ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557
คนแบบนี้เหรอ ที่ว่าจะมาปฏิรูปประเทศ
ชาว FB ล่าชื่อร้อง ‘สมชัย’ ลาออก ให้ กกต.ที่เหลือทำหน้าที่จัดเลือกตั้ง 2 ก.พ.ต่อไป
ชาว FB ล่าชื่อร้อง ‘สมชัย’ ลาออก ให้ กกต.ที่เหลือทำหน้าที่จัดเลือกตั้ง 2 ก.พ.ต่อไป
4.การเรียกร้องในจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 เกิดจากการที่กลุ่มเห็นว่า กกต.ที่เป็นอุปสรรคสำคัญและมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไม่รับผิดชอบต่อประชาชน และไม่ต้องการทำหน้าที่ของตน คือ กกต.สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ฝ่ายบริหารจัดการเลือกตั้ง การเรียกร้องให้ลาออกก็เพื่อที่กกต.ที่เหลือจะได้สามารถทำหน้าที่ในจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กพ.ต่อไปได้ และเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยมิให้บอบช้ำมากไปกว่านี้
29 ม.ค.57 เพจอีเวนท์ในเฟซบุ๊ก ‘มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นว่าคนไทยทั้งประเทศอยากได้กกต.ชุดใหม่’ จัดกิจกรรมต่อเนื่อง เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 เรื่อง ขอเรียกร้องให้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งลาออก พร้อมประกาศเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อต่อท้ายในฟอร์มจดหมาย
หลังจากที่เมื่อวานนี้ (28 ม.ค.57) มีตัวแทนของกลุ่มพยายามเข้ายื่นหนังสือต่อนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ระหว่างที่ นายสมชัย ในฐานะตัวแทน กกต.และนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา ตัวแทนรัฐบาล แถลงข่าว แต่นายสมชัยไม่รับหนังสือและเดินขึ้นรถออกไปทันที
จดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ระบุว่า กลุ่ม “มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าคนไทยทั้งประเทศอยากได้ กกต.ชุดใหม่” ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนจำนวนมากของประเทศ ที่ต้องการใช้สิทธิของตนเองในการเลือกตั้งเพื่อจรรโลงระบอบประชาธิปไตย เห็นว่า การกระทำของนายสมชัยที่ผ่านมา มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในการขัดขวางและทำลายระบอบประชาธิปไตย ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่และละเว้นไม่ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างสุจริต ละเมิดสิทธิของประชาชนผู้ต้องการออกมาใช้สิทธิของตนตามครรลองประชาธิปไตย หากยังคงดำรงตำแหน่งในการบริหารงานจัดการเลือกตั้งต่อไปจะเพิ่มความขัดแย้งขึ้นในสังคม และบั่นทอนระบอบประชาธิปไตยของประเทศให้เสียหายและอ่อนแอลง จึงขอเรียกร้องให้นายสมชัย ลาออกจากตำแหน่ง กกต.ฝ่ายกิจการบริหารงานเลือกตั้ง
ด้านผศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี นักวิชาการคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุจุดยืนของกลุ่มมั่นใจ 100% คนไทยทั้งประเทศอยากได้กกต.ชุดใหม่ว่า 1.กลุ่มก่อตั้งขึ้นจากความอึดอัดใจต่อการที่กกต.ซึ่งควรมีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง กลับแสดงตนไม่เป็นกลาง และละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ มีเจตนาที่ต้องการเลื่อนเลือกตั้ง อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อมวลชนส่วนน้อยที่ปิดกรุงเทพฯอยู่ในปัจจุบันซึ่งไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งอย่างชัดเจน 2.กลุ่มก่อตั้งโดยนักวิชาการ นักกิจกรรมทางสังคม นักแปลอิสระ สื่อมวลชน และนักศึกษา และมีผู้สนับสนุนกิจกรรมการรณรงค์ของกลุ่มทั่วประเทศ
3.กลุ่มได้ออกจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 1 เรียกร้องให้กกต.ลาออก อันเป็นการเคลื่อนไหวในฐานะตัวแทนของความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ที่ไม่เห็นด้วย อึดอัด และผิดหวังต่อบทบาทของกกต. โดยเฉพาะอย่างยิ่งความล้มเหลวของกกต.ในการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 มกราคม ซึ่งส่อนัยชัดเจนที่ต้องการล้มเลือกตั้ง การร่วมกันของประชาชนเสนอให้กกต.ลาออก มีเจตนามุ่งหวังให้กกต.ได้รับรู้ถึงความไม่พอใจของพลเมืองไทยที่ถูกริดรอนสิทธิของตน
4.การเรียกร้องในจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 เกิดจากการที่กลุ่มเห็นว่า กกต.ที่เป็นอุปสรรคสำคัญและมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไม่รับผิดชอบต่อประชาชน และไม่ต้องการทำหน้าที่ของตน คือ กกต.สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ฝ่ายบริหารจัดการเลือกตั้ง การเรียกร้องให้ลาออกก็เพื่อที่กกต.ที่เหลือจะได้สามารถทำหน้าที่ในจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กพ.ต่อไปได้ และเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยมิให้บอบช้ำมากไปกว่านี้
และ 5.กลุ่มฯ จะทำหน้าที่เป็น watch dog ในการติดตามควบคุมกำกับการทำงานของ กกต.อย่างต่อเนื่องให้รับผิดชอบต่อการจรรโลงประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ จดหมายดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้
จดหมายเปิดผนึกฉบับที่สองจากกลุ่ม “มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นว่าคนไทยทั้งประเทศอยากได้กกต.ชุดใหม่”
เรื่อง ขอเรียกร้องให้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งลาออก
ดังที่ทราบกันดีว่า การเลือกตั้งนั้น เป็นกระบวนการทางประชาธิปไตยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่เปิดโอกาสให้พลเมืองไทยได้ใช้สิทธิในการเลือกผู้แทนของตนเข้าไปทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ ยิ่งในภาวะที่ประเทศตกอยู่ในความขัดแย้งและวิกฤตทางการเมือง การเลือกตั้งยิ่งมีความสำคัญในฐานะที่เป็นกติกาหลักที่จะช่วยจรรโลงระบอบประชาธิปไตยที่สร้างหลักประกันของความเสมอภาคของพลเมืองให้ดำรงอยู่ได้ กฎหมายรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ในฐานะที่เป็นองค์กรอิสระที่รับผิดชอบต่อประชาชน ให้ทำหน้าที่ในการควบคุมและดำเนินการ หรือจัดให้มีการเลือกตั้ง การออกเสียงประชามติ ให้เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม และมีคำสั่งให้ข้าราชการ พนักงานของหน่วยงานราชการต่างปฏิบัติการอันจำเป็นในการเลือกตั้ง
รัฐบาลปัจจุบันได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ. 2557 อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่มีการประกาศยุบสภาเป็นต้นมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารานเลือกตั้ง ได้แสดงท่าทีที่บ่ายเบี่ยง ไม่ทำตามหน้าที่ในการเอื้ออำนวยให้เกิดการเลือกตั้งอย่างสุจริตมาโดยตลอด ทั้งนี้ไม่เพียงแต่มีข้อเสนอที่แสดงต่อสาธารณะอย่างชัดแจ้งให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป แต่ยังได้ทำการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเรื่องอำนาจหน้าที่ระหว่างองค์กรในการเลื่อนวันเลือกตั้งอีกด้วย ในการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา แม้จะมีอุปสรรคจากการขัดขวางการเลือกตั้งจากกลุ่มกปปส. ในเขตเลือกตั้งต่างๆ แต่ประชาชนต่างก็ไม่ย่อท้อ ได้พากันออกมาใช้สิทธิในเขตเลือกตั้งสูงถึง 38,093 คนหรือ 68.96% โดยจากจำนวนผลเลือกตั้ง 700 แห่ง สามารถดำเนินการลงคะแนนในจำนวนทั้งหมด 525 แห่ง
กลุ่ม “มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าคนไทยทั้งประเทศอยากได้ กกต.ชุดใหม่” อันเป็นตัวแทนของประชาชนจำนวนมากของประเทศ ที่ต้องการใช้สิทธิของตนเองในการเลือกตั้งเพื่อจรรโลงระบอบประชาธิปไตย เห็นว่า การกระทำของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ที่ผ่านมา มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในการขัดขวางและทำลายระบอบประชาธิปไตย ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่และละเว้นไม่ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างสุจริต ละเมิดสิทธิของประชาชนผู้ต้องการออกมาใช้สิทธิของตนตามครรลองประชาธิปไตย ซึ่งหากยังคงดำรงตำแหน่งในการบริหารงานจัดการเลือกตั้งต่อไป ย่อมรังแต่จะเพิ่มความขัดแย้งขึ้นในสังคมและบั่นทอนระบอบประชาธิปไตยของประเทศให้เสียหายและอ่อนแอลง จึงขอเรียกร้องให้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ลาออกจากตำแหน่งกกต.ฝ่ายกิจการบริหารงานเลือกตั้งเสีย
มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นว่าคนไทยทั้งประเทศอยากได้กกต.ชุดใหม่ https://www.facebook.com/events/497497997026079/
|
หน้าด้าน ไร้ยางอาย ทำไปได้ เพราะถูกมอมเมาให้เข้าใจสังคมผิดพลาด
หน้าด้าน ไร้ยางอาย ทำไปได้ เพราะถูกมอมเมาให้เข้าใจสังคมผิดพลาด
จงใจละเมิดคุกคามสิทธิ์ประชาชน ม็อบเลวๆ ทำแต่เรื่องเลว ๆ ปิดยึดไปรษณีย์ยึดบัตรเลือกตั้งที่สงขลา
เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ก็ต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ก็ต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557
เราควรออกไปเลือกตั้งหรือไม่
เมื่อการเลือกตั้งทำท่าว่าจะมีขึ้นแน่ ๆ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ คำถามที่มีคนถามอยู่เป็นประจำก็คือ แล้วประชาชนทุกฝ่ายควรจะทำอย่างไร ควรออกไปเลือกตั้ง หรือควรอยู่เฉย ๆ ไม่ออกไปเลือกตั้ง
มีคนส่งข้อความใน social media ชักชวนให้ทุกคนไม่ออกไปเลือกตั้งเพื่อว่าถ้ามีคนออกไปเลือกตั้งไม่ถึงร้อยละ 50 แล้วจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
คนที่ส่งข้อความนั้นจะมีเจตนาอย่างไรไม่ทราบ แต่ความเข้าใจนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะถึงจะมีคนไปเลือกเพียงร้อยละ 10 การเลือกตั้งนั้นก็ไม่เป็นโมฆะ เพราะกฎหมายให้นับแต่เฉพาะคะแนนของคนที่ไปลง ไม่ได้นับคนที่ไม่ไปใช้สิทธิ์
สมมุติว่าในเขตเลือกตั้งหนึ่ง มีผู้มีสิทธิลงคะแนนจำนวน 100,000 คน มีผู้สมัคร 2 คน ในวันเลือกตั้ง ทั้งเขตมีคนไปลงคะแนนเพียง 10 คน นาย ก. ได้ 10 คะแนน นาย ข. ไม่ได้คะแนนเลย นาย ก. ก็ได้รับเลือกตั้ง ทั้งยังกล่าวอ้างอย่างเต็มปากด้วยความภูมิใจว่า ได้รับเลือกมาด้วยคะแนน 100 เปอร์เซ็นต์ การเลือกตั้งนั้นก็ใช้ได้ตามกฎหมาย
ความเป็นโมฆะของการเลือกตั้ง จะไม่ได้เกิดจากจำนวนคนที่ออกไปใช้สิทธิ หากแต่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่ไม่อาจจัดการเลือกตั้งได้ในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ซึ่งทั้งรัฐบาลก็รู้ และ กกต. ก็รู้ เพียงแต่ยังไม่ได้มีการพูดกันอย่างจริงจัง ซึ่งนั่นก็คงนำไปสู่ความรับผิดชอบทั้งทางอาญาและทางแพ่งที่อาจจะเกิดมีขึ้นกับรัฐบาลและ กกต. ในวันข้างหน้า ขึ้นอยู่กับว่าใครจะป้องกันตัวเองได้รอบคอบกว่ากัน
ถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ และคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลพากันไม่ออกไปลงคะแนนเลือกตั้ง คงมีแต่คนที่เห็นด้วยกับรัฐบาลออกไปลงคะแนน ผลจะเป็นดังนี้
- 1. คนที่ไม่ออกไปใช้สิทธิจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองทุกคน เว้นแต่คนที่ได้แจ้งเหตุไม่ไปลงคะแนนไว้แล้ว
- 2. คะแนนที่ปรากฏจาการเลือกตั้ง จะเป็นว่า ผู้มาใช้สิทธิทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์หรือเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เลือกผู้สมัครของรัฐบาล ซึ่งเป็นผลดีต่อรัฐบาลทำให้เกิดกำลังใจในการดำเนินการตามนโยบายที่คิดว่าดีแล้วต่อไปได้อย่างเต็มที่ และใช้เป็นข้ออ้างตามหลักของการเลือกตั้งปัจจุบันได้ว่าคนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดสนับสนุนการกระทำของรัฐบาล
- 3. ส่วนคนที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็จะถูกกล่าวอ้างได้ว่า เป็นพวกที่ไม่สนใจในการเลือกตั้ง หรือไม่สนใจในผลของการเลือกตั้ง ใครจะทำอย่างไรก็รับได้เสมอ
แต่ถ้าผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลพากันออกไปใช้สิทธิลงคะแนน ผลจะเป็นดังนี้
- 1. คนที่เห็นดีเห็นงามกับรัฐบาลก็จะเป็นโอกาสแสดงให้รัฐบาลรับรู้ถึงความเห็นด้วยนั้น อันเป็นกำลังใจที่สำคัญให้แก่รัฐบาลที่จะทำการตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วย ก็จะได้ใช้โอกาสนี้ไปแสดงให้ปรากฏว่าไม่เห็นด้วย โดยการไปทำเครื่องหมายในช่อง “ไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้ง” หรือที่เรียกกันว่า no vote หรือ vote no หรือแม้แต่ผู้ที่คัดค้านการเลือกตั้ง ก็ต้องไปใช้สิทธิด้วยการทำเครื่องหมายในช่องดังกล่าว เพราะเป็นทางเดียวที่จะแสดงออกอย่างเป็นทางการได้
- 2. สำหรับในเขตที่มีคนสมัครคนเดียว คนที่ไม่เห็นด้วยยิ่งต้องไปใช้สิทธิเพื่อแสดงออก เพราะตามกฎหมายนั้น เมื่อมีผู้สมัครคนเดียว ผู้สมัครคนนั้นจะได้รับเลือกตั้งก็ต่อเมื่อได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๐ ของผู้มีสิทธิลงคะแนนในเขตนั้น และต้องได้คะแนนมากกว่าจำนวนผู้ vote no การไปใช้สิทธิเพื่อทำเครื่องหมายในช่องดังกล่าวจึงเป็นความสำคัญ และมีผลตามกฎหมาย เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะขจัดคนที่เราเห็นว่าไม่ดี ให้ไม่ได้รับเลือกตั้ง
- 3. สำหรับในเขตที่มีคนสมัครมากกว่าหนึ่งคน แม้คะแนน vote no จะไม่มีผลต่อการได้รับเลือกตั้งของผู้สมัคร แต่ก็จะเป็นเครื่องหมายแสดงว่ามีประชาชนไม่ต้องการผู้สมัครคนนั้นขนาดไหน ยิ่งถ้าคะแนน vote no มีมากกว่าคะแนนที่เขาได้รับ เขาก็จะอ้างไม่ได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ได้เลือกให้เขามาเป็นผู้แทน ข้อสำคัญน้ำหนักของคะแนน vote no จะเป็นแรงกระตุ้นให้มีการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง ให้พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง คือ ต่อไป ไม่ว่าจะมีผู้สมัครกี่คน สมควรจะกำหนดไว้ในกฎหมายหรือไม่ว่า คนที่จะได้รับเลือกตั้งจะต้องได้คะแนนมากกว่าคะแนน vote no และเมื่อมีการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ (เพราะไม่มีใครได้รับเลือกตั้ง) คนที่สมัครแล้วได้คะแนนน้อยกว่าคะแนน vote no จะต้องหมดสิทธิในการลงรับสมัครในการเลือกตั้งครั้งนั้น เพราะถือว่าประชาชนเสียงข้างมากได้แสดงให้ปรากฏว่าไม่เอาคนนั้นแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะดึงดันให้ประชาชนต้องเลือกอีก ถ้าสามารถผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งให้มีผลดังกล่าวได้ สิทธิของเราจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะบอกได้ว่าเราจะเอาหรือไม่เอาใคร
- 4. การไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันทั้งหมด ก็จะพากันถูกตัดสิทธิในทางการเมือง ในยามจำเป็นที่จะต้องเข้าชื่อกันเพื่อดำเนินการบางอย่าง เช่น ถอดถอน หรือเสนอกฎหมาย ก็จะไม่เหลือใคร
- 5. การไปใช้สิทธิ จะแสดงว่าประชาชนมิได้รังเกียจการเลือกตั้งหรือคัดค้านการเลือกตั้ง เพียงแต่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องปรับปรุงกติกาเสียใหม่ให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมเสียก่อน จึงแสดงออกด้วยการ vote noการไม่ไปใช้สิทธิ นอกจากความสะใจแล้ว ก็ไม่ได้ผลอะไร ทั้งยังอาจถูกแปลไปว่าไม่มีใครสนใจในการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นปกติของการเลือกตั้งทั่วไปที่คนเกือบครึ่งหนึ่งมิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งการเลือกตั้งนั้นก็ยังดำเนินต่อไป และใช้อ้างอิงได้
- 6. ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่ออกไปใช้สิทธิ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีใครถือโอกาสขนใครไปใช้สิทธิแทนเรา ขนาดการใช้สิทธิล่วงหน้า ยังมีคนขนคนที่ไม่มีบัตรแสดงตนมาลงคะแนนเอาด้าน ๆ เมื่อจับได้คาหนังคาเขา ตำรวจยังปล่อยตัวไปเสียอย่างนั้นแหละ
โดยสรุป การเลือกครั้งนี้ (หากจะมีขึ้นตามความต้องการของรัฐบาล) ประชาชนทุกคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ต้องออกไปใช้สิทธิกันทุกคน ทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล เพราะเป็นโอกาสเดียวที่จะแสดงออกให้เห็นถึงความประสงค์อันแท้จริงของประชาชน อุตส่าห์ออกกันมามืดฟ้ามัวดิน แต่ถูกเขากล่าวหาว่ามีเพียงไม่กี่หมื่นกี่แสนคน เพราะไม่มีใครนับมายืนยันให้ยอมรับกันได้ว่าเป็นแสนหรือเป็นล้าน การไปใช้สิทธินี่แหละจะยืนยันได้ว่าคนไม่เห็นด้วยมีจำนวนเพียงไม่กี่แสนคนจริงหรือ
ที่สำคัญคนที่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็ต้องออกไป เพื่อเป็นกำลังใจให้รัฐบาล ในขณะเดียวกันคนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องออกไปเพื่อไปแสดงออกให้เป็นที่ประจักษ์ ด้วยการ vote no คนจำนวนมากเขาลำบากตรากตรำ พลัดที่นาคาที่อยู่ มากินนอนกลางถนนด้วยความเหนื่อยยากเป็นเดือน ๆ แม้แต่ชีวิตก็ต้องเสียไป แล้วเราจะนั่งรอเสวยผลจากความลำบากของเขา บนชีวิตเลือดเนื้อของเขา โดยไม่ทำอะไรเลย แม้เพียงแค่ออกไปแสดงให้ปรากฏในคูหาเลือกตั้ง จะไม่เป็นการเอาเปรียบเขาเกินไปหรือ จะไม่อายตัวเองและลูกหลานทีเดียวหรือ
ส่วนการที่การเลือกตั้งที่จัดให้มีขึ้นจะกลายเป็นโมฆะในภายหลังหรือไม่ ก็ไม่มีผลกระทบกับการออกไปใช้สิทธิของประชาชน เพราะตัวเลขที่จะปรากฏจากผลการออกไปใช้สิทธิจะยังใช้ได้และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างได้ในที่สุด เพราะเหตุที่จะกลายเป็นโมฆะนั้น จะไม่เกี่ยวกับจำนวนคนที่ออกไปใช้สิทธิ หากแต่เกี่ยวกับกระบวนการในการจัดการเลือกตั้ง และวันที่กำหนดให้มีการเลือกตั้ง
แต่ถ้าเกิดเหตุเภทภัยใดจนทำให้ไม่สามารถเข้าไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งได้ ก็เป็นอันจนใจ ไม่จำเป็นต้องลำบากถึงขนาดจะต้องดันทุรังให้เป็นภัยแก่ตัวเอง เพราะถ้ามีเหตุเกิดขึ้นเช่นนั้น การเลือกตั้งในหน่วยนั้นก็คงไม่มีอยู่ดีแหละ
มีชัย ฤชุพันธุ์
29 มกราคม 2557
หม่อมสุขภัณฑ์ สุดแสบ! ส่งรถส้วมติดกล้องจิ๋ว ให้บริการ VIP ใน ศรส. พบ โดนดักถ่าย "ช้างน้อย" เพียบ
หม่อมสุขภัณฑ์ สุดแสบ! ส่งรถส้วมติดกล้องจิ๋ว ให้บริการ VIP ใน ศรส. พบ โดนดักถ่าย "ช้างน้อย" เพียบ
เบื้องต้นได้รับรายงานข่าวจากสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี ว่าได้ตรวจพบกล้องวงจรปิด ซึ่งบันทึกภาพและเสียงได้ในแกนทิชชู่ รถสุขา วีไอดี ที่กรุงเทพมหานครนำมาให้บริการผู้ใหญ่ในศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี ซึ่งเป็นการต่อวงจรอย่างดี เดินสายระบบเข้าตัวถังของรถสุขา มีสายแจ็คเปลี่ยนฮาร์ดดิสส์ขนาดจิ๋วได้และบันทึกภาพ-เสียงได้ตลอด 24 ชั่วโมง และรถคันดังกล่าวได้ถูกนำมาให้บริการตั้งแต่เริ่มตั้ง ศรส.ปลายสัปดาห์ที่แล้ว
รายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบต่อไป
"สมบัติ" โผล่เคลียร์ชัด!! ตนเองเสียหายหลังภาพหลุดว่อนเนต
"สมบัติ" โผล่เคลียร์ชัด!! ตนเองเสียหายหลังภาพหลุดว่อนเนต
นายสมบัติ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนเองกลับจากไปซื้อของ และเห็นมีเหตุการณ์มีการโต้เถียงกันอยู่โดยมีชายใส่ชุดลายพรางทหารโต้เถียงกับคนที่อยู่ตรงจุดเกิดเหตุ จึงเข้าไปห้ามและแยกออกจากกัน ซึ่งก็ไม่ทราบว่าใครถ่ายภาพไว้บ้าง เพราะตอนนั้นสื่ออยู่บริเวณดังกล่าวหลายคน จึงทำให้บางส่วนคิดว่าตนเองอยู่ฝ่ายเดียวกับกลุ่มดังกล่าว ซึ่งขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ยิงนายสุทิน และช่วงเวลาที่ไปถึงนั้น เหตุการณ์ทุกอย่างได้สงบลงแล้ว มีการนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว
นายสมบัติ กล่าวด้วยว่า การที่เว็ปไซด์แห่งนี้ ได้โพสต์ข้อความดังกล่าวทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิด และยังมีการแชร์ข้อความอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ตนเองเกิดความเสียหาย และความไม่ปลอดภัย กำลังปรึกษาทนายว่าจะฟ้องร้องที่นำภาพตนไปแชร์ในโซเชียลมีเดียหรือไม่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)