วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือก 9ผู้พิพากษา คดีป.ป.ช.ฟ้อง ‘สมชาย’ สั่งสลายม็อบพันธมิตรฯปี51

21 ม.ค.2558 ที่ศาลฎีกา ศูนย์ราชการ ถ.แจ้ววัฒนะ ดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้งหมด 173 คน เข้าร่วมประชุม เพื่อเลือกผู้พิพากษา 9 คน เป็นองค์คณะพิจารณาคดีหมายเลขดำ อม.2/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี  พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี  พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. เป็นจำเลยที่ 1-4  ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 295 และ 302 จาก
โดย ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา กรณีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 รัฐบาลนายสมชายได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา กระทั่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 471 ราย
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติเลือก เพลินจิต ตั้งพูลสกุล, วีระพล ตั้งสุวรรณ, ศิริชัย วัฒนโยธิน และชีพ จุลมนต์  รองประธานศาลฎีกา ชาติชาย อัครวิบูลย์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคฯ พฤษภา พนมยันตร์ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวฯ ธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฯ  นิยุต สุภัทรพาหิรผล ประธานแผนกคดีแรงงานฯ และ ธนสิทธิ์ นิลกำแหง ประธานแผนกคดีเลือกตั้ง เป็นองค์คณะ เพื่อพิจารณาคดีดังกล่าว
โดยหลังจากนี้ผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ซึ่งเป็นองค์คณะ จะประชุมกันเป็นการภายใน เพื่อเลือกผู้พิพากษา 1 คน เป็นเจ้าของสำนวน ขณะที่ ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่งว่า จะประทับรับฟ้องเป็นคดีหรือไม่ ในวันที่ 24 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น.

การ์ด คทป. ยื่นหนังสือจี้ วิป สนช. ถอดถอน ‘ยิ่งลักษณ์ สมศักดิ์ นิคม’


อดีตการ์ด คปท. เข้ายื่นหนังสือให้ สนช. หวังถอดถอน ‘ยิ่งลักษณ์ สมศักดิ์ นิคม’ เพื่อสร้างเพื่อสร้างบรรทัดฐานทางจริยธรรมทางการเมือง พร้อมชี้บุคคลทั้ง 3 ละเมิด รธน.
21 ม.ค. 2558 เว็บข่าวรัฐสภา รายงานว่า สมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการกิจการสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) รับหนังสือจากนัสเซอร์ ยีหมะ อดีตหัวหน่วยหน่วยรักษาความปลอดภัยกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูป ประเทศไทย (คปท.) และคณะ โดยขอให้ สนช.พิจารณาคดีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยความเป็นธรรม อย่างตรงไปตรงมา กรณีของสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ในคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภาโดยมิชอบ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของบุคคลทั้ง 3 เป็นการประพฤติปฏิบัติขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญ และพระราชกำหนดว่าด้วยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ดังนั้นจึงขอให้สมาชิก สนช.เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อร่วมลงมติพิจารณากรณีดังกล่าวอย่างเป็นเอกฉันท์ เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางจริยธรรมทางการเมือง ป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีความประพฤติเสียหายได้มีโอกาสเข้าสู่ระบบการเมืองได้ อีกต่อไป
ด้านสมชาย กล่าวว่า สมาชิก สนช.ตั้งใจเข้าร่วมประชุมในกรณีดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียง พร้อมยืนยันว่า ที่ประชุมทำหน้าที่พิจาณาคดีดังกล่าวด้วยความเป็นธรรมตรงไปตรงมา คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ขณะที่สมาชิกส่วนใหญ่จะรับฟังแถลงปิดคดีของผู้ถูกกล่าวหาเป็นหลัก เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงมติ แต่ยอมรับหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เมื่อวานนี้ (20 ม.ค. 58) มีผลต่อการตัดสินใจถอนถอนอดีตนายกรัฐมนตรี

คุก 16 เดือน-การุณ โหสกุล หาเสียงหมิ่นประมาท แทนคุณ จิตต์อิสระเมื่อปี 54

การุณ โหสกุล (ซ้าย) แทนคุณ จิตต์อิสระ (ขวา) (ที่มา: tpd.in.th/วิกิพีเดีย)
คดี 'เก่ง การุณ' หาเสียงหมิ่นประมาทแทนคุณ จิตต์อิสระ เมื่อปี 54 ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าแม้การปราศรัยไม่ได้ระบุชื่อ แต่เนื้อหาทำให้เข้าใจได้ว่าหมายถึงแทนคุณจริงจึงให้ลงโทษจำคุก 16 เดือน ลงโฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 3 วัน ขณะที่ก่อนหน้านี้การุณถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี จากการปราศรัยดังกล่าว
21 ม.ค. 2557 - ศาลอาญาพิพากษาจำคุก การุณ โหสกุล อดีต ส.ส.เพื่อไทย เขตดอนเมือง เป็นเวลา 16 เดือนไม่รอลงอาญา คดีหมิ่นประมาท แทนคุณ จิตต์อิสระ ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2554
โดยตามรายงานของ ไทยรัฐ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้การปราศรัยของนายการุณทั้งสองครั้ง คือวันที่ 3 และ 12 มิ.ย. 2554 แม้จะไม่ระบุชื่อชัดเจน แต่เนื้อหาในคำปราศรัยทำให้เข้าใจได้ว่า หมายถึงนายแทนคุณ จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาลงโทษ จำคุก 2 ปี คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 16 เดือน พิเคราะห์พฤติการณ์แล้วเห็นว่า จำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ในที่สาธารณะ ช่วงเวลาหาเสียงเลือกตั้ง กระทบต่อความน่าเชื่อถือ และคะแนนนิยมของโจทก์ จึงเป็นเรื่องร้ายแรงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์ 1 ฉบับ เป็นเวลา 3 วัน ด้านนายการุณ เตรียมประสานทนายความเตรียมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลแล้ว
โดยหลังคำพิพากษา นายการุณ ได้โพสต์ภาพลงเฟซบุ๊คคู่กับผู้ช่วย และแก้วกาแฟเย็น เขียนข้อความว่า "ผ่านไปอีกวันครับ ขอบคุณครับ"
ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคมปี 2556  ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้ตัดสินให้นายการุณ มีความผิดจากกรณีปราศรัยดังกล่าว ฐานเป็นการปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม ของนายแทนคุณและพรรคประชาธิปัตย์ โดยถือว่าฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 53 (5) มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม โดยเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี และให้จัดการเลือกตั้งใหม่

พล.อ.ประวิตร เตรียมดันราคายาง 80 บาท/กก. โดยเร็วที่สุด ไม่ห่วงม็อบให้กำลังใจอดีตนายกฯ

21 ม.ค.2558 พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้ประกอบการยางพารารายใหญ่ 5 แห่งว่า ผู้ประกอบการพร้อมให้ความร่วมมือในการรับซื้อยางจากเกษตรกรชาวสวนยาง ให้ได้ ราคากิโลกรัมละ 80 บาท ตามความต้องการของเกษตรกร โดยจะรับซื้อไม่จำกัดจำนวนและพยายามผลักดันราคายางให้ได้กิโลกรัมละ 80 บาทโดยเร็วที่สุด และเชื่อว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีการชุมนุมเรียกร้องในเรื่องราคายางอีก เพราะถือว่า ได้คำรับยืนยันจากภาคเอกชนโดยตรงที่จะช่วยเหลือเกษตรกร
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า การหารือในวันนี้ (21ม.ค.) ได้ติดตามมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่ ทั้งการให้วงเงินสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทยในการสนับสนุนผู้ประกอบการรับซื้อน้ำยางจากเกษตรกร และการให้สินเชื่อจากธนาคารออมสิน เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงงานยางพาราสามารถนำไปขยายโรงงาน ปรับปรุงโรงงาน หรือปรับปรุงเครื่องจักร ซึ่งหลังจากการพูดคุยจะมีการปรับปรุงเงื่อนไขของธนาคารในบางเรื่องเพื่อให้ธนาคารให้วงเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการได้อย่างเต็มที่โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมประกอบด้วย บริษัท ศรีตรัง รับเบอร์แอนด์แพลนเทชั่น จำกัด ซึ่งมีนายชัยยศ สินเจริญกุล ในฐานะนายกสมาคมยางพาราไทยเป็นเจ้าของกิจการ, บริษัท เซาท์แลนด์ รับเบอร์ จำกัด, บริษัท ยางไทยปักษ์ใต้ จำกัด, บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเทคซ์คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด และบริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด
ไม่ห่วงม็อบให้กำลังใจ ถอดอดีตนายกรัฐมนตรี
สำหรับกรณีมีกลุ่มคนเตรียมมาให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22-23 ม.ค.นี้ ระหว่างสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณาแถลงปิดสำนวนคดีถอดถอนและลงมติถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวด้วยว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง รัฐดูแลได้ พร้อมแนะนำว่าให้โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แทนเพราะทุกคนมีโทรศัพท์อยู่แล้ว ไม่ต้องออกมา
ผบ.ทบ.ไม่ห่วงม็อบให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า ไม่ห่วงว่าจะเกิดความวุ่นวาย เพราะฝ่ายความมั่นคงติดตามสถานการณ์อยู่แล้ว
“การแสดงความคิดเห็นสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ซึ่งทุกคนทราบดีว่ายังอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ส่วนใครจะถูกผิด ก็ว่าไปตามกระบวนการ สนช.” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. สั่งการให้คณะรัฐมนตรีและ คสช.ไปทำความเข้าใจกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ถึงที่มาที่ไปของคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์  พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในส่วนทหารนั้นคงเป็นการชี้แจงความจริงที่เกิดขึ้น และทำความเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง รวมถึงอธิบายงานต่าง ๆ ที่ได้ทำมาเท่านั้น แต่จะไม่ชี้ถูกชี้ผิด
พล.อ.ประวิตร แจกงาน 7 ด้านให้ ‘รมต.-ผบ.เหล่าทัพ’ ติดตาม ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช.
พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ รองเลขานุการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ว่าที่โฆษกกห.) 1ะวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. ว่า พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีและผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนและติดตามงาน 7 ด้าน โดย พล.อ.ประวิตร เป็นประธานอนุกรรมการฯ ด้านความยากจน ลด ความเหลื่อมล้ำ การคลัง รัฐวิสาหกิจ งบประมาณ พาณิชย์ และเอสเอ็มอี, พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานอนุกรรมการฯ ด้านตำรวจ ยาเสพติด ความมั่นคง การปกครองทั้งในส่วนกลาง ภูมิภาคและท้องถิ่น, พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานอนุกรรมการฯ อุตสาหกรรม เกษตร พลังงาน ความสัมพันธ์ต่างประเทศ, พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานอนุกรรมการฯ ด้านท่องเที่ยวและกีฬา การค้าชายแดน เศรษฐกิจพิเศษ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานอนุกรรมการฯ ด้านประมง ขนส่ง โลจิสติกส์ แรงงาน และแรงงานทาส, พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานอนุกรรมการฯ ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และสาธารณสุข ส่วน พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดูแลงานด้านยุทธศาสตร์โดยรวมของคสช. ประสานงานระหว่างคสช. กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สปช.) และ สนช.

ป.ป.ช. ระบุ ถอดถอนคือจุดเริ่มต้นการปฏิรูป ‘นิคม’ ยันตนไม่ได้ประโยชน์จากการแก้รธน.ที่มา ส.ว.

21 ม.ค.2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. นัดประชุมวาระพิเศษเพื่อแถลงปิดสำนวนถอดถอน นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว. ด้วยวาจา รวมทั้งแถลงเปิดคดีอดีต ส.ว.38 คนออกจากตำแหน่ง
ขณะที่วันพรุ่งนี้(22 ม.ค.)จะแถลงปิดคดีถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ก่อนลงมติถอดถอนทั้งหมด วันศุกร์ที่ 23 ม.ค.นี้
ป.ป.ช. ระบุ ถอดถอนคือจุดเริ่มต้นการปฏิรูป
สำหรับการแถลงปิดสำนวนด้วยวาจา เริ่มจากฝ่ายผู้กล่าวหา โดย วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ย้ำว่า ป.ป.ช.มีอำนาจในการพิจารณาคำร้องถอดถอน ที่สมาชิกวุฒิสภาร้องเรียนว่า นิคมมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อภารหน้าที่ จากกรณีการบังคับปิดประชุม และตัดสิทธิผู้อภิปรายในการพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว. ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศให้ยังมีผลยังคับใช้ แม้ว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2557 จะสิ้นสุดลง
วิชา กล่าวว่า ป.ป.ช.จึงต้องดำเนินการตามภารหน้าที่ต่อไป และส่งสำนวนคดีอดถอน นิคม ที่ดำเนินการไต่สวนเสร็จสิ้นแล้ว ให้ สนช.พิจารณาถอดถอน  ตามที่ข้อบังคับการประชุมที่ระบุว่า สนช.มีอำนาจในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการได้ พร้อมย้ำว่า การถอดถอนถือเป็นการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แม้ว่าจะพ้นจากตำแหน่ง และไม่เกี่ยวข้องกับโทษทางคดีอาญาแต่อย่างใด
“ป.ป.ช.ไม่อาจหยุดยั้งการไต่สวนได้ เพราะมีการกระทำทุจริต ส่อจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ ตัดสิทธิการทำหน้าที่ของสมาชิก ไม่ให้อภิปราย รวบรัดเพื่อให้ลงคะแนน เป็นการใช้อำนาจมิชอบ เอื้อประโยชน์ฝ่ายข้างมาก โดยไม่เป็นธรรม ส่งผลเสียหายต่อระบบการเมืองการปกครอง สิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง  ซึ่งกระบวนการในการถอดถอน ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิรูปประเทศ อันทำให้ประชาชนเห็นว่า การดำรงตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องมีคุณธรรมสูงเด่นกว่าบุคคลอื่น และต้องเป็นตัวอย่าง จะทำตัวเหมือนบุคคลทั่วไปไม่ได้” วิชา กล่าว
นิคม ยันวันเกิดเหตุมีการประท้วง เสมือนจงใจไม่ให้มีการแก้ รธน. จึงใช้ข้อบังคับการประชุม
ขณะที่นายนิคม ยืนยันไม่ได้รับผลประโยชน์จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ และในอดีตเคยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว ทั้งมาตรา 190 และประเด็นเรื่องที่มา ส.ส.จากเขตใหญ่เป็นเขตเล็ก ก็ไม่มีปัญหาใดๆ
โดย แถลงปิดคดีว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าว เป็นข้อกล่าวหาในอนาคต เพราะยังไม่มีอะไรยืนยันว่า เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ตนจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว.อีกสมัยหรือไม่ และขอยืนยันว่า กระบวนการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ  มีบทบัญญัติไว้ในมาตรา 291 ว่า มีผู้ที่สามารถเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ คือ ครม. ส.ส. 1 ใน 5 ส.ส.และส.ว.เข้าชื่อกัน และประชาชนเข้าชื่อกัน 50,000 ชื่อ ซึ่งในอดีตเคยมีการแก้ไขมาตรา 190 และที่มาของ ส.ส.จากเขตใหญ่เป็นเขตเล็ก แต่ไม่มีการกล่าวหาว่าทำผิด
นิคม กล่าวว่า นอกจากนี้ ในการพิจารณาร่างแก่ไขรัฐธรรมนูญ มีการประท้วงกันวุ่นวาย เสมือนจงใจไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยสมาชิกไม่ยอมปฏิบัติตามมติของวิป 3 ฝ่าย อภิปรายฟุ่มเฟือย นอกประเด็น รวมทั้ง ฝ่ายค้านยังไม่ยอมส่งรายชื่อผู้ที่จะอภิปรายล่วงหน้า ดังนั้น ในฐานะประธานการประชุม จึงต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุม เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย
“กรรมาธิการซักถามส่วนหนึ่ง มาจากอดีต กลุ่ม 40 ส.ว. และเป็นคำถามที่เป็นอคติ  เพราะเป็นกลุ่มที่มีแนวคิดทางการเมืองตรงข้ามกับผม และเป็นคำถามนอกข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.  ผมมาเพื่อปกป้องสถาบันนิติบัญญัติ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของสภานิติบัญญัติ ผมจึงนำหลักฐานบันทึกการประชุมมาแสดง แต่ ป.ป.ช.ไม่เชื่อผม ไปเชื่อผู้ร้อง  ท่านจะลงมติอย่างไรก็ได้ ผมจึงมาร้องขอความเป็นธรรม และหวังว่าท่านจะให้ความเป็นธรรม และเชื่อในหลักฐาน” นิคม กล่าว
หลังจากนี้จะเป็นการแถลงปิดคดีถอดถอนสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่า สมศักดิ์จะไม่เดินทางมาแถลงด้วยตัวเอง และไม่ได้ส่งหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ สนช.ด้วย ดังนั้น ป.ป.ช.จะแถลงปิดคดีแต่ฝ่ายเดียว  นอกจากนี้ สนช.ยังมีวาระพิจารณากำหนดวันแถลงเปิดคดีถอดถอนอดีตสมาชิกวุฒิสภา 38 คน เป็นวันที่ 25 ก.พ.58 ด้วย

รายแรก! จำคุกไม่รอลงอาญา ‘ณัฐ’ 1 เดือน 10 วัน ไม่รายงานตัวตามคำสั่ง คสช.

