สุเทพ เทือกสุบรรณประกาศว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโมฆะไปแล้ว ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของ กปปส. ซึ่งพร้อมอภิวัฒน์ประเทศ และปราศรัยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ครม. ประธานวุฒิสภาลาออก เพื่อให้รองประธานวุฒิสภากราบบังคมทูลเสนอชื่อคนดีเป็นนายกรัฐมนตรี
สุเทพปราศรัยเรียกร้องนายกรัฐมนตรี ครม. ประธานวุฒิสภาลาออกจากรักษาการ
10 ธ.ค. 2556 - เมื่อเวลา 20.10 น. สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ได้ขึ้นปราศรัยที่แยกนางเลิ้ง ตอนหนึ่งกล่าวตอบโต้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า "ไม่มีคนไทยไล่ทักษิณ แต่ทักษิณไปเองเพราะหนีคดี ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไม่เลิกนิสัยนี้ อีกไม่ช้าไม่นานต้องหนีคดีไปอยู่กับพี่ชายเช่นเดียวกัน แล้วอย่าหาว่าคนไทยเนรเทศนะครับ ที่ผู้ชุมนุมตะโกนว่า "ออกไปๆ" หมายถึงให้ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่ง ไม่ใช่ออกจากประเทศไทย"
สุเทพปราศรัยต่อว่า สภาพความเป็นรัฐบาลหมดไปแล้ว ความเป็นนายกรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ ความเป็นคณะรัฐมนตรีจบไปแล้ว ตั้งแต่วันที่พวกคุณลุกขึ้นปฏิเสธไม่เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญจึงโมฆะไปหมดแล้ว วันนี้ประชาชนลุกขึ้นทวงคืนอำนาจอธิปไตยอย่างชอบธรรมถูกต้อง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 เขาเอาคืนเพราะพวกคุณเอาอำนาจไปใช้เสียหาย จึงต้องเอาคืน
"เมื่อความเป็นรัฐบาลหมดไป สิ้นสภาพไป ต้องถือว่าวันนี้ประเทศไทยไม่มีรัฐบาล ไม่มีคณะรัฐมนตรี จะต้องจัดการนายกรัฐมนตรีของประชาชน สภาของประชาชน คนไทยนั้นใจดีมีเมตตาให้โอกาสนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ และ ครม. ให้ได้ส่งคืนอำนาจอธิปไตยให้เกิดความราบรื่น ไม่ต้องเกิดปัญหาหรือเรื่องวุ่นวายในประเทศ ทำให้สงบ เรียบร้อย ทำกันดีๆ แต่ยิ่งลักษณ์ไม่เข้าใจ เถียงคอเป็นเอ็นที่ได้คะแนนมาคนลงคะแนนให้ 14-15 ล้าน คนเดินขบวนไม่กี่ล้าน ดูสิแกแกล้งทำโง่ไปได้ คุณยิ่งลักษณ์ ครอบครัวคนไทยมี 4-5 คนเป็นอย่างน้อย คนที่เดินเป็นตัวแทนคนที่บ้านอีกสี่ห้าคน คุณยิ่งลักษณ์คูณไม่เป็นหรือไง"
"เนื่องจากรัฐบาลไม่ชอบธรรม เราถึงได้ประกาศให้คุณยิ่งลักษณ์และคณะประกาศเสียเองว่าไม่ขอเป็นรัฐบาลรักษาการณ์โดยที่ประชาชนไม่ต้องบังคับ แต่คุณยิ่งลักษณ์อ้างว่ายุบสภาแล้ว ถอยแล้ว เห็นใจกันบ้าง ผมว่ามันถอยไม่พอ คุณยิ่งลักษณ์ต้องถอยอีก ถ้าไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกเกลียดชังมากกว่านี้ ขอแนะให้คุณยิ่งลักษณ์ทำตามข้อเสนอ กปปส. ลาออกเสียจากการรักษาการ เพื่อให้มีการตั้งคนดีที่คนทั้งประเทศยอมรับ มาเป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชน เพื่อให้เดินหน้าเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยตามเจตนารมณ์ของประชาชน นั่นแหละถึงจะเรียกว่าถอย"
"ถอยแบบยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แล้วอยู่ปาร์ตี้ลิสต์ใหม่ลำดับหนึ่ง เขาเรียกว่าถอยเพื่อมากินต่อ โกงต่อ เขาไม่เอา คุณทำตัวไร้เดียงสา โง่เขลาเบาปัญญาได้ แต่ประชาชนรู้เท่าทันพวกคุณหมดแล้วทั้งประเทศไทย คุณยิ่งลักษณ์ออกมาบอกว่า 'ไม่ได้ ลาออกจากรักษาการณ์ไม่ได้ เดี๋ยวหาว่าละทิ้งหน้าที่' ดังนั้นวันนี้ต้องว่าเสียหน่อย ที่บอกว่าไม่มีกฎหมายเขียน ไม่มีกฎหมายบัญญัติเอาไว้ว่าให้ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ก็ตอนเขาร่างรัฐธรรมนูญ เขานึกไม่ถึงยังไงละครับว่ามีนายกรัฐมนตรีทำความเลวเสียหาย จนประชาชนทั้งประเทศทนไม่ได้ยังไงล่ะครับ คุณชัยเกษม นิติสิริ ผมจะบอกให้ว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ไม่ต้องเปิดตำรามาตอบ นี่เป็นสถานการณ์พิเศษไม่เคยคาดคิดในกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ แต่มีประเพณีปฏิบัติเมื่อปี 2516 เมื่อเกิดเหตุการณ์ลุกฮือเดินขบวน แล้วเกิดเหตุ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นจอมพลถอนม ลาออก แล้วไม่รักษาการ ไปต่างประเทศเลย ผมต้องยกย่องจอมพลถนอมนะครับ ใหญ่โตมาก มีอำนาจในมือ มีเหตุร้ายเกิดขึ้นนักศึกษาเสียชีวิต จอมพลถนอมลาออก ไม่รักษาการ ไปต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศสงบเรียบร้อยลง"
"แล้วรองประธานสภานิติบัญญัติขณะนั้นนำความกราบบังคมทูลฯ ว่า สภานิติบัญญัติเห็นสมควรให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งนายสัญญา ธรรมศักดิ์เป็นนายกรัฐมนตรี นี่เขามีประเพณีปฏิบัติ เหตุการณ์นั้นคือเหตุการณ์ที่ผิดปกติ ไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดา วันนั้นไม่มีกฎหมายเขียนเอาไว้ ที่คุณชัยเกษมเอามาอ้างนั้นขอตอบว่าเขาเคยทำมาแล้ว และผ่านพ้นมาด้วยดี"
"นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์อย่ามาเถียงข้างๆ คูๆ ลาออกไม่ได้เดี๋ยวผิดฐานละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ แม่ทูนหัวช่วยลาออกเสียทีเถิด เอาอย่างนี้ไหมล่ะ นายกรัฐมนตรี ครม. ลาออกรักษาการทั้งคณะไปเลย แล้วให้ประธานวุฒิสภาออกไปด้วย เพราะคนนี้เป็นขี้ข้า เหลือรองประธานวุฒิสภาใช้ได้ ให้รองประธานวุฒิสภากราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวขอเสนอชื่อคนดีเป็นนายกรัฐมนตรี" สุเทพกล่าว
กปปส.ประกาศนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโมฆะ และขอให้ประชาชนมั่นใจในรัฏฐาธิปัตย์ของ กปปส.
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 19.10 น. สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ขึ้นเวทีที่แยกสวนมิสกวันอ่านประกาศ กปปส. ฉบับที่ 1/2556 เรื่อง"ความเป็นโมฆะของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.)" ระบุว่า
"ตามที่ศาล รธน. ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2556 ความว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติม รธน. ที่มา ส.ว. มีสาระสำคัญ ขัดแย้งต่อหลักการพื้นฐานและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ2550 อันเป็นการทำให้ผู้ถูกร้องได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 ฝ่าฝืนมาตรา 68 วรรค 1 ซึ่งภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้แทนคณะรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทน ประธานวุฒิ ส.ส. ส.ว. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งดังกล่าวได้แถลงไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
"ประกอบกับนายกฯ ได้นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ทรงลงพระปรมาภิไธย ทั้งที่มีเนื้อหาและกระบวนการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 วรรค 5 ที่บัญญัติให้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ ให้ต้องปฏิบัติตามเป็นเด็ดขาด"
"และต่อมาวันที่ 9 ธ.ค 2556 นายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร โดยยังไม่ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรทั้งมาตรา 108 บัญญัติให้เป็นพระราชอำนาจ นับเป็นการกระทำอันล่วงละเมิดพระราชอำนาจอย่างชัดแจ้งที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญซ้ำแล้วซ้ำอีกดังปรากฏตามคำแถลงการณ์ของสภาทนายความ"
"การกระทำทั้งหลายดังกล่าวข้างต้นถือได้ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและพรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมกันจงใจกระทำการละเมิดรัฐธรรมนูญโดยไม่สุจริตและตั้งตนเหนือรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้ตกเป็นโมฆะนับแต่วันที่ประกาศไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการจงใจล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญโดยไม่สุจริตดังกล่าว มีความร้ายแรงถึงขนาดไม่อาจให้รัฐบาลสามารถใช้อำนาจในนามของประชาชนได้อีกต่อไปดังนั้น แม้นายกฯ ได้ประกาศยุบสภาไปแล้ว ก็ไม่ส่งผลให้รัฐบาลที่สิ้นสภาพไปแล้วรักษาการต่อไปได้"
"เมื่อกรณีเป็นไปตามความดังกล่าวข้างต้น จึงถือได้ว่าในเวลานี้ประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะสูญญากาศเนื่องจากไม่มีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว จึงชอบที่จะต้องมีการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยการจัดให้มีนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนทั้งประเทศยอมรับ เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศไทยตามเจตจำนงของมวลมหาประชาชนต่อไป ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนได้มั่นใจกับหลักการประชาภิวัฒน์ ด้วยวิธีสงบ สันติ อหิงสาต่อไป และเชื่อมั่นในความเป็นรัฏฐาธิปัตย์แห่งมวลมหาชนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงและได้ทวงกลับคืนมาไว้ได้โดยสิ้นเชิงและพร้อมที่จะประชาภิวัฒน์ประเทศไทยโดยเร็วต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 10 ธ.ค. 56 ลงชื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส."
สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
อนึ่งในช่วงบ่าย มีรายงานว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เข้าหารือกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. ที่บ้านพักพลเอกประวิตร ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ โดยในเวลา 13.30 น. มีการส่งรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า พราโด้ ไปรับนายสุเทพที่จุดนัดหมายเพื่อเข้ามาภายใน ร.1 รอ. จากนั้นได้ให้รถยนต์คันเดิมกลับออกไปในเวลาประมาณ 16.00 น.
(อ่านข่าวก่อนหน้านี้)