ผบ.สส.ตอบ 'นิธิ เอียวศรีวงศ์' ว่าทหารมีไว้ทำไม

สมหมาย เกาฎีระ ผบ.สส. และ นิธิ เอียวศรีวงศ์

Mon, 2016-01-18 20:16

พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ ผบ.สส. ตอบคำถาม "นิธิ เอียวศรีวงศ์" เขียนบทความ "ทหารมีไว้ทำไม" โดยตอบว่าทหารคือรั้วของชาติ รัฐธรรมนูญมักระบุหน้าที่ทหารให้ 1. ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ 2. ป้องกันประเทศ 3. พัฒนาประเทศ ช่วยเหลือประชาชน 4. รักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ

ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติวันนี้ (18 ม.ค.) พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีการจัดงานวันกองทัพไทย ประจำปี 2559 โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ณะ อารีนิช ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธี

ภายหลังพิธี สำนักข่าวไทย รายงานคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สมหมาย กรณี นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการเขียนบทความ เรื่อง ทหารมีไว้ทำไม ตีพิมพ์ใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 1-7 ม.ค. 2559 (อ่านบทความ) โดย พล.อ.สมหมายตอบว่า เป็นคำถามที่ไม่น่าถาม ทหารมีอยู่ทั่วโลก ถ้าตอบตรงๆ ทหารก็คือรั้วของชาติ ซึ่งในรัฐธรรมนูญได้ระบุหน้าที่ของทหารไว้มี 4 ข้อหลัก คือ 1. พิทักษ์ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์, 2. ป้องกันประเทศ, 3. พัฒนาประเทศ ช่วยเหลือประชาชน และ 4. รักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ

พล.อ.สมหมาย กล่าวอีกว่า ส่วนบทบาทของกองทัพในอนาคต ขณะนี้ได้วางแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี และ 20 ปี ให้สอดคล้องกับนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการปรับโครงสร้างของกองทัพให้มีขีดความสามารถทุกด้าน มีความทันสมัย พร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง อยากให้ประชาชนชาวไทยชมวีดีทัศน์ที่จะมีการเผยแพร่ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจในคืนนี้ ซึ่งจะทำให้เข้าใจบทบาทของทหารมากยิ่งขึ้น

เมื่อถามถึงการช่วยเหลือรัฐบาลในเรื่องปัญหายางพาราราคาตกต่ำ พล.อ.สมหมาย กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพบกรับผิดชอบหลักในการรับซื้อยางแผ่นดิบ กิโลกรัมละ 45 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อมาปรับใช้ในงานด้านต่างๆ ส่วนปัญหาภัยแล้งและปัญหาชาวนาที่อาจจะตามมา ได้มีการประชุมเตรียมหาแนวทางช่วยเหลือ

“ตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณ 2559 กองทัพจะดูแลประชาชนที่ประสบปัญหาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้ง ที่ปีนี้แล้งหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่ละเหล่าทัพก็ได้สั่งการให้แต่ละหน่วยตรียมพร้อมในการแจกจ่ายน้ำให้แก่ประชาชน เช่น บางหน่วยต้องสำรองน้ำไว้ จากเดิม 20 ล้านลิตร เป็น 30 ล้านลิตร” พล.อ.สมหมาย กล่าว

เมื่อถามถึงความกังวลของหลายฝ่ายต่อกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ที่มีการเคลื่อนไหวโจมตีในประเทศเพื่อนบ้าน พล.อ.สมหมาย กล่าวว่า ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนตามตรงว่าการข่าวของหน่วยงานความมั่นคงได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด และดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง ประเทศไทยไม่เคยสร้างความเดือดร้อนและไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ประเทศใด แต่ก็ไม่ประมาทในเรื่องนี้

'ณัฐวุฒิ' ลั่นรณรงค์ 'ไม่รับ' ร่าง รธน. ชี้ 'ประชามติ' ไม่ได้มีแค่พิจารณาชิ้นงานของเนติบริกร

Mon, 2016-01-18 20:26

'ณัฐวุฒิ' ลั่นรณรงค์ 'ไม่รับ' ร่าง รธน. เหตุร่างเพื่อดำรงความมุ่งหมายของฝ่ายอนุรักษ์นิยม บอนไซประชาธิปไตยและขยายอำนาจให้องค์กรอิสระมีอิทธิพลเหนือตัวแทน เปิดช่องนายกฯคนนอก ชี้ 'ประชามติ' ไม่ได้มีแค่พิจารณาชิ้นงานของเนติบริกร

18 ม.ค. 2559 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ตนไม่อาจยอมรับเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญดังที่ปรากฏได้ และจะต้องรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในชั้นประชามติ เพราะเชื่อมั่นว่าการแก้ปัญหาทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดำรงความมุ่งหมายของฝ่ายอนุรักษ์นิยมต่อเนื่องจากการรัฐประหารครั้งที่แล้ว คือการบอนไซประชาธิปไตยและขยายอำนาจให้องค์กรอิสระมีอิทธิพลเหนือตัวแทนที่มาจากประชาชน ที่แตกต่างคือ รัฐธรรมนูญปี 50 มุ่งกำหนดผลเลือกตั้งให้พรรคการเมืองที่อยู่ในอาณัติเป็นรัฐบาล พร้อมกับวางกลไกอำนาจไว้เพื่อสร้างเงื่อนไขทางการเมืองตามที่ต้องการ แต่ร่างปัจจุบันสะท้อนว่า ผู้ถืออำนาจไม่คาดหวังกับพรรคการเมืองเดิม จึงเปิดช่องให้มีนายกฯคนนอก และให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญลงดาบรัฐบาลเลือกตั้ง พร้อมทั้งขยายอำนาจองค์กรอิสระอื่นให้เชื่อมโยงกันและมีอิทธิพลสูงสุด

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เนื้อหาแบบนี้รัฐบาลของประชาชนจะมีสถานะเพียงนกเขาในกรง ที่โก่งคอขันได้ แต่ไร้อิสรภาพ บังคับใช้ไปสักระยะสภาพการณ์เดิมๆ จะวนกลับมา เพราะปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไข ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นความต้องการลึกๆของฝ่ายอำนาจ เพราะผลของความขัดแย้งที่ผ่านมาทำให้ประชาธิปไตยไม่อาจหยั่งรากได้ ทั้งนี้ ตนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แม้มั่นใจว่าสามารถเอาชนะได้อีกในสนามเลือกตั้ง แต่จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าชัยชนะนั้นนำระบอบประชาธิปไตยไปพ่ายแพ้อีกครั้ง

"ถ้าทุกคนคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ผลลัพธ์ก็จะเหมือนเดิม วันนี้ทั้งฝ่ายการเมืองและประชาชนต้องกำหนดวิธีคิดใหม่ คือสร้างกติกาที่เป็นประชาธิปไตย จัดอำนาจพิเศษ และองค์กรบริวารทั้งหลายอยู่ให้ถูกที่ถูกทาง ถูกหลักการเสียก่อน แล้วค่อยเลือกตั้ง หัวใจของปัญหาที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะคนไทยใส่เสื้อสีต่างกัน แต่เป็นเพราะเรายังมีปัญหาเรื่องความเป็นประชาธิปไตย ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุก็ออกจากวังวนนี้ไม่ได้ สนามประชามติจึงมีความหมายมากกว่าแค่พิจารณาชิ้นงานของเนติบริกร แต่หมายถึงการยืนยันหลักการประชาธิปไตยเพื่อแก้ไขวิกฤติของประเทศ" นายณัฐวุฒิกล่าว

อัครมหาเนติบริกร

ขณะที่ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนวิพากษ์วิจารณาการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจตนเอง โดยใช้ชื่อบทความว่า "อัครมหาเนติบริกร"

 

ศาลอุทธรณ์นัด 'พลเมืองฟ้องกลับ' ฟังคำพิพากษาคดีฟ้องประยุทธ์กับพวก ข้อหากบฏ 18 ก.พ.นี้

Tue, 2016-01-19 02:12

19 ม.ค. 2559 หลังจากเมื่อวันที่  29 ก.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ภายใต้ชื่อกิจกรรม 'พลเมืองฟ้องกลับ' ได้เดินทางไปยื่นอุทธรณ์คดีที่กลุ่มได้ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวก ซึ่งเป็นสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.รวม 5 คน ในข้อหากบฏ เป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลอาญา ที่มีคำสั่งไม่รับฟ้องไปเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุดวานนี้ (18 ม.ค.59) พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ สมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ได้โพสต์หมายศาลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะ ซึ่งได้นัดฟังคำพิพากษาคดีดังกล่าว ใน 18 ก.พ. 59 เวลา 09.30 น.

ทั้งนี้ พันธ์ศักดิ์ และพวกซึ่งเป็นกลุ่มพลเมืองโต้กลับ รวม 15 คน ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับคนที่เหลือที่ประกอบด้วย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ในข้อหาร่วมกันใช้กำลังขู่เข็ญประทุษร้ายและล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ อันเป็นความผิดฐานกบฏ และยังได้ออกคำสั่งในนามคสช.หลายฉบับ อันเป็นการละเมิดสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ทำให้โจทก์ทั้ง 15 คนได้รับความเสียหาย จึงขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 113 และ 114