TPBS ออกแถลงการณ์ เสนอบริษัททุ่งคำ ถอนฟ้องนักข่าวพลเมือง ม.4 ให้เหลือแต่คดี TPBS และคณะ ด้านผู้อำนวยการสำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ ระบุจะดูแลเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมยันจุดยืน การฟ้องร้องไม่ส่งผลต่อการเปิดพื้นที่ให้ประชาชน
15 ธ.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ TPBS ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีการฟ้องร้องของบริษัททุ่งคำ จำกัด ซึ่งดำเนินการฟ้องร้องดคีความต่อเยาวชนนักข่าวพลเมือง ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังจากรายงานข่าวผลกระทบในพื้นที่ผ่านรายการนักข่าวพลเมือง โดยบริษัททุ่งคำ เห็นว่าเป็นการรายงานข้อมูลเท็จ และทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง
ทั้งนี้ใจความสำคัญในแถลงการณ์ระบุว่า “ไทยพีบีเอสในฐานะสื่อสาธารณะ มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมเสรีภาพการรับรู้ข่าวสารแก่ประชาชน และส่งเสริมเสรีภาพการมีส่วนร่วมของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อผลประโยชน์ของสาธารณะ มีนโยบายที่ชัดเจนในการเปิดพื้นที่ให้กับอาสาสมัครนักข่าวพลเมือง ให้ได้สื่อสารสร้างความเข้าใจต่อสังคมถึงเรื่องราวของชุมชน ภายใต้กระบวนการกองบรรณาธิการที่ช่วยคัดกรองประเด็น เนื้อหา วิธีการนำเสนอที่สร้างสรรค์แต่เคารพในหลักเสรีภาพไม่ละเมิดสิทธิ์หรือหมิ่นประมาทผู้อื่น
ยิ่งไปกว่านั้นการนำเสนอข่าวสารของเยาวชนนักข่าวพลเมือง ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม และติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329
แม้กระนั้นหากมีกลุ่ม องค์กร หรือบุคคลใดที่เห็นว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ไม่เฉพาะในส่วนของงานข่าวพลเมือง ก็มีช่องทางที่สามารถให้ข้อมูล ข้อเสนอแนะ ท้วงติง กระทั่งขอให้มีการตรวจสอบแก้ไข ผ่านกลไกรับฟังความคิดเห็นหรือร้องเรียนโดยตรงต่อคณะอนุกรรมการรับและ พิจารณาเรื่องร้องเรียนจากประชาชน หรือกระทั่งฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งทางบริษัท ทุ่งคำฯ ได้ดำเนินการไปแล้วดังรายละเอียดข้างต้น
หากบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ไม่มีเจตนาอื่นใดนอกเหนือจากการรักษาสิทธิ์ของบริษัทฯ การดำเนินการฟ้องร้องไทยพีบีเอสในฐานะองค์กรซึ่งมีผู้บริหารรับผิดชอบเข้า สู่กระบวนการยุติธรรมก็น่าจะเพียงพอ และเพื่อมิให้บริษัทฯ ถูกสังคมมองว่า มีเจตนาอื่นแอบแฝง จึงเสนอให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ทบทวนการฟ้องร้องเยาวชนนักข่าวพลเมืองซึ่งเป็นเพียงนักเรียนชั้น ม. 4 ให้เหลือเฉพาะในส่วนของไทยพีบีเอสและคณะ”
ประชาไทได้สัมภาษณ์ สมเกียรติ จันทรสีมา ผู้อำนวยการสำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ โดยระบุว่าทางสำนักข่ายสื่อสาธารณะ และนักข่าวพลเมือง ได้เริ่มปรึกษาพูดคุยกันถึงประเด็นดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงที่มีกระแสข่าวว่า เหมืองแร่ทองคำมีการออกมาพูดว่าจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดี มีความเห็นร่วมกันว่า หากมีการดำเนินคดีกับเยวชน จริงๆ ทาง TPBS จะเข้ามาดูแลเรื่องคดีความ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น และการให้กำลังใจ โดยในวันที่ 18 ธ.ค. 2558 จะมีการลงพื้นที่เข้าไปให้กำลังใจกับเยาวชนที่ฟ้องร้องถูกดำเนินคดี และประสานทีมทนายความด้วย
ต่อคำถามว่า การที่มีการฟ้องร้องนักข่าวพลเมืองนั้น จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อหลักการที่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชน ลุกขึ้นมาพูด หรือนำเสนอประเด็นปัญหาในพื้นที่ของตัวเองหรือไม่ สมเกียรติ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปี ไม่เคยมีการฟ้องร้องดำเนินคดีแต่อย่างใด จะมีแต่การร้อง ท้วงติง เพราะ TPBS มีช่องที่ให้ผู้ชม หรือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องราวที่นำเสนอไป ได้เสนอแนะท้วงติงได้ การฟ้องร้องเป็นคดีความครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก
สมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาได้มีการนำเสนอข้อมูลอย่างสร้างสรรค์ และระมัดระวังมาโดยตลอด สำหรับกรณีนักข่าวพลเมืองนั้น ถือว่าเป็นประชาชนคนธรรมดาที่ลุกขึ้นมาสื่อสาร โดยส่วนมากเป็นชาวบ้าน ซึ่งตัวโครงการนักข่าวพลเมืองเองถือเป็นตัวที่เข้าไปเสริมพลังให้ชาวบ้านได้สื่อสารเรื่องราวปัญหาในพื้นที่ และสื่อสารในเชิงบวก แต่ว่าก็มีจำนวนไม่น้อยที่นักข่าวพลเมืองสื่อสารในประเด็นที่อ่อนไหว หรือประเด็นเปราะบาง แต่กรณีของเทปที่มีการถูกฟ้องร้อง ได้มีการให้ทีมกฎหมายดูแล้ว ยังเห็นว่าไม่มีความรุนแรงถือขนาดนั้น แต่ก็ถือเป็นสิทธิ์ของบริษัทที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีได้ หากเห็นว่าได้รับความเสียหาย หรือเสียประโยชน์ โดยเรื่องนี้ต้องมีการพิจสูจน์ความจริงออกมา โดยรวมถือว่าการเกิดคดีความและการฟ้องร้อง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหลักการ หรือจะส่งผลทำให้เรื่องต้องปิดพื้นที่การสื่อสารของประชาชนลงไป
ต่อคำถามว่า คณะกรรมการนโยบายมีท่าที หรือมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่าง สมเกียรติ ระบุว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการคุยกับทางคณะกรรมการนโยบาย เพราะโดยขั้นตอนปกติฝ่ายบริหารจะเป็นผู้เข้ามาดูแล
00000
เนื้อความในแถลงการณ์ฉบับเต็ม
แถลงการณ์ต่อกรณีบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ยื่นฟ้อง หมิ่นประมาทเยาวชนนักข่าวพลเมือง
สืบเนื่องจากกรณีที่ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด กำลังดำเนินการเพื่อฟ้องดำเนินคดีกับเยาวชนนักข่าวพลเมือง ชั้น ม.4 จากอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำหนังสือขออนุญาตฟ้องเยาวชนในคดีอาญาในความผิดฐานหมิ่นประมาท ต่อผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเลย ซึ่งในวันที่ 21 ธันวาคม 2558 ทางสถานพินิจฯ จะเชิญผู้ปกครองและเยาวชนดังกล่าวมาให้ถ้อยคำเพื่อพิจารณาหาเหตุสมควรให้ผู้เสียหายฟ้องหรือไม่ ตามข่าวที่ปรากฏในสื่อมวลชนนั้น
ทั้งนี้สาเหตุของการฟ้องร้องเยาวชนนักข่าวพลเมืองที่มีอายุเพียง 15 ปี เนื่องจากการเสนอข่าวเกี่ยวกับการออกค่ายของกลุ่มเยาวชนฮักบ้านเกิดเจ้าของ ตอน นักสืบลำน้ำฮวยแท้ๆ แน๊ว ออกอากาศในช่วงข่าวพลเมือง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ ระบุว่า มีเนื้อหาที่เป็นเท็จใส่ร้ายให้บริษัทฯได้รับความเสียหาย
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ บริษัท ทุ่งคำฯ ได้ยื่นฟ้องไทยพีบีเอสและผู้ดำเนินรายการช่วงข่าวพลเมืองและผู้บริหารองค์กร รวม 5 คน ไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารและโทรทัศน์ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.3756/2558 โดยเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นเงิน 50 ล้านบาท รวมถึงขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามไทยพีบีเอสประกอบอาชีพโทรทัศน์เป็นเวลา 5 ปี
ไทยพีบีเอสในฐานะสื่อสาธารณะ มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมเสรีภาพการรับรู้ข่าวสารแก่ประชาชน และส่งเสริมเสรีภาพการมีส่วนร่วมของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อผลประโยชน์ของสาธารณะ มีนโยบายที่ชัดเจนในการเปิดพื้นที่ให้กับอาสาสมัครนักข่าวพลเมือง ให้ได้สื่อสารสร้างความเข้าใจต่อสังคมถึงเรื่องราวของชุมชน ภายใต้กระบวนการกองบรรณาธิการที่ช่วยคัดกรองประเด็น เนื้อหา วิธีการนำเสนอที่สร้างสรรค์แต่เคารพในหลักเสรีภาพไม่ละเมิดสิทธิ์หรือหมิ่นประมาทผู้อื่น
ยิ่งไปกว่านั้นการนำเสนอข่าวสารของเยาวชนนักข่าวพลเมือง ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม และติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ตาม ปอ. มาตรา 329
แม้กระนั้นหากมีกลุ่ม องค์กร หรือบุคคลใดที่เห็นว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ไม่เฉพาะในส่วนของงานข่าวพลเมือง ก็มีช่องทางที่สามารถให้ข้อมูล ข้อเสนอแนะ ท้วงติง กระทั่งขอให้มีการตรวจสอบแก้ไข ผ่านกลไกรับฟังความคิดเห็นหรือร้องเรียนโดยตรงต่อคณะอนุกรรมการรับและ พิจารณาเรื่องร้องเรียนจากประชาชน หรือกระทั่งฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งทางบริษัท ทุ่งคำฯ ได้ดำเนินการไปแล้วดังรายละเอียดข้างต้น
หากบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ไม่มีเจตนาอื่นใดนอกเหนือจากการรักษาสิทธิ์ของบริษัทฯ การดำเนินการฟ้องร้องไทยพีบีเอสในฐานะองค์กรซึ่งมีผู้บริหารรับผิดชอบเข้า สู่กระบวนการยุติธรรมก็น่าจะเพียงพอ และเพื่อมิให้บริษัทฯ ถูกสังคมมองว่า มีเจตนาอื่นแอบแฝง จึงเสนอให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ทบทวนการฟ้องร้องเยาวชนนักข่าวพลเมืองซึ่งเป็นเพียงนักเรียนชั้น ม. 4 ให้เหลือเฉพาะในส่วนของไทยพีบีเอสและคณะ
องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย
15 ธันวาคม 2558