการเมือง ลงเลือกตั้ง เข้าไปแข่งในแนวทางประชาธิปไตยมากขึ้ง เพราะหลังจากนั้นเราได้รัฐธรรมนูญ 40 ตามมาอีก ถือเป็นกระบวนการต่อเนื่อง
เหตุการณ์พฤษภา 35 เหมือนการปิดฉาก ทำให้ทหารต้องกลับเข้ากรมกอง บวกกับอีกด้านหนึ่งที่ประชาชนตื่นตัวทางการเมืองอย่างมาก จึงส่งผลให้การรื้อฟื้นเหตุการณ์ 6 ตุลา กลับมาด้วย ทั้งๆที่หายไป 20 ปี แล้ว
หน้าที่ของงานรำลึก 6 ตุลา คืออะไร?
คิดว่ามีจุดศูนย์กลาง ที่แต่ละปัจเจคจะมีเงื่อนไขของตนเอง เช่น บางคนมีเพื่อนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ หรือเคยเป็นเด็กกิจกรรม หรือผู้ที่เคยผ่านเหตุการณ์รูกสึกได้กลับมาย้อนอดีตที่ต้องค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น เพราะหากเทียบเป็นสัดส่วนที่มาร่วมผลักดันให้เกิดกิจกรรมรำลึกนี้ก็ถือว่าไม่มาก
ปัจจุบันคนที่ผ่านหรือเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้มีความคิดที่แตกต่างหลากหลาย บางคนอยากให้ 6 ตุลา เป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ เช่น นักประวัติศาสตร์ก็คิดว่าเหตุการณ์นี้ไม่ถูกบันทึกไว้ในแบบเรียน โดยมีขบวนการนักศึกษารุ่นหลังๆ เช่น สนนท. มีการเรียกร้องให้บรรจุเหตุการณ์นี้เข้าไปในเนื้อหาแบบเรียนด้วย
ส่วนคนที่อยู่ในเหตุการณ์บางคนก็รู้สึกเจ็บปวด อยากลืม ทนไม่ได้ รวมไปถึงลบไปจากชีวิตโดยที่ไม่บอกเล่าให้กับที่บ้านทราบเรื่อง บางคนก็เป็นแบบนี้เลย บางคนก็อาจคิดว่าเป็นการรื้อฟื้น รวมไปถือเป็นการฟอกตัว เพราะว่าผู้ที่ผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลา ช่วงแรกๆ ที่กลับมานั้นในสายตาของสังคมเหมือนไม่มีที่ยืนในสังคม เพราะคนที่อยู่นเหตุการณ์นี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ แล้วคนที่ถูกจับ 18 ผู้ต้องหาก็ต้องไปขึ้นศาลทหารถูกข้อหาเยอะแยะไปหมดเลย เหมือนกับนักโทษทางการเมืองตอนนี้ที่เมือโดนข้อหาก็จะโดนหลายข้อหา
เป้าหมายของการจัดงานรำลึก 6 ตุลา ตลอดเวลา 17 ปีที่ผ่านมา คืออะไร?
ถ้าพูดรวมๆ ของทุกคนนั้น มันไม่มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจน จะออกมาในหนังสือชิ้นงานปฏิมากรรม 6 ตุลา คือ ทำให้มีที่ยืน มีสิ่งที่จะรำลึกถึงคนตาย ถึงวีรชนถึงความกล้าหาญ และบอกกับสังคมว่าคนเหล่านั้นไม่ได้เป็นคนผิด
17 ปีที่ผ่านมานี้ มีรูปแบบการจัดกิจกรรมรำลึกอะไรบ้าง?
มีหลายหลายมาก แต่ก่อนจะพูดถึงตรงนั้นอยากจะยกสิ่งที่ คุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เขียนไว้ในประโยคท้ายๆ ของหนังสือเปิดชิ้นงานปฏิมากรรม เพราะจุดประสงค์หนึ่งหลังจากการจัดงานรำลึก 20 ปี 6 ตุลา แล้ว เสนอให้มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ให้พื้นที่สร้างอนุสรณ์ที่เป็นสิ่งรำลึกถึงวีรชน และสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในยุคนั้นก็อนุญาตให้จัดสร้างได้ บริเวณหน้าหอใหญ่ มธ. ท่าพระจันทร์ สร้างเสร็จในปี 2543 โดยที่ขณะนั้นอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 16 ยังสร้างไม่เสร็จ
สำหรับสิ่งที่คุณหมอสงวน กรรมการดำเนินการจัดสร้างกำแพงประวัติศาสตร์ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธฺปไตย ได้เขียนไว้นั้น น่าจะใช้ตอบได้ว่า “แม้ประเทศไทยจะผ่านการต่อสู้ประชาธิปไตยสำคัญๆ มาหลายเหตุการณ์ แต่ภารกิจการพัฒนาประชาธิปไตยและความเป็นธรรมในสังคมก็ไม่ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ เนื่องจากปรากฏการณ์ที่เห็นด้วยทั่วไปในปัจจุบันได้บอกเราเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิทธิมนุษยชนของคนในหลายส่วนของสังคมยังถูกละเลย ช่องว่างระหว่างคนมีกับคนจนก็ยังมีความแตกต่างรุนแรง มีแต่การร่วมภาระกิจของคนหมู่ใหญ่ในสังคมด้วยการเรียนรู้บทเรียนที่เจ็บปวด แปลให้เป็นพลัง การเรียนรู้ที่มีคุณค่า และเต็มความใฝ่ฝันอันงดงามในอนาคตที่ดีกว่าให้แก่กันและกัน จึงจะทำให้ภาระกิจของการพัฒนาประชาธิปไตยมีความหวัง และสามารถสร้างหนทางของสันติภาพที่สถาภรให้เกิดขึ้นต่อไปในระยะยาวอย่างแท้จริง”
ถ้าถามแต่ละปัจเจคเกี่ยวกับการรำลึกเหตุการณื 6 ตุลา นั้นก็จะมีความเห็นแตกต่างกันไป
สำหรับรูปแบบการจัดกิจกรรมรำลึกอย่างที่ง่ายที่สุด คือการพยายามจัดให้มีการทำบุญตักบาตรรำลึก เป็นเรื่องของญาติและศาสนา แต่ปรากฏว่าญาติของคนในเหตุการณ์ 6 ตุลา นั้นเหลือน้อยมากที่มาร่วมงาน หลังๆ มานี้เหลือเพียง 2 ท่าน คือคุณพ่อจินดา ทองสินธุ์ พ่อของ ‘จารุพงษ์ ทองสินธุ์’ กับคุณแม่เล็ก ที่เป็นแม่ของ ‘มนู วิทยาภรณ์’
ขณะที่รูปแบบงานอื่นๆ เป็นงานเสวนา สัมนา ละคร มีรูปแบบอื่นๆ ในทางการเมือง หรือว่าบางปีที่ครบรอบลงเลข 5 เช่น 25, 30, 35 ปี 6 ตุลา ก็จะใช้หอประชุมใหญ่หรือหอประชุมเล็กจัดกิจกรรมในรูปแบบอื่นๆ ด้วย เช่น มีบทกวี ดนตรี คอนเสิร์ต หรือการจัดฉายหนังที่เทียบหรือมีความหมายในเชิงความคิด แล้วมีการเชิญอาจารย์และคนดูหนังมาวิจารย์หนังก็มี
แต่ละปีคิดว่าสิ่งที่เป็นข้อดีของการจัดงานรำลึก 6 ตุลา คือมันมีพลวัตรที่สอดคล้องกับการเมืองของปีนั้นๆ ไม่ได้ทำไปรำลึกอดีตแล้วจมอยู่กับอดีต แต่มันใช้อดีตเพื่อมารับใช้ปัจจุบัน ตรงที่ว่าแต่ละปีสถานการณ์ทางการเมืองในปีนั้นๆ มันเป็นอย่างไร ตอนครบรอบ 25 ปี 6 ตุลา เป็นช่วงที่มีการเปิดอนุสรณ์ 14 ตุลา 16 บริเวณสี่แยกคอกวัว ดังนั้นจึงมีการแข่งแนวคิดกันระหว่าง “6 ตุลา” กับ “14 ตุลา” ว่าเริ่มต้นจากอุดมการณ์เหมือนกันหรือไม่ บางคนก็มองว่าไม่เหมือนกันจะนำมารวมกันไม่ได้ หรือบางคนก็พยายามแยก 14 กับ 6 ตุลา เพราะมองว่า 6 ตุลา เป็นเรื่องของคอมมิวนิสต์ รวมทั้งมีเรื่อที่พูดไม่ได้หลายเรื่องในสังคมไทย เนื่องจากคนที่เป็นฆาตรกรของอาชญากรรมรัฐจากการฆ่าหมู่นี้ก็ยังอยู่ โดยใช้ความโหดเหี้ยมรุนแรง
ภาพวางศิลาฤกษ์อนุสรณ์สถาน 6 ตุลาคม 2519
ที่มา บนหน้าแรกของหนังสือที่แจกในงานเปิดประติมากรรม 6 ตุลา ปี 2543
การที่ มธ. ลดกิจกรรม 6 ตุลา เหลือเพียงกิจกรรมทางศาสนาและการกล่าวรำลึก และให้เวทีกิจกรรมต่างๆ ไปร่วจัดกับ 14 ตุลา ทีเดียว มองปรากฏการณีนี้ว่าอย่างไร?
