'พระสุเทพ' ยื่น 'คลิป-ภาพนิ่งชายชุดดำ' ต่อ ป.ป.ช. คดีสลายแดงปี 53 รับจนท.ใช้กระสุนจริง พร้อมแจงสนช. ให้กำลังใจ 'ประยุทธ์' เสมอ วอนปฏิรูปอย่างที่ ปชช.ต้องการ ระบุ 'เชื่อมือ ศรัทธา มั่นคง'
เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พระสุเทพ ปภากโร หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้เข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีถูกกล่าวหาสั่งการสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการให้ถ้อยคำต่อองค์คณะไต่สวน คณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยใช้เวลาร่วม 3 ชม. นายสุเทพ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ได้อธิบายให้องค์คณะไต่สวน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในหลายประเด็น โดยประเด็นสำคัญที่สุดคือได้นำคลิปและภาพนิ่งของกองกำลังชายชุดดำติดอาวุธซึ่งออกมาเข่นฆ่าประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นคลิปที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชนในขณะนั้น เพื่อให้เห็นชัดว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ก่อเหตุร้ายแรง ทำให้เกิดความสูญเสีย
“เอาคลิปมาให้ ป.ป.ช. เห็นกันจะๆ ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ชายชุดดำเป็นอย่างไร ใช้อาวุธอะไร เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมานานแล้ว คนก็ลืมไปหมดแล้วจำกันไม่ได้ว่าวันนั้นเป็นอย่างไร ลืมไปแล้วว่าคนกรุงเทพฯฝันร้ายขนาดไหน” นายสุเทพ กล่าว
“ให้เห็นชัดว่าในแต่ละเหตุการณ์นั้นได้มีผู้ก่อเหตุร้าย กระทำการด้วยด้วยความรุนแรงจนทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อประชาชนและเจ้าหน้าที่อย่างไร ที่เหลือก็เป็นการอธิบายการปฏิบัติการในคำสั่งแต่ละคำสั่ง ที่ได้ลงนามสั่งการไปในฐานะเป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. เช่น การสั่งการเมือวันที่ 14 พ.ค. 53 ให้ตั้งด่านตรวจ จุดสกัด ล้อมรอบบริเวณพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ที่ฝ่าย นปช. ใช้เป็นสถานที่ชุมนุม”
“อาตมาได้อธิบายเพิ่มเติมให้ชัดเจนว่าด่านตรวจจุดตรวจเหล่านั้นตั้งอยู่กับที่ เช่น ตั้งอยู่ที่ราชปรารภ ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 4 ตั้งอยู่ที่สนามกีฬาแห่งชาติ ไม่ได้เคลื่อนที่เข้าหาผู้ชุมนุมเลย การปะทะที่เกิดขึ้นที่ด่านต่างๆนั้น เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธ ของฝ่าย นปช. เข้าทำการโจมตีต่างๆ”
“ได้ให้การเพิ่มเติมต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.วันนี้ว่า เท่าที่อาตมาได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการที่ทำหน้าที่อยู่ในขณะนั้น ในแต่ละจุดในแต่ละด่าน เขาบอกกับอาตมาเป็นเสียงเดียวกันว่ากองกำลังติดอาวุธที่เข้าไปโจมตีด่านที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ที่จุดต่างๆ โดยเฉพาะที่รุนแรงที่สุดถนนพระราม 4 แถวบ่อนไก่ กับถนนราชปรารภนั้น เป็นกองกำลังที่ได้มีการฝึกฝนมาอย่างดี เป็นผู้มีประสบการณ์ในการใช้อาวุธ มีความชำนาญในการใช้อาวุธ มียุทธวิธีในการปฏิบัติเหมือนกับเจ้าหน้าที่ของเราที่เรียนเรื่องเหล่านี้มา ยังสงสัยว่าเรียนมาจากโรงเรียนเดียวกันหรือเปล่า” นายสุเทพ กล่าว
ส่วนกรณีที่ปรับเปลี่ยนยุทธวิธีการควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ เช่น เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ได้ให้เจ้าหน้าที่กดดันขอคืนพื้นที่จราจร แต่ปรากฏว่าไม่ได้ผล และมีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บและเสียชีวิต จากนั้นเมื่อวันที่ 13-18 พ.ค. 2553 จึงปรับเปลี่ยนยุทธวิธีเป็นการตั้งด่านสกัดรอบพื้นที่ชุมนุมเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหว และไม่ให้มีคนมาเพิ่มเติม ไม่ให้มีการขนอาวุธ และลดการใช้สาธารณูปโภคในพื้นที่ เพื่อกดดันให้เลิกการชุมนุมไปเอง ต่อมามีการยิงM79 ไปบนสถานีรถไฟฟ้า และทั่วสารพัดทิศในพื้นที่สวนลุมพินี จนทำให้เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ซึ่งจัดตั้งด่านสกัดเหมือนเดิมไม่ได้ จึงต้องส่งกำลังคนเข้าควบคุมพื้นที่ ซึ่งไม่มีทางเลือก เหตุการณ์วันที่19 พ.ค. 2553 จึงเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ติดใจเรื่องการใช้กระสุนจริงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้ปืนลูกซองและกระสุนยาง ต่อมาเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บและเสียชีวิต จึงมีคำสั่งให้ใช้อาวุธปืนและกระสุนจริง เพื่อป้องกันตัวเองและผู้บริสุทธิ์จากกลุ่มกองกำลังชายชุดดำ แต่ก็มีกฎในการใช้อาวุธเพื่อความจำเป็น ในการรักษาชีวิตเจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริสุทธิ์ และต้องไม่มุ่งเอาชีวิตของเป้าหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้าให้ถ้อยคำครั้งนี้ถือว่าครบถ้วนหมดแล้วใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าครบถ้วน ส่วน ป.ป.ช. จะพิจารณาอย่างไร ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของ ป.ป.ช. หากมีการชี้มูลในส่วนของการถอดถอน ก็พร้อมจะเข้าไปชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ดีเหมือนกันจะได้ห่มจีวรเข้าสภาสักครั้ง หากในส่วนของคดีอาญา ก็พร้อมจะไปขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่กังวลใจ และยืนยันว่าไม่หลบหนีไปไหน เป็นคนไทยต้องเคารพกฎหมายไทย นอกจากนั้นยังยืนยันว่า ไม่ต้องการเพิ่มพยาน เพราะเป็นคนออกทุกคำสั่งเอง และเจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งว่า กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยขอเพิ่มพยาน2 ปาก คือนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่ชาติ (สมช.) และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กรณีการสั่งการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553ขณะนี้ ป.ป.ช. ได้ประสานงานไปที่นายถวิลแล้ว โดยนัดหมายว่านายถวิลจะมาด้วยตัวเองในวันที่ 28 เม.ย. 2558 ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประสาน แต่เบื้องต้นทราบว่า อาจจะชี้แจงด้วยเอกสาร
ให้กำลังใจบิ๊กตู่ บอก เชื่อมือ ศรัทธา มั่นคง
นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการสร้างสันติสุขด้วยการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ว่าด้วยการอภัยโทษ ว่า ประเทศจะมีความสันติสุขได้ถ้าคนมีธรรมะ เข้าวัดไปปฏิบัติธรรม หนุ่มๆไปบวชกันบ้าง
เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ในประเทศขณะนี้หรือไม่ พระสุเทพ กล่าวว่า อาตมาเป็นพระแล้วจะเป็นห่วงอะไร เป็นหน้าที่คนอื่นไป
เมื่อถามว่า ให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ พระสุเทพ กล่าวว่า ให้กำลังใจเสมอ ทั้งนายกรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้เขาทำกันให้เรียบร้อย ปฏิรูปประเทศให้ได้อย่างที่ประชาชนต้องการ เหนื่อยหน่อย เห็นใจ เมื่อถามย้ำว่า ยังเชื่อมืออยู่หรือไม่ พระสุเทพ กล่าวว่า “เชื่อมือ ศรัทธา มั่นคง”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ต่อประเด็นที่พระสุเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้เคลื่อนเข้าหาผู้ชุมนุมเลยนั้น หากย้อนกลับไปเมื่อวันที 20 พ.ค. 2553 พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบ (ยศขณะนั้น) ได้แถลงถึงการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ที่แสดงให้เห็นว่ามีการเคลื่อนกำลังเข้าหากลุ่มผู้ชุมนุมว่า “เรามียานเกราะ มีการเคลื่อนที่เข้าไปในลักษณะเหมือนในสนามรบ ซึ่งต้องยอมรับว่าการจัดกำลังเข้าดำเนินการในครั้งนี้เราไม่ได้ทำเหมือนกับการควบคุมฝูงชน ถ้าหากย้อนไปก่อนหน้านี้จะเห็นภาพของทหารถือโล่ กระบอง เดินเข้าไปเป็นรูปขบวนปึกหนาๆ เข้าไปประจันหน้ากับผู้ชุมนุม อันนี้เป็นการควบคุมฝูงชนปกติ”