14 มิ.ย.2559 เมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้
มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่ร้านค้าซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ใกล้แยกศรีชุมด้านในเทศบาลนครลำปาง พบการขึ้นป้ายไวนิล ที่ระบุข้อความของศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช. สร้างความสนใจให้กับชาวลำปางเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นของร้านศรีชุมชิว โดยมี ธิมลวรรณ จินากูล เป็นเจ้าของร้านและเป็นผู้ขึ้นป้ายไวนิล
ธิมลวรรณ เปิดเผยว่า ป้ายดังกล่าวนั้นถือว่าได้ขึ้นเป็นป้ายแรกในจังหวัด เพื่อประกาศตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติของ จ.ลำปาง ขึ้น โดยที่ตนเองจะขอเป็นจิตอาสาชาวลำปาง ในการช่วยเหลือภาครัฐในการช่วยรณรงค์ให้ประชาชนชาวลำปางออกไปลงประชามติ เพราะทุกวันนี้เชื่อว่าชาวลำปางรู้วันออกเสียงน้อยมาก ไม่ครอบคลุมทั้งจังหวัด ตนจึงจะเป็นอีกแรงหนึ่งที่ตั้งใจจะช่วย
ธิมลวรรณ กล่าวด้วยว่า ตนต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า “อยากตั้งก็ตั้งไป” ในเรื่องของศูนย์ปราบโกง ซึ่งตนเองขอกราบขอบคุณที่ท่านให้ตั้งได้ เพราะคำว่าศูนย์ปราบโกงเป็นคำสรรพนาม ที่จะทำให้ประชาชนสนใจ เป็นแรงจูงใจ และให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพื่อทราบถึงวันออกเสียงลงประชามติ ฉะนั้น ในข้อความที่มีการเขียนไว้ว่า “ไม่ล้ม ไม่โกง ไม่อายพม่า” ดังจะเห็นได้จาก จ.ลำปาง ที่มีแรงงานชาวพม่าอยู่มาก แต่เมื่อครั้งที่มีการเลือกตั้ง แรงงานพม่าเหล่านั้นกลับลางานกันหมดเพื่อไปเลือกตั้ง ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนชาวลำปาง ออกไปใช้สิทธิ์ในวันออกเสียงลงประชามติกันให้มากๆ เต็ม 100 % ทั้งจังหวัด เราก็จะไม่อายพม่า
ทหารปลดและรื้อป้าย
อย่างไรก็ตาม ต่อมา
เว็บไซต้บ้านเมือง รายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ลำปาง พบป้าย ไวนิลดังกล่าว และต่อมา 15.30 น พ.อ. เมธา ณ พิกุล รองเสนาธิการ มณฑลทหารบกที่ 32 ได้สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร มณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ลำปางพร้อมตำรวจ สภ.เมืองลำปาง เข้าทำทำการปลดและรื้อป้ายผ้าไวนิลออกแล้ว โดย ธิมลวรรณ เจ้าของร้านเป็นผู้ขึ้นป้ายดังกล่าว โดยได้ขึ้นป้ายหน้าร้านมาแล้ว 2 วัน โดย ธิมลวรรณ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานกลุ่ม นปช.ในพื้นที่ จ.ลำปางบอกว่าหลังจากมี เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาปลดรื้อ ป้ายออก ตนเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งการรื้อป้ายในครั้งนี้ก็ไม่มีปัญหาใดๆ
นปช.ร้องประวิตร ยันตั้งศูนย์ปราบโกง ไม่ใช่ภัยความมั่นคง-ไม่ขัดรธน.
วันเดียวกัน
มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า ที่หน้ากระทรวงกลาโหม จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และแกนนำนปช.คนอื่นเดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีการสั่งปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ โดยมี น.อ.ปัญญา ไทยภักดี หัวหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์กระทรวงกลาโหม เป็นตัวแทนมารับหนังสือ
จตุพร กล่าวว่า ตนมายื่นหนังสือเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงถึงพล.อ.ประวิตรว่าศูนย์ปราบโกงประชามติไม่ได้มีความขัดแย้ง แต่เป็นองค์กรของประชาชนที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำประชามติ เพราะที่ผ่านมามีองค์กรคู่ขนานในการตรวจสอบการทุจริตของภาคประชาชน เช่นองค์กรของ พล.อ.สายหยุด เกิดผล หรือเครือข่ายต่อต้านการคอรัปชั่นของ ประมนต์ สุธีวงศ์ ซึ่งไม่เห็นมีใครว่าจะสร้างความขัดแย้งเลย และไม่ได้แตกต่างจากองค์กรของนปช. แม้ว่าพล.อ.ประวิตร เป็นพี่ใหญ่ของบูรพาพยัคฆ์ แต่ตอนนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นรัฏฐาธิปัตย์ อีกทั้งเป็นผู้บังคับบัญชาของพล.อ.ประวิตร ก็ได้ระบุว่าสามารถตั้งได้ ดังนั้นตนขอชี้แจงไปยังพล.อ.ประวิตร คำสั่งของท่านขัดกับรัฏฐาธิปัตย์
จตุพร กล่าวต่อว่า ศูนย์ของเราไม่เป็นภัยคุกคามของชาติ แต่เป็นเครื่องการันตีว่าการทำประชามติมีการทุจริตหรือไม่ จึงขอร้องให้เปิดใจกว้างว่าควรเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบ ถ้าไม่มีการโกงก็ไม่ต้องเดือดร้อน และไม่มีปัญหากับคสช. ทั้งนี้ขอร้องว่าพล.อ.ประวิตรอย่าทำให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และสร้างความกดดันให้กับทหารในพื้นที่ แล้วไปกดดันประชาชน ซึ่งคิดว่าไม่เป็นผลดีเลย อย่างไรก็ตามพวกตนจะทำหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บัญชาการมณฑลทหารบกต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าการดำเนินการของพวกตนมีความลับ อีกทั้งจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย
หากไม่คิดโกงประชามติแล้วเดือดร้อนทำไม
จตุพร ยังกล่าวผ่าน กล่าวในรายการมองไกล ซึ่งเฟซบุ๊กแฟนเพจ '
Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์' โดย จตุพร กล่าวว่า พวกตนตั้งศูนย์ปราบโกงขึ้นมา ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับใคร แต่กลับประหลาดใจกับท่าทีสั่งห้ามของพล.อ.ประวิตร ว่า มีอะไรอยู่ในใจหรือไม่ โดยการทำประชามติเป็นเรื่องใหญ่กว่าการได้รัฐบาลภายหลังการทำประชามติเสียอีก เพราะถ้าเกิดการโกงเท่ากับเป็นการปล้นสิทธิ์ประชาชน เพื่อไปรับรองความชอบธรรมในการปล้นทรัพย์ของแผ่นดินเมื่อได้เป็นรัฐบาล
จตุพร กล่าวย้ำว่า หากไม่คิดโกงประชามติแล้วเดือดร้อนกับตั้งศูนย์ปราบโกงทำไม และใครจะมาขัดแย้งกับศูนย์ ถ้าไม่โกงแล้ว สิ่งที่ได้ คือ สามารถปิดปากพวกตนอย่างสนิทเลย รวมทั้งผลประชามติออกมาไม่มีโกงเลย การมีศูนย์จึงเท่ากับการันตีให้ฝ่ายผู้มีอำนาจและประเทศได้อย่างดียิ่ง ส่วนพวกตนไม่มีน้ำหน้าไปชี้หน้าใครได้ แต่การตั้งศูนย์ขึ้นมา กลับมีคนเดือดร้อนกันมากมาย ทั้งที่มีการทำงานเปิดกว้าง ได้เชิญเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายความมั่นคง หน่วยงานของรัฐทั้งหมดในต่างจังหวัดมาร่วมงานกัน จึงขออย่าได้ระแวงว่า ศูนย์ปราบโกงจะเป็นศูนย์ขับไล่ คสช.
จตุพร กล่าวว่า เมื่อทุกฝ่ายมีใจเป็นกลางกันแล้ว ควรยอมรับการตั้งศูนย์กันได้ เพราะจะทำให้เกิดการระวังว่า ถ้าใครคิดจะโกง ต้องระมัดระวังการใช้อำนาจให้มาก และที่สำคัญ ตนไม่คิดเลยว่า รัฐบาลประกาศเป็นพวกมือใจสะอาด กลับมารังเกลียดศูนย์ปราบโกง ส่วนพวกเดียวกันตั้งองค์กรเครือข่ายปราบทุจริต ทั้งที่มีประวัติมั่วหมอง แต่ตั้งได้ ไม่วิจารณ์กันเลย
ยกพม่าจัดเลือกตั้ง เชิญต่างชาติมาดู เพื่อความยุติธรรม
ส่วนการเชิญชวนนานาชาติมาสังเกตการณ์ศูนย์ปราบโกงนั้น จตุพร กล่าวว่า จะเกิดประโยชน์กับการพัฒนาประเทศอย่างมาก ถ้าการทำประชามติไม่มีโกง เป็นที่ยอมรับของต่างชาติ เท่ากับเป็นการเริ่มต้นสร้างกลไกประชาธิปไตยให้น่าเชื่อถือ สิ่งที่เป็นปัญหาในทางเศรษฐกิจจะผ่อนคลายลง ซึงประเทศพม่าจัดเลือกตั้ง เชิญต่างชาติมาดู เกิดความยุติธรรมนั้น ต่างชาติเชื่อมั่น จึงเลิกคว่ำบาตร การพัฒนาประทศเริ่มรุดหน้า ส่วนผู้นำไทยนั้น ถ้าไม่แคร์ต่างชาติ หรือสหประชาชาติแล้ว ควรไปลาออกจากสมาชิกเสีย
ประวิตรค้านตั้ง ระบุตั้งแล้วจะไปจับเอง
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานความเห็นของ ด้าน พล.อ.ประวิตร ต่อกรณีมาตรการทางกฎหมายที่จะดำเนินกับ นปช. ที่ยังยืนยันจะเปิดศูนย์ปราบโกงประชามตินั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้มีมาตรการทางกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ก่อนหน้านี้ตนได้ขอร้องแล้วว่าอย่าเปิด ก็ไม่จบสักที หากตั้งมาแล้วทำให้เกิดความขัดแย้งเดือดร้อน ตนก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันจะไม่ใช้มาตรา 44 เพื่อปิดศูนย์ปราบโกงฯ ตามที่กลุ่มนปช.ท้าทายมา เนื่องจากมีกฎหมายอื่นบังคับใช้อยู่แล้ว
ส่วนที่นปช.มายื่นหนังสือถึงตนเพื่อไม่ให้ปิดศูนย์ปราบโกงฯนั้น ตนยังไม่เห็นแต่คงมีเจ้าหน้าที่รับดำเนินการ ส่วนที่กลุ่มนปช.ระบุว่า หากได้ตั้งศูนย์ปราบโกงฯแล้ว จะไม่เคลื่อนไหวต่อต้านหรือตั้งเวทีคู่ขนานแต่จะร่วมมือป้องกันปราบโกงนั้น ตนมองว่าไม่จำเป็นเพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็ต้องไปยุบหน่วยงานเหล่านั้นทั้งหมด แล้วตั้งศูนย์ปราบโกงฯนี้แทน ส่วนข้อกังวลที่ระบุว่าหากไม่ให้ตั้งศูนย์ปราบโกงฯ แสดงว่ารัฐบาลจ้องจะโกงประชามตินั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถามว่าใครจะไปโกงได้
ต่อกรณีถามว่าจะดีกว่าหรือไม่ หากยอมให้ นปช.เปิดศูนย์ปราบโกงฯ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ทุกภาคส่วนร่วมตรวจสอบการทำประชามติ พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ไม่เอา เขามีหน่วยงานตรวจสอบอยู่ ขอให้ไปร่วมมือกับ กกต. ไม่เห็นจะเสียหาย เพราะกกต.ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งกกต.ก็รับผิดชอบไป ทุกอย่างทำได้อยู่แล้ว
ส่วนที่มีการจัดตั้งศูนย์ปราบโกงฯ ที่จ.ลำปาง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่ให้ตั้ง แต่หากตั้งไปแล้ว ก็ตั้งไป เดี๋ยวตนจะไปจับ ทำไม่ได้ ไม่ให้ตั้งหมดตำรวจ ทหารเขาดูแลในส่วนภูมิภาคอยู่ ไม่ต้องห่วง ยืนยันตนสามารถดูแลสถานการณ์ได้ไปจนกว่าจะถึงวันลงประชามติ ขอให้ประชาชนเชื่อว่ารัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะร่วมมือกันที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งโดยจะใช้กฎหมายปกติดูแล
อนุพงษ์ ชี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ถามเงินทุนจากที่ใด
คมชัดลึกออนไลน์รายงานความเห็นของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ต่อกรณีที่ นปช. เริ่มมีการจัดตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติที่ จ.ลำปาง ด้วย โดย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในของแง่กฎหมายนั้นทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดูอยู่ ซึ่งค่อนข้างมีความล่อแหลม เพราะการจัดตั้งศูนย์ใช้เงินทุนจากที่ใด อีกทั้งการดำเนินการนั้นก็เสี่ยงความผิดตามคำสั่ง คสช. ที่มีอยู่ เช่นการรวมตัวกันเกิน 5 คนอาจเป็นปัญหาได้
ในส่วนของความเหมาะสมนั้น คนจะทำอะไรลักษณะนี้ ต้องมีความเป็นกลาง แต่นี่ผู้ก่อตั้งศูนย์ปราบโกงฯนั้น กล่าวได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะที่การลงประชามติสามารถออกได้สองทาง คือเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ดังนั้นการให้คนที่มีความเห็นทางใดทางหนึ่งมาดำเนินการจึงไม่เหมาะสม และที่สำคัญส่วนตัวมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพราะหากมีการตั้งศูนย์ดังกล่าวแล้ว หากผลประชามติออกมาว่าร่างรัฐธรรมนูญผ่าน อาจมีการระบุว่ามีการโกง แล้วนำไปเป็นเงื่อนไขทางการเมือง แต่หากไม่ผ่านก็จะนำไปเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองเช่นกัน ซึ่งไม่เป็นผลดีและผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเข้าไปดูแล ที่สำคัญสุด ไม่ว่าผลประชามติออกมาอย่างไรต้องเคารพเสียงของประชาชน ส่วนการตั้งศูนย์ปราบโกงฯ ตามจังหวัด ตนก็ไม่ได้กำชับอะไรพิเศษไปยังผู้ว่าฯ เพราะคสช.ดูแลความสงบทั้งหมดอยู่แล้ว