ให้มันไปตามธรรมดาของมันยังจะดีเสียกว่า หรือปล่อยให้เหมือนเดิม คือตนถูกตั้งให้เป็นกรรมการจัดงานมาตลอดต่อเนื่องตั้งแต่ 20 ปี 6 ตุลา แต่มาปีนี้เขาเองชื่อตนออกเลย ไม่ให้อยู่ในกรรมการจัดงาน เนื่องจากตนเป็นรรมการจัดสร้างกำแพงประวัติศาตร์และช่วยระดมทุนจัดชิ้นงานปฏิมากรรม 11 เหตุการณ์ 8 ชิ้นงาน ที่บริเวณหน้าหอใหญ่ มธ. เป็นการทำแบบอาสาสมัคร เวลามีงานตนก็ช่วยคิดช่วยทำมาโดยตลอด จึงสงสัยว่าปีนี้มันเกิดอะไรขึ้น ต้องสอบถามผู้บริหารมหาวิทยาลัย บางคนอาจมองว่าเกิดจากเหตุการณ์ปีที่แล้ว ที่มีการจัดงาน 40 ปี 14 ตุลา และมีการตั้งกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เมื่อทำไปแล้ว ซึ่งกิจกรรมมีหลากหลายมาก แต่พอดีมีละครซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่หลายหลายนั้นถูกกล่าวหาว่าผิด ม.112 ทางมหาวิทยาลัยอาจจะกลัวหรือรู้สึกว่าตัวเองอาจจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอะไร ซึ่งคิดว่าตรงนี้ก็ไม่เป็นธรรม จริงๆ แล้วต้องดูเหตุผลของคณะผู้จัดงาน ที่คณะผู้จัดงาน 40 ปี 14 ตุลา นั้นมีวัตถุประสงค์แต่ต้นว่าสนับสนุนประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และพูดถึงเรื่องวันรำลึกวันสำคัญอันเป็นวันที่นักศึกษา ประชาชน ร่วมกันต่อสู่เพื่อประชาธิปไตย
ภาพกิจกรรมรำลึก 34 ปี 6 ตุลา 19
คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงานรำลึกจากไหน?
คำสั่งจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ แต่มาปีนี้เขารีบเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ทั้งที่ในคำสั่งนั้นจะไม่ระบุว่าสิ้นสุดการเป็นกรรมการเมื่อไหร่ เพราะให้เป็นกรรมการจัดงานทุกปีไป โดยชื่อคำสั่งนั้นคือ คำสั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ 1915/2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดงาน 6 ตุลา 2519 และ 14 ตุลา 2516 โดยในตอนท้ายคำสั่ง ระบุว่า “ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้มีวาระการดำเนินงานในทุกปี” อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลเพราะก่อนหน้านี้ตนก็ทำกิจกรรมนี้มาโดยตลอด ไม่ใช่เพียงปี 55 เท่านั้น
แต่ในปีนี้เขาพยายามดึงชื่อตนออกจากคำสั่งในการจัดงานและเรื่อนการประชุมเตรียมงาน ทั้งที่ปกติดจะต้องประชุมตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ก็เรื่อนประชุมมาเรื่อยๆ จนกระทั่งทราบจากเจ้าหน้าที่ที่เขาปกติดูแลงานก็บอกว่าไม่มีชื่อ ‘วิภา ดาวมณี’ เป็นกรรมการแล้ว แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะแม้จะมีมีชื่อก็ยังทำกิจกรรมนี้ต่อไป เพราะมันมีกลุ่มองค์กรที่จัดงานกันอยู่ประจำ มีญาติ มีเพื่อนของคนที่เสียชีวิตที่จะต้องมางาน
กิจกรรมทำบุญทางศาสนานั้น ในตอนแรกบอกว่าไม่มีด้วยซ้ำ ข่าวตอนแรกที่ทราบคือเขาจะไม่ให้จัดงานในวันที่ 6 ตุลา โดยจะให้ไปรวมจัดวันที่ 14 ตุลา วันเดียว ซึ่งเข้าในว่าเนื่องจากมีคนไปสอบถาม จึงทราบภายหลังว่าทางวอยส์ ทีวี ไปถามอาจารย์นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ว่ามีการจัดให้มีการรำลึก แต่ห้ามใช้หอประชุม ห้ามจัดสัมนา เสวนาหรือปาฐกถา ซึ่งเป็นเรื่องแปลก ทั้งที่การจัดเสวนาและปาฐกถาไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก่อนหน้านี้ เพราะปาฐกถาปีที่แล้วก็เป็นเสกสรร ประเสริฐกุล จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรผิดปกติ
ภาพนักกิจกรรม นศ. ม.อุบล รณรงค์ รำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลา กลางเมืองอุบล เมื่อปีที่แล้ว (ที่มาและอ่านรายละเอียดที่: คนรุ่นใหม่ รำลึก 6 ตุลา กลางเมืองอุบลฯ )
ในฐาะที่ทำงานรำลึก 6 ตุลา มา 17 ปี ประวัติศาสตร์ 6 ตุลา นี้ การรับรู้ของคนในสังคมไทยมีความสำคัญอย่างไร?
หลายปีที่ผ่านมา เราบอกว่ามันมีพลวัตรและมักจะเกี่ยวข้องกับการเมืองในช่วงนั้นๆ แต่สังเกตุให้ดีว่ามันอาจจะอยู่เพียงกับคนกลุ่มหนึ่ง คือ คนที่อยู่ในรุ่นนั้น หรือสื่อมวลชนบางส่วนเพราะสื่อบางคนที่ปัจจุบันเป็นระดับบริหารก็มาจากคนรุ่นนั้น แต่ว่าในปีที่ประชาชนตื่นตัวทางการเมืองมากๆ คือหลังจากที่มีกลุ่มเสื้อแดงที่มีความตื่นตัวทางการเมืองมาก ที่ต้องการสิทธิเสียงทางการเมือง ต้องการการรวมกลุ่ม สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความเข้าใจ 6 ตุลา และ 14 ตุลา โดยเฉพาะเรื่อง 6 ตุลา ชัดเจนขึ้น และยิ่งประสบเหตุการณ์ปี 52, 53 คนยิ่งไปเปรียบเทียบว่าเป็นการฆ่านกพิราบ เป็นการล้อมฆ่าคนมือเปล่า
เราต้องดีใจว่าในช่วงความตื่นตัวของประชาชน “6 ตุลา” ได้รับการเผยแพร่ออกไปมากกว่าที่เคยมีมา 10-20 ปีก่อนหน้าเสียอีก แต่ต้องยอมรับว่าตั้งแต่มีมวลชนเสื้อแดงที่มาจากประชาชน ชาวบ้าน มีความเข้าใจและอยากจะรู้เรื่อง 6 ตุลา มากกว่า 10 กว่าปีก่อนหน้าเสียอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นั่นหมายความว่าความตื่นตัวเรื่องประชาธิปไตยมีผลต่อการรับรู้เรื่อง 6 ตุลา โดยตรง ไม่ว่าจะพยายามเผยแพร่อย่างไร เพราะที่ผ่านๆมาก่อนหน้าที่ ตนพยายามแจกหนังสือ “อาชญากรรมรัฐในวิกฤตการเปลี่ยนแปลง 6 ตุลา” ที่คณะจัดทำข้อมูลและสืบพยานจัดทำขึ้นมา บางทีแจกฟรีให้สื่อสื่ยังไม่เปิดดูเลยก็มี แต่หลังจากที่มวลชนมีความตื่นตัวทางการเมืองเขาสามารถเปรียบเทียบเหตุการณ์ได้ ความตื่นตัวทางการเมืองของชนชั้นล่าวมีผลต่อความเข้าใจเหตุการณ์ที่มากกว่าเป็นเพียงงานรำลึก แม้งานรำลึกจะมีส่วนสำคัญในการแย่งชิงพื้นที่สื่อบ้าง แย่งชิงพื้นที่ทางประวัติศาสตร์บ้าง ซึ่งประวัติศาสตร์ไม่ได้สร้างมาด้วยคนไม่กี่คน แต่มันต้องสร้างโดยประชาชน เพราะฉะนั้นในยุคของคนเสื้อแดง บางทีก็มีการต่อว่าต่อขานกันว่าคนตุลาหายไปไหน คนตุลาตายแล้ว ซึ่งคนตุลาก็ยังมีการแบ่งว่าเป็นกี่พวกกี่ฝ่าย
สิ่งที่น่าเสียดายคือถ้าธรรมศาสตร์ไม่ยอมให้จัดงานในเชิงเสวนา สัมนา งานเชิงวิชาการหรือการปาฐกถา มันมีเหตุผลอะไร ในเมื่อธรรมศาสตร์อุตส่าห์เปิดพื้นที่ในการจัดงาน 6 ตุลา มาตลอด
ตอนรัฐประหาร 2549 มีผลต่อการจัดงานรำลึก 6 ตุลา หรือไม่?
