คสช. ออกคำสั่งที่ 4/2558 จัดตั้งคณะทำงานประสานต่างชาติ ให้ประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และการพัฒนา ปชต. แต่ห้ามวิจารณ์ รธน. พร้อมจัดทำการศึกษาข้อบกพร่อง รธน. 40 และ 50 เน้นโปร่งใส่ ไร้อคติ
17 เม.ย. 2558 เมื่อวานนี้ เว็บไซด์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่4/2558 เรื่องการดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่การจัดทำธรรมนูญและการปฏิรูป โดยมีการออกคำสั่งให้มีการแต่งตั้งคณะการทำงานชุดหนึ่ง ซึ่งให้มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานองค์ต่างๆ เช่น กระทรวงต่างประเทศ สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ สถาบันพระปกเกล้า และองค์การตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว หรือแม่น้ำทั้ง 5 สาย เพื่อพิจารณาเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากต่างประเทศด้านการเมืองการปกครอง การจัดทำรัฐธรรมนูญ การปฏิรูป การแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ และความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศเหล่านั้นมาให้ประสบการณ์ ความเข้าใจในการพัฒนาประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ รวมทั้งจัดให้มีการศึกษาวิจัย เปรียบเทียบและระบุปัญหาที่เกิดจากการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ 2550 ด้วย
ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ สถาบันพระปกเกล้า เป็นหน่วยธุรการ โดยคณะทํางานจะมีทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย ประธานคณะทำงาน ซึ่งเป็นผู้ดํารงตําแหน่งใน คสช.ที่หัวหน้า คสช.มอบหมาย ขณะที่คณะทำงานอีก 7 ราย ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย, รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.), รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการคณะทำงานด้วย
คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2558
เรื่อง การดําเนินการเพื่อประโยชน์แก่การจัดทํารัฐธรรมนูญและการปฏิรูป ตามที่กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ กําลังดําเนินไปตามแผนและขั้นตอนสามระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระยะที่สองนั้น โดยที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อเสนอแนะที่แตกต่างหลากหลาย หากมิได้สร้างความรับรู้ความเข้าใจเสียแต่แรกก็อาจนําไปสู่ความขัดแย้งใน สังคมจนกระทบต่อความสามัคคี ความสมานฉันท์ และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนากระบวนการประชาธิปไตยได้ สมควรสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ผู้เกี่ยวข้องและประชาชนเกี่ยวกับมาตรการ ป้องกัน แก้ไข และเยียวยาวิกฤตการณ์ทางการเมือง การปฏิรูปกระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญและหลักการสําคัญของรัฐธรรมนูญที่เหมาะ สมกับความต้องการของประชาชนและประเทศชาติ โดยอาศัยประสบการณ์ในต่างประเทศที่อาจนํามาดัดแปลงหรือประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยที่มาตรา 42 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 บัญญัติให้ในกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่าคณะรัฐมนตรีควรดําเนิน การตามอํานาจหน้าที่ในเรื่องใด ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 2 ให้มีคณะทํางานคณะหนึ่งทําหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ สถาบันอุดมศึกษาของรัฐตามที่เห็นสมควร สถาบันพระปกเกล้าและองค์กรทั้งห้าตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ได้แก่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากต่างประเทศด้านการเมืองการปกครอง การจัดทํารัฐธรรมนูญ การปฏิรูป การแก้ปัญหาวิกฤตการณ์และความขัดแย้งทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้นในประเทศ เหล่านั้น โดยเฉพาะประเทศที่มีประสบการณ์ในการจัดทํารัฐธรรมนูญและการปฏิรูปภายหลัง วิกฤตการณ์และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มาให้ประสบการณ์และความเข้าใจในการพัฒนาประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยและการปฏิรูปประเทศเพื่อนําไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ โดยคํานึงถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งวิกฤตความขัดแย้งอาจแตกต่างจากต่างประเทศ และคํานึงถึงความต้องการของประชาชน โดยไม่ขัดแย้งกับหลักการอันเป็นสากล ตลอดจนหลักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามประเพณีการปกครองของประเทศไทย โดยไม่เกี่ยวกับการวิพากษ์หรือพิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญที่กําลังจัดทํา และไม่กระทบต่อความคืบหน้าของกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญที่กําลังดําเนิน การอยู่ ทั้งนี้ ให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นหน่วยธุรการและให้คณะทํางานดังกล่าวดําเนินการตามคําสั่งนี้ โดยเร่งด่วน คณะทํางานประกอบด้วย (1) ผู้ดํารงตําแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมาย ประธานคณะทํางาน (2) รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย คณะทํางาน (3) รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติมอบหมาย คณะทํางาน (4) รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติมอบหมาย คณะทํางาน (5) รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมอบหมาย คณะทํางาน (6) ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ คณะทํางาน (7) เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะทํางาน (8) เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า คณะทํางานและ เลขานุการ ข้อ 3 นอกจากการดําเนินการตามข้อ 2 แล้ว ให้คณะทํางานจัดให้มีการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบและระบุปัญหาที่เกิดจากการ บังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2550 ซึ่งเคยมีข้อท้วงติงว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการเมืองของไทย หรือไม่ตอบสนองต่อการแก้วิกฤตการณ์ของประเทศ พร้อมทั้งให้จัดทําข้อเสนอแนะด้วยในการดําเนินการดังกล่าว คณะทํางานจะมอบหมายหรือว่าจ้างให้บุคคล คณะบุคคลหรือองค์กรใด ดําเนินการหรือนําผลการศึกษาที่เคยมีผู้ทําไว้แล้วมาเรียบเรียงและจัดหมวด หมู่ให้เป็นไปตามกรอบที่กําหนดไว้ในวรรคก่อนพร้อมทั้งเสนอความเห็นประกอบก็ ได้ ทั้งนี้ ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดําเนินการโดยไม่มีอคติและตรงต่อสภาพปัญหาที่เป็น จริงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนําไปใช้ประโยชน์ได้ทันการจัดทํารัฐธรรมนูญและการพิจารณาของผู้เกี่ยว ข้อง ตลอดจนช่วยสร้างความรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน ข้อ 4 ให้คณะทํางานตามข้อ 2 ดําเนินการต่อไปในลักษณะเดียวกันตามข้อ 3โดยอนุโลม เพื่อใช้เป็นแนวทางเสนอแนะการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ข้อ 5 ขั้นตอนและวิธีดําเนินการให้เป็นไปตามที่คณะทํางานกําหนดบนพื้นฐานของความ โปร่งใส ความสอดคล้องกับหลักวิชาอันเป็นที่ยอมรับทั่วไป การปราศจากอคติ และการมุ่งให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ในกรณีที่ไม่อาจดําเนินการในเรื่องใดโดยเร่งด่วนได้เพราะไม่สอดคล้องกับ กฎหมาย กฎหรือระเบียบของทางราชการ ให้คณะทํางานขอคําวินิจฉัยจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแล้วดําเนินการ ไปตามคําวินิจฉัยนั้น ให้สํานักงบประมาณจัดงบประมาณแก่คณะทํางานเพื่อดําเนินการตามคําสั่งนี้ตาม ความจําเป็น เมื่อได้ดําเนินการตามคําสั่งนี้แล้ว ให้ประธานคณะทํางานรายงานหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นระยะ ๆ และเผยแพร่ผลการดําเนินการต่อสาธารณชน ในกรณีที่คณะทํางานเห็นว่าสมควรยุติ หรือไม่จําเป็นต้องดําเนินการต่อไป ให้รายงานหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยจัดทําบัญชี แสดงค่าใช้จ่ายเสนอไปด้วย เมื่อได้รับความเห็นชอบของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแล้ว คําสั่งนี้เป็นอันสิ้นสุดลง สั่ง ณ วันที่ 9 เมษายน พุทธศักราช 2558 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ |