วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

'สุเทพ' นัดเดินสีลมจัด 'ขบวนโรบินฮู้ด' ระดมเงินช่วยชาวนาตามหนี้จำนำข้าว

'สุเทพ' นัดเดินสีลมจัด 'ขบวนโรบินฮู้ด' ระดมเงินช่วยชาวนาตามหนี้จำนำข้าว
‘สุเทพ’ ขึ้นเวทีปทุมวัน อัด ‘เฉลิม’ พยายามข่มขู่ท่อน้ำเลี้ยง กปปส. เหมือนเป็นการล่าเมืองขึ้นตบทรัพย์ จวกโครงการจำนำข้าวล้มเหลว ปลุกชาวนาลุกขึ้นทวงสิทธิ์ นัดเดินขบวนไปสีลมหาเงินช่วยชาวนา วันที่ 7 กับ 10 ก.พ.นี้ 'เอกนัฏ' แถลงวันเสาร์จัดกิจกรรมสานพลังสู่การปฏิรูป

ไทยรัฐออนไลน์ รายงานเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 6 ก.พ. 2557 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. กล่าวบนเวทีปทุมวัน มีความตอนหนึ่งว่า ขอพูดถึงนายสาธิต เซกัล ซ่ึงวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สั่งการให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สั่งการให้ทุกคนดำเนินการกับมวลมหาประชาชนทั้งทางตรงทางอ้อม ให้คนที่เกี่ยวข้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับมวลมหาประชาชน มิเช่นนั้นจะเดือดร้อน ข่มขู่มาตลอด คุกคามทางกฎหมาย ขู่เรียกเก็บภาษี ขู่อายัดบัญชีเงินต่างๆ ทั้งนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พูดว่าจะเอาเรื่องคนกลุ่มนี้ จาก 30 ราย เพิ่มเป็น 130 ราย

ที่ผ่านมานายสุรพงษ์เอาใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด จนได้ดิบได้ดี ได้เป็นรองนายกฯ ยิ่งนายสุรพงษ์ขู่จะดำเนินคดีกับนายทุน และท่อน้ำเลี้ยง กปปส. พวกเราเลยไม่สนใจ ร.ต.อ.เฉลิม ขู่จะเล่นงานนายทุน พวกขายเป็ด ขายไก่ ขายน้ำเมา ก็ขู่ตบทรัพย์ไปเรื่อย ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนั้นพูด แค่สงสัยก็บอกเป็นพวกเราหมด อ้างว่ามี 130 ราย ข้อหาเอาเงินมาช่วยกำนันสุเทพ หาว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยง ไหนๆ ก็โดนกล่าวหาแล้ว ก็มาเปิดตัวเสียเลย ขอเชิญมาอยู่กับเราให้ชัดเจนไปเลย เราไม่ได้ต้องการเงิน เพราะเรายืนอยู่ได้ เราสู้ได้จนถึงเมษายนปีหน้า สบายมาก

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายสาธิต เซกัล ตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นคนต่างด้าว ตนหลงรักคุณสาธิต ตั้งแต่วันที่ขึ้นเวทีสามเสน เพราะคุณสาธิตได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีในหลวง ฟังแล้วปลื้มจับใจ นายสาธิตเป็นคนไทยเชื้อสายแขก แต่จงรักภักดีมาก เป็นเรื่องที่น่ายินดี เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่านายสาธิตเป็นคนต่างด้าว และ ร.ต.อ.เฉลิม จ้องจะเนรเทศออกนอกประเทศ ตนจึงบอกนายสาธิตว่าไม่ต้องกลัว ให้มานอนกับพี่น้องมวลมหาประชาชน ตนจะดูแลเอง และไม่ต้องกลัว เพราะถ้าเราแพ้อย่างดีนายสาธิตก็แค่ถูกเนรเทศ แต่พวกตนติดคุก แต่ความจริงแล้วเราไม่มีแพ้แน่นอน คนแพ้คือพวกรัฐบาลที่ต้องเข้าคุก

 








1619425_746764135336071_1711168100_n 1743464_746764145336070_184462403_n

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายสุเทพอ่านจดหมายที่ส่งถึง นายถาวร เสนเนียม เนื้อหาคือคนเขียนตัดพ้อว่าเคยขึ้นเวที กปปส. แล้วถูกผู้บังคับบัญชาให้ทำเรื่องชี้แจง และสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ ก.พ. มาร่วมชุมนุม

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า วันนี้นายถาวร จะไปยื่นฟ้องกับศาลให้เพิกถอนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน วันนี้ศาลแพ่ง รัชดาฯ ชี้นัดตรวจสอบหลักฐานของคดี ซึ่งทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต้องไปยื่นต่อศาลว่ามีหลักฐานอะไรที่ต้องแสดงต่อศาลบ้าง แต่ไปไม่ได้เพราะมีหมายจับ จึงแต่งตั้งทนายไป ฝ่ายจำเลย คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร.ต.อ.เฉลิม และ พล.ต.อ.อดุลย์ ไม่ไปศาล แต่มอบทนายไปแทน แต่ขอขยายเวลาที่จะยืดคำให้การ เพราะหากศาลเพิกถอน รัฐบาลจะแย้งทันที จึงเตะถ่วงให้เรื่องช้า

หมวกชาวนา ติดเงิน.jpg

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ตนห่วงหลวงปู่พุทธะอิสระ หลังโดนออกหมายจับ หลวงปู่ก็จะไปยื่นอุทธรณ์หมายจับ หากศาลอุทธรณ์ไม่รับก็จะให้ทนายไปขอเลื่อน วันนี้หลวงปู่คุยกับ กกต. อนุญาตให้ กกต. เข้าไปทำงานได้ วันนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อ่านจดหมายระบุชัดว่านโยบายข้าวล้มเหลว นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชอบ รัฐบาลชุดนี้โกงเรื่องข้าวชัดเจน

"นอกจากนี้ ยังโกงแท็บเล็ตจีทูจี เป็น เจี๊ยะทูเจี๊ยะ แถมยังโกงชาวนา ดังนั้น วันที่ 7 ก.พ. เราจึงต้องเดินขบวนใหญ่อีกครั้งเพื่อหาเงินช่วยชาวนา ซึ่งเราจะเดิน 2 ครั้ง คือวันที่ 7 ก.พ. กับวันที่ 10 ก.พ. เอาไปให้พี่น้องชาวนาเป็นทุนต่อสู้ติดตามหนี้ เราจะไปที่ย่านสีลม" นายสุเทพ กล่าว

ส่วนมติชนออนไลน์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกลุ่มกปปส. เปิดเผยว่ากลุ่มกปปส.จะเดินหน้าปฏิบัติภารกิจ 2 กิจกรรมที่สำคัญ โดยเริ่มจากพรุ่งนี้  (7 ก.พ. 2557) เวลา 10.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. จะนำขบวนกปปส. จากเวทีเดินขบวนไปตามเส้นทางย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านสีลม เรียกได้ว่าเป็นขบวนโรบินฮู้ด เดินเพื่อระดมเงินนำไปสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพี่น้องชาวนาทั่วประเทศ เป็นต้นทุนในการนำไปเรียกร้องความเป็นธรรม และเรียกร้องเงินค่าข้าวคืนมา ส่วนจะเริ่มที่ไหนรายละเอียดของเส้นทางเป็นอย่างไรนั้น ขอให้รอฟังจากการปราศรัยของนายสุเทพ คืนนี้























นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า ส่วนกิจกรรมที่ 2 คือ เราจะจัดกิจกรรมสานพลังสู่การปฏิรูป โดยเป็นการจัดวงเสวนาที่บริเวณเวทีปทุมวัน เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ เข้ามาเสนอแนะให้ข้อคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับแนวทางปฏิรูป ซึ่งจะเริ่มครั้งแรกในวันที่ 8 ก.พ.นี้ เวลา10.00 น. ที่ห้อง 501 หอศิลป์กรุงเทพ โดยมีนพ.พลเดช ปิ่นประทีป เป็นผู้ดำเนินรายการ และยังมีกลุ่มตัวแทนวิชาชีพทางการแพทย์มาช่วยผ่าตัดประเทศ มีกลุ่มวิศวะมาช่วยซ่อมประเทศ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ขอให้ติดตามต่อไป