ตอนนั้นยังไม่มี เราเดินหน้าจัดทุกครั้งไป  และหากต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 เพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ ‘www.2519.net
จริงๆ ต้องขอบคุณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะการตัดสินใจให้จัดงาน 20 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มาก ที่อาจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร เป็นอธิการบดี ขณะนั้น และคณะกรรมการจัดงาน 20 ปี 6 ตุลา ตอนนั้นก็ไม่ใช่เพียงจัดงานรำลึกแล้วเลิกไปเลย แต่มีความพยายามผลักดันจัดสร้างอนุสรณ์ของเหตุการณ์นี้ และอาจารย์นรนิติ ก็ต้องการให้มีการสร้างทุกเหตุการณ์ ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ 6 ตุลา จนออกมาเป็นในรูปของ 11 เหตุการณ์ทางการเมืองที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เกี่ยวข้อง โดยมี 8 ชิ้นงาน และ 11 เหตุการณ์นั้น สะท้อนภาพลักษณ์ของธรรมศาสตร์ในด้านการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยตรง จึงถือเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยในขณะนั้นให้ความสนับสนุน ดังนั้นการที่ทางมหาวิทยาลัยคิดว่าการจัดงาน 6 ตุลาในปีนี้ ทำให้มันน้อยที่สุดนั้น จึงคิดว่ามหาวิทยาลัยเองควรต้องกลับไปทบทวน

รัฐประหาร 2557: ประกาศแล้ว 250 ชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ

           6 ต.ค.2557 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศ แต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ประกาศระบุว่า  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามมาตรา 28 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557  ดังต่อไปนี้
  • 1. นายกษิดิ์เดชธนทัต เสกขุนทด
  • 2. นายกาศพล แก้วประพาฬ
  • 3. นายกิตติ โกสินสกุล
  • 4. นางกัญญ์ฐญาณ์ ภู่สวาสดิ์
  • 5. นายกงกฤช หิรัญกิจ
  • 6. นายกมล รอดคล้าย
  • 7. นางกอบกุล พันธ์เจริญวรกุล
  • 8. นางกอบแก้ว จันทร์ดี
  • 9. นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล
  • 10. นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์
  • 11. นายกิตติภณ ทุ่งกลาง
  • 12. นายกิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์
  • 13. นางกูไซหม๊ะวันซาฟีหน๊ะ มนูญทวี
  • 14. นายเกริกไกร จีระแพทย์
  • 15. นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง
  • 16. นายเกษมสันต์ จิณณวาโส
  • 17. นายโกเมศ แดงทองดี
  • 18. นายโกวิทย์ ทรงคุณ
  • 19. นายโกวิท ศรีไพโรจน์
  • 20. นายไกรราศ แก้วดี
  • 21. นายไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ
  • 22. นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์
  • 23. พลตำรวจตรี ขจร สัยวัตร์
  • 24. พลอากาศเอก ขวัญชัย เอี่ยมรักษา
  • 25. นายเขมทัต สุคนธสิงห์
  • 26. นายเข็มชัย ชุติวงศ์
  • 27. พลอากาศเอก คณิต สุวรรณเนตร
  • 28. นายคณิศร ขุริรัง
  • 29. นายคำนูณ สิทธิสมาน
  • 30. นายคุรุจิต นาครทรรพ
  • 31. นายจรัส สุทธิกุลบุตร
  • 32. นายจรัส สุวรรณมาลา
  • 33. พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา
  • 34. นายจรูญ จึงยิ่งเรืองรุ่ง
  • 35. พลเอก จิระ โกมุทพงศ์
  • 36. พลเอก จิรพันธ์ เกษมศานติ์สุข
  • 37. พันตำรวจโท จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์
  • 38. ว่าที่ร้อยเอก จิตร์ ศิรธรานนท์
  • 39. นายจีระรัตน์ นพวงศ์ ณ อยุธยา
  • 40. นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี
  • 41. นางจุรี วิจิตรวาทการ
  • 42. นายจิรวัฒน์ เวียงด้าน
  • 43. นางจุไรรัตน์ จุลจักรวัฒน์
  • 44. นายจุมพล รอดคำดี
  • 45. นายจุมพล สุขมั่น
  • 46. นายเจน นำชัยศิริ
