วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ปล่อย 3 นศ.ดาวดินแล้ว หลังถูกรวบขณะนำรูปวาดเพื่อน ‘7ดาวดิน’ ไปตั้งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขอนแก่น



Fri, 2015-06-19 14:44
อัพเดทล่าสุด : เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'ดาวดิน สังกัดพรรคสามัญชน' รายงานสถานการณ์ล่าสุด ระบุว่า เมื่อเวลา 16.15 น. ที่ผ่านมา 3 ดาวดิน ได้รับการปล่อยตัวจากมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีการตั้งข้อหา แต่มีการ เซ็นต์บักทึกการพูดคุยและรับรองว่ามอบป้ายรูปวาดเพื่อนทั้ง 7 ดาวดินให้ค่ายทหาร

หลังจากเมื่อเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา กลุ่มดาวดิน ได้รายงานผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'ดาวดิน สังกัดพรรคสามัญชน' ว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. จนท.รวบนศ.สมาชิกกลุ่มดาวดินอีก 3 คน ประกอบด้วย ขวัญหทัย ปทุมถาวรสกุล, จิรัชญา หาญณรงค์ และ กฤต แสงสุรินทร์ ขณะนี้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.ขอนแก่น

โดยทั้ง 3 คน ไม่ได้ถูกหมายเรียก แต่กำลังจะเดินทางไปทำกิจกรรม โดยนำรูปวาดของเพื่อนนักศึกษา 7 คน ไปตั้งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น แต่ถูกตำรวจทหารดักยึดอุปกรณ์ภาพวาด ระหว่างทาง พร้อมนำตัวทั้ง 3 ไปที่สภ. ขอนแก่น

พร้อมอัพเดตเพิ่มเติม 14.00 น. ด้วยว่า ทั้ง 3 คน ถูกควบคุมอยู่ค่ายศรีพัชรินทร์ ขอนแก่น โดยเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้คนอื่นพบตัวทั้ง 3 คน

 


ศปป.เชิญกลุ่มการเมือง-นักการเมือง หารือวันที่ 2




Fri, 2015-06-19 20:40
ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปเชิญนักการเมืองและแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง หารือการปฏิรูปประเทศรายบุคคลวันที่ 2 ขณะที่อดีตแกนนำ กปปส.เสนอความเห็นปัญหาการปฏิรูปประเทศที่ขับเคลื่อนได้ยาก

19 มิ.ย. 2558 เว็บไซต์ ThaiPBS รายงานว่าศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญนักการเมืองและแกนนำกลุ่มการเมือง ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการปฏิรูปประเทศ ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี เป็นวันที่ 2 โดยได้เชิญทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำ กปปส.ร่วมพูดคุย ประกอบด้วยนายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย

รูปแบบการพูดคุยยังคงเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรายบุคคลใช้เวลาพูดคุยคนละประมาณ 1 ชั่วโมง เน้นหารือในประเด็นการสร้างความปรองดอง แก้ปัญหาความขัดแย้ง การบริหารงานของรัฐบาลและ คสช.รวมถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ

นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส.ระบุว่า จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนได้ยาก โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ การปฏิรูประบบราชการ และการปฏิรูปการเมือง พร้อมเห็นว่า การปฏิรูปการเมืองมีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นต้องเร่งพัฒนาพรรคการเมืองให้เป็นของประชาชน ไม่ใช่เป็นของนายทุน และต้องแก้ปัญหาการซื้อสิทธิ์ ขายเสียงในการเลือกตั้งทุกระดับ

สำหรับบุคคลที่เข้าร่วมหารือรายบุคคลกับ ศปป.วันแรกวานนี้ (18 มิ.ย.2558) ประกอบด้วย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.

'ประยุทธ์' ยันไม่ตั้งบ้านเลขที่ 111-109 ร่วมสภาขับเคลื่อนฯ หลังแก้ รธน. ชั่วคราว



Fri, 2015-06-19 17:37
'ประยุทธ์' ย้ำยังไม่คิดตั้งอดีตนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 และ 109 มาร่วมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยืนยันรัฐบาลไม่ปล่อยปละละเลย หลัง สนช.เห็นชอบกับ ครม. และ คสช.ให้มีการประกาศใช้ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) เร่งประสานทุกประเทศส่งตัวคนผิดมาตรา 112 กลับมารับโทษ


19 มิ.ย. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการติดตามตัวผู้กระทำความผิด มาตรา 112 ที่หนีไปต่างประเทศ ว่า ได้มีการประสานติดตามตัวไปยังหลายประเทศ รวมถึงประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการตอบกลับมา เพราะแต่ละประเทศมีข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน ยอมรับว่าทุกกรณีและทุกคนที่หนีออกต่างประเทศ ได้ประสานขอส่งตัวกลับมาทั้งหมด รวมทั้งกรณีที่หลบหนีอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยรัฐบาลไม่ได้ปล่อยปละละเลย แต่จะให้จับกุมทั้งหมด ต้องใช้เวลา

“หนีไปข้างนอก ก็คงไม่ใช่คนไทยแล้วมั้ง อยู่เมืองไทยไม่ได้ มีการประสานหมด ทุกคนที่หนีไปต่างประเทศ ก็ประสานหมด ขึ้นอยู่ว่าเค้าจะจับมาส่งหรือเปล่า เราไม่ปล่อยปละละเลย ปล่อยไม่ได้ กระทรวงยุติธรรมดำเนินการแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ทำไป ปัญหาไม่ใช่สั่งวันนี้ จะส่งวันนี้ได้ จนวันนี้ยังจับไม่ได้หมด ในประเทศยังตามจับอยู่เลย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ที่ปลดล็อคให้อดีตนักการเมืองเข้ามาร่วมในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้นั้น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ไม่ใช่เพื่อความปรองดอง แต่เป็นการเปิดประตูเพื่อให้คนที่ถูกปลดล็อค ให้โอกาสได้มาทำความดี เพราะที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมได้ตัดสินไปแล้ว และไม่ใช่ว่าคนที่ถูกลงโทษจะเป็นคนเลวตลอดชีวิต ย่อมมีการกลับตัวเป็นคนดี อีกทั้งเพื่อให้การปฏิรูปเดินหน้าได้

“อะไรที่ลงโทษไปแล้ว ลงโทษไปเพียงพอหรือยัง ถ้าเพียงพอก็จะพิจารณาดู จะทำอย่างไร อยากให้ทุกคนพิจารณาดูว่าคนที่ถูกลงโทษไป ไม่ใช่คนเลวตลอดชีวิต เค้ารับโทษไปแล้ว ก็ต้องดูว่าเพียงพอหรือยัง เปลี่ยนพฤติกรรมหรือไม่ ถ้าไม่ปรับพฤติกรรมก็ลงโทษใหม่ เค้าก็ผิดใหม่ได้อยู่ดี คนที่ผิดไปแล้วให้โอกาสได้แก้ไข เรียกว่าการกลับตัวเป็นคนดี เหมือนบทลงโทษของกระทรวงยุติธรรม อย่ามองว่าติดคุกแล้วต้องเป็นคนเลว ดี ๆ ก็เยอะไป เว้นแต่เลวจนกลับไปอีก ก็ติดไปอีกนาน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ถูกตัดสิทธิ์ เช่น บ้านเลขที่ 109 และ 111 ยังมีใครพอจะร่วมงานในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้บ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่คิด ที่มีอยู่ก็มากอยู่แล้ว ทำไมต้องกลับมาอีก ส่วนจะแต่งตั้งใคร ขอให้เป็นไปตามระเบียบและรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิ์ ก็ไปเตรียมการที่จะเป็นรัฐบาลหน้า ซึ่งขณะนี้ส่งความเห็นมา ก็รับหมด ขณะเดียวกันมีการเปิดเวทีให้แสดงความเห็นอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว โดยนับจากนี้จะมีการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจในปัญหาให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูป เพื่อให้ประชาชนเลือกรัฐบาลใหม่มาสานต่องาน

“ตอนนี้ส่งความเห็นมา ก็รับหมด เปิดเวทีมาให้คุย ดูหรือเปล่า ไทยพีบีเอสเมื่อคืนนี้ ใครคุยกับใคร สภาปฎิรูปแห่งชาติคุยกับจาตุรนต์ ฉายแสง ไปดูสิเค้าตอบกันได้มั้ย เค้ารู้เรื่องกันมั้ย อีกคนปฎิรูป อีกคนนักการเมืองเก่า” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการให้สัมภาษณ์ในวันนี้ นายกรัฐมนตรีอารมณ์ดี โดยได้พูดเล่นกับผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่ยืนสัมภาษณ์กลางแดด ว่าร้อนไหม ถ้าร้อนก็ต้องอดทน ถ้าทนไม่ไหวก็เปลี่ยนไปทำงานอื่น แต่ก็เห็นแล้วว่าสื่อทำงานนี้ เพราะใจรักในอาชีพนี้


สนช.เห็นชอบกับ ครม.และ คสช.ให้มีการประกาศใช้ ร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ...

วานนี้ (18 มิ.ย.) วิทยุรัฐสภารายงานว่าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)มีมติให้ความเห็นชอบในการประกาศใช้ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ตามที่ ครม.และ คสช.เสนอแก้ไขใน 7 ประเด็น รวม 9 มาตรา เพื่อกำหนดให้มีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติอื่นให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ด้วยเสียง 203 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และไม่มีผู้ไม่เห็นด้วย ซึ่งถือว่าไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ คือไม่น้อยกว่า 110 เสียง

สำหรับมติดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก สนช.ให้ความเห็นชอบผ่านวาระแรกรับหลักการด้วยเสียงเอกฉันท์ 204 เสียง และผ่านวาระ 2 พิจารณารายมาตรา ภายหลังการอภิปรายอย่างกว้างขวางจากสมาชิก สนช. ด้วยการตั้งข้อสังเกตในร่าง อาทิ ประเด็นการให้ผู้เคยถูกเพิกถอนสิทธิ์ แต่ไม่ได้อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ ได้เป็น สนช. ซึ่ง ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และที่ปรึกษา คสช. ยืนยันว่าไม่ได้แก้กฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้ใครคนใดคนหนึ่ง รวมถึงประเด็นรายละเอียดการออกเสียงประชามติ ได้รับการชี้แจงว่า จะให้ กกต.จัดทำร่างประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการการออกเสียงประชามติ และเสนอ สนช. ผ่านความเห็นชอบ ส่วนความผิดและโทษที่เกิดในการทำประชามติ ให้นำ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552 มาใช้ ขณะที่ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรษนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบข้อสังเกตของสมาชิก สนช.เรื่องสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศว่า จะต้องมีขึ้นเพื่อให้การปฏิรูปทั้ง 11 ด้านเดินหน้า ด้วยการรับวาระปฏิรูปสืบต่อจากกรรมาธิการ สปช. 18 คณะที่ได้เสนอไว้ อีกทั้งมีเรื่องกรอบเวลาไม่ชัดเจน จึงต้องกำหนดระยะเวลาการทำงาน โดยคำนึงถึงความสำคัญเร่งด่วนและความสัมฤทธิผลของการปฏิรูปประเทศในเวลาที่เหลืออยู่ ดังนั้น สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศจะต้องทำงานควบคู่ไปกับรัฐบาลก่อนจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาวาระ 2 ครม.และ คสช.ได้ปรับแก้คำในมาตรา 5 วรรค 6 เล็กน้อยเพื่อให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นแต่ไม่ใช่การปรับแก้เนื้อหาแต่อย่างใด

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้า คสช. กล่าวขอบคุณ สนช.ก่อนจะมีมติเห็นชอบให้ความเห็นชอบในประกาศใช้ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... พร้อมยืนยันว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว)ในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากความต้องการของรัฐบาล แต่เกิดขึ้นจากประชาชนที่เรียกร้องให้มีการทำประชามติในร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง คสช.และรัฐบาล ทำทุกอย่างเพื่อประชาชนทุกคนและประเทศเพื่อให้เดินหน้าด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม เมื่อประชาชนเห็นว่าสิ่งใดควรดำเนินการจึงต้องทำ

'สมยศ' โยนประเด็น 'คาสิโน' ทำประชามติ กรุงเทพโพลล์ระบุประชาชน 58.8% ไม่เห็นด้วย




Fri, 2015-06-19 20:11
'สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง' ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำหนุนเปิดกาสิโนเสรีเป็นความเห็นส่วนตัวโยน สปช.เสนอรัฐทำประชามติชี้ต้องขึ้นอยู่กับประชาชน 'อดุลย์ แสงสิงแก้ว' รมว.พัฒนาสังคมร่วมหนุนด้วย ด้านกรุงเทพโพลล์เผยประชาชน 58.8% ไม่เห็นด้วยกับการเปิดคาสิโนถูกกฎหมาย เพราะไม่ชอบการพนัน-มอมเมาประชาชน

19 มิ.ย. 2558 สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นรายงานว่าพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ควรเป็นหน่วยงานในการเข้าชื่อถึงรัฐบาลในการเสนอสร้างเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ หรือ อาจจะทำประชามติคนทั้งประเทศ จะได้รู้ว่ามีคนที่คัดค้านมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากมีคนเห็นด้วยจำนวนมาก ผู้ที่คัดค้านจะว่าอย่างไร และยืนยันว่าตนไม่สนใจและไม่ให้ราคาบุคคลหรือกลุ่มไหนที่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน และขอยืนยันว่าที่ออกมาเสนอความเห็นเป็นในนามส่วนตัว พร้อมขออย่านำนายกรัฐมนตรีมาเกี่ยวข้อง ซึ่งการตัดสินใจจะทำหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับเสียงของประชาชนทั้งประเทศ

จากข้อมูลที่มีในขณะนี้พบว่ามีคนต่างชาติใช้พื้นที่ประเทศไทยในการเปิดบ่อนการพนันผ่านทางสังคมออนไลน์-โซเชียลมีเดียจำนวนมาก ซึ่งยากต่อการตรวจสอบ เนื่องจากประเทศไทยมีข้อบังคับหรือบทลงโทษเบากว่าต่างประเทศ แต่ยังคงต้องดำเนินการจับกุม ซึ่งยอมรับว่าการเปิดบ่อนเสรีไม่ได้ทำให้ปัญหาหมดไป และจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายอีกจำนวนมาก

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศ ยังระบุอีกว่า ทั่วโลกเกือบทุกประเทศมีบ่อนเสรีอยู่ และประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา มีบ่อนคาสิโนถึง 9 แห่ง มาเลเซีย เมียนมา และลาวมีรวมกันมากกว่า 30 แห่ง โดยพบว่ามีคนไทยเข้าไปใช้บริการมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีเงินไหลออกนอกประเทศจำนวนมาก

รมว.พัฒนาสังคมฯ หนุน ผบ.ตร.เปิดบ่อนคาสิโน

ครอบครัวข่าวรายงานว่าพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระบุว่า ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เห็นว่า แต่ละปีมีคนไทย นำเงินไปเล่นในบ่อนคาสิโนต่างประเทศจำนวนมาก จึงเห็นด้วยกับการจัดสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่ควรกำหนดระเบียบ จัดระบบเก็บข้อมูลผู้ที่เข้าไปใช้บริการให้ชัดเจน และตรวจสอบประวัติได้

ขณะที่พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า สภาปฏิรูปแห่งชาติ ควรเป็นหน่วยงานหลักในการเสนอเรื่องนี้ไปยังรัฐบาล และทำประชามติ จะได้รู้ว่ามีคนคัดค้านหรือยอมรับมากน้อยเพียงใด

ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้ว่าการพนันมันไม่ใช่สัญลักษณ์ของประเทศไทย ดังนั้นหากจะทำอะไรต้องมีความรอบคอบถี่ถ้วน เพราะยังมีหลายอย่างที่สำคัญและเร่งด่วนที่จะต้องทำมากกว่าการไปคิดเรื่องการเปิดบ่อน จึงควรพิจารณาทั้งด้านบวกและลบให้ดี ที่สำคัญเราไม่จำเป็นต้องหารายได้จากการเปิดคาสิโน และการเปิดบ่อนก็ไม่ได้หมายความว่าบ่อนเถื่อนจะหมดไป

ขณะที่ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้สำรวจความเห็นประชาชน หัวข้อ "นายกฯ ถาม ประชาชนตอบ" ว่าด้วยเรื่องเปิดบ่อนคาสิโน ถูกกฏหมาย พบว่า ร้อยละ 58.5 ไม่เห็นด้วย เนื่องจาก การพนันเป็นสิ่งไม่ดี แต่ร้อยละ 35.1 เห็นด้วย เพราะคนไทยจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปเล่นที่ต่างประเทศ ส่วนร้อยละ 6.4 ยังไม่แน่ใจ

กรุงเทพโพลล์เผยประชาชน 58.8% ไม่เห็นด้วยกับการเปิดคาสิโนถูกกฎหมาย เพราะไม่ชอบการพนัน มอมเมาประชาชน

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่ากรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง "นายกฯ ถาม ประชาชนตอบ ว่าด้วยเรื่อง เปิดบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย" โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,093 คน จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 58.5 ไม่เห็นด้วยกับแนวคิด เปิดบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ในประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้มีบ่อนในประเทศ ไม่ชอบการพนัน การพนันเป็นสิ่งไม่ดี ผิดศีล (ร้อยละ 19.5) รองลงมาเห็นว่าเป็นการมอมเมาให้ประชาชนติดการพนันมากขึ้น (ร้อยละ 13.5) และเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนและเยาวชนเข้าถึงแหล่งพนันง่ายขึ้น และนำไปสู่จำนวนคนเล่นพนันเพิ่มขึ้น (ร้อยละ 11.1)

ขณะที่ร้อยละ 35.1 เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่า คนไทยจะได้ไม่ต้องไปเล่นที่ต่างประเทศ เงินจะได้ไม่ไหลออกไปต่างประเทศ (ร้อยละ 14.8) จะได้ไม่ต้องลักลอบเล่นการพนันอย่างผิดกฎหมาย (ร้อยละ 8.2) และจะได้นำภาษีจากการเปิดบ่อนมาพัฒนาประเทศ (ร้อยละ 5.9) ที่เหลือร้อยละ 6.4 ยังไม่แน่ใจว่าควรเปิดบ่อนคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่

ศาลฏีกาพิพากษาแก้ รอการลงโทษ ‘พี่ชาย ดา ตอปิโด’ หลังจำคุก 2 ปีกว่า



Fri, 2015-06-19 19:24


19 มิ.ย.2558 ที่ศาลอาญา รัชดา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฏีกาคดีที่นายกิตติชัย ชาญเชิงศิลปกุล ถูกฟ้องในข้อหาเบียดบังทรัพย์และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายมาตรา 147 และ 157 ในขณะที่เป็นเจ้าหน้าที่เก็บเงินค่าเก็บขยะของกรุงเทพมหานคร คดีดังกล่าวเกิดขึ้นและมีการออกหมายจับในปี 2542 การกระทำผิดแบ่งเป็น 8 ครั้ง ยอดเงินรวม 30,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 8 กรรม กรรมละ 5 ปี รับสารภาพลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือ 20 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และในวันนี้ (19 มิ.ย.) ศาลฏีกาพิพากษาแก้เป็นรอการลงโทษ กิตติชัยจึงได้รับการปล่อยตัวในค่ำวันนี้หลังถูกจับคุกมาแล้วเกือบ 3 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลูกสาวของกิตติชัยไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการอ่านคำพิพากษาในวันนี้ และเพิ่งได้รับข่าวผลคำพิพากษาหลังการพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว เธอและน้องชายได้เดินทางจากภูเก็ตมารอรับพ่อที่เรือนจำคลองเปรมในช่วงค่ำวันนี้

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวถูกเปิดเผยโดย ประเวศ ประภานุกูล ทนายของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ‘ดา ตอร์ปิโด’ น้องสาวของกิตติชัยซึ่งโพสต์ในเฟซบุ๊กระบุว่า กิตติชัยถูกจับกุมอย่างเงียบ ๆ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2554 ด้วยหมายจับซึ่งออกเมื่อปี 2542 ข้อหาเบียดบังทรัพย์ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (มาตรา 147 และ 157) หลังการจับกุมเขาถูกนำตัวส่งฟ้องที่ศาลอาญาในทันที ศาลรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ. 3505/2554

นอกจากนี้ประเวศยังให้รายละเอียดว่าก่อนที่กิตติชัยจะโดนจับ เขาได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอ้างว่ามีสาวโรงงานย่านนนทบุรีและเพื่อนจำนวน 4 คน แสดงความประสงค์ต้องการเข้าเยี่ยมดารณี จึงต้องการให้กิตติชัยเดินทางมายังกรุงเทพฯ จากจังหวัดภูเก็ต และได้นัดพบกันหน้าร้านเคเอฟซี ภายในห้างโลตัสปากเกร็ด หลังจากที่กิตติชัยได้เดินทางเพื่อไปพบบุคคลที่นัดหมายไว้ทางโทรศัพท์ เขากลับถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ประเวศตั้งข้อสังเกตว่า การจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจคงมีการประสานงานกับทางอัยการไว้ก่อนหน้านี้แล้วทำให้มีร่างคำฟ้องไว้ก่อนและสามารถนำมายื่นที่ศาลได้ทันที และการจับกุมกิตติชัยจะส่งผลกระทบต่อดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ซึ่งถูกตัดสินจำคุกเมื่อเดือนสิงหาคม 2552 ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นเวลา 15 ปีด้วยเนื่องจากพี่ชายของดารณีเป็นเพียงผู้เดียวที่ดูแลซื้อของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้ดารณีในเรือนจำ

จ่อขอศาลทหารออกหมายจับ 9 นศ.หน้าหอศิลป์



Fri, 2015-06-19 20:55
19 มิ.ย. 2558 มติชนออนไลน์รายงานว่าจากกรณีที่มีนักศึกษารวมกลุ่มกันจัดกิจกรรม 1 ปี รัฐประหารบริเวณด้านหน้าหอศิลป์ สี่แยกปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะที่กลุ่มนักศึกษากำลังกิจกรรมกันนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวนักศึกษาจำนวน 33 คน มาสอบปากคำยัง สน.ปทุมวัน ซึ่งระหว่างนั้นทางกลุ่มเพื่อนนักศึกษาได้มารวมตัวกัน ก่อนทางเจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวนักศึกษาจำนวนดังกล่าว ในช่วงเช้าของวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 19 มิถุนายน ที่ สน.ปทุมวัน พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้นัดกลุ่มนักศึกษาที่ทำกิจกรรม 1 ปี รัฐประหาร หน้าหอศิลป์ สี่แยกปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ทั้งหมด 9 ราย ประกอบด้วย นายพรชัย ยวนยี อายุ 24 ปี นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ อายุ 23 ปี นายรัฐพล ศุภโสภณ อายุ 22 ปี นายปกรณ์ อารีกุล อายุ 26 ปี นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ อายุ 29 ปี นายรังสิมันต์ โรม อายุ 22 ปี นายชาติชาย แกดำ อายุ 31 ปี นายนัชชชา กองอุดม อายุ 21 ปี และน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อายุ 22 ปี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาหลังจากถูกควบคุมตัว

โดยเบื้องต้นในส่วนของนายชาติชายติดต่อจะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกับ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ

ต่อมาเวลา 15.30 น. นายวรชัย ชลธาร นำหนังสือมอบอำนาจจากน.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากนายชาติชายอีกต่อหนึ่ง มายื่นเอกสารขอเลื่อนกำหนดเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน โดยระบุว่า เนื่องจากน.ส.พวงทิพย์ ได้รับแจ้งจากนายชาติชาย ว่ามีภารกิจจำเป็นเกี่ยวกับการทำงาน ซึ่งได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ประกอบกับ น.ส.พวงทิพย์ ติดภารกิจว่าความในฐานะทนายความจำเลย ในคดีอาญา จึงไม่สามารถมาตามกำหนดนัดของพนักงานสอบสวนได้ จึงขอเลื่อนกำหนดนัดเข้าพบพนักงานสอบสวนออกไปเป็นวันที่ 22 มิถุนายน 2558 เวลา 09.00 น. ลงชื่อ น.ส.พวงทิพย์

ขณะที่ พ.ต.อ.จารุต เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้เรียกผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย มารับทราบข้อกล่าวหาแล้วจำนวน 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา และในวันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการเรียก ครบ 2 ครั้ง ตามกฎหมาย ส่วนกรณีของนายชาติชาย ที่ถึงแม้ว่าวันนี้จะส่งตัวแทนของทนายความมายื่นเอกสารขอเลื่อนนัด รวมถึงผู้ต้องหาที่เหลืออีก 8 ราย ที่ไม่มาพบตามนัดหมายนั้น ก็เป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนต้องทำคำร้องต่อศาลทหารกรมพระธรรมนูญ เพื่อพิจารณาอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ตามขั้นตอนกฎหมาย โดยคาดว่าจะสามารถรวมรวมพยานหลักฐานประกอบคำร้องได้ภายในวันที่ 22 มิถุนายนนี้