"เราจะจัด 2 กิจกรรมนี้ ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ พรุ่งนี้เริ่มเดินขบวนโรบินฮู้ดระดมเงินช่วยชาวนา และหลังจากนั้นก็อาจจัดกิจกรรมเพื่อระดมทุนให้ชาวนาในลักษณะนี้อีกเรื่อยๆ ส่วนการจัดกิจกรรมเสวนาปฏิรูป ก็จะมีการเชิญตัวแทนจากทุกกลุ่มวิชาชีพให้มาร่วมเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง" นายเอกนัฏ กล่าว

'กิตติรัตน์' ตอบ 'หม่อมอุ๋ย' แจงเงินจำนำข้าว ช้าเพราะฝ่ายค้าน-ม็อบ

'กิตติรัตน์' ตอบ 'หม่อมอุ๋ย' แจงเงินจำนำข้าว ช้าเพราะฝ่ายค้าน-ม็อบ
6 ก.พ. 2557 จากกรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยระบุถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล พร้อมเรียกร้องให้ยิ่งลักษณ์และคณะรัฐมนตรีรักษาการลาออก เพื่อเปิดทางให้นายกฯ คนกลางบริหารประเทศ
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.55น. กิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยชี้แจงประเด็นโครงการจำนำข้าวว่าที่ผ่านมา สามารถจ่ายเงินค่ารับจำนำได้โดยไม่ล่าช้า แต่เพราะสถานการณ์ทางการเมืองจากฝ่ายค้าน การบุกยึดสถานที่ราชการและการข่มขู่สถาบันการเงินและส่วนราชการ ทำให้การจัดหาเงินล่าช้า
ส่วนปัญหานโยบายพลังงานทางเลือก ตามยุทธศาสตร์พลังงาน (โครงการโซลาร์เซล) ม.ร.ว.ปรีดียาธร ระบุว่าเป็นไปด้วยความล่าช้านั้น กิตติรัตน์ ชี้แจงว่า เนื่องจากการดำเนินนโยบายต้องเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ ทำให้ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
ส่วนประเด็นเรื่องการปฏิรูปประเทศนั้น กิตติรัตน์ชี้ว่าเป็นเรื่องที่ทำคู่ขนานไปพร้อมการเลือกตั้งได้ ไม่จำเป็นต้องแช่แข็งประเทศ เนื่องจากปัญหาของประเทศมีหลายมิติ โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีลักษณะไม่หยุดนิ่ง จำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเพื่อบริหารราชการอย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุขณะนี้ ประเทศไทยได้ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นแล้ว จากการจัดการเลือกตั้งได้เกือบร้อยละ 90 และมีประชาชนมาใช้สิทธิกว่า 20 ล้านคน ซึ่งการที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังยึดติดอยู่กับประเด็นเดิม ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับผู้ชุมนุมในลักษณะที่คล้ายจะเป็นแนวร่วม ด้วยท่าทีที่สิ้นหวังต่อระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง ไม่ต่างจากการไม่ให้ความเคารพต่อเจตนารมณ์ของประชาชนที่ออกมาเลือกตั้ง ที่อดทนและยืนหยัดอยู่ข้างหลักการประชาธิปไตย
"การที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรฯ รวมทั้งผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องในลักษณะเดียวกันคือให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีคนกลางมาดำเนินการปฏิรูป ตลอดจนบริหารประเทศ นั้น เห็นได้ชัดว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นการละเลยการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนไม่คำนึงว่าการดำรงอยู่ของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี นั้น จะเป็นหลักประกันของการคงอยู่ซึ่งวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมโลกว่าประเทศไทยมีระบอบการเมืองการปกครองที่เข้มแข็ง พลเมืองมีความเท่าเทียมกันภายใต้ระบอบประชาธิปไตย มีความอดทนพร้อมที่จะพัฒนาการเมือง การปกครองให้เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น" กิตติรัตน์ระบุ

0000
จดหมายเปิดผนึกถึง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
สืบเนื่องจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้ทำจดหมายเปิดผนึก ถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น เห็นว่าหลักคิดและการอธิบายความในปัญหาต่างๆ ที่สังคมทั่วไปในจดหมายเปิดผนึกเป็นข้อมูลที่รับรู้และรับทราบโดยทั่วไป ทั้งในเวทีระบบรัฐสภา ที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล และมีการชี้แจงเสร็จสิ้นแล้วและเป็นข้อมูลที่มีการพูดจากัน ทั้งก่อนและหลังที่รัฐบาลได้ยุบสภา อีกทั้งเมื่อมีการชุมนุมของประชาชน ประชาชนก็ได้นำข้อมูลที่ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล ได้นำมาเผยแพร่ เวทีผู้ชุมนุมโดยกล่าวหาเป็นรายวัน เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง
ณ วันนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ก็กลับนำข้อมูลเดิมตามที่กล่าวมา มานำเสนอซ้ำอีก ในลักษณะแผ่นเสียงตกร่อง ทั้งสิ่งที่นำเสนอนั้น มิใช่ข้อคิด ความเห็น หรือข้อมูลใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และต่อสถานะของรัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่ง ม.ร.ว.ปรีดียาธรฯ ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรีสายเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลยุคหลังรัฐประหาร กันยายน พ.ศ.2549 ได้เคยออกมาตรการควบคุมเงินทุนไหลออกจนตลาดหุ้นล่มถล่มทลายมาแล้ว ทราบดีว่า รัฐบาลนี้ได้ตัดสินใจคืนอำนาจให้กับประชาชนเพื่อตัดสินใจทางการเมืองในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยในการกำหนดอนาคตของประเทศโดยปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำทางความคิด ไม่ว่าจะเป็นโดยบุคคลหรือคณะบุคคลใดก็ตาม
เพื่อให้สาธารณะได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง ผมขอถือโอกาสชี้แจงทำความเข้าใจในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
โครงการรับจำนำข้าว ดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2554 ต่อเนื่องมา 4 ฤดูการผลิต คือ 2554/55 (2) นาปี 2555/56 (3) นาปี 2555/56 และ (4) นาปรัง 2556/57 สามารถจ่ายเงินค่ารับจำนำแก่ชาวนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นจำนวนเงินกว่า 6 แสนล้านบาท จนมาถึงฤดูกาลนาปี 2556/57 ซึ่งได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการในวันที่ 3 กันยายน 2556 และรับจำนำมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 สามารถช่วยจ่ายค่ารับจำนำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงต้นฤดูกาลและได้จ่ายเงินค่ารับจำนำไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยไม่ได้ล่าช้า แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดจากฝ่ายค้านโดยทำให้การอนุมัติใช้งบประมาณประจำปีล่าช้า การบุกยึดกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ และ ส.ส. ฝ่ายค้านลาออกยกพรรค ซึ่งนำไปสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎร ทำให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายในการจัดหาเงินเพิ่มขึ้น และมีขบวนการในการข่มขู่ทั้งสถาบันการเงินและส่วนราชการที่ทำให้การจัดหาเงินมีความล่าช้า แต่กระทรวงการคลังยังคงเดินหน้าที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรี และกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและรอบคอบ
ต่อประเด็นที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรฯ ยกเรื่องคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว มากล่าวหา นั้นไม่เป็นธรรม ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น สิ่งที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรฯ รวมทั้งกลุ่มผู้โจมตีโครงการนี้มิได้พูดถึงเลยคือมูลค่าของข้าวที่อยู่ในสต๊อก ซึ่งมีมูลค่าอยู่ในตัวเอง รวมทั้งส่วนต่างที่ขาดหายไปนั้นแท้จริงแล้วอยู่ในมือชาวนา
สำหรับนโยบายพลังงานทางเลือก ตามยุทธศาสตร์พลังงาน (โครงการโซลาร์เซล) เป็นนโยบายที่ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล ซึ่ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธรฯ น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า ขั้นตอน กระบวนการในการดำเนินนโยบายนี้นั้น เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายหน่วยงาน ทำให้มีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานซึ่งท่านก็น่าจะเคยพบปัญหานี้มาก่อนในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะขั้นตอนในระดับปฏิบัติในการออกใบอนุญาต รง.4 ซึ่งรัฐบาลนี้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อเดือนตุลาคม 2556 ที่ผ่านมานั้น ได้พยายามแก้ไขปัญหาการออกใบอนุญาตดังกล่าว โดยการขอยกเว้นจากกระทรวงอุตสาหกรรม แต่จำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ จึงต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
ในประเด็นการปฏิรูปประเทศ นั้น มิได้เป็นปัญหาในการสร้างกระบวนการในการมีส่วนร่วมระหว่างประชาชน สถาบัน องค์กร ต่างๆ หรือการยอมรับ รวมทั้งปัญหาความเชื่อมั่นต่อประเด็นการปฏิรูปการเมือง ตามที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรฯ กล่าวอ้าง แต่แท้จริงแล้ว ในเรื่องนี้ เป็นประเด็นที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจว่าการปฏิรูปการเมือง สามารถดำเนินการคู่ขนานพร้อมไปกับการเลือกตั้ง โดยที่ไม่ต้อง “แช่แข็งประเทศ” อยู่กับการปฏิรูปการเมือง เพราะปัญหาของประเทศนั้น มีหลายมิติ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจมีลักษณะเป็นพลวัตที่ไม่หยุดนิ่ง จำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเพื่อให้การบริหารราชการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และในตอนนี้ ประเทศไทยได้ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่งจากความสำเร็จในการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งมีหน่วยเลือกตั้งเกือบร้อยละ 90 ที่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ และมีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งถึงกว่า 20 ล้านคน แม้ว่าการยังมีหลายพื้นที่ที่ยังจัดการเลือกตั้งไม่ได้ แต่เชื่อว่าในท้ายที่สุด กกต. รวมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคมจะร่วมมือกันช่วยประคับประคองรักษาระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้จนครบทุกเขต การที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรฯ ยังยึดติดอยู่กับประเด็นเดิม ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับผู้ชุมนุมในลักษณะที่คล้ายจะเป็นแนวร่วม ด้วยท่าทีที่สิ้นหวังต่อระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนนั้น ไม่ต่างจากการไม่ให้ความเคารพต่อเจตนารมณ์ของประชาชนทั้ง 20 ล้านคนที่ออกมาเลือกตั้ง ที่อดทนและยืนหยัดอยู่ข้างหลักการประชาธิปไตย
สุดท้ายนี้ การที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรฯ รวมทั้งผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องในลักษณะเดียวกันคือให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีคนกลางมาดำเนินการปฏิรูป ตลอดจนบริหารประเทศ นั้น เห็นได้ชัดว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นการละเลยการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนไม่คำนึงว่าการดำรงอยู่ของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี นั้น จะเป็นหลักประกันของการคงอยู่ซึ่งวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมโลกว่าประเทศไทยมีระบอบการเมืองการปกครองที่เข้มแข็ง พลเมืองมีความเท่าเทียมกันภายใต้ระบอบประชาธิปไตย มีความอดทนพร้อมที่จะพัฒนาการเมือง การปกครองให้เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง
รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ยิงเอ็ม 79 ใส่ กปปส.แจ้งวัฒนะ 2 ลูกซ้อน ไร้คนเจ็บ

ยิงเอ็ม 79 ใส่ กปปส.แจ้งวัฒนะ 2 ลูกซ้อน ไร้คนเจ็บ
6 ก.พ. 2557 เมื่อเวลา 20.26 น.ที่ผ่านมา  มีรายงานว่า ได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จำนวน 2 ลูก โดยลูกแรก กระสุนปืนตกลงบริเวณสะพานข้ามเหนือเต็นท์พยาบาล ส่วนอีกลูกตกลงในห้องอาบน้ำหญิง ด้านหลังเต็นท์พยาบาล ตรวจสอบเบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
 
กกต. เจรจา 'พุทธะอิสระ' ขอคืนพื้นที่ทำงาน
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศูนย์ราชการ อาคาร บี หลวงปู่พุทธะอิสระ พร้อมด้วยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง เข้าตรวจสอบสถานที่ทำงานของ กกต.เพื่อคืนพื้นที่ให้ข้าราชการเข้าทำงานได้เป็นปกติเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่มีการเจรจาเปิดพื้นที่ให้กระทรวงยุติธรรมเข้าทำงาน โดยนายสมชัย กล่าวภายหลังนำหลวงปู่ฯขึ้นไปสำรวจพื้นที่ทำงานของกกต.ภายในศูนย์ราชการอาคารบี ว่าได้ข้อยุติให้ข้าราชการ กกต.สามารถเข้ามาทำงานได้เป็นปกติตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. เป็นต้นไป โดยมีเงื่อนไขต้องออกจาก กกต.ภายใน 18.00 น. ซึ่งจะมีการตรวจสอบการเข้า-ออกสถานที่ทำงานอย่างเข้มงวด โดยต้องแสดงบัตรพนักงานและเซ็นชื่อเวลาเข้า-ออก อย่างชัดเจน แต่เบื้องต้นจะพยายามให้เจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ในเวลาไม่เกิน 16.00 น. ทั้งนี้ การเปิดสถานที่ก็เพื่อให้ กกต.สามารถทำการจัดการเลือกตั้งได้ตามอำนาจหน้าที่ทั้งการเลือกตั้งในพื้นที่ที่ยังไม่ได้จัดการเลือกตั้งรวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นด้วย อย่างไรก็ตามตนและหลวงปู่ฯมีความเห็นร่วมกันว่า ควรต้องให้คู่ขัดแย้งคือ กปปส.และรัฐบาลเจรจาหาข้อตกลงร่วมกันก่อนเลือกตั้ง
 
กระสุนปริศนาเจาะยางรถคนติดตามพุทธะอิสระ
ต่อมาเมื่อเวลา 14.45 น. ขณะที่หลวงปู่ฯ และนายสมชัย เดินขึ้นไปตรวจสอบสถานที่ทำงานของ กกต.ด้านบนอาคาร ปรากฏว่ามีเสียงปืนดังขึ้น 1นัด เมื่อตรวจสอบพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 1 ปลอกใกล้กับรถยนต์มิตซูบิชิ ทะเบียน ชท 6734 กทม. ของนายวีระ ศรีพิทักษ์ แนวร่วม กปปส.นนทบุรี ซึ่งติดตามคณะของหลวงปู่ฯมาในพื้นที่ สำรวจพบว่ายางล้อหลังด้านขวาถูกกระสุนปืนยิงแตก และมีหัวกระสุนลูกปลายกระจายอยู่จำนวนหนึ่งจากนั้นมีเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำการรักษาความปลอดภัยที่อาคารบี ออกมาสำรวจสถานการณ์ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าการ์ดที่ติดตามหลวงปู่ฯ มาอาจทำปืนลั่นเนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ปิด ยากที่บุคคลภายนอกจะเข้ามาก่อเหตุ อีกทั้งยังพบปลอกกระสุนตกอยู่ไม่ห่างจากรถคันที่เกิดเหตุ ทำให้การ์ดไม่ได้แสดงทีท่าตกใจและนำอะไหล่มาเปลี่ยน โดยไม่มีการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ขณะที่หลวงปู่ฯหลังสำรวจพื้นที่เสร็จก็ได้เดินทางพร้อมคณะออกจากพื้นที่ไปทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศูนย์ราชการอาคารบี มีหน่วยงานที่เปิดให้ข้าราชการทำงานเพียง 2 หน่วยงานคือสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และกกต. ส่วนอื่นยังไม่มีการเจรจาเพื่อขอเปิดสถานที่ให้ข้าราชการเข้าทำงาน
ด่วน!  คนร้ายยิง M79 ถล่มใส่ม็อบ กปปส. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ 





ฮาโหล ฮาโหล ว.2 คร๊อก ๆ มึงรู้ไหม ว่ากูลูกใคร และใครลูกกู







Photo: สำนักพุทธฯ บอกพุทธะอิสระทำผิดพระวินัยทำผิดกฎหมาย จับสึกได้เลย



Photo: JJ_Sathon @JJ_Sathon  

ภาพปริศนา ชายแต่งกายคล้ายพระ ยืนหลังแนวเต็นท์ทหารแยกหลักสี่ ยืนดูคนฆ่ากันตายนิ่งๆ

Photo: พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึง 
โกตี๋ แกนนำ นปช.ปทุมธานี ให้สัมภาภาษณ์ ทาง Spring News ว่า 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ สั่งฆ่า นั้นว่า อยากให้ โกตี๋ ระมัดระวังในการใช้คำพูด
ที่มีลักษณะพาดพิง ผบ.ทบ. ถือเป็นการให้ร้ายด้วยข้อความรุนแรง 

"ยืนยันว่าการดำเนินการต่างๆของกองทัพบกในช่วงที่ผ่านมาอยู่ภายใต้กรอบของกฎมายและรัฐธรรมนูญ และไม่เคยมีการปฎิบัตินอกกฎหมาย"

รองโฆษก ทบ. กล่าวว่า จะเห็นได้จาก การส่งทหารไปช่วยศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศรส.) 
เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน ก็มีคำสั่งที่เข้มงวดจาก ผบ.ทบ.ว่าห้ามพกพาอาวุธเข้าพื้นที่ 
หรือแม้แต่เหตุการณ์การปะทะกันบริเวณแยกหลัก 4 ท่ามกลางการใช้อาวุธยิงตอบโต้กันไปมาของทั้ง 2 ฝ่าย 
ทหารที่ออกไประงับเหตุการณ์และช่วยเหลือประชาชน ก็ออกไปมือเปล่า แม้รู้ว่าการออกไปแบบ
ปราศจากอาวุธเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายก็ตาม

“พล.อ.ประยุทธ์ มีนโยบายอย่างชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาที่เกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง โดยท่านมองว่า ทหารจะต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนทุกฝ่าย โดยไม่มีการแบ่งแยก และต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง โดยมองว่า การใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ไขปัญหาในปัจจุบันนี้ได้ " 

คำกล่าวอ้างเป็นคำพูดลอยๆของนายโกตี๋ ที่ คิดเอง เออเอง โดยไร้เหตุผล พยานหลักฐาน 
ถือว่าสร้างความเสียหายให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ และความเสื่อมเสียให้กับกองทัพเป็นอย่างมาก 
และขอให้นายโกตี๋ หยุดกระทำพฤติกรรมดังกล่าว โดยกองทัพบกกำลังศึกษาข้อกฎหมาย 
เพื่อดำเนินการทางเอาผิดทางด้านกฎหมาย

พร้อมทั้งให้สังคมย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของนายโกตี๋ ในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร 

" กองทัพบก ไม่อยากให้ค่ากับคนแบบนั้น เพียงแต่คำพูดดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กองทัพและ ผบ.ทบ.ตลอดจนสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม ” พ.อ.วินธัย กล่าว

------->>  ห๊ะ อะไรน๊ะ !! 
                ทหารให้ความช่วยเหลือประชาชนทุกฝ่าย
                 ทำไมไม่มีใครรู้เลยอ่ะ ว่าทหารน่ารักขนาดนี้








Photo: พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง พร้อมนิมนต์พุทธะอิสระมารับทราบหมายจับศาลอาญาข้อหาขัดขวางการเลือกตั้ง ยืนยันปฏิบัติตามกฎหมายแม้จะเป็นสมณเพศ via@VeerapornW