วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พล.อ.ประยุทธ์ผุด "จำนำยุ้งฉาง" หอมมะลิตันละ 15,400 บาท


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. (แฟ้มภาพ/ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล)

นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เผยเตรียมหามาตรการดูแลไม่ให้ราคาผลผลิตตกต่ำ และจะหาทางระบายข้าวตามสัญญาเดิม เพราะข้าวเก็บไว้นานจะเสื่อมราคา ด้าน นบข. จะจ่ายเงินสินเชื่อชะลอการขายบวกจ่ายค่าเก็บรักษาข้าว โดยรวมข้าวหอมมะลิจะได้ตันละ 15,400 บาท ข้าวเหนียวตันละ 12,700 บาท
24 ต.ค. 2557 - เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า เมื่อเวลา 16.15 น. ณ บริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ว่ารัฐบาลมีความห่วงใยเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนา และชาวไร่ ชาวสวน วันนี้เป็นการหารือว่าจะมีมาตรการในการดูแลเกษตรกรชาวนาอย่างไร เพื่อไม่ให้ผลผลิตราคาตกต่ำ ซึ่งในปีงบประมาณ 2558 มีหลายมาตรการด้วยกัน และกระทรวงพาณิชย์จะชี้แจงจำนวนดังกล่าว ต่อไปจะดูแลเรื่องของข้าวหอมมะลิ และให้ความสำคัญทั้งข้าวเจ้า ข้าวเหนียว เพราะเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง ทั้งนี้ ราคาตลาดทุกวันนี้ปรับเปลี่ยนไปหมด จึงต้องติดตามสถานการณ์โลกด้วย จึงจะได้เปรียบเทียบกันได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการระบายข้าวว่า ตอนนี้เป็นการระบายตามสัญญาเดิมที่มีอยู่ ส่วนการระบายข้าวสัญญาใหม่นั้น จะไม่มีอย่างแน่นอนจนกว่าจะมีการตรวจสอบปริมาณข้าวคงเหลือจากการรับจำนำข้าวเสร็จสิ้น ซึ่งขณะนี้ยังมีการตรวจสอบหลายอย่างที่ยังไม่เรียบร้อย เช่น การตรวจสอบดีเอ็นเอข้าว ไม่ใช่ตรวจสอบทางกายภาพอย่างเดียว ขณะนี้จำนวนข้าวแบบไม่เป็นทางการออกมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่อยากพูดตอนนี้ ขอพูดทีเดียว โดยคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อการระบายข้าวจะสรุปขึ้นมา แล้ว นบข.จะส่งเรื่องให้ฝ่ายกฎหมายดูอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับข้าวจำนวนเหล่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญที่สุดคือต้องระมัดระวังเรื่องการเสื่อมราคา เพราะข้าวเก็บไว้นานก็เป็นปัญหา ทั้งนี้ก็ต้องรอให้ฝ่ายกฎหมายยืนยันมาก่อน
ข้อมูลจากไทยรัฐออนไลน์ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ปรับปรุงโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2557/58 ในส่วนของข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จากเดิม ธ.ก.ส.จะจ่ายเงินสินเชื่อชะลอการขายให้ชาวนาคิดเป็น 80% ของราคาตลาด ขยับขึ้นเป็น 90% ของราคาเป้าหมาย ส่งผลให้ในส่วนของข้าวเปลือกหอมมะลิที่ราคาเป้าหมายอยู่ที่ตันละ 16,000 บาท ชาวนาจะได้รับเงินสินเชื่อเพื่อชะลอการขายตันละ 14,400 บาท ส่วนข้าวเปลือกเหนียวราคาเป้าหมายอยู่ที่ตันละ 13,000 บาท ชาวนาจะได้รับสินเชื่อเพื่อชะลอการขายที่ตันละ 11,700 บาท รายละไม่เกินวงเงิน 300,000 บาท โดยมีเป้าหมาย 2 ล้านตัน
ขณะเดียวกันที่ประชุม นบข.ยังได้อนุมัติให้จ่ายค่าเช่าและเก็บรักษาข้าวเปลือกกับชาวนาหรือสหกรณ์ในราคาตันละ 1,000 บาท โดยมีเงื่อนไขให้เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางไม่น้อยกว่า 30 วัน และเก็บรักษาโดยวิธีบรรจุกระสอบป่าน ดังนั้นจะส่งผลให้ชาวนาได้รับเงินค่าข้าวเพิ่มอีกตันละ 1,000 บาท รวมเป็นข้าวหอมมะลิตันละ 15,400 บาทและข้าวเหนียวตันละ 12,700 บาท ระยะเวลาเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2557-28 ก.พ.2558
อย่างไรก็ตาม พบว่าในการเก็บเกี่ยวของเกษตรกรส่วนใหญ่จะใช้รถเกี่ยวข้าวซึ่งมีต้นทุนประมาณ 700-800 บาท แต่กรณีใช้แรงงานเกี่ยวต้นทุนไร่ละ 1,800-2,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เก็บเกี่ยวข้าวเพื่อมาเก็บในยุ้งฉางโดยใช้แรงงานที่ประชุม นบข.จึงเห็นชอบให้เกษตรกรกู้ยืมเงินจาก ธ.ก.ส.เพื่อใช้เป็นเงินทุนค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาท เป้าหมาย 6.787 ล้านไร่ เป็นระยะเวลา 2 เดือน วงเงินสินเชื่อเฉพาะส่วนนี้รวม 13,574 ล้านบาท

พยาบาลผู้หายป่วยจาก 'อีโบลา' สวมกอดทักทายโอบามา


ที่มาของภาพ: Official White House Photo by Pete Souza

นีนา ฟาม พยาบาลชาวสหรัฐเชื้อสายเวียดนาม ผู้เคยติดเชื้ออีโบลาจากการช่วยรักษาผู้ป่วย ขณะนี้อาการหายจากเชื้ออีโบลาแล้ว และยังได้รับเชิญจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา เข้าพบที่ทำเนียบขาว
26 ต.ค. 2557 - เว็บไซต์ทำเนียบขาวของทางการสหรัฐอเมริกา รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 ต.ค.) ว่านีนา ฟาม พยาบาลชาวสหรัฐอเมริกา เชื้อสายเวียดนาม ผู้ได้รับการรักษาจนปลอดเชื้ออีโบลา ได้เข้าพบปะและสวมกอดทักทายกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ห้องสำนักงานประธานาธิบดี
นีนา ฟาม เป็นพยาบาลอายุ 26 ปี จากเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ผู้ที่คอยดูแลผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสอีโบลาชื่อโธมัส อิริค ดันแคน แต่ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเธอกลับติดเชื้อไวรัสไปด้วยทำให้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเท็กซัส ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ศูนย์คลินิคของสถาบันสุขภาพแห่งชาติในเมืองเบเธสดา รัฐแมริแลนด์
แต่ 15 วันหลังจากนั้นแผมก็ได้รับการรักษาจนหายจากเชื้อไวรัสอีโบลา หลังจากที่เธอจากโรงพยาบาลไม่นาน บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ชวนเธอพบปะพูดคุยที่สำนักงานในทำเนียบขาว
แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติสหรัฐฯ ประกาศจากศูนย์คลินิคเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ฟามได้เข้ารับการตรวจสอบ 5 ครั้ง จนแน่ใจว่าเธอปลอดจากเชื้ออีโบลาแล้ว ทางด้านฟามกล่าวว่าเธอรู้สึกโชคดีที่มีโอกาสหายจากโรค
"ฉันอยากเริ่มต้นด้วยการกล่าวขอบคุณพระเจ้า ครอบครัว และเพื่อนของฉัน ในบททดสอบที่ฉันต้องผ่านมานี้ ฉันฝากความเชื่อมั่นไว้ในตัวพระเจ้าและทีมแพทย์พยาบาลผู้รักษาฉัน ฉันกำลังอยู่ในระหว่างพักฟื้น แม้ว่าฉันจะรับรู้ว่ามีคนอื่นๆ ที่ไม่โชคดีเท่าฉันก็ตาม"
เว็บไซต์ทำเนียบขาวระบุอีกว่าทางการสหรัฐอเมริกา จะยังคงเดินหน้าเตรียมการป้องกันสถานการณ์อีโบล่าภายในประเทศด้วยความครอบคลุมและเตรียมการต่อสู้กับแหล่งที่เกิดการระบาดหนักในแอฟริกาตะวันตก

โฆษก คสช. ชี้แจงคลิปทหารแบกปืนไปศาลภูเก็ต-ไม่มีเจตนาก้าวร้าวศาล

คลิปทหารนำอาวุติดตัวไปศาลจังหวัดภูเก็ต ล่าสุดทีมงานโฆษก คสช. ได้ชี้แจงแล้วว่าไม่มีเจตนานำอาวุธมาศาล และจะกำชับการปฏิบัติของกำลังพล (ที่มา: YouTube)

พ.อ.วินธัย สุวารี ชี้แจงคลิปทหารแบกปืนไปศาลภูเก็ตว่าเป็นกรณีที่กำลังพลที่เพิ่งกลับจากปฏิบัติภารกิจมารอผู้บังคับบัญชาที่มาศาลคดีจัดระเบียบชายหาดและบุกรุกป่า และไม่สามารถฝากอาวุธได้จึงต้องรักษาอาวุธปืนไว้กับตัว ยืนยันไม่มีเจตนาก้าวร้าว และสามารถปรับปรุงได้
26 ต.ค. 2557 - สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกรณีคลิปทหารนำอาวุธติดตัวเข้าไปในพื้นที่เขตที่ทำการศาลจังหวัดภูเก็ต ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นการกระทำที่เกิดจากเจตนา โดยวันดังกล่าวเป็นการไปขึ้นให้การต่อศาลฯ ของผู้บังคับหน่วยทหารเรือในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ ในคดีเรื่องการจัดระเบียบชายหาด การรุกป่าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ
ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยอยู่ในห้องพิจารณาและไม่มีอาวุธ ขณะที่กำลังพลของหน่วยเพิ่งเสร็จจากการปฎิบัติภารกิจในพื้นที่อื่น และติดอาวุธประจำกายมาด้วย ขณะมารอพบผู้บังคับบัญชาด้านนอกอาคาร ซึ่งตามระเบียบปฏิบัติประจำของหน่วย ไม่สามารถฝากอาวุธไว้ที่ใดได้ จำเป็นต้องรักษาอาวุธปืนไว้กับตัว จึงทำให้มองได้ว่ามีเจตนาแสดงความก้าวร้าว หรือไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติของเขตที่ทำการศาลฯ เป็นเรื่องของการขาดประสบการณ์ในการปฏิบัติตามข้อห้ามของสถานที่มากกว่า และสามารถปรับชี้แจงกันได้ เนื่องจากเป็นส่วนราชการเช่นกัน
ทีมโฆษก กล่าวด้วยว่า เมื่อเกิดความไม่เข้าใจขึ้น ผู้บังคับหน่วยที่เข้ามาเจรจา และดำเนินการตามข้อแนะนำ ไม่ได้มีท่าทีใดที่เป็นการเสียมารยาท แม้ในคลิปจะถูกต่อว่าในลักษณะรุนแรงก็ตาม อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ เห็นว่าเป็นเรื่องของประสบการณ์กำลังพล ซึ่งผู้บังคับบัญชาสามารถปรับและกำชับการปฏิบัติตนได้