  • 47. นายเจริญศักดิ์ ศาลากิจ
  • 48. พลอากาศเอก เจษฎา วิจารณ์
  • 49. นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
  • 50. นายจำลอง โพธิ์สุข
  • 51. นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน
  • 52. นายเฉลิมพล ประทีปะวณิช
  • 53. นายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ
  • 54. นางชัชนาถ เทพธรานนท์
  • 55. นายชัย ชิดชอบ
  • 56. นายชัยพร ทองประเสริฐ
  • 57. นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ
  • 58. นายชัยอนันต์ สมุทวณิช
  • 59. นายชาลี เจริญสุข
  • 60. นายชาลี เอียดสกุล
  • 61. นายชาลี ตั้งจีรวงษ์
  • 62. พลเรือเอก ชาญชัย เจริญสุวรรณ
  • 63. นายชาติชาย ณ เชียงใหม่
  • 64. นายชิงชัย หาญเจนลักษณ์
  • 65. นายชิตชัย จิวะตุวินันท์
  • 66. นายชูชัย ศุภวงศ์
  • 67. นายชูชาติ อินสว่าง
  • 68. พลเอก ชูศิลป์ คุณาไทย
  • 69. นายเชิดชัย วงศ์เสรี
  • 70. นายเชื้อ ฮั่นจินดา
  • 71. นายฐิติ วุฑฒิโกวิทย์
  • 72. พลโท ฐิติวัจน์ กำลังเอก
  • 73. นางฑิฆัมพร กองสอน
  • 74. นายณรงค์ พุทธิชีวิน
  • 75. นายณรงค์ วรงศ์เกรียงไกร
  • 76. นายณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา
  • 77. นายดิเรก ถึงฝั่ง
  • 78. นายดำรงค์ พิเดช
  • 79. นายดุสิต เครืองาม
  • 80. นายดุสิต ลีลาภัทรพันธุ์
  • 81. พลโท เดชา ปุญญบาล
  • 82. นายเดชฤทธิ์ ปัญจะมูล
  • 83. นางตรึงใจ บูรณสมภพ
  • 84. นางเตือนใจ สินธุวณิก
  • 85. นางถวิลวดี บุรีกุล
  • 86. นายถาวร เฉิดพันธุ์
  • 87. นายทองฉัตร หงศ์ลดารมภ์
  • 88. นายทนงศักดิ์ ทวีทอง
  • 89. นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ
  • 90. นางสาวทัศนา บุญทอง
  • 91. นางทิชา ณ นคร
  • 92. นายทิวา การกระสัง
  • 93. นายเทียนฉาย กีระนันทน์
  • 94. นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ
  • 95. นายทรงชัย วงศ์สวัสดิ์
  • 96. พันเอก ธนศักดิ์ มิตรภานนท์
  • 97. นายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
  • 98. นายธรรมรักษ์ การพิศิษฎ์
  • 99. นายธวัช สุวุฒิกุล
  • 100. นายธวัชชัย ยงกิตติกุล
  • 101. พลเอก ธวัชชัย สมุทรสาคร
  • 102. นายธวัชชัย อุ่ยพานิช
  • 103. นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์
  • 104. นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์
  • 105. นายธำรง อัศวสุธีรกุล
  • 106. พลโท นคร สุขประเสริฐ
  • 107. นางนรีวรรณ จินตกานนท์
  • 108. นายนันทวัฒน์ บรมานันท์
  • 109. พลโท นาวิน ดำริกาญจน์
  • 110. นายนิฟาริด ระเด่นอาหมัด
  • 111. นายนิคม มากรุ่งแจ้ง
  • 112. นายนิพนธ์ คำพา
  • 113. นายนิพนธ์ นาคสมภพ
  • 114. นายนิมิต สิทธิไตรย์
  • 115. นายนิรันดร์ พันทรกิจ
  • 116. นายนิอาแซ ซีอุเซ็ง
  • 117. นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
  • 118. นายนำชัย กฤษณาสกุล
  • 119. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ
  • 120. นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์
  • 121. นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์
  • 122. นายบุญถิ่น มั่นเกษวิทย์
  • 123. นายบุญเลิศ คชายุทธเดช
  • 124. นางเบญจวรรณ สร่างนิทร
  • 125. นายประชา เตรัตน์
  • 126. นายประทวน สุทธิอำนวยเดช
  • 127. นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์
  • 128. นางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด
  • 129. นางประภาภัทร นิยม
  • 130. นางประภาศรี สุฉันทบุตร
  • 131. นายประมนต์ สุธีวงศ์
  • 132. นายประสาร มฤคพิทักษ์
  • 133. นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์
  • 134. พลเอก ประสูตร รัศมีแพทย์
  • 135. นายประเสริฐ ชิตพงศ์
  • 136. นายประเสริฐ ศัลย์วิวรรธน์
  • 137. นายปราโมทย์ ไม้กลัด
  • 138. นายปรีชา เถาทอง
  • 139. นายปรีชา บุตรศรี
  • 140. พลตำรวจตรี ปรีชา สมุทระเปารยะ
  • 141. นายปิยะวัติ บุญ-หลง
  • 142. นายเปรื่อง จันดา
  • 143. นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ
  • 144. นายพงศ์โพยม วาศภูติ
  • 145. นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช
  • 146. นายพนา ทองมีอาคม
  • 147. นายพรชัย มุ่งเจริญพร
  • 148. นางพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์
  • 149. นางพรรณวีรินทร์ รัตนวานิช
  • 150. นางพรรณี จารุสมบัติ
  • 151. นายพรายพล คุ้มทรัพย์
  • 152. นายพลเดช ปิ่นประทีป
  • 153. พลเอก พอพล มณีรินทร์
  • 154. พลเรือเอก พะจุณณ์ ตามประทีป
  • 155. นางพันธุ์ทิพย์ สายสุนทร
  • 156. นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา
  • 157. นายพิสิฐ ลี้อาธรรม
  • 158. นายเพิ่มศักดิ์ เชื้อชาติ
  • 159. นายไพฑูรย์ หลิมวัฒนา
  • 160. นายไพบูลย์ นิติตะวัน
  • 161. นายไพบูลย์ นลินทรางกูร
  • 162. นายไพโรจน์ พรหมสาส์น
  • 163. นาวาอากาศเอก ไพศาล จันทรพิทักษ์
  • 164. นางภัทรียา สุมะโน
  • 165. พลเอก ภูดิศ ทัตติยโชติ
  • 166. พลอากาศเอก มนัส รูปขจร
  • 167. นายมนู เลียวไพโรจน์
  • 168. นายมนูญ ศิริวรรณ
  • 169. นายมานิจ สุขสมจิตร
  • 170. นายมีชัย วีระไวทยะ
  • 171. พันตำรวจตรี ยงยุทธ สาระสมบัติ
  • 172. พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา
  • 173. นางสาวรสนา โตสิตระกูล
  • 174. พลเอก เลิศรัตน์ รัตนวานิช
  • 175. นายวรรณชัย บุญบำรุง
  • 176. พลเอก วรวิทย์ พรรณสมัย
  • 177. นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา
  • 178. นายวสันต์ ภัยหลีกลี้
  • 179. พลเอก วัฒนา สรรพานิช
  • 180. นายวันชัย สอนสิริ
  • 181. นายวัลลภ พริ้งพงษ์
  • 182. นายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์
  • 183. พลเอก วิชิต ยาทิพย์
  • 184. นายวิทยา กุลสมบูรณ์
  • 185. นายวินัย ดะห์ลัน
  • 186. นายวิบูลย์ คูหิรัญ
  • 187. นายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์
  • 188. นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร
  • 189. นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร
  • 190. นายวีระศักดิ์ ภูครองหิน
  • 191. พลเอก วุฒินันท์ ลีลายุทธ
  • 192. นายวุฒิสาร ตันไชย
  • 193. นายไวกูณฑ์ ทองอร่าม
  • 194. นายศานิตย์ นาคสุขศรี
  • 195. นายศักรินทร์ ภูมิรัตน
  • 196. นายศักดา ศรีวิริยะไพบูลย์
  • 197. นายศิริ จิระพงษ์พันธ์
  • 198. นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา
  • 199. พลเรือเอก ศุภกร บูรณดิลก
  • 200. นายศุภชัย ยาวะประภาษ
  • 201. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
  • 202. นายสมเกียรติ ชอบผล
  • 203. นายสมเดช นิลพันธุ์
  • 204. นายสมชัย ฤชุพันธ์
  • 205. นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์
  • 206. นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา
  • 207. นายสมศักดิ์ โล่สถาพรพิพิธ
  • 208. นายสยุมพร ลิ่มไทย
  • 209. นายสรณะ เทพเนาว์
  • 210. นายสังศิต พิริยะรังสรรค์
  • 211. นายสายัณห์ จันทร์วิภาสวงศ์
  • 212. นางสาวสารี อ๋องสมหวัง
  • 213. นายสิระ เจนจาคะ
  • 214. พันเอก สิรวิชญ์ นาคทอง
  • 215. นางสีลาภรณ์ บัวสาย
  • 216. นายสืบพงศ์ ธรรมชาติ
  • 217. นางสุกัญญา สุดบรรทัด
  • 218. นายสุชาติ นวกวงษ์
  • 219. นายสุทัศน์ เศรษฐ์บุญสร้าง
  • 220. นายสุธรรม ลิ้มสุวรรณเกษม
  • 221. นายสุพร สุวรรณโชติ
  • 222. นางสาวสุภัทรา นาคะผิว
  • 223. พลเรือเอก สุรินทร์ เริงอารมณ์
  • 224. นายสุวัช สิงหพันธุ์
  • 225. นายสุวัฒน์ วิริยพงษ์สุกิจ
  • 226. นายสุวิทย์ เมษินทรีย์
  • 227. นายเสรี สุวรรณภานนท์
  • 228. นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ
  • 229. นายอดิศักดิ์ ภาณุพงศ์
  • 230. นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ
  • 231. นายอนันตชัย คุณานันทกุล
  • 232. นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล
  • 233. พลเรือเอก อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ
  • 234. นายอมร วาณิชวิวัฒน์
  • 235. นายอมรวิชช์ นาครทรรพ
  • 236. นางสาวอรพินท์ สพโชคชัย
  • 237. นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ
  • 238. นายอลงกรณ์ พลบุตร
  • 239. นางสาวอ่อนอุษา ลำเลียงพล
  • 240. นางอัญชลี ชวนิชย์
  • 241. พลตำรวจโท อาจิณ โชติวงศ์
  • 242. พันตรี อาณันย์ วัชโรทัย
  • 243. นายอำพล จินดาวัฒนะ
  • 244. นายอุดม เฟื่องฟุ้ง
  • 245. นายอุดม ทุมโฆสิต
  • 246. นายอุทัย สอนหลักทรัพย์
  • 247. นางอุบล หลิมสกุล
  • 248. พลเอก เอกชัย ศรีวิลาศ
  • 249. นายเอกราช ช่างเหลา
  • 250. นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์
             ก่อนหน้านี้ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ตั้งข้อสังเกตเรื่องที่มาและกระบวนการสรรหา สปช. ว่า เป็นกระบวนการสรรหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน เพราะ
 
  • (1) กระบวนการสรรหาจะมีคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด ซึ่งบุคคลที่เป็นคณะกรรมการสรรหามาจากข้าราชการประจำที่เป็นส่วนกลาง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล และ คณะกรรมการเลือกตั้ง ในขณะที่กรรมการที่ยึดโยงกับประชาชนจริงมีเพียง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่า การปฎิรูปครั้งนี้น่าจะเป็นการปฎิรูปโดยระบบราชการ มากกว่าการปฎิรูปโดยประชาชน จึงน่าสงสัยว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะเป็นไปตามความต้องการของประชาชนหรือไม่
  • (2) คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน มีโอกาสถูกแทรกแซงโดย คสช.เพราะคณะกรรมการสรรหาทั้งหมดนั้นมาจากการแต่งตั้งโดย คสช. ในกรณีกรรมการสรรหาระดับจังหวัดหากจำนวนบุคคลในแต่ละจังหวัดไม่ครบ คสช.สามารถแต่งตั้งเองตามความเหมาะสมได้

รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557
มาตรา 31 สภาปฏิรูปแห่งชาติมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
  • (1) ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทําแนวทางและข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามมาตรา 27 เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • (2) เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ในการจัดทําร่างรัฐธรรมนูญ
  • (3) พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจัดทําขึ้นในการดําเนินการตาม (1) หากเห็นว่ากรณีใดจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัติหรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นใช้บังคับ ให้สภาปฏิรูปแห่งชาติจัดทําร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ในกรณีที่เป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ให้จัดทําเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อดําเนินการต่อไปให้สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะตาม (2) ต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญภายในหกสิบวันนับแต่วันที่มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติครั้งแรกให้นําความในมาตรา 13 และมาตรา 18 มาใช้บังคับแก่การปฏิบัติหน้าที่ของสภาปฏิรูปแห่งชาติด้วยโดยอนุโลม