เวลาประมาณ 14.00 น. ผู้สื่อข่ายรายงานว่า สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ถูกส่งตัวจากหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เดินทางมายังศาลทหารตั้งแต่เวลาประมาณ 12.10 น. จากนั้นจนถึงเวลาประมาณ 14.00 น.บก.ลายจุด และทนายยังคงรอผลการยื่นประกันตัว ซึ่งถูกตั้งข้อหา 3 ข้อหา และพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว
นายสมบัติ กล่าวว่า เขาถูกแจ้งข้อกล่าวหา ข้อหาแรก 2 กรรม คือ ขัดประกาศหรือคำสั่งคสช. ซึ่งประกาศเรียก 2 ครั้งแล้วไม่รายงานตัว, ข้อหาที่สอง คือ มาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา, ข้อหาที่สามคือ มาตรา 14 ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ว่าด้วยการนำเข้าข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง
นายสมบัติกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้เขาถูกควบคุมตัวไว้ที่จังหวัดชลบุรีแต่ไม่ทราบว่าที่ใด เนื่องจากถูกปิดตาระหว่างเดินทาง นอกจากนี้ยังไม่ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารใดๆ จากข้างนอกเนื่องจากไม่มีทีวี ไม่มีหนังสือพิมพ์ แต่ก็สามารถกินอิ่มนอนหลับและไม่ถูกทำร้ายแต่อย่างใด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอยากบอกอะไรกับสาธารณะหากไม่ได้ประกันตัว สมบัติกล่าวว่า “ผมอยากบอกว่า ขอบคุณทุกคน และเพื่อระลึกถึงทุกท่านที่ร่วมกันต่อสู้ เป็นกำลังใจให้โดยตลอด เมื่อปฏิทินเดินทางมาถึงวันอาทิตย์ ในทุกๆ วันอาทิตย์ ผมจะใส่เสื้อสีแดง เพื่อระลึกถึงทุกท่านและยืนยันว่ายังยืนหยัดต่อสู้”
เมื่อถามถึงกรณีจดหมายที่ลูกสาวเขียนถึง สมบัติกล่าวว่า ได้อ่านแล้วและเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อว่า “ก็เข้าใจความรู้สึกของเขา มันเป็นการแสดงออก อ่านแล้วผมก็อึ้งและรู้สึกเศร้า สงสารลูก”
ด้านอานนท์ นำภา ทนายความโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ศาลอนุญาตให้ฝากขัง บก.12 วัน แต่พนักงานสอบสวนตอบคำถามค้านทนายว่า ขั้นตอนที่เหลือเป็นขั้นตอนภายใน ไม่เกี่ยวกับ บก.แล้ว และของกลางก็ได้ยึดไปตรวจหมดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ ไต่สวนขอประกัน ญาติวางเงินสด 400,000 บาท และขอแถลงเงื่อนไขและคำมั่นในการปฏิบัติตัว ผู้ต้องหาพร้อมปฏิบัติคำสั่งศาลทุกประการ ลุ้นว่าศาลจะให้ประกันหรือไม่”
ทั้งนี้ สมบัติ ถูกจับกลางดึกวันที่ 5 มิ.ย.57 ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี โดยการสนธิกำลังของ ผบก.ปอท.ร่วมกับ ร.21รอ. และการตรวจไอพี โดย สขช. (สำนักข่าวกรองแห่งชาติ) จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว บก.ลายจุด ไปสอบสวนต่อที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง
สำหรับเอกสารฝากขังศาลทหารนั้น ระบุผู้ร้องคือ พนักงานสอบสวน กองกำกับการ2 กองบังคับการปราบปราม กับ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ โดยแจ้งข้อหาว่า “กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยประการใดๆ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร จับกุมได้เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.57 เวลา 10.00 น. ตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพ ที่ 26/57 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2557”
เอกสารยังระบุถึงพฤติการณ์แห่งคดีว่า “ผู้ต้อหาโพสต์ข้อความทางเว็บไซต์เฟสบุ๊ก และทวิตเตอร์ในลักษณะยุยงให้ประชานออกมาต่อต้านการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของ คสช. และท้าทายให้ทำการจับกุมมาโดยตลอด เป็นการก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชานให้กระทำความผิดต่อกฎหมายแผ่นดิน เหตุเกิดระหว่างวันที่ 30 พ.ค.2557 ถึง 5 มิ.ย.2557 ต่อเนื่องกัน พนักงานสอบสวนรับตัวผู้ต้องหาวันที่ 12 มิ.ย.เวลา 10.30 น.”
พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว โดยระบุเหตุผลในเอกสารว่า “เนื่องจากผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีที่กองบังคับการปรามปราม ในความผิดเกี่ยวกับฝ่าฝืนไม่รายงานตัวตามคำสั่ง คสช. โดยมีร้อยเอก เมธาสิทธิ์ พิมพ์อภิกฤติยา ตำแหน่งนายทหารการยิงสนับสนุน กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 12 รักษาพระองค์ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษอีกคดีหนึ่ง
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และพ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3)”
=====================
มาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา ระบุว่า
ผู้ใด กระทำให้ปรากฏ แก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือ หรือ วิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำ ภายในความมุ่งหมาย แห่ง รัฐธรรมนูญ หรือมิใช่ เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือ ติชม โดยสุจริต
(1) เพื่อให้ เกิดการเปลี่ยนแปลง ในกฎหมายแผ่นดิน หรือ รัฐบาล โดย ใช้กำลัง ข่มขืนใจ หรือ ใช้กำลังประทุษร้าย
(2) เพื่อให้ เกิดความปั่นป่วน หรือ กระด้างกระเดื่อง ในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะ ก่อความไม่สงบขึ้น ใน ราชอาณาจักร หรือ
(3) เพื่อให้ ประชาชน ล่วงละเมิด กฎหมายแผ่นดิน
ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน เจ็ดปี
มาตรา 14 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ระบุว่า
ผู้ใดกระทำความผิที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุก
ไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับ
ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา