วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

กวีประชาไท: เจ้าสาวหมาป่า เจ้าสาวมนุษย์!



คือความงามแสนเศร้าของเจ้าสาว
เพียงไม่มีชุดสีขาวให้เจ้าสวย
ต้องสวมชุดนักโทษเพราะไม่อวย
แต่ดวงตายังรุ่มรวยความใฝ่ฝัน

เธอเป็นเจ้าสาว เจ้าสาวมนุษย์!
ในความหมายที่ไกลสุดกว่ากรงกั้น
เกินกว่าอยุติธรรมจะลงทัณฑ์
ความเป็นคนสูงกว่านั้นจงมั่นใจ

ถูกส่งตัวเข้าเรือนหอกำแพงคุก
เธอเป็นเจ้าสาวทุกข์ผู้อ่อนไหว
แต่งงานกับความข้นแค้นอยู่ทั่วไป
เจ้าบ่าวคือผู้ยากไร้ทั่วแผ่นดิน

และเธอเป็นเจ้าสาวในความหมาย
ที่รับตรวนแทนดอกไม้ไม่รู้สิ้น
ชุดสีหม่น คนสีขาว จะโบยบิน
ไปซับหยาด น้ำตาริน ผู้ทุกข์ทน

เพราะไม่ใช่หมาป่ายอมถูกขัง
หัวอกที่อุกอั่งยังถั่งท้น
เลือดที่ไหลในกายคือเลือดคน
ที่มันยังไหลวนผ่านหัวใจ

เธอเจ้าสาวมนุษย์ ที่สุดนั้น
ความรักจะฝ่าฟันหนทางใหม่
เป็นความงามที่เธอมีอยู่ข้างใน
แม้เจ้าสาวคนใดไม่อาจเทียม!

คำวินิจฉัยของศาลที่สั่นสะเทือนสังคมไทย


 สมลักษณ์ จัดกระบวนพล
อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและกรรมการป.ป.ช. อาจารย์พิเศษผู้บรรยายวิชาระบบศาลและหลักการพิจารณาคดี (พระธรรมนูญศาลยุติธรรม) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ที่มา : มติชนรายวัน 3 กันยายน2557

 
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2557 เวลาประมาณ 09.30 น. ศาลอาญาได้อ่านคำวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมาย คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษเป็นโจทก์ฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ (เลขาธิการ กปปส.) อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนายการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฐานผู้ร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำการหรือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83, 84 ทันทีที่คำวินิจฉัยถูกอ่านจบลงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนประเทศไทยเกิดแผ่นดินไหว
ผู้เขียนขอยืนยันในเรื่องนี้เพราะหลังเกิดการปฏิรูปประเทศไทยไม่มีนักข่าวโทรศัพท์มาขอสัมภาษณ์ผู้เขียนเหมือนก่อนมีการปฏิรูป แต่จากการที่ผู้เขียนต้องรับโทรศัพท์จากนักข่าวหลายสำนักเพื่อสอบถามปัญหาของคำวินิจฉัยคดีนี้สะท้อนให้เห็นว่าผลของคำวินิจฉัยนี้ก่อให้เกิดความสะเทือนต่อสังคมไทยโดยทั่วไปหลายๆ วงการ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ผู้เขียนต้องเขียนบทความนี้เพื่อตอบสังคมแทนการให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ นี่คือคำสัญญา
ก่อนเขียนบทความนี้ต้องขอยืนยันด้วยความเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลอาญา ซึ่งเป็นสถาบันศาลยุติธรรมที่ผู้เขียนใช้ชีวิตอยู่ถึง 36 ปี และขอถอดจิตวิญญาณของความเป็นผู้พิพากษาศาลยุติธรรมและกรรมการป.ป.ช.ออกไป คงเหลือแต่จิตวิญญาณของอาจารย์ผู้สอนวิชากฎหมายและประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่ไม่เคยมีอคติต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดในหัวใจ
สาระสำคัญของคำวินิจฉัยนี้โดยสรุปก็คือศาลเห็นว่า"การที่เจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนจริงและกระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุมเพื่อการผลักดันการชุมนุม หรือสลายการชุมนุมหรือกระชับพื้นที่ หรือขอคืนพื้นที่ตามที่โจทก์ฟ้องมานั้นล้วนแต่เกิดจากการออกคำสั่งของจำเลยทั้งสองในฐานะนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีรวมทั้ง ผอ.ศอฉ. ..................... หลังจากที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ทั้งสิ้น กรณีไม่ได้เป็นการกระทำโดยส่วนตัวหรือไม่ได้กระทำที่เกี่ยวข้องกับการปฎิบัติหน้าที่หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ได้คัดค้าน............"
เพื่อความเข้าใจง่ายของคนทั่วไปขออธิบายว่าศาลยกฟ้องคดีนี้โดยอ้างเรื่องเขตอำนาจของศาลซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย เรื่องเขตอำนาจศาลนั้นนับเป็นเรื่องสำคัญในการฟ้องคดี ซึ่งมีบัญญัติไว้ในพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 17 ถึงมาตรา 23ยกตัวอย่างเช่น ศาลแพ่ง มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่ง ส่วนศาลอาญามีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญา การยกฟ้องหรือคำร้องเมื่อมีการนำคดีมาฟ้องหรือร้องผิดศาลเป็นอำนาจของศาลย่อมกระทำได้ แต่คำวินิจฉัยของศาลในคดีนี้น่าจะมีปัญหาดังต่อไปนี้
1.การกระทำของจำเลยทั้งสองในคดีนี้แม้จะเป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ก็เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหลายบท เรื่องการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทนั้นขอยกตัวอย่างเช่น จำเลยเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในห้องนอน จำเลยมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา และฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276และมาตรา 362 ซึ่งโจทก์จะต้องฟ้องให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งมาตรา 276 และมาตรา 362 แม้จะเป็นการกระทำในครั้งเดียวกัน และหากฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องศาลก็จะลงโทษจำเลยโดยบทหนักที่สุดคือตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ฐานข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งเป็นไปตามหลักของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 เช่นเดียวกับความผิดของจำเลยทั้งสองในคดีนี้ โจกท์ฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83, 84 และมาตรา 157 เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยแม้จะเป็นกรรมเดียวแต่ก็ผิดกฎหมายหลายบท โดยสามารถแยกฟ้องความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83, 84 ต่อศาลอาญาซึ่งมีเขตอำนาจ ส่วนความผิดตามมาตรา 157 โจทก์ (อัยการ) ก็มีอำนาจที่จะฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นศาลที่มีเขตอำนาจอีกศาลหนึ่งและอยู่ในอำนาจไต่สวนของกรรมการ ป.ป.ช.
2.ที่ศาลอาญาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นถูกต้อง แต่คดีนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยตามมาตรา 157 ตามที่ศาลยกฟ้องในปัญหาข้อกฎหมาย แต่ฟ้องตามมาตรา 288, 83, 84 ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลอาญา เพียงแต่โจทก์อ้างในฟ้องถึงมูลเหตที่จำเลยทั้งสองมีคำสั่งดังกล่าวว่าเนื่องจากขณะนั้นจำเลยทั้งสองดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ศาลได้ทราบถึงที่มาที่ไปของคำสั่งเท่านั้น
3.หากศาลอาญาจะยกฟ้องในเรื่องคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอาญาก็ควรจะอ้างเฉพาะข้อกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 4 ประกอบมาตรา9(1) ซึ่งบัญญัติถึงเขตอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นต้น แต่ศาลอาญากลับไปวินิจฉัยในเนื้อหาของคดีว่า "ล้วนแต่เกิดจากการออกคำสั่งของจำเลยทั้งสองในฐานะรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี... โดยอาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ทั้งสิ้น กรณีไม่ได้เป็นการกระทำโดยส่วนตัวหรือไม่ได้กระทำที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของจำเลยทั้งสอง..."
มีความหมายว่าจำเลยออกคำสั่งตามหน้าที่ มิได้ปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่แต่อย่างใด ดังนี้ นอกจากศาลอาญาจะวินิจฉัยเรื่องอำนาจศาลแล้วยังก้าวล่วงไปวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยว่าไม่ผิดตามมาตรา 288 และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในขอบอำนาจหน้าที่ไม่ผิดตามมาตรา 157 ด้วย (ก้าวล่วงเข้าไปในอำนาจของ ป.ป.ช. รวมทั้งอำนาจในการวินิจฉัยคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย)
4.การที่ศาลใช้อำนาจวินิจฉัยคดีเกินคำฟ้องโจทก์ (โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 288, 83, 84) เป็นกรณีที่ไม่ปฏิบัติไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคแรก ที่บัญญัติว่า"ห้ามมิให้พิพากษา หรือสั่ง เกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง" (อัยการโจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลลงโทษตามมาตรา 157 เพราะอัยการย่อมทราบดีว่ามาตรา 157 อยู่ในอำนาจไต่สวนของ ป.ป.ช.)
5.ศาลอาญายกฟ้องในเรื่องงอำนาจศาลอันเป็นข้อกฎหมาย แต่กลับก้าวล่วงเข้าไปวินิจฉัยในข้อเท็จจริงคดีทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์ จำเลยให้สิ้นกระแสความจึงอาจมีข้อผิดพลาดได้มากและผิดหลักการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของศาล
6.องค์ประกอบความผิดของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83, 84 กับองค์ประกอบความผิดของมาตรา 157 นั้นต่างกัน ผลคำวินิจฉัยของศาลอาญาฉบับนี้ทำให้ความผิดของจำเลยทั้งสองซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลอาญาไม่ได้รับคำวินิจฉัยอย่างรอบคอบถี่ถ้วน จากคำพยานโจทก์จำเลย แต่กลับไปวินิจฉัยข้อกฎหมายแล้วพิพากษายกฟ้อง ทั้งนี้ ขณะนี้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ก็ยังอยู่ในกระบวนการไต่สวนของกรรมการ ป.ป.ช. หากไต่สวนแล้วกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่าการะกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองไม่เป็นความผิด ก็จะต้องมีมติให้คดีนี้ตกไป ความผิดตามมาตรา 157 ที่ศาลอาญาอ้างว่าอยู่ในอำนาจศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ไม่มีโอกาสได้รับการพิจารณาพิพากษาโดยศาลฎีกาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแต่อย่างใด
7.หากเกิดกรณีตามข้อ 6 สังคมไทยคงต้องกังขาและสั่นสะเทือนโดยเฉพาะความหนาวสะท้านในหัวใจของพ่อแม่พี่น้องคนที่เสียชีวิต 99 ศพ เพราะคนตายเกือบร้อยคน จะพึ่งฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่ได้ ฝ่ายบริหารก็ไม่มีทางคงเหลือแต่ฝ่ายตุลาการคือศาล แต่ศาลอาญาท่านก็ว่าท่านก็ไม่มีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีนี้ ครั้นจะไปขอความเป็นธรรมจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งมีเขตอำนาจคดีก็อาจจะไปไม่ถึงศาลหากคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ไต่สวนแล้วมีมติให้คดีตกไป คดีนี้ก็จะปิดฉากลง
ทั้งๆ ที่คนตายก็คือคนไทยด้วยกันและเขาเหล่านั้นก็หาใช่อาชญากรของแผ่นดินแต่อย่างใดและผู้ที่เป็นต้นเหตุให้เขาตายก็ใช้อำนาจที่มีอยู่สั่งประหารพวกเขาทั้งๆที่ไม่ใช่ศาลซึ่งเป็นสถาบันที่ใช้อำนาจตุลาการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ความผิดที่อาจพอจะมองเห็นได้ก็คือเขาเหล่านั้นมีความคิดเห็นในทางการเมืองตรงกันข้ามกับความคิดเห็นของผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศในขณะนั้นเท่านั้น ความผิดเพียงเท่านี้สมควรแล้วหรือที่เขาจะถูกพิพากษาประหารชีวิต โดยมิได้ผ่านกระบวนการยุติธรรม แต่พอครอบครัวของผู้ตายเดินเข้ามาขอความเป็นธรรมตามสิทธิที่พวกเขาพึงมีพึงได้
แต่ก็กลับถูกปฏิเสธ จึงเป็นเรื่องใหญ่เนื่องจากนอกจากคนตายซึ่งเป็นคนไทยแล้วยังมีชาวต่างประเทศถูกสังหารด้วย หากเรื่องนี้มิได้ถูกดำเนินการโดยกระบวนการยุติธรรมด้วยหลักนิติธรรมแล้วผลเสียหายก็จะบังเกิดแก่ประเทศชาตินี้อย่างใหญ่หลวง แต่ในความมืดมิดก็ได้ปรากฏการณ์มีแสงสว่างเกิดขึ้นเมื่อท่านอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาได้ใช้อำนาจของท่านตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 11 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า "ประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ต้องรับผิดชอบในราชการของศาลให้เป็นไปโดยเรียบร้อย และให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ด้วย
(1) นั่งพิจารณาและพิพากษาคดีใดๆ ของศาลนั้น หรือเมื่อได้ตรวจสำนวนคดีใดแล้วมีอำนาจทำความเห็นแย้งได้......"
ความเห็นแย้งของท่านอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาจึงน่าจะมีน้ำหนักที่ใช้ในการประกอบดุลพินิจของศาลสูงเมื่อมีการอุทธรณ์ฎีกาโดยพนักงานอัยการโจทก์ต่อไป

ธรรมศาสตร์สมัย 'ตู่'!


ปัญหาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถือเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะหลังจากที่มหาวิทยาลัยเปิดภาคการศึกษาในวันแรก เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยก็เผชิญกระแสประท้วง โดยนักศึกษาได้แปะป้ายโจมตี และล้อเลียนไปทั่วมหาวิทยาลัย วิทยาเขตรังสิต ในกรณีที่อธิการบดีไปรับตำแหน่งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช. ) และยังไปร่วมลงมติรับรองให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รายงานข่าวแจ้งว่า ทั่วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ซึ่งมีทั้งป้ายไวนิลและป้ายกระดาษ เขียนคัดค้านอธิการบดี บ้างก็มีข้อความโจมตี เช่น “รวมร่างกฎหมายให้คณะรัฐประหาร 2 ยุค อธิการบดี 2 สมัย”
กระแสต่อต้านนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อมีพระราชโองการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 200 คน เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่า มีบุคลากรธรรมศาสตร์ 2 คน ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิก สนช. คือ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี และ นายนรนิติ เศรษฐบุตร นายกสภามหาวิทยาลัย นำมาซึ่งกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงมาตั้งแต่แรก
เหตุผลสำคัญที่นำมาซึ่งการต่อต้าน ก็คือความเห็นว่า การเข้าไปเป็นสมาชิก สนช. ครั้งนี้ เป็นการรับใช้เผด็จการทหารอย่างชัดเจน และเป็นการรองรับความชอบธรรมในการรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นการขัดต่อจิตวิญญานของธรรมศาสตร์ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตลอดมา แต่ฝ่ายที่สนับสนุนนายสมคิดพยายามจะอ้างว่า คนที่ธรรมศาสตร์ยกย่อง คือ นายปรีดี พนมยงค์ และ นายป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก็รับใช้เผด็จการทหารเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพราะนายปรีดีและนายป๋วยต่างก็เห็น "ประโยชน์ของประเทศชาติ" มากกว่า "การถือตัวตน" ดังนั้น กรณีของนายนรนิติและนายสมคิดก็ถือเป็นเรื่องของโอกาสใช้ความรู้ความสามารถเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองเช่นกัน ส่วนนายสมคิดเองก็อธิบายว่า ที่ได้รับแต่งตั้งเพราะเป็นตำแหน่งอธิการบดี ถ้าหากคนอื่นแม้กระทั่ง ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ถ้าเป็นอธิการบดีก็ได้รับแต่งตั้งเช่นกัน และยังตัดพ้อว่า มหาวิทยาลัยอื่น เช่น นิดา มีคนได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิก สนช. 3 คน ไม่เห็นมีใครไปประท้วง
ปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวได้สะท้อนถึงความขัดแย้งในประวัติศาสตร์ธรรมศาสตร์ 2 กระแสตลอดมา เริ่มจากการก่อตั้งมหาวิทยาลัย โดย หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) ผู้ประศาสน์การ เสนอให้ตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (มธก.) เมื่อ พ.ศ.2477 เพื่อให้เป็นตลาดวิชา เผยแพร่ความรู้ประชาธิปไตยสู่ประชาชน  มธก. ที่ตั้งขึ้นจึงเป็นมหาวิทยาลัยที่สอนด้านสังคมศาสตร์ และเมื่อตั้งขึ้นมาแล้ว มธก. ก็มีบทบาทช่วยชาติครั้งสำคัญ เมื่อญี่ปุ่นยึดครองประเทศไทย แล้วปรีดี พนมยงค์ตั้งขบวนการใต้ดินต่อต้านญี่ปุ่น อาจารย์และนักศึกษาจำนวนหนึ่งของมหาวิทยาลัยก็ได้ร่วมในขบวนการนี้ด้วย ถือเป็นการกู้ชาติครั้งแรก
แต่ต่อเมื่อมาเมื่อเกิดการรัฐประหาร พ.ศ.2490 นายปรีดี พนมยงค์ต้องหนีภัยรัฐประหาร และยังถูกใส้ร้ายเรื่องกรณีสวรรคต มธก. ถูกหวาดระแวงว่าจะเป็นฐานกำลังของฝ่ายปรีดี ในระยะแรกคณะทหารจึงส่ง หลวงวิจิตรวาทการ และ พล.ต.สวัสดิ์ สวัสดิ์เกียรติ เข้ามาควบคุม แต่ต่อมา ก็ได้ออก พ.ร.บ. ธรรมศาสตร์ ใหม่ เมื่อ พ.ศ.2495 เปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยกเลิกตำแหน่งผู้ประศาสน์การ แล้วตั้งตำแหน่งอธิการบดี โดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นอธิการบดีด้วยตนเอง
หลังการรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อ พ.ศ.2500 คณะทหารก็ส่งคนของตนเองเข้ามาควบคุมธรรมศาสตร์ เช่น ส่งนักกฎหมายของคณะรัฐประหาร คือ หลวงจำรูญเนติศาสตร์ เข้ามาเป็นอธิการบดี และต่อมา ก็ได้ส่ง พล.อ.ถนอม กิตติขจร รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นอธิการบดี จนเมื่อ พล.อ.ถนอมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้ส่ง กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ รองนายกรัฐมนตรีมาเป็นอธิการบดี ดังนั้น การพัฒนาในกระแสหลักของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็คือ การผลิตบุคลากรรองรับการขยายตัวของระบบราชการ และกิจการวิสาหกิจในระบบทุนนิยม เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยอื่นในสมัยเดียวกัน
แต่กระนั้น ภายใต้ระบอบเผด็จการของจอมพลถนอม กิตติขจร - จอมพลประภาส จารุเสถียร ขบวนการนักศึกษาได้พัฒนาขึ้น โดยมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นแกนกลาง นำมาซึ่งชัยชนะในการต่อสู้กรณี 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 และขบวนการนักศึกษายังมีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยมาจนถึงกรณี 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 จึงได้ถูกปราบปรามโดยคณะรัฐประหารที่นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ ในสมัยนี้ นายป๋วย อึ๊งภากรณ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามจนต้องลี้ภัยต่างประเทศ คณะรัฐประหารได้ตั้งนายปรีดี เกษมทรัพย์ นักกฎหมายที่ร่วมมือกับฝ่ายรัฐประหาร มาเป็นอธิการบดีแทน
ในช่วงแห่งการต่อสู้เดือนตุลานี้เอง จึงได้เกิดการพัฒนาตำนานที่ว่า “ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน” และจะถูกอ้างอิงในฐานะจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ต่อมา แต่ความจริงคงต้องบอกว่ากระแสการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของนักศึกษาเป็นเพียงกระแสรอง กระแสหลักก็คือ มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวกับระบบการเมืองสังคมไทย ต้องทำหน้าที่ผลิตบุคลากรมารับใช้ระบบ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยแทบทุกสมัย จึงเป็นบุคคลที่ประสานและไปได้ดีกับการเมืองแบบอนุรักษ์นิยมไทยเสมอมา
เมื่อ พ.ศ.2522 นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ มีชื่อเล่นว่า “ตู่” ได้เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากจะเป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีแล้ว นายสมคิดก็ยังเคยเป็นผู้ปฏิบัติงานในขบวนการนักศึกษา และมีบทบาทในการเข้าร่วมต่อสู้ในเรื่องประชาธิปไตยยุคสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เช่นกัน ต่อมาเมื่อจบการศึกษาด้านนิติศาสตร์ เขาก็สอบได้ทุนไปศึกษาวิชากฎหมายมหาชนที่ประเทศฝรั่งเศส จนจบปริญญาเอก และกลับมาสอนที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อ พ.ศ.2533 ต่อมา เขาได้เป็นเป็นผู้ช่วยรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้เป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ เมื่อ พ.ศ.2547
เมื่อเกิดการรัฐประหาร พ.ศ.2549 นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในสมัยนั้น ก็ได้ให้ความร่วมมืออย่างมาก จนกลายเป็นว่า นายสุรพลก็เป็นเสมือนหนึ่งที่ปรึกษากฎหมายของฝ่ายคณะรัฐประหาร และนายสมคิดในฐานะคณบดีคณะนิติศาสตร์ ก็ให้ความร่วมมือกับคณะรัฐประหารเช่นกัน โดยรับตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และเลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งความร่วมมือในลักษณะนี้ นำมาซึ่งความก้าวหน้าในด้านการงาน คือ การได้รับตำแหน่งอธิการบดีธรรมศาสตร์เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2553 ในเดือนเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งชื่อเล่นว่า “ตู่” รับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
ดังนั้น ถ้าพิจารณาจากกระแสหลักของผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตลอดมา การร่วมมือร่วมใจกับการรัฐประหารของนายสมคิด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะนิยายเรื่องธรรมศาสตร์รับใช้ประชาชน เป็นเรื่องของนักศึกษา ไม่ได้คลุมถึงคณะผู้บริหาร
ดังนั้น ถ้าพิจารณาเสียใหม่ว่า นายสมคิด คือ นักกฎหมายของฝ่ายรัฐประหาร ก็จะเข้าใจสถานะของธรรมศาสตร์ในขณะนี้ได้ และจะเข้าใจด้วยว่า เหตุใดนายสมคิดจึงไปคิดโจทย์แก่คณะรัฐประหาร ที่จะต้องทำให้การ "รัฐประหารไม่สูญเปล่า" ซึ่งโดยกระบวนการก็คือ ต้องทำลายประชาธิปไตยแบบเสียงข้างมากของประชาชนให้ได้ มิฉะนั้น ประชาชนก็จะเลือก "พวกทักษิณ” กลับมาอีก แล้วกลุ่มชนชั้นนำก็จะวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น เพราะประชาชนไม่ยอมใช้เสียงเลือกตั้งตามใจพวกเขา
ด้วยความรู้เช่นนี้ ก็จะสามารถเข้าใจ "ธรรมศาสตร์สมัยตู่” ได้อย่างชัดเจน

'ประยุทธ์' ย้ำ ครม.เริ่มงาน 9 ก.ย. ชี้ไม่อยากคงกฎอัยการศึก แต่ยังยกเลิกไม่ได้



"คืนความสุขให้คนในชาติ" โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุแถลงนโยบาย สนช.หลัง 9 ก.ย. - คสช.ไม่ต้องการคงกฎอัยการศึกแต่คณะทำงานติดตามสถานการณ์พบว่ายังมีปัญหาอยู่ที่ทำให้ยกเลิกไม่ได้ แต่จะมีการลดไปตามลำดับในระยะเวลาข้างหน้า - อ้อนประชาชน "อย่าพึ่งเบื่อกันก่อนแล้วกัน รักพวกเรา รักพวกผมก็ รักน้อยๆ แต่รักนานๆ"
 
 
5 ก.ย. 2557 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและผู้บัญชาการทหารบก กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันที่ 5 กันยายน 2557 โดยรายละเอียดทั้งหมดดังต่อไปนี้
 
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ/ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 5 กันยายน  2557 เวลา 20.15 น.
สวัสดีพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมานี้นั้น คณะรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน เพื่อรับหน้าที่แล้ว โดยจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกในวันที่ 9 กันยายน 2557 จากนั้นจะต้องมีการแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินในกระทรวงต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน เป็นต้นไป การชี้แจงหรือการแถลงนโยบายต่าง ๆ นั้น คงจะหลังวันที่ 9 กันยายน จะนัดเวลากับสภานิติบัญญัติอีกครั้งหนึ่ง
 
ในส่วนของการบริหารราชการแผ่นดินต่อไปนี้นั้น หลังจากวันที่ 9 กันยายน 2557 หลังจากการแถลงนโยบายไปแล้ว ก็จะเป็นการมอบหรือส่งต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีต่อไป โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นผู้ประสานงานและติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการให้เชื่อมต่อกันระหว่างระยะ 1 ระยะที่ 2
 
สำหรับการบริหารราชการแผ่นดินนั้น ผมอยากจะพูดถึงผู้ที่มีส่วนร่วมในการที่จะต้องช่วยกันในการขับเคลื่อน เดินหน้าประเทศไทยไปสู่อนาคต ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกร หรือเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม กลุ่มเศรษฐกิจ พาณิชย์ ท่องเที่ยว และอื่น ๆ อีกด้วย และข้อสำคัญคือข้าราชการ ภาคเอกชน ประชาสังคม ทั้งหมดนั้นต้องมีส่วนร่วมในการที่จะขับเคลื่อนเดินหน้าประเทศไทยต่อไป แต่ละกลุ่มก็จะมีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยย่อยอีกหลายประเภท ต่างวัย ต่างระดับ ครู นักเรียน นิสิตนักศึกษา อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน อสม. ทุกพวก ทุกส่วนที่เป็นคนไทยด้วยกันต้องช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทย
 
วันนี้ เราต้องมาคำนึงถึง 3 เสาหลักของอาเซียน ซึ่งกำหนดไว้แล้ว่าได้แก่ เสาแห่งความมั่นคง เสาแห่งเศรษฐกิจ เสาแห่งสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งจะต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้ภายในกรอบของอาเซียน และประชาคมโลกในอนาคต เพราะฉะนั้นในทุกกลุ่มที่ว่านั้นจะต้องมีพื้นฐานงานด้านความมั่นคงลงไปด้วย ในภาพรวมภาพใหญ่และในกลุ่มของตนเองคือกลุ่มเศรษฐกิจ กลุ่มสังคมและวัฒนธรรมก็ต้องมีภาพความมั่นคงใส่ไปด้วย เพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพ สร้างความเข้มแข็งเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของตนและส่วนรวม ประเทศชาติ โดยปราศจากความขัดแย้งให้มีการเผื่อแผ่ แบ่งปัน มีจิตสำนึกเป็นสาธารณะ ไม่เอารัดเอาเปรียบ เห็นอกเห็นใจกัน ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันดูแลกัน รัฐบาลนั้น ผมเคยเรียนไว้แล้วว่าเราไม่สามารถจะดูแลเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ เพราะเรามีงบประมาณจำกัดของรัฐ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องเฉลี่ยงบประมาณเหล่านั้น ซึ่งมีไม่มากนักให้เพียงพอบนพื้นฐานของความทั่วถึงและเป็นธรรมทุกพื้นที่ ผู้มีรายได้น้อยอาจจะมองว่าผู้มีรายได้มากเอารัดเอาเปรียบ ก็ต้องเข้าใจว่าเขามีการลงทุนขนาดใหญ่ ใช้เวลา ฉะนั้นเขาก็มีผลตอบแทนที่มากกว่า และประเด็นสำคัญคือเป็นรายได้หลักของรัฐ เพราะฉะนั้น ถ้าเขามาโดยสุจริตเราคงต้องช่วยกัน อย่าไปตำนิว่ากล่าวอะไรเลย เว้นแต่ผู้ที่ไม่สุจริตร่ำรวยมาไม่สุจริตก็ว่ากันไป
 
สำหรับภาคอุตสาหกรรม การแปรรูป ในรูปผลประโยชน์ให้รัฐ ภาษี มีอยู่หลายขั้นตอนไม่ใช่เก็บภาษีตรงนี้ที่เดียว พอเขาทำเป็นวัตถุดิบเพื่อการอุตสาหกรรม ต่อไปก็มีการเก็บภาษีแต่ละขั้นตอนไปอีก ในการที่ผลิตสินค้าแต่ละประเภท เท่ากับเสียภาษีหลายระดับด้วยกัน เขามีรายได้มากก็ต้องเสียมากเป็นธรรมดา จะมีการปรับปรุงภาษีอีกครั้งหนึ่งในระยะเวลาอันใกล้นี้
 
สำหรับผู้มีรายได้น้อย ผมเห็นใจจริง ๆ แต่ถ้าเราไม่พัฒนาตัวเอง เราก็จะไม่สามารถเข้ามาอยู่ในระบบภาษีได้ เพราะฉะนั้นถ้าคนไทยทุกคนหรือส่วนใหญ่สามารถเข้ามาสู่ระบบภาษีได้ สัก 70% - 80% มากกว่าปัจจุบัน เราจะมีรายได้ให้กับรัฐมากขึ้น เมื่อมีมากขึ้นงบประมาณที่ได้มาก็สามารถจะไปเฉลี่ยไปดูแลคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายได้อย่างที่ทุกคนต้องการได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นเราจะทำอย่างไร รัฐบาลนี้มีหน้าที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนนั้น สามารถที่จะเข้ามาอยู่ในระบบภาษีได้ ไม่ต้องกลัวการเสียภาษี ต้องเป็นธรรมอยู่แล้ว รายได้น้อยก็เสียน้อย รายได้มากก็ต้องเสียมาก ฉะนั้นเรามีนโยบายว่าทำอย่างไรรัฐบาลที่เราจะมีต่อไปจะเพิ่มรายได้และยกระดับอาชีพให้ได้ ส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยได้พยายามพัฒนาปรับปรุงตนเอง รวมกลุ่มกัน ถ้าท่านกระจัดกระจายกันไปก็ไม่สามารถที่จะบริหารจัดการได้ เรื่องงบประมาณ เรื่องการช่วยเหลือ กองทุนต่าง ๆ ไม่ได้ ท่านต้องรวมกลุ่มของท่านให้ได้ด้วยตัวของท่านเอง เพื่อที่จะได้ง่ายในการบริหารจัดการรัฐจะได้ช่วยเหลือได้ สร้างโอกาสได้ ยกระดับตนเองได้ ให้หลุดพ้นจากความยากจน ด้วยความพอเพียงก่อน
 
พอเพียงคือว่าพอประมาณ มีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกัน จากนั้นค่อยขยับขยายลงทุนขยายกิจการ เกษตรกรก็ต้องลดรายจ่าย ทำบัญชีครัวเรือน บางคนบอกว่าทำแล้วเป็นอย่างไร เป็นหนี้อยู่เสมอก็ค่อย ๆ ทำกันไป เดี๋ยวสักวันก็ลดหนี้ลงได้ แบบค่อยเป็นค่อยไป อะไรที่ไม่จำเป็นผมก็อยากให้มีการอดออมไว้ก่อน ลูกหลานสำคัญต้องสอนให้เขารู้จักฐานะตนเอง ลูกต้องไม่รบกวนพ่อแม่จนเกินไป จนต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ต้องช่วยพ่อแม่สร้างฐานะก่อนก็ต้องอดทน เพื่อวันข้างหน้าเราจะได้เจริญเติบโตขึ้นมาแล้วเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ในอนาคต อย่าไปหลงติดการพนัน สุรา ยาเสพติด ใช้ของราคาแพงเกินตัว พ่อแม่ก็จะไม่เกิดหนี้สินนอกระบบ ต้องกู้เงินมาให้ลูกใช้เรียนหนังสือด้วย ซื้อรถ ซื้อมอไซค์ ซื้ออะไรต่าง ๆ ซึ่งเกินฐานะ ท้ายสุดพ่อแม่ทำไงก็ต้องขายที่ขายนา วันนี้ก็เลย กลายเป็นคนที่ไม่มีที่ดินทำกิน ก็เดือดร้อนกันไปหมด รัฐก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร เพราะที่ดินเราก็จำกัด ลูกคงต้องช่วยพ่อแม่ในการศึกษาเล่าเรียกก่อน เป็นคนดี ไม่ติดยา ไม่ไปหลงฟุ้งเฟ้อกับเรื่องอบายมุขต่าง ๆ เมื่อลูก ๆ ดูแลตัวเองได้ พ่อแม่ก็ไม่เป็นภาระ พ่อแม่ก็ส่งเรียนหนังสือเท่าที่สามารถจะทำได้ มีสิ่งเดียวที่คนรายได้น้อยจะให้เป็นมรดกกับลูกหลานได้คือการศึกษาเท่านั้นเอง เพื่อเขาจะได้พัฒนาตัวเองได้ในอนาคต พอจะให้เป็นทรัพย์สมบัติถึงลูกถึงหลาน ในขณะที่ฐานะก็ไม่ดี เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอยากให้ลูก อย่างที่ผมบอกแล้วในค่านิยม 12 ประการที่พูดไปแล้วต้องดูแลพ่อแม่ และก็อยู่ในระเบียบวินัย เคารพครูบาอาจารย์กตัญญู สิ่งเดียวที่ท่านทำได้คืออย่าทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ อย่าทำให้ผู้ปกครองเป็นทุกข์ เพราะเป็นทุกข์ที่ ผมอยากใช้คำว่าเป็นทุกข์ยั่งยืน พอหมดจากพ่อแม่ไปแล้วก็ต้องตัวเอง ลูกหลานก็ลำบากต่อไปอีก เพราะฉะนั้นเราต้องแก้ตรงนี้ให้ได้ ถ้าหากเรารอรัฐอย่างเดียวไม่ทั่วถึงก็เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว บรรเทาความเดือดร้อน
 
ในเรื่องของการใช้รัฐสวัสดิการ ไม่ว่าจะในเรื่องของสาธารณสุข เรื่องของการช่วยเหลือเยียวยาต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าประเทศเรามีรายได้มาก มีภาษีจากการค้าขาย ส่งออก การแปรรูปจากวัตถุดิบที่เราผลิตได้มากมาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะมีเงินก้อนใหญ่มาทำทุกเรื่องได้ทั้งพัฒนาประเทศ รัฐสวัสดิการ สาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดีเพียงพอในทุกพื้นที่
 
ในส่วนของการดูแลข้าราชการ ผู้สูงอายุ สำคัญพ่อแม่ วัฒนธรรมไทยเป็นอย่างนั้นต้องดูแลผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นความอบอุ่นในสังคมไทย
 
ในเรื่องของการรักษาพยาบาลหลาย ๆ ประเทศในโลกยังไม่มีความพร้อม ประเทศของเราถือว่าดีดีมากในขั้นตอนขณะนี้ อาจจะยังไม่มากนัก อาจจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ถือว่าดีกว่าหลาย ๆ ประเทศในโลก บางประเทศนั้นยังไม่มีความพร้อม รายได้ไม่เพียงพอทั้งนี้ก็ด้วยการเมือง การปกครองอะไรต่าง ๆ ด้วยก็ทำให้ต้องมีรัฐสวัสดิการ แต่ตัวเองไม่พร้อมจะเห็นได้ว่าบางประเทศในโลกนี้กำลังจะล้มละลายจากการใช้รัฐสวัสดิการมากมายจนเกินไป เกินกำลังของตนเอง เราต้องช่วยกันขับเคลื่อน รายได้มากตอบแทนรัฐบาลให้มาก อย่าหลีกเลี่ยงภาษี อันนี้ขอร้องจริง ๆ อย่าหลีกเลี่ยงภาษี และก็เผื่อแผ่คนรายได้น้อยไม่กดราคา ไม่เอากำไรมากนัก ซื่อสัตย์ต่อตนเองต่อผู้อื่นด้วย คนระดับกลางก็พัฒนาตนเองให้ดีมากขึ้นช่วยรัฐให้มากขึ้น คนรายได้น้อยก็ต้องพยายามยกระดับหางานที่สุจริต มีรายได้ที่เหมาะสม ไม่ไปยุ่งเกี่ยวอบายมุข หรือความไม่โปร่งใสอะไรก็แล้วแต่ในการประกอบอาชีพ
 
รัฐบาลจะทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพตรวจสอบได้ มุ่งผลสัมฤทธิ์เพื่อประเทศชาติ ข้าราชการก็ต้องมีจิตใจที่ให้การบริการประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะทุกคนต้องตระหนักเสมอว่าเราคือครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวของคนไทย ประเทศไทย ต่อไปครอบครัวเราก็ใหญ่ขึ้นไปเป็นครอบครัวอาเซียน เราจะต้องนำครอบครัวเราไปคบค้าสมาคมกับครอบครัวคนอื่นเขา ทั้งประชาคมอื่น ๆ และเราต้องไปแข่งขันด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องแข่งขันการค้ากับเขาด้วย เราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ในโลกนี้อีกต่อไป วันนี้โลกไร้พรหมแดน
 
วันนี้เรามีหลายเรื่องที่ต้องพัฒนา เราไม่สามารถที่จะอยู่ในโลกนี้ แต่เพียงผู้เดียวได้ ผมย้ำคำนี้ บางคนบอกว่าไทยเราเข้มแข็งพอแล้ว เราไม่ต้องไปพึงพาอาศัยใคร เราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ผมว่าตอนนี้ต้องหยุดคิดตรงนี้ไว้ก่อน นั่นคือความภาคภูมิใจ นั่นคือประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของเรา แต่เราต้องมาเรียนรู้ว่าเราจะพัฒนาตนเองอย่างไร สิ่งที่ผมอยากให้มีการพัฒนามากที่สุดในขณะนี้คือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทุกคนมีความหมาย ทุกคนเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ ต้อง เพิ่มการเรียนรู้ในทุกระดับ ปรับทัศนคติการอยู่ร่วมกัน เคารพกฎหมาย ลดความขัดแย้ง เห็นต่างแต่ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ อย่าไปขัดแย้งขนาดใหญ่ยกพวกตีกันหรือขัดแย้งกันทุกเรื่อง ทุกราวทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ตอนนี้ก็พัฒนาประเทศไปไม่ได้ ต้องหารือกัน มีความพึงพอใจ ไม่ใช่ว่าจะต้องได้ 100% อาจจะได้สัก 50% 60% 70% แต่สิ่งที่สัมฤทธิ์ออกมาก็คือเราสามารถที่จะดูคนจำนวนมากได้ แต่เราต้องไม่ทิ้งคนส่วนน้อยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าส่วนน้อยจะเอามาก ส่วนใหญ่ก็ไม่ยอม ส่วนใหญ่จะเอามาก ส่วนน้อยก็ไม่ยอม ไปไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นต้องดูที่ว่าประโยชน์อยู่ตรงไหนกัน วันนี้ได้แค่นี้ วันหน้าก็พัฒนามากขึ้น ถ้าเรารวมกันได้อย่างที่ว่า
 
เรื่องความมีคุณธรรมจริยธรรมและศีลธรรม สำคัญเพราะเราประกอบเป็นสังคมแห่งสันติสุข เพราะฉะนั้นการเป็นคนดีที่มีคุณธรรม เป็นองค์กรที่มีจริยธรรม นั่นคือสังคมแห่งสันติสุข พูดคุยหารือกันในทุกระดับ ลดความขัดแย้งไม่ใช่โต้เถียงกันจนบานปลายไป และข้อสำคัญคือเราอย่าให้คนที่ไม่ดีนั้นได้มาชี้นำเรา ถ้าเราไม่เรียนรู้ไม่พัฒนาตนเอง เราก็ไม่สามารถรวบรวมศักยภาพ หรือพลังของคนไทยให้เป็นหนึ่งเดียวได้ การพัฒนาเรื่องอื่นก็ไม่เกิด เราก็ต้องสู้กับการแข่งขันภายนอกไม่ได้ เพราะเราเสียเวลาอยู่กับการทะเลาะขัดแย้งกันเองมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่ดีก็มี ที่ขัดแย้งมากก็มี เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไรจะลดต่าง ๆ ทั้งหมดให้ดีด้วยกันทั้งหมด ดีมากดีน้อยก็ว่ากันไป แต่อย่าขัดแย้ง
 
หลายประเทศที่มีการพัฒนาด้านศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ไปมากก็เจริญเร็ว จะเห็นได้ว่ารอบ ๆ บ้านเราก็มี บางประเทศสามารถที่จะขึ้นไปในระดับต้น ๆ ของโลกได้ ถึงแม้ว่าจะมีเนื้อที่เพียงเล็กน้อย เพราะเขาใช้สติปัญญาเขา แล้วไม่ขัดแย้ง แล้วเชื่อฟังกฎหมาย เคารพกฎหมาย และเดินไปตามนโยบายของรัฐทุกคนก็ไปได้ รัฐก็สามารถจะดูแลได้ทั่วถึง เราก็ต้องสร้างความโปร่งใสในทุกฝ่าย ทุกพวก ไม่มีการทุจริต ไม่โกงกิน ไม่ยอมรับในสิ่งที่ผิดกฎหมาย เราจะได้รับความเชื่อมั่นจากการลงทุน วันนี้ต้องระวัง ความเชื่อมั่นในการลงทุนของต่างประเทศ เขาดูในหลายมิติด้วยกัน ดูทั้งสภาพสังคมดูทั้งกฎหมายของเรา ดูทั้งการปฏิบัติตามกฎหมาย ดูทั้งความเชื่อมั่นในการลงทุนที่เกิดความมีเสถียรภาพของรัฐบาลเหล่านี้เป็นความเชื่อมั่นการลงทุนทั้งสิ้น ถ้าเราอยากให้ใครเขามาลงทุนมาก ๆ ในประเทศเราในบ้านเรา เราก็ต้องดูว่าเราต้องการอะไร ไม่ไปทำให้สังคมมีผลกระทบอย่างไร ไม่ไปทำให้เกิดมลภาวะอย่างไร แต่เราก็ต้องมีแรงจูงใจให้เขาเข้ามาด้วย ก็คือความมีเสถียรภาพ ซึ่งเราได้เปรียบหลายประเทศในโลกอยู่แล้ว คนไทยเป็นคนที่มีน้ำใจ เป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส อย่าไปเปลี่ยนแปลงตัวเราเลย ไปเป็นคนขี้โมโหก้าวร้าวต่าง ๆ เหล่านี้ ทุกคนต้องปรับเปลี่ยน ผมเองก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเหมือนกันให้มีสติ มีอะไรต่าง ๆ ตลอดเวลา เราต้องระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้ ในเรื่องของความเชื่อมั่นนั้นไม่ใช่แค่การค้าอย่างเดียว เป็นเรื่องของอุตสาหกรรม ในเรื่องของการท่องเที่ยว และอื่น ๆ หลายประเทศท่านเห็นอยู่แล้วว่าเขาเจริญอย่างไร เขามีความขัดแย้งกันหรือไม่ เพราะฉะนั้นเรามามองว่าทุกอย่างรัฐต้องเป็นคนทำทั้งหมด ทุกฝ่ายเรียกร้องทั้งหมด ไปไม่ได้ ทุกคนต้องมีสัดส่วนร่วมมือกัน ในทุกปัญหา ในทุกการแก้ปัญหา ในการที่จะเดินหน้าประเทศไทยไปข้างหน้า
 
วันนี้จากสถิติ จากสื่อต่าง ๆ ก็ลงว่าการค้า การส่งออกเราลดลง อย่าเพิ่งตกใจ เราก็ต้องพยายามที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทำไมถึงส่งออกลดลง เพราะว่าเราต้องมีพิจารณาดูว่าสินค้าบางประเภทของเรา เรายังคงใช้เทคโนโลยีเดิมในการ ผลิต คุณภาพก็ยังเหมือนเดิมในหลายปีมาแล้ว อาจจะเป็น 10 ปีมาแล้ว ก็ยังเป็นแบบเดิม ส่งออกไป วันนี้หลายประเทศเขาพัฒนาหมดแล้ว ถ้าเราไม่พัฒนาจะตกยุค เพราะฉะนั้นเราจึงมีกองทุนต่าง ๆ ส่งเสริม SMEs เหล่านี้เพื่อจะมีการพัฒนาคุณภาพ ในเรื่องของ BOI ก็เช่นกัน ปรับปรุงเครื่องไม้ เครื่องมือ เครื่องจักร ให้ทันสมัยมากขึ้น เพื่อได้รับการยอมรับไม่ใช่ของผลิตออกมา แล้วมาดูโรงงานแล้วเกิดความไม่เชื่อมั่น โรงงานดูไม่ได้เลย ต้องพัฒนาตัวเอง ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ถ้าเราไม่ปรับปรุงคุณภาพ เราเน้นปริมาณอย่างเดียวเราก็ขายไม่ออก ขณะเดียวกันเราก็มีปัญหาความขัดแย้งในประเทศอีก เสถียรภาพก็ไม่เกิด ทุกอย่างทำให้ลดความเชื่อมั่นลง การแข่งขันก็มากขึ้น วันนี้ข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ ทั้งทวิภาคี ระหว่างประเทศต่อประเทศ และพหุภาคี คือขนาดใหญ่หลายประเทศด้วยกัน มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ในข้อจำกัดทางด้านการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องภาษีบางอย่างเพื่อให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนในแต่ละประเทศได้รับผลประโยชน์มากขึ้น บางอย่างภาษีเหลือ 0% ฉะนั้นภาษีเรา 0% ราคาขึ้นอยู่กับต้นทุนกับราคา ถ้าเราต้นทุนสูง ด้วยค่าแรงงานบ้าง ค่าวัตถุดิบบ้างอะไรบ้าง ทำให้ราคาสูงโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นเราสู้เขาไม่ได้แน่นอนขายไม่ออก เพราะราคาแพงกว่า ยิ่งคุณภาพไม่ดีแล้ว ราคาไม่ดีแล้ว ไม่ดีอีกด้วยก็ยิ่งไม่ดีไปใหญ่ วันนี้ต้องเร่งพัฒนาในเรื่องของการผลิต ขีดความสามารถในการผลิตให้ดี เทคโนโลยีให้ทันสมัยมากขึ้น ควบคุณภาพให้มากขึ้น สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศกันให้ได้
 
มาตรการกีดกันการค้าของแต่ละประเทศเขาก็ไม่อยากให้มีการแข่งขัน การลงทุน การค้าขายในสิ่งที่เขาผลิตเองในประเทศ บางอย่างเขาก็จำกัดเรื่องนี้ให้เท่านั้นเท่านี้ บางอย่างก็ไม่เท่าเลยก็เหมือนกัน เราก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน เราต้องพัฒนาร่วมกันให้ได้ ต้องเข้มแข็งต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ เราจะได้ขยายได้พัฒนาในทุกมิติจะได้ไปสู้เขาได้ในอนาคต เขาเรียกว่าความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจ หลายขั้นตอน หลายอย่าง ตั้งแต่วัตถุดิบเอง ซึ่งเราได้เปรียบอยู่แล้ว หลายอย่างเรามีวัตถุดิบเป็นจำนวนมาก แต่พอขั้นตอนการแปรรูปเพื่อจะไปค้าขายให้เขา เพื่อเพิ่มมูลค่า ไม่พัฒนาเราเร่งไปแล้วตลอด 3 – 4 เดือนที่ผ่านมา พยายามทำอย่างนี้อยู่แล้ว
 
เรื่องสำคัญ อีกประการหนึ่งคือว่า ปัญหาสำคัญของการประกอบการธุรกิจการค้า ถ้าต่างประเทศเขามา เขาจะได้ไม่ต่อว่า ช้า เสียเวลา ขั้นตอนมาก บางเรื่องเป็นเรื่องที่ควรจะวันเดียวเสร็จ บางทีใช้เวลาเป็นเดือน อย่างนี้ไม่ได้ ผมได้ให้หน่วยงานปรับลดเวลาทางธุรการให้เร็วที่สุดในลักษณะ One Stop Service เหมือนกัน เหมือนกับค้ามนุษย์ต่าง ๆ จดทะเบียนแรงงานต้องแก้ไขให้ได้ เพราะฉะนั้นต้องบูรณาการให้ทุกกิจการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นไปตามยุทธศาสตร์ไม่สะเปะสะปะ ยุทธศาสตร์ของไทยเดินหน้าไปอย่างไร ประเทศจะเป็นประเทศอย่างไร อุตสาหกรรม เกษตรกรรม อะไรก็ว่าไปให้ชัด 5 ปี 10 ปี จะเกิดอะไรขึ้น ทำอย่างไร
 
ถ้าเราเดินตามยุทธศาสตร์ที่ว่าได้ เราก็จะเกิดความก้าวหน้าในการพัฒนาไปตามลำดับ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ถ้าเดินไปตามนี้จะไม่มีปัญหาในเรื่องของการเมือง ท่านก็ไปว่าในการเมืองไป ถ้านำการเมืองมาเกี่ยวกับการบริหารจัดการ บริหารประเทศด้วยมีปัญหามาโดยตลอด เพราะฉะนั้น รัฐบาลต้องมีความชัดเจนในระดับนโยบายและกำหนดผู้ขับเคลื่อนว่า ใครจะขับเคลื่อนเรื่องใด อย่างไร ใครเป็นหลัก ใครเป็นรอง ใครเป็นเสริม และเข้าใจให้ตรงกัน จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ นี่คืองบประมาณของรัฐและต่างฝ่ายต่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน สอดเติมช่องว่างเข้าไป งบประมาณก็ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ความไว้วางใจซึ่งกันและกันก็จะเกิดขึ้น ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น
 
ช่องทางการติดต่อสื่อสาร วันนี้ประชาชนกับรัฐก็มีศูนย์ดำรงธรรม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) อีก ที่พร้อมจะรับเรื่องร้องเรียน ติดต่อราชการหาความรู้ให้รายละเอียดและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนผู้มาติดต่อราชการทุกจังหวัดให้รวดเร็วขึ้น วันนี้ผมได้รับรายงานมาว่า พัฒนาขึ้นตามลำดับ ขอบคุณกระทรวงมหาดไทย ขอบคุณศูนย์ดำรงธรรมและ กอ.รมน. จังหวัด รวมความไปถึงสำนักงานปฏิรูปต่าง ๆ ปฏิรูปปรองดองที่มีตั้งไว้แล้วเดิม วันนี้กำลังขับเคลื่อนงานทุกงานอยู่ จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนา สร้างความเข้าใจมากขึ้น มีส่วนร่วมมากขึ้น
 
ในส่วนของศูนย์การเรียนรู้ของกรมวิชาการเกษตร วันนี้ที่สั่งการลงไปแล้วสามารถตั้งได้ 882 ศูนย์ระดับอำเภอ จริง ๆ มีอีกมาก กำลังพัฒนาเพื่อจะให้ครบทุกอำเภอ ครบทุกพื้นที่ จะทำให้มากขึ้นโดยเร็ว จะมีข้อมูลให้เกษตรกรได้เรียนรู้ว่า จะปลูกอะไรให้เหมาะสมกับดินฟ้าอากาศแตกต่างกัน  แต่ละภาคแต่ละพื้นที่ก็ต่างกัน บางพื้นที่แล้งซ้ำซาก บางพื้นที่ทำนาได้  2 -3 ครั้ง อยู่ในเขตชลประทาน บางพื้นที่ไม่ได้อยู่ในเขตชลประทาน แต่ทุกคนก็อยากจะปลูกสินค้าเกษตรกรที่มีราคา ที่เป็นที่ต้องการ ก็เสียสองอย่างคือ ปลูกไปไม่ได้ผล รัฐต้องเสียค่าประกันความเสียหายอีกและปลูกไปราคาก็ไม่ได้ เสียเวลาเสียแรงเปล่า เพราะฉะนั้น ท่านต้องไปปรึกษากับศูนย์การเรียนรู้ที่ว่า จะทำอย่างไร ปลูกอะไรดี ปรึกษาเขาเถอะครับ เขามีความรู้ให้คำแนะนำต่าง ๆ ได้มากมาย ถ้าไม่มีปัญหา เราสามารถปรับนโยบายที่จะเพิ่มเติมเพื่อที่แก้ไขเป็นเรื่อง ๆ ได้  ถ้ากระจัดกระจายอยู่แบบนี้ช่วยยาก เพราะไม่รู้ใครเป็นใครขึ้นบัญชีกันให้เรียบร้อย
 
การทำเกษตรกรรมในแต่ละพื้นที่ว่าใครปลูกข้าว ปลูกยาง ต่าง ๆ บางคนไม่ลงทะเบียน ไม่มาลงทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เขาจัดทำทะเบียน ก็ต้องไปทำ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ถ้าท่านไม่จดทะเบียน การช่วยเหลือก็เป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นถ้าเราปล่อยกันให้เป็นไปตามยถากรรมเหมือนเดิม จะดูแลไม่ได้และการโซนนิ่งอะไรต่าง ๆ ก็ไม่เกิดขึ้น ก็เป็นแต่เพียงนามธรรมคู่ไปอย่างนั้น โซนนิ่ง ทำไม่ได้ เพราะประชาชนไม่เห็นด้วย ประเด็นไม่เห็นด้วยคือไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นเราต้องให้ศูนย์เหล่านี้สร้างการเรียนรู้ให้ได้ ต้องเข้าใจว่าทำอย่างนี้จะเกิดผลอย่างนี้ จะดีอย่างนี้ มีการปรับปรุงเทคโนโลยีอย่างไร เมล็ดพันธุ์พืชจะทำอย่างไร ปุ๋ยจะทำอย่างไร ปลูกอันนี้แล้วให้มีตลาดที่ไหน ไปขายที่ไหน ราคาควรเท่าไร
 
วันนี้ทุกคนไม่ทราบว่า รัฐไปขายของได้เท่าไร เพราะฉะนั้น เวลาผลิตอะไรมาก็อยากจะได้ราคาสูง รัฐก็ต้องไปอุดหนุน อุดหนุนเสร็จก็มากองกันอยู่กับรัฐ รัฐก็ไปขายให้ใคร ก็ราคาก็ตกหมด เราพยายามทุกอย่างที่จะทำให้ราคาสูงขึ้น อันนี้เป็นระบบที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน เพราะฉะนั้น เราไม่อยากให้เกษตรกรผู้ที่มีรายได้น้อย ถูกเอารัดเอาเปรียบ รัฐไม่สามารถจะอุดหนุนได้ทุกอย่าง เรื่องยางก็เช่นเดียวกัน ต้องระมัดระวัง วันนี้ราคายางก็พยายามเต็มที่ ที่จะแก้ปัญหา ผมว่าเป็นเรื่องที่หนักพอสมควร เรื่องยาง เรื่องข้าว เรื่องผลิตผลทางเกษตรอื่น ๆ บางอย่างก็ดีขึ้น บางอย่างก็ลดลงเป็นไปตามราคาตลาด เพราะฉะนั้นถ้ายังคงยืนราคาเดิมต่อไป โดยที่ไม่มีการปรับปรุงตัวเอง ไม่มีการโซนนิ่ง ไม่มีการควบคุม Demand Supply ให้พอเพียง ให้ทัดเทียมกันก็เป็นปัญหาอย่างนี้ตลอดไป
 
ผมว่าถ้ายังยืนยันกันอยู่อย่างนี้ ราคาต้องเท่านี้ เท่านั้น ไปอย่างนี้ ถึงเราก็แก้ไม่ได้ ผมตายไปแล้ว ทุกคนตายไปแล้วก็แก้ไม่ได้ ก็กลับมาแบบเก่า เพราะฉะนั้น จะต้องพัฒนาทั้งระบบขอให้เห็นใจด้วย การประท้วงอะไรต่าง ๆ ขอให้มีเหตุ มีผล วันนี้มีความจำเป็น เพราะเราไม่ได้แก้ปัญหาผลิตผลทางการเกษตรอย่างเดียว แต่แก้ไปทุกปัญหา ที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน บางอย่างมาก บางอย่างน้อย ต้องแก้มากก่อน น้อยก็ค่อย ๆ แก้ คู่ขนานกันไป
 
ในส่วนของการดูแลสาธารณสุขรักษาพยาบาล เรามุ่งหวังถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ถ้าประชาชนเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง เพราะฉะนั้นการดูแลสาธารณสุขรักษาพยาบาล ถ้าเรายังมีรายได้รัฐอยู่อย่างนี้ การดูแลก็ยังไม่มาก ไม่เพียงพอ จะเห็นได้ว่ามีปัญหาพอสมควรในเรื่องของระบบ เรื่องของการดูแลประชาชน ทั้งสูงวัย ผู้หลักผู้ใหญ่ เด็กเล็กอะไรต่าง ๆ มีปัญหาหมด เพราะรัฐไม่มีเงิน ผมพูดตอนต้นมาแล้ว รัฐจะมีรายได้จากที่ไหนบ้าง เพราะฉะนั้น เราจะช่วยกันตรงไหน ก็ต้องไปช่วยกันถือว่าช่วยชาติ ถ้าเราดูแลคนไม่ดี ทุกอย่างก็อ่อนแอไปด้วย เด็กก็อ่อนแอ ผู้ใหญ่ก็อ่อนแอ คนสูงอายุก็อ่อนแอ ประเทศชาติก็อ่อนแอทั้งหมด
 
เพราะฉะนั้น อย่าไปให้ใครเขามาชี้นำหรือมาปลุกระดมว่า เป็นเพราะอย่างนี้ อย่างนั้น ที่จนเพราะอย่างนี้ เพราะคนนี้ เพราะคนนั้น ผมว่าอย่าให้เขามาชี้เลย ท่านคิดเองท่านมองเหมือนผมมอง บางคนที่ผ่านมา ผมขออนุญาต บางคนบอกว่าสถาบัน เป็นเพราะสถาบันทำให้เป็นอย่างนี้ ผมกราบเรียนท่านเลย ท่านไม่เคยมาเกี่ยวข้อง ท่านต้องดูว่าที่ผ่านมาสถาบันทำหน้าที่อะไร ท่านทำทุกอย่างมาตั้งแต่อดีตในพื้นที่ ที่รัฐบาลไปไม่ถึงในที่ที่รัฐบาลยากจะไป ดูแลได้ไม่มากนัก ท่านก็ไปเสริมตรงนั้นให้ ท่านไม่เคยที่จะไปแย่งความรัก ความชอบอะไรจากใคร ท่านถือว่าทุกคนคือคนไทยของท่านทั้งสิ้น ท่านต้องมีหน้าที่ในการดูแลคน คนมีรายได้น้อย คนที่มีความเดือดร้อนเป็นหลักก่อน ช่วยรัฐบาลมาทุกรัฐบาล เพราะนั้นทุกคนต้องเข้าใจในกรณีนี้นะครับ ต้องมีสติใคร่ครวญหาเหตุผล อย่าไปเชื่อตามเขาปลุกปั่นอย่างโน้นอย่างนี้ ทำให้ไปล่วงละเมิดท่าน และพันต่อไปถึงกฎหมายอีก ว่าไปบังคับคนอะไรต่าง ๆ ไม่ใช่เลย
 
กฎหมายมีไว้ปกป้องพระองค์ท่าน เท่านั้นเอง เพราะพระองค์ท่านไม่สามารถดูแลพระองค์เองได้ ท่านมาตอบโต้ มาชี้แจง มาอธิบายใครไม่ได้ แต่เราต้องมองถึง ทำอะไรดี อดีตไม่ใช่แค่สมัยนี้นะครับ ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาเมื่อเรายังไม่เป็นประเทศ เป็นอาณาจักรต่าง ๆ เหล่านั้น จนกระทั่งเป็นประเทศมาเมื่อ 200 กว่าปี เพราะฉะนั้นเราต้องดูย้อนกลับไป อย่าเพิ่งไปตัดสิน อย่างเพิ่งไปลงความเห็นว่าใช่หรือไม่ตามที่คนเขามาชี้นำต้องไปดูเขาชี้นำ เพราะอะไรเพื่ออะไร วันนี้ประเทศไทยเข้มแข็งได้อยู่ 2 อย่าง  1.สถาบันพระมหากษัตริย์ 2. คือความมั่นคงซึ่งต่างประเทศอาจจะมีไม่เท่าเราตรงนี้แต่เขาพัฒนาก็ต้องไปทั้ง 2 -3 อย่างด้วยกันในเรื่องของสถาบัน เรื่องของความมั่นคง เรื่องของการพัฒนาประเทศ ต้องไปด้วยกันทั้งหมด เพราะเราเป็นคนไทย อย่าไปเอาของตะวันตกมาทั้งหมด ผมเคยพูดไปแล้วว่าอย่าทำลาย อย่าสร้างบ้านเมืองใหม่โดยที่ต้องทำลายของเก่าทิ้งทั้งหมด
 
วันนี้ต้องดูที่ว่า วันนี้ที่คนเขามาเที่ยวบ้านเราเพราะของเก่า สมัยนี้สร้างอะไรไว้บ้างที่ให้คนเขามาดูเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ค่อยมีนะ ส่วนใหญ่เขามาเที่ยวโบราณสถาน พระราชวัง นั้นคือสิ่งที่สถาบันพระมหากษัตริย์ทำไว้ให้ คิดตรงนี้แล้วกันอย่านำท่านลงมาเลย อย่ามาทะเลาะเบาะแว้งกัน นำท่านลงมาเกี่ยวข้องไม่ได้ ผมคงไม่ยอมนะ
 
เราต้องกลับมาดูตนเอง ก่อนจะโทษใครก็ตาม  ผมไม่อยากให้โทษกันแล้ว เพราะเฉพาะฉะนั้น ต้องมาดูแลตนเองที่เรามีรายได้น้อย เรามีความขยันเพียงพอหรือยัง พัฒนาตนเองหรือยัง หรือจะทำเพียงแค่พอกินพออยู่ไปวัน ๆ เลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัวไปวัน ๆ มีรายได้วันละไม่กี่ร้อยแล้วจะพัฒนาไปได้อย่างไร  ไม่ใช่อยู่ได้ก็โอเค แต่ท่านต้องให้ลูกหลานเขาพัฒนากว่าท่าน  อย่าให้เขาต้องมาทำอะไรที่รายได้น้อยเหมือนท่าน เขาจะทำได้อย่างไร เขาต้องเรียนรู้ ต้องศึกษา ให้เขาเรียนหนังสือมาก ๆ  ถ้าไม่เรียนหนังสือมาก ๆ  ก็คิดไม่ได้  คิดไม่ได้ก็พัฒนาไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดา  เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดว่าเราจะรวยขึ้นมาเร็วขึ้น ไปทำสิ่งผิดกฎหมาย ไปติดยา ค้ายาเสพติด ชีวิตมันก็พังทลายยิ่งกว่าเดิมอีก ยิ่งกว่ายากจนเหมือนเดิมอีก ไปติดคุกอีก ติดคุกออกมาก็ต้องวนกลับไปใหม่  เป็นอย่างนี้วงจรชีวิตเป็นแบบนี้  ท่านต้องหาช่องทางสุจริตทำ  ลำบากอดทนหน่อย คนรวยปัจจุบัน ถ้าเขามาเขาสุจริตมา  เขาลำบากมาก่อน เศรษฐีหลายคนก่อนจะรวยไปดูครับ พื้นฐานเขาไม่ได้รวยมาตั้งแต่เด็กเลย ลำบากมาจนค่อนชีวิต  เขาแสวงหาโอกาสเขาพัฒนาตนเอง ผมพูดถึงคนที่เขาสุจริต สร้างเนื้อสร้างตัวจากไม่มีอะไรเหมือนกัน
 
ถ้าเรามีความพยายามวันนี้ถึงแม้จะไม่เหมือนอดีตการแข่งขันมากขึ้น โอกาสมันน้อยลง  แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีความพยายาม ไม่มีที่ว่าจะไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร เราต้องนึกถึงว่า เรามีโอกาสเสมอ  เหมือนคนอื่นเขาเหมือนกัน อย่าไปเสียเวลาโทษใคร โทษคนรวย โทษใครก็แล้วแต่ว่า ทำให้เราลำบากยากเย็น ยากเข็นถึงทุกวันนี้ พอโทษไปโทษมาเวลาหมดแล้วเดี๋ยวก็แก่ เดี๋ยวก็ตาย เพราะฉะนั้นเปล่าประโยชน์ ผมและรัฐบาลจะพยายามเต็มที่ ที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกคน ด้วยวิธีการอันเหมาะสมถูกต้องชอบธรรม โปร่งใสมีประสิทธิภาพและวันนี้เราต้องทำให้ทั้ง 3 ระดับสอดคล้องกัน 3 ระดับคือนโยบาย ขับเคลื่อนและผู้ปฎิบัติ เราต้องเข้าใจกันทั้งภาครัฐภาคเอกชน ประชาชน ทุกคนต้องสอดประสานกัน ใน 3 ระดับ
 
ถ้าเราทำได้อย่างนี้ ประชาชนร่วมมือ รัฐบาลดี การขับเคลื่อนดี ต่าง ๆ ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค์ในการพัฒนาประเทศ ประชาชนก็ต้องใจเย็น ทุกอย่างเป็นปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลาหลาย 10 ปีมาแล้ว เพราะฉะนั้นเรามาแก้ภายใน 3 เดือน  4 เดือน น่าจะไม่ได้แต่ต้องวางพื้นฐานของประเทศให้ได้ ใน 4 เดือนที่ผ่านมาผมก็วางพื้นฐานไประดับหนึ่งเร่งด่วนนะครับ ต่อไปรัฐบาลก็ต้องวางพื้นฐานต่อ และเพื่อจะต่อไปในอนาคตให้ได้ว่าทำและทำอย่างไรจะอยู่ได้อย่างสันติสุข และมีประเทศชาติที่เจริญทัดเทียมอาณาอารยประเทศต่อไป
 
เรื่องปฏิรูปแห่งชาติ เมื่อ 2 วันก่อนผมได้ไปเปิดการคัดสรรและการคัดเลือก เป็นที่น่ายินดีว่ามีผู้สมัครทั้งสิ้น สปช. ตอนแรกเห็นบอกคนน้อยวันนี้เข้าไป 7,000 กว่าคนและยังไม่ได้รวมในยอดของผู้สมัครทางไปรษณีย์อีก ผมว่ามากมายพอสมควร มีทั้งนิติบุคคลส่งมาและในเรื่องของคัดสรรมาของจังหวัดในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน วันนี้ก็มีผู้สมัครมากมายเป็นที่น่ายินดี ผมให้แนวทางในการคัดสรรแล้วว่า จะต้องมีคุณภาพ เราถึงจะได้คนมา 250 คน 200 กว่านี่คืออนาคตของทั้งประเทศด้วย
 
ส่วนหนึ่ง ที่จะเป็นตัวกำหนดว่า เราจะเดินหน้าไปอย่างไรแต่ไม่ใช่เฉพาะ สภาปฏิรูปเป็นคนชี้ทุกอย่างคงเป็นเรื่องของกฎหมาย เรื่องของสภานิติบัญญัติ เรื่องของรัฐบาล เรื่องของประชาชน ว่าแต่ละส่วนแต่ละฝ่ายจะทำกันอย่างไรให้ประเทศชาติเดินหน้าไปให้ได้ วันนี้ก็ต้องขอให้สถานการณ์สงบ อย่าเพิ่งมาตอบโต้ อย่าเพิ่งมาพูดจาให้เสียหายเดี๋ยวก็ทำได้ทำไม่ได้ ผมว่ายังไม่เริ่มทำเลย แต่ความตั้งใจของเรามีกรอบ มีแนวทางที่ชัดเจน เราจะทำเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นจะต้องมีข้อมูลใครที่ได้เป็นสมาชิก ต้องมีข้อมูลของตัวเอง อย่าคิดว่าจะพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก ตัวเองคิดอย่างเดียวไม่ได้ถ้าไม่มีเหตุผลประกอบมาด้วย ไม่อย่างนั้น ตกลงหารือกันไม่ได้หรอกในสภาปฏิรูปไม่ใช่แต่ละกลุ่ม 11 กลุ่มนั้นได้ข้อยุติมาแล้ว และคือจบ คือทำได้เลย ไม่ใช่ ทั้งหมดต้องนำข้อเสนอแต่ละกลุ่มเสนอมาเข้าสภาปฏิรูปพิจารณาร่วมกันทั้งหมดจำนวนสมาชิก ผ่านประธานขึ้นมาเป็นมติของสภาปฏิรูป อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่ได้มีโอกาสถูกคัดสรรเข้ามา ขอบคุณนะครับขอบคุณ แสดงว่าทุกคนรักชาติรักแผ่นดินจริง สมัครมามากมาย คนเหล่านี้จะไปหาทางเชื่อมต่อกันอย่างไร อาจจะเป็นคณะเล็ก คณะย่อยได้หรือไม่ แต่ละจังหวัดไปรวบรวมไว้ แล้วไปส่งข้อมูลเข้าทางศูนย์ดำรงธรรมหรือเข้า กอ.รมน. ทั้งหมดเราก็จะรวบรวมทุกพื้นที่ ทุกคน เข้ามาและส่งให้เลขาธิการรัฐสภาต้องนำส่งสภาปฏิรูปไปเป็นข้อบัญญัติเพิ่มเติม ท่านก็ติดตามด้วยนะครับ
 
ผมคิดว่า ในการพิจารณาหรือในการทำงานของแต่ละวันเขาคงแจ้งให้ทราบว่า เขาทำอะไรไปแล้วบ้าง กำลังหารือเรื่องอะไร ได้ข้อยุติชั้นต้นมาอย่างไร ท่านก็ชี้แจงเพิ่มเติมเข้ามาได้ว่าเรื่องนี้ น่าจะแบบนี้ไหม แต่อย่าทำให้เกิดความวุ่นวาย ผมก็ยังยืนยันอยู่ว่าคงไม่อยากให้มาประท้วง ไม่อยากให้มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน และไม่คำนึงถึงวันหน้าว่า เราจะได้อะไรนั่นสำคัญ ทุกคนต้องเป็นแบบนั้น
 
ผลการปราบปรามและหยุดยั้งการทำลายทรัพยากรป่าไม้ในห้วงเดือนที่ผ่านมา มีจำนวนมากหลายพื้นที่ เช่นที่เกาะช้าง จังหวัดตราด ป่าทับกวาง ป่ามวกเหล็ก สระบุรีและพื้นที่อื่น ๆ อีก คสช. ว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่ต้องคำนึงถึงรัฐศาสตร์ควบคู่กับนิติศาสตร์ด้วย
 
ผลการจับกุมยาเสพติด ในห้วงสิงหาคมที่ผ่านมานั้น จับกุมได้ 20,000 กว่า 22,886 กว่าคดี ผู้ต้องหา 20,000 กว่าราย ยาบ้า 2 ล้านกว่า 3 ล้านเม็ด เฮโรอิน 21 กว่ากิโลกรัม ยาไอซ์ 31 กิโลกรัม กัญชาประมาณ 1,000 กว่ากิโลกรัม และมีการยึดอายัดทรัพย์สิน ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 180 ราย มูลค่า 107 ล้านบาทและมีการจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามข้อร้องเรียน 26 ราย และมีการขยายผลติดตามผู้เกี่ยวข้อง  อันนี้เป็นอันตรายมาก  มาตรการตรวจค้นเรือนจำ ทำอย่างต่อเนื่องมีตรวจสอบได้ 600 เครื่อง ยาบ้า 1,000 เม็ด ยาไอซ์ 528 กรัม และในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็มีการลงโทษไป อันนี้ก็เป็นความก้าวหน้าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคมไทย
 
ด้านเศรษฐกิจ มีการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2558 จำเป็นต้องขับเคลื่อนในระยะนี้ด้วยงบประมาณของรัฐการกระจายเงินไปสู่พื้นที่ สู่ประชาชนด้วยโครงการของรัฐ งบประมาณรัฐต้องเริ่มก่อนก็จะเร่งให้ผูกพันงบประมาณให้ได้ สำหรับไตรมาสหนึ่ง คราวนี้ก็เป็นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการอยู่ก็คงเสร็จเรียบร้อยไปเมื่อวานนี้ คงนำเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็จะได้มีผลในการดำเนินการได้ทันทีในไตรมาสแรก
 
ได้มีการจัดการประชุมสัมมนาภายในประเทศ ที่จะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่วนการก่อสร้างเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้น การปรับปรุงซ่อมแซม จะให้ทำในไตรมาสแรก อย่าไปเชื่อนะครับว่าใครได้รับโควตา ผมพูดอีกครั้งหนึ่ง ทุกครั้งเลย มีข่าวมาตลอดว่ามีคนรู้จักกับหัวหน้า คสช. เป็นเพื่อน หรืออะไรก็แล้วแต่ กับรัฐมนตรีคนโน่นคนนี้ แล้วมีโควตามา มีโครงการนี้ โครงการนั้นให้สมัครเข้ามาแล้วไปทำ แจ้งมาเลยว่ามาจากใคร คนไหน ชื่ออะไร ผมจะสอบสวนดำเนินคดีให้ได้ แอบอ้างไม่ได้ เพราะผมบอกแล้วผมไม่เคยสั่งใคร ไม่เคยมอบโควตา ไม่มีโควตา ท่านต้องมาแข่งขัน มีการประมูล มีการเปิดประมูลทำสัญญา TOR ให้ถูกต้องชัดเจน เพราะฉะนั้นโครงการขนาดใหญ่ก็ต้องทำต่อเนื่องใน 1 ปี งบประมาณที่ออกไปแล้ว ปี 2558 ท่านต้องมีการใช้จ่ายของทุกกระทรวง ทบวง กรม รายไตรมาสให้มีผลสัมฤทธิ์ ผมเคยบอกแล้วว่า ทำก่อน ทำจริง มีผลสัมฤทธิ์และยั่งยืน ต้องเห็นได้ว่า 1 ปี ข้างหน้าใช้งบประมาณจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง และก็สอดคล้องกับอีก 5 ปี ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ต่อไป ๆ ก็ว่ากันมา รัฐบาลทุกรัฐบาลน่าจะต้องคิดแบบผมคิด ถึงจะมีการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักงบประมาณ ต้องเคร่งครัด ผมสั่งไปแล้วว่าการเปลี่ยนแผนงานโครงการจากเรื่องก่อสร้างไปเป็นเรื่องจัดซื้อ วัสดุภัณฑ์นี่ไม่ได้ ต้องเป็นหมวดเดียวกัน ถ้ามีเหตุผล แต่ถ้าไม่มีเหตุผลก็ไม่ให้เปลี่ยนอยู่แล้ว ฉะนั้นท่านต้องบริหารงบประมาณของท่านให้ได้ในแต่ละกระทรวง ทบวง กรม การใช้งบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดินต้องมีความคุ้มค่า เป็นประโยชน์กับประชาชน โดยทั้งหมด โดยส่วนรวม เพราะงบประมาณเรามีจำกัด อย่างที่ได้กล่าวในตอนต้นแล้วว่า ทำอย่างไรรายได้รัฐจะมากขึ้น โดยประชาชนไม่เดือดร้อน และมาแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง แล้วก็มีการกระจายงบประมาณลงมาสู่ประชาชนทุกภูมิภาคอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
 
ในเรื่องของการพิจารณางบประมาณ ผมเรียนไปแล้วว่าขณะนี้เสร็จไปแล้วทั้ง 19 กระทรวง และมีส่วนราชการที่ไม่สังกัดกระทรวงอีกจำนวนหนึ่ง ภาพรวมก็ปรับลดไปได้ 4,496 ล้านบาท และได้พิจารณาโดยคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ไปแล้วเมื่อวันที่ 3 - 4 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา ก็จะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 ก.ย. แล้วก็จะเสนอ สนช. ในวันที่ 11 ก.ย. และเข้าสู่วาระการประชุม สนช. ในวันที่ 17 ก.ย. 57
 
การส่งเสริมการค้าการลงทุน ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไปจัดตั้งศูนย์บริการการค้า การลงทุน การประกอบธุรกิจ แบบ One Stop Service ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ลดขั้นตอนทางธุรการที่ไม่จำเป็น ประหยัดเวลาให้กับผู้ประกอบการ ผู้ลงทุนที่ไม่ต้องเดินทางไปติดต่อหลายหน่วยงาน ทำให้เสียเวลา ลดขั้นตอนลง ลดเวลาลง รวมทั้งเป็นศูนย์ข้อมูลให้กับผู้ประกอบการรับทราบด้วยว่าวันนี้มีความเคลื่อนไหวเป็นอะไรอย่างไร ต้องพัฒนาตนเอง ทั้งผู้ลงทุน โดยเฉพาะผู้ลงทุนไทย ไม่เช่นนั้นเราก็สู้ต่างชาติ เขาก็จะมาลงทุนไม่ได้อีกอยู่ดีในอนาคต
 
ส่วนการส่งเสริมการลงทุนนั้นได้สั่งการให้ BOI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการอนุมัติการลงทุนอย่างเร่งด่วน มีการกลั่นกรองที่ดี มีอนุกรรมการอยู่ 2 คณะ ที่จะเตรียมการมาก่อน มาเข้าที่ประชุมใหญ่ เพื่อขออนุมัติอีกครั้งหนึ่ง เป็นครั้งสุดท้าย และจะเร่งรัดให้ดำเนินการให้ได้โดยเร็ว จากผู้ประกอบการใหม่ ๆ หรือการขอขยายกิจการของผู้ลงทุนภายในประเทศ เพื่อจะสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับคนไทย และได้กำชับให้ BOI พิจารณาส่งเสริมการลงทุนที่จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อมของไทยด้วย
 
ในเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติ คือแรงจูงใจ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.57 ที่ผ่านมา ได้พบกับผู้บริหารประธานเจ้าหน้าที่ นายชิเงะโนบุ นางะโมริ (Mr.ShigenobuNagamori) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท ไนเด็ค คอร์ปอเรชั่น (Nidec Corporation) เดินทางมาพบผมที่กองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ใหญ่มาก เป็นบริษัทที่ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในโลก ก็ได้มีการพูดคุยกัน ท่านยินดีที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโอกาสต่อไป ซึ่งวันนี้ก็ดำเนินกิจการอยู่แล้ว ท่านก็จะมีการลงทุนใหม่ ๆ ขึ้น ผมก็เลยไปคุยกับท่านว่า ทำอย่างไรแรงจูงใจของคนไทยอะไรต่าง ๆ มันต้องเริ่มด้วยการมีสถาบันวิจัยต่าง ๆ เช่น เรื่องรถยนต์ ท่านก็ได้แนะนำว่า ประเทศไทยอย่าไปแข่งขันในเรื่องของรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์เลย ไปใช้เรื่องมอเตอร์ดีกว่า เป็นเรื่องของรถไฟฟ้า เรื่องอะไรเหล่านี้ที่มีการพัฒนา เขาพร้อมจะช่วยเหลือเรา อันนี้ก็ฝากไว้ด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเชื่อมต่อประสานกันดูว่าจะทำได้อย่างไร ผมต้องการให้เรายืนยันของเราเอง เขามีความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของไทย และยืนยันว่าจะไม่ย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทย และจะเพิ่มให้มากขึ้น ในภาพรวมบรรดานักลงทุน ทั้ง ญี่ปุ่น ตะวันตก ตะวันออก ต่าง ๆ ที่เขาพบ ทั้ง ยุโรป อเมริกา หรืออะไรต่าง ๆ ก็มีความเข้าใจ มาพูดคุยกันในห้องเป็นชั่วโมง เขาก็พอใจในการทำงานของ คสช. ในเรื่องของการค้าการลงทุน การเมืองก็เรื่องของการเมืองไป แล้วก็มั่นใจว่าเราจะแก้ปัญหาประเทศไทยอย่างยั่งยืน มีเสถียรภาพ ทำให้เป็นผลดีต่อการค้าขายในอนาคต
 
เรื่องการส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs มีการประชุมหลายครั้งที่ผ่านมา และได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน จะส่งเสริมกันอย่างไร SMEs นี่คือธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม บางคนยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็น SMEs ท่านต้องไปศึกษาว่า ร้านค้าแบบนี้เป็น SMEs หรือเปล่า มีหลายประเภทด้วยกัน ประเภทที่เกี่ยวกับเรื่องเกษตรกรรม เกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยว การบริการ อุตสาหกรรม มีหมด ท่านก็ไปดูว่ากิจการของท่านอยู่ในกลุ่มไหน ก็ไปสมัครเข้าไป บางคนบอกไม่รู้ว่าตัวเองเป็น SMEs แต่ไม่สมัคร เพราะกลัวจะเสียภาษี อย่างนี้ไม่ได้ ก็ไปสมัคร ภาษีเขาคงไม่ได้เรียกมากมายอะไร เพื่อเขาจะได้ช่วยเหลือท่านได้ ถ้าท่านไม่สมัครเป็นสมาชิก แล้วท่านจะมาให้รัฐช่วยตรงไหนได้อย่างไร ไม่มีช่องทาง ไปสมัครให้ครบ วันนี้ก็ต้องการให้สมัครเพิ่มอีก วันนี้มีถึง 2 ล้านกว่าราย ยังไม่ได้จดทะเบียน ยังไม่ขึ้นบัญชีมากมายไปหมด ท่านไปขึ้นเถอะครับ จะได้มีการพัฒนาตนเอง ผมบอกแล้วว่า ถ้าทุกคนไม่เข้าสู่ระบบภาษี มันไปไหนไม่ได้ ประเทศไทยไปไม่ได้ เงินส่วนหนึ่งเก็บภาษีมาจากคนมีรายได้มาก รายได้ปานกลาง ต้องมาเลี้ยงคนจนขนาดใหญ่นี้มันไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นขนาดเล็กขนาดใหญ่ก็ได้มากเสียมาก ได้กลางเสียกลาง ได้น้อยเสียน้อย จะไม่ยกระดับนำเงินทั้งหมดเป็นก้อนใหญ่มาแล้วก็ดูแลทั้งหมดลงไป ตามสัดส่วนที่เหมาะสม ในเรื่องการพัฒนา ตั้งแต่ก่อตั้งมา ตั้งแต่ขยายกิจการอย่างไร ท่านจะเติบโตอย่างไร เราต้องการให้จากเล็กไปกลาง กลางไปใหญ่ ที่ผ่านมาไปไม่ได้ เล็กก็คือเล็ก กลางก็คือกลาง ใหญ่ก็คือใหญ่ อยู่แค่นี้ ถ้าท่านทำให้เป็นระบบของท่าน รวมกลุ่มกันให้ได้ แล้วเสนอช่องทางมารัฐก็จะเชื่อมต่อให้ท่าน หางบประมาณมาเป็นกองทุนให้ท่าน หรือให้สิทธิประโยชน์อะไรก็ได้ เรายังให้ที่อื่นได้เลย SMEs สำคัญ เพราะเป็นกลไกหลักของประเทศ ทั้งในเรื่องของการจ้างงาน เรื่องที่จะไปส่งเสริมธุรกิจขนาดใหญ่เป็นเครือข่าย เป้าหมายที่ต้องการจะเพิ่มสัดส่วน GDP ของ SMEs ให้ได้ 38% เพิ่มการจดทะเบียนนิติบุคคล SMEs ขึ้นอีก 5 หมื่นราย ผมว่ามากกว่านี้ ถ้าได้มากกว่า 5 หมื่น ผมดีใจมากเลย ประเทศชาติจะได้ไปได้ อย่ากลัวเรื่องภาษี ฉะนั้นเราต้องกำหนดแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายจะส่งเสริมปี 58 – 59 เป็นอะไรบ้าง เช่น กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง high growth 11 กลุ่มสาขาธุรกิจ เช่น ก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารและเครื่องดื่ม บริการด้านการศึกษา การเกษตร ขนส่ง โลจิสติกส์ ท่องเที่ยว บริการด้านสุขภาพ ประเทศไทยเป็นที่นิยมมาก ด้านสมุนไพรเครื่องสำอาง ด้านเทคโนโลยี ด้านพลังงาน และกลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย high impact ได้แก่ เครื่องจักรกล อุตสาหกรรมอาหาร ยาง ผลิตภัณฑ์ยาง บรรจุภัณฑ์ สิ่งทอ อัญมณี ค้าปลีก เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อวางรากฐานสำคัญให้กับเศรษฐกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมให้ไปสู่อนาคตต่อไป
 
การส่งเสริมการตลาดสำหรับข้าว ได้อนุมัติ ลงนามความตกลกระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ ได้ลงนามไปเรียบร้อยแล้วในการขยายด้วยการขายข้าวแบบ G2G กับรัฐบาลฟิลิปปินส์ สาระสำคัญก็คือว่า รัฐบาลไทยและรัฐบาลฟิลิปปินส์ตกลงที่จะซื้อขายข้าวในปริมาณไม่เกิน 1 ล้านตันต่อปี ระหว่างปี 2557 - 2559 เงื่อนไขขึ้นอยู่กับภาวะตลาดข้าวโลกและผลผลิตในทั้งสองประเทศ ซึ่งเชื่อมั่นว่ากรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า ฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวในปี 2557 ประมาณ 1.45 ล้านตัน และมีแผนที่จะเปิดประมูลข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐในช่วงเวลาอันใกล้นี้ อย่าไปทำให้ราคาตกก็แล้วกัน อย่าไปรอว่าเมื่อไหร่ราคาตกจะซื้อ เพราะถ้าไม่ช่วยกันวันนี้จะไปช่วยกันวันไหน อย่าเห็นแก่ประโยชน์มากนัก คนรวยก็เผื่อแผ่ แบ่งปันกันบ้าง
 
ด้านสังคม
 
ได้เร่งรัดการดูแลในเรื่องของคำเรียกร้อง ร้องเรียน ที่เขาร้องเรียน วันนี้รวมแล้วทั้งหมดประมาณ 40,000 กว่าเรื่อง นี่เฉพาะที่นี่ ยังมีที่ศูนย์ดำรงธรรม ที่อะไรอีกมากมายไปหมด ผมก็จะมอบไปให้ไปแก้กันให้ได้ และตอบปัญหาว่าที่เขาถามมาเป็นอย่างไร ให้เขาเข้าใจ เพื่อจะลดความกดดัน ความไม่เข้าใจกัน ประชาชนอย่างน้อยก็ต้องได้คำตอบว่า อย่างไร เมื่อไหร่ จะทำอย่างไร ประชาชนต้องเข้าใจบางอย่างไม่สามารถให้อย่างที่ต้องการไม่ได้ทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายบ้าง เป็นเรื่องของความเป็นธรรมบ้าง อะไรบ้าง ฉะนั้นต่างคนต่างต้องมองด้วยความไว้วางใจกัน รัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน ต้องไว้วางใจซึ่งกันและกัน
 
ด้วยความโปร่งใส วันนี้ คสช. ได้เร่งรัดเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเรานิ่งดูดาย ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมามีการตรวจสอบหลาย ๆ โครงการ โดยมี คตร. (คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ) ร่วมกับองค์การต่อต้านคอรัปชั่นประเทศไทย (ACT THAI) ได้พิจารณาว่าจะนำระบบการบริหารจัดการมาตรวจสอบความโปร่งใสของโครงการ ที่เรียกว่า COST โดยได้ไปพูดคุย ปรึกษากับทาง COST ที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้ ไปพบกับผู้แทนจากประเทศกลุ่มยุโรปได้มาพบกับประธาน คตร. เมื่อ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา ก็จะหารือในการจัดทำโครงการนำร่องที่จะเข้าไปตรวจสอบ โครงการขนาดใหญ่ 3 โครงการก่อน ที่มีการลงทุนสูง มูลค่าเป็นหมื่นล้าน ต้องเข้าไปตรวจสอบทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นการวางแผน ในเรื่องของการออกแบบ อะไรก็แล้วแต่ การก่อสร้าง นี่ก็จะดูทุกระบบ ฉะนั้นระมัดระวังด้วย เจ้าหน้าที่หรือใครก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องเหล่านี้อย่าให้ผิดพลาด
 
ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
 
กฎหมายไม่ทันสมัย หรือกฎหมายที่ยังไม่มี กฎหมายใหม่ ๆ กำลังพยายามดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการดำเนินชีวิตของประชาชน การประกอบธุรกิจ วิธีการต่าง ๆ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการของ คสช. ฝ่ายกฎหมายรวบรวมจัดทำเสนอ สนช. ไปแล้ว ที่ผ่านมามีจำนวนมากพอสมควร ที่ทำไปแล้ว นำเสนอไปแล้ว จำนวน 11 ฉบับ สัปดาห์นี้อีกประมาณ 5 ฉบับ สำคัญได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.การรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ ร่าง พ.ร.บ.รับขนคนโดยสารทางถนนระหว่างประเทศ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่าง พ.ร.บ.มาตราช่างตวงวัด บางอย่างติดค้างมา บางอย่างไม่มี ไม่ทันสมัย ไม่สอดคล้องกับสากล ก็เร่งดำเนินไปก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ชาติทั้งสิ้น กฎหมายอีกหลายฉบับต้องปรับปรุงแก้ไข เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องการป้องกันแก้ไขการทุจริตคอรัปชั่น การค้าการลงทุนระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเยี่ยงทาส อันนี้ต้องแสดงให้ต่างชาติเห็น ไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะถูกปรับลดความน่าเชื่อถือลงไปเรื่อย ๆ
 
การชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศ
 
กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ก็พยายามทำทุกอย่าง เอกอัครราชทูต ทุกประเทศ รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ก็ทำทุกอย่าง เพื่อจะสร้างความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ ข้อปัญหาเรื่องการค้าการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเร็ว ๆ ได้พบกับท่านเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ได้พบหารือกับอธิบดีกรมอเมริกาและเอเชีย-ฟินแลนด์ เพื่อชี้แจงพัฒนาการด้านการเมืองของไทย และขอให้ฟินแลนด์พิจารณายกเลิก ข้อแนะนำด้านการท่องเที่ยว (Travel Advisory) ประเทศไทยนี้เป็นอย่างไร สงบเรียบร้อยอย่างไร ก็เชิญมาท่องเที่ยว เพื่อเดินทางมาประเทศไทยด้วย ฝ่ายฟินแลนด์แสดงความเข้าใจสถานการณ์ของไทย และพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม การให้คำแนะนำทางการเมือง (Political Consultation) ระหว่างไทยและฟินแลนด์ ครั้งที่ 2 ที่ฟินแลนด์ ในช่วงต้นปี 58 จะเห็นว่าความร่วมมือก็มีมาตามลำดับ ที่เยอรมัน เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ก็ได้พบปะเลี้ยงอาหารกลางวันกับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการธุรกิจเยอรมนี ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก สอบถามมุมมองของเขา ของภาคธุรกิจต่อสถานการณ์การเมืองไทย เขาก็เข้าใจ เขาก็มีความพอใจมีความก้าวหน้า อธิบดีกรมยุโรป ได้เป็นผู้แทนของไทยหารือกับเอกอัครราชทูต หัวหน้าคณะผู้แทน EU ประจำประเทศไทย และผู้อำนวยการเอเซียตะวนออกและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ กระทรวงการต่างประเทศ หรือ EU โดยฝ่าย EU ให้ความเห็นว่าได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองไทยอย่างใกล้ชิด และตระหนักถึงความซับซ้อนของสถานการณ์ก็เป็นกำลังใจให้เราแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามก็ยังมีความเป็นห่วง เป็นเรื่องของสากลโลกอยู่แล้ว ต้องเข้าใจกัน เราเป็นเรา แต่เราก็ต้องฟังเขา ให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าไปโกรธแค้น เป็นธรรมดา ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้เป็นเจ้าภาพพูดคุย เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นาย สก๊อท มาร์ซิล รองผู้ช่วยเลขานุการของรัฐ ด้านกิจการเอเชียตะวันออก และแปซิฟิก โดยมีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย มีรองปลัดกระทรวง อธิบดีกรมอเมริกาฯ เข้าร่วมด้วย สหรัฐฯ ได้ติดตามการดำเนินการตาม Road Map ของเรามาทุกประการ และเข้าใจการพัฒนาการเมืองของไทย แม้จะมีความห่วงกังวลอยู่บ้าง ทั้งนี้ยังยอมรับว่า การเข้ารับหน้าที่ของรัฐบาล วันนี้รัฐบาลเฉพาะกาล ผมไม่ใช้คำว่ารัฐบาลชั่วคราว รัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อแก้ปัญหา เพื่อปฏิรูป ก็จะเป็นโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายสามารถดำเนินความร่วมมือกันได้มากขึ้น คือไทยกับสหรัฐฯ แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ประสงค์จะร่วมมือกับไทยในประเด็นต่าง ๆ ต่อไป
 
อื่น ๆ กรณีออกอากาศของระบบทีวีดิจิตอล ตรงนี้ผมว่าไปหารือกัน ให้ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) กสท. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์) ไปดำเนินการในเรื่องของ คสช. ก็จะดูแลให้ในภาพรวม ผมถือว่าเป็นการแก้ปัญหาของท่าน ต้องรอบคอบ และเป็นไปตามกฎหมาย แล้วคำนึงถึงประชาชนด้วยว่าจะทำอย่างไร เขาจะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด การแจกคูปองเร่งรัดให้ทำให้เร็วกว่าเดิม อนุมัติไปแล้วก็ต้องรีบดำเนินการให้ถึงประชาชนให้ได้โดยเร็ว จะได้ลดปัญหาอื่น ๆ ไป
 
นอกจากนั้นก็คงมีเรื่องสำคัญที่ต้องการกราบเรียนพวกเรา ก็คือเรื่องกฎอัยการศึก อย่ากังวลเลย ผมพยายามทุกอย่างที่จะทำให้ทุกสถานการณ์คลี่คลายได้โดยเร็ว ท่านก็ทราบดีว่ายังมีอะไรเกิดขึ้นในปัจจุบัน อาจจะมองไม่เห็น แต่พวกเรามองเห็น เพราะเรามีคณะทำงาน มีคนติดตามสถานการณ์ ประเมินสถานการณ์มาโดยตลอด ผมไม่ได้ต้องการจะประกาศไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีการลดไปตามลำดับในระยะเวลาข้างหน้า เมื่อไหร่ผมจะบอกให้เอง แต่เราต้องมีมาตรการที่จะทำให้เกิดความมีเสถียรภาพ ก็รอฟัง อย่าพึ่งไปพูดกันล่วงหน้าเดี๋ยวขยับขยายไปเรื่องโต้แย้งกันอีก เรื่องหนังสือ เรื่องอะไรต่าง ๆ เป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองค่อยว่ากัน ผมไม่ไปทะเลาะด้วย ท่านจะเขียนจะออกอะไร ก็ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ก็ขอร้องกัน ผมคิดว่าฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายกระบวนการยุติธรรมเขาคงไม่ได้ไปอ่านหนังสือมา เขาใช้กฎหมายใช้หลักฐาน เขาคงไม่นำอันใดอันหนึ่งมาจับแล้วไปชี้ถูกชี้ผิด ได้ไม่ได้ เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ผมพูดไปแล้ว ทุกกระทรวง วันนี้ทุกกระทรวงรัฐมนตรียังไม่เข้าไปทำงาน จะเข้าไปทำงานวันที่ 9 หลังจากการประชุมวันที่ 9 ครม. นัดแรก การประชุม ครม. นัดแรกหลัก ๆ ก็คงเป็นเรื่องของการถกแถลงเรื่องนโยบายของรัฐบาล ที่จะมาแถลงต่อ คสช. ให้การยอมรับกันใน ครม. ก่อน และก็นำไปสู่ สนช. ในวันเวลาอันใกล้นี้ เพื่อจะทำงานให้เต็มรูปแบบ เพราะฉะนั้นวันที่ 9 เป็นวันเริ่มต้นการทำงานของทุกกระทรวง ก็ต้องการให้ครบ เพราะว่าการทำงานจะเห็นได้ว่า เราพยายามเดินตามกฎหมาย ตามกติกา ตามรัฐธรรมนูญ เราจะไม่ทำงานก่อนถวายสัตย์ฯ วันนี้ถวายสัตย์ฯ แล้วก็ต้องไม่ทำงานก่อนการแถลงนโยบายของรัฐบาล ฉะนั้นเราแถลงวันที่ 9 หลังจากนั้นก็จะเข้าไปทำงานตามกระทรวง วันนี้อย่าให้ใครไปเรียกร้องอะไรก่อนล่วงหน้า อย่างโน้น อย่างนี้ คนนั้นชอบนี่ คนนั้นชอบนั่น เราต้องติดดินให้มากที่สุด เราต้องติดดินเราเป็นข้าราชการ เราเป็นรัฐบาลต้องติดดิน ดูแลประชาชน
 
เรื่องน้ำท่วม ผมก็เป็นห่วง ผมจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงว่า สถานการณ์น้ำวันนี้เป็นอย่างไร เรามีการช่วยเหลือ เรามีการดูแลอย่างไร แล้วจะผูกพันไปถึงการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมเรื่องน้ำท่วมฝนแล้งอย่างไร ในวันข้างหน้าด้วย ในส่วนของกรมชลประทาน ในส่วนของ คสช. ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ก็จะสรุปกว้าง ๆ อย่าตื่นตระหนก บางพื้นที่ เป็นพื้นที่ที่ยังไงก็ต้องท่วม เพราะเป็นพื้นที่ที่ต่ำ เดิมไม่มีคนอยู่ วันนี้ประชาชนมากขึ้น ก็ไปอยู่ในพื้นที่ที่น้ำเคยท่วม ฉะนั้นยังไงก็ต้องท่วม สมัยก่อนเห็นไหม พื้นที่ไหนน้ำท่วม เขาจะสร้างบ้านใต้ถุนสูง วันนี้พอมีลูกมีหลานมากขึ้นก็ต่อเติมใต้ถุนกันอยู่ได้ ก็ท่วมอยู่ดีข้างล่าง ไม่อย่างนั้นสมัยก่อนเขาจะมีเรือไว้ทำไมทุกบ้าน ต้องไปแก้ระบบไหน ต้องไปแก้ระบบตั้งแต่น้ำเหนือ จะแก้อย่างไร จะระบายอย่างไร จะเบนออกมาข้างนอกอย่างไร จะเข้า เหมือนที่ท่านทรงรับสั่งไว้ คือเรื่องกระเพาะหมู เรื่องอ่างพวง เรื่องที่เราจะต้องกระจายน้ำออกไปข้างนอก ไม่ให้ลงไป บ่าลงไปอยู่ในแม่น้ำสายหลักมาก ๆ คูคลองก็ล้นหมด ก็ท่วมหมด คนไทยอย่าลืมว่าแต่ก่อนมีคลองเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นประเทศไทยคนไทย สมัยก่อนเขาตั้งหมู่บ้านริมคลอง และตั้งบ้านไว้สูง ๆ วันนี้ไม่มีใต้ถุนสูง ๆ เพราะว่าที่มีจำกัด ก็เลยต่อใต้ถุนเตี้ย น้ำก็ท่วมทุกปี จะทำอย่างไร แต่ถ้าไม่น้ำท่วมก็ไม่มีน้ำอีก ต้องไปชั่งน้ำหนักกันจะทำอย่างไร ต้องมีการปรับระบบ จัดที่อยู่อะไรต่าง ๆ ให้ดี ไม่มีผลกระทบมากก็แล้วกัน เรื่องอื่น ๆ ผมยืนยันว่า จากที่พูดคุยกับคณะรัฐมนตรีที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ มาแล้ว ทุกคนมีความตั้งใจ ทุกคนมีความร่วมมือ เข้าใจถึงสถานการณ์วันนี้ว่า เราต้องทำอะไรด้วยความรวดเร็ว ด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และก็รับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วน ก็อย่ากังวลเรื่องเหล่านี้
 
เรื่องนักกีฬาเอเชียนเกมส์ ซึ่งจะต้องเดินทางไปแข่งขันที่เกาหลีใต้ในเร็ววันนี้ ก็ขอแสดงความห่วงใย คือให้มีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังกาย กำลังใจที่เข้มแข็ง และเป็นกำลังใจให้ก็คืออวยพรให้ได้เหรียญทองมาเยอะ ๆ จะได้ดูแลกันได้ หลาย ๆ คนก็มีความหวังว่าสามารถที่จะได้รับรางวัล เพื่อจะเป็นอนาคตของเขาต่อไปในวันข้างหน้า ทุกคนต้องช่วยกัน แข่งขันกันขึ้นมา ผมอยากจะให้ได้มากกว่า วันนั้นบอกประกาศความหวัง 13 เหรียญทอง ตั้งน้อยไปหน่อยไหม ตั้งไว้สัก 20 ก็ได้แล้ว ฉะนั้นก็ลองดูแล้วกัน อยากให้คิดให้เกินไป ถ้าคิดเกินไป ถ้าคิดน้อยก็ได้น้อย จะได้น้อยกว่าที่คิด ถ้าคิดมากแล้วได้น้อยไปหน่อยก็ไม่เสียใจ ต้องคิดแบบนั้น คิดไกลไปกว่านั้นหน่อย มีอะไรอีกไหม ก็ถามมาอีกแล้วกัน คงเจอกันอีกนาน นานพอสมควร อย่าพึ่งเบื่อกันก่อนแล้วกัน รักพวกเรา รักพวกผมก็ รักน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ ขอบคุณ สวัสดี