ทนายยื่นประกันตัวลุ้นณัฐไม่ต้องนอนคุกรอบสอง หลังศาลแขวงดุสิตพิพากษาจำคุก 1 เดือน 10 วัน ข้อหาไม่รายงานตัวตามคำสั่ง คสช. บวกกับเหตุที่เคยต้องโทษคดี 112 / ก่อนหน้านี้ศาลพลเรือนและศาลทหารต่างสั่งรอลงอาญาสำหรับผู้ไม่มารายงานตัว ณัฐจึงนับเป็นรายแรกที่ศาลสั่งจำคุก
22 ม.ค.2558 ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลแขวงดุสิต ว่า ศาลพิพากษาจำคุก 1 เดือน 10 วัน นายณัฐ สัตยาภรณ์พิสุทธิ์ วัย 31 ปี ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัวของ คสช. นับเป็นรายแรกสำหรับคดีไม่รายงานตัวที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอลงอาญาเช่นกรณีก่อนๆ
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกณัฐข้อหาขัดคำสั่ง คสช.ไม่รายงานตัว 2 เดือน และลงโทษเพิ่มอีก 20 วันเนื่องจากพบว่าเคยต้องโทษในคดี 112 มาก่อน แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือ 1 เดือน 10 วัน
เบื้องต้นจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลรอลงอาญา และทนายจำเลยได้ยื่นประกันตัวด้วยเงินสด 40,000 บาท ศาลชั้นต้นส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ยังไม่ทราบผล จึงต้องส่งตัวจำเลยเข้าคุมขังที่เรือนจำในวันนี้

คดีของณัฐพิจารณาที่ศาลพลเรือน เนื่องจากความผิดของณัฐนับว่าเกิดขึ้นก่อนที่ คสช.จะประกาศให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาคดีของพลเรือน คดีของณัฐจึงเป็นคดีไม่มารายงานตัวคดีแรกที่พิจารณาที่ศาลพลเรือน
รายงานข่าวแจ้งว่า ณัฐทำงานเป็นพนักงานขายในร้านขายเครื่องสุขภัณฑ์ รายได้วันละ 350 บาท ชื่อของเขาอยู่ในคำสั่งเรียกรายงานตัวของคสช. ฉบับที่ 5/2557 วันที่ 24 พ.ค.2557 ต่อมาเขาถูกจับกุมที่บ้านพักในเวลาราว 1.00 น.ของวันที่ 7 มิ.ย.57 จากนั้นถูกคุมตัวอยู่ในค่ายทหาร 7 วันก่อนจะปล่อยตัวและแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว
ณัฐเป็นอดีตผู้ต้องโทษในคดี 112 ในปี 2552 เขาถูกตัดสินจำคุก 9 ปีจากกรณีส่งอีเมล์เข้าข่ายหมิ่นให้นายอีมิลิโอ เอสเทแบน (Emilio Esteban)  ชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ที่สเปน แต่เนื่องจากรับสารภาพ โทษจำคุกจึงเหลือ 3 ปี 18 เดือน จากนั้นระหว่างถูกคุมขังเขาได้รับการลดโทษจากการพระราชทานอภัยโทษทั่วไปในวาระพิเศษต่างๆ รวมถึงเป็นนักโทษชั้นดีที่ได้รับลดวันต้องโทษ ทำให้เขาได้รับการปล่อยตัวเร็วกว่ากำหนด วันที่ 19 เม.ย.2555 รวมระยะถูกคุมขัง 2 ปี 4 เดือน จากนั้นก็ออกมารับจ้างเป็นล่าม และทำธุรกิจทางอินเตอร์เน็ต รวมทั้งเป็นลูกจ้างตามร้านขายของ
ณัฐเคยให้ข้อมูลกับหน่วยงานด้านสิทธิมนุษชนว่า ในระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวนั้น เขาถูกใช้ผ้าปิดตาและควบคุมตัวในบ้านหลังหนึ่งคาดว่าในค่ายทหาร มีการสอบสวนหลายครั้งนอกรอบ แต่ในการสอบสวนอย่างเป็นทางการซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน คำถามหลักที่เจ้าหน้าที่ต้องการทราบคือเรื่องการสนับสนุนเงินแก่นักโทษการเมือง และการรวมตัวกันของอดีตผู้ต้องขังคดี 112 ที่มักไปพบปะกันตามงานต่างๆ แล้วถ่ายรูปร่วมกันสร้างความไม่พอใจกับหน่วยงานความมั่นคง แต่เขาระบุว่าเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวหลังจากรู้จักกันในเรือนจำและไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองแต่อย่างใด

วิชา มหาคุณ ซัด ‘ขุนค้อน’ ส่งท้ายวันปิดคดี ชี้กระทำการส่อขัด รธน.

วิชา มหาคุณ แถลงวันปิดคดีถอดถอนอดีตประธานรัฐสภา ชี้กระทำการจงใจส่อขัด รธน. ผิดจริยธรรมร้ายแรง และไม่รับฟังเสียงข้างน้อย ปมแก้ไข รธน. ที่มา ส.ว.
22 ม.ค. 2558 เว็บข่าวรัฐสภา รายงานว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่ 1 เป็นประธานในที่ประชุม ได้ดำเนินกระบวนการถอดถอนสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา ๖ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นขั้นตอนการรับฟังคำแถลงการณ์ปิดสำนวนด้วยวาจาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้กล่าวหา และสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้ถูกกล่าวหา
วิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แถลงปิดคดีถอดถอน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา โดยกล่าวย้ำว่า การกระทำของสมศักดิ์ ได้กระทำการจงใจส่อขัดกับรัฐธรรมนูญและผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง เนื่องจากจงใจสั่งปิดการอภิปรายก่อนกำหนดปิดประชุมเป็นการไม่รับฟังความเห็น ของสมาชิกเสียงข้างน้อย รวบรัดตัดสิทธิ์ผู้จะอภิปรายในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ในวาระ 2 จึงถือว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและการแก้ไข รัฐธรรมนูญโดยไม่รับฟังอย่างรอบด้านจะส่งผลกระทบต่อการปกครองประเทศครั้ง ใหญ่ เพราะรัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายสูงสุด
ทั้งนี้การทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ต้องรอบครอบคำนึงถึงหลักนิติธรรม ใช้อำนาจโดยสุจริต ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน รับฟังเสียงข้างน้อยเพื่อให้ความเป็นธรรมแต่การกระทำของบุคคลดังกล่าวกลับ ตรงข้าม ละเว้น ไม่ดำเนินการไตร่ตรองพิจารณาให้รอบครอบ แสดงถึงความบกพร่องอย่างร้ายแรง
นอกจากนี้ยังพบว่า สมศักดิ์ได้กระทำการหลายข้อที่ส่อว่าทำหน้าที่โดยมิชอบ คือ การนำเอาญัตติรองคือญัตติของปิดประชุม มาใช้กับญัตติหลักคือ การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามหลักไม่สามารถทำได้ การนับเวลากำหนดการแปรญัตติย้อนหลังจนทำให้เหลือเวลาแปรญัตติเพียง 1 วัน การให้ลงมติในวาระ 3 ทั้งที่กระบวนการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ถูกต้องและการสับเปลี่ยนร่างรัฐ ธรรมนูญฉบับแก้ไขที่เสนอโดยอุดมเดช รัตนเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นฉบับอื่น โดยพละการไม่มีสมาชิกรัฐสภาลงชื่อรับรอง มาพิจารณาในวาระรับหลักการ ซึ่งโดยขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการไต่สวนว่าจะเป็นคดีอาญาด้วยหรือไม่
ด้านสมศักดิ์ ไม่ได้ยื่นคำขอแสดงความจำนงที่จะแถลงปิดคดีด้วยว่าจาหรือหนังสือภายใน 7 วันที่จะแถลงเปิดคดี เท่ากับว่าสมศักดิ์ไม่ประสงค์ที่จะมาแถลงปิดคดีด้วยตนเอง โดยได้กำหนดวันลงมติเพื่อจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอนสมศักดิ์ออกจากตำแหน่งหรือไม่ ในวันศุกร์ที่ 23 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 นาฬิกา อย่างไรก็ตามบุคคลที่ถูกถอดถอนจะมีโทษแค่เพียงถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีเท่านั้น ไม่ได้มีผลกับคดีอาญาแต่อย